bloggang.com mainmenu search





ส่องต้นแบบ 7-11 โมเดลสะดวกซื้อ
แห่งอนาคตล้ำๆคอนเซฟต์
"อวกาศ"


จขบ.ชอบกาแฟเย็นร้าน 7-11 มาก ทุกวันตอนเช้าจะซื้อกาแฟเย็นที่เครื่อง
กด ใส่น้ำแข็ง ชอบมาก หวานไปนิด ถ้ามีโอกาสก็จะแวะซื้อกาแฟเย็น
เคยลองชาเย็น ไม่ชอบเลย ส่วนกาแฟที่เขาทำแบบกาแฟปั่น ไม่เคยสั่งเลย



ชอบกาแฟเซเว่นซีเล็ก (ซื้อแก้วเล็ก)

เวลากลับมาเมืองไทย ทุกเช้า บางที่ก็ไม่ทานอาหารเช้า เดินไปตลาด
ซื้อขนมต่างๆ และผลไม้ ผ่านร้าน 7-11 จะซื้อกาแฟแก้วเล็กหนี่งแก้ว
แล้วก็เดินกลับบ้าน (คิดว่าออกกำลังกาย ที่ดื่มกาแฟละกัน) แต่ต้อง
ไปเดินเช้าๆ สายหน่อย แดดออก ร้อนมากก

แต่พอเข้าร้าน 7-11 ทีไร ก็ต้องได้จ่ายของอื่นๆทุกที ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อ
พอเข้าไป ก็มีของให้ได้ซื้อ ร้านนี้คนถึงเข้าออกตลอด มีบริการหลายอย่าง
ที่สำคัญ เติมบัตรโทรศัพท์ สะดวกดีเหมือนกัน

สำหรับกาแฟของ 7-11 ไปอ่านดูที่พันทิป
"กาแฟตู้กด 7-11 (หรืออาจจะเกือบทุกแห่งในร้านสะดวกซื้อ) จะเป็นการชงจากกาแฟผงละลายสำเร็จ ที่ทำมาจากเมล็ดพันธุ์ 'โรบัสต้า' ซึ่งให้คาเฟอีนสูงกว่า 'อราบิกา' ที่ร้านกาแฟสดทั่วไปนิยมใช้หลายเท่า (5-10 เท่านี่แหละครับจำไม่ค่อยได้)."
ข้อมูลจาก
https://pantip.com/topic/31402190




ร้าน 7-11 ที่ตลาดไม่ไกลจากบ้าน
ปีนี้พี่ๆบอกว่าตอนนี้มีร้าน 7-11 มาเปิดใกล้ๆบ้านด้วย
สงสัยจะติดกาแฟมากขี้น ต้องพยายามเลิกหน่อยย




ที่นิวยอร์ก ก็ชอบ Mocha Frappe ของ Mc Donald  
ชอบมาก แต่ก็พยายามซื้อแค่แก้วเล็ก 



สมัยเด็กๆ ที่บ้านจะมีเรือพายขายกาแฟ กาแฟอร่อยจริง 
เดี๋ยวนี้เริ่มกลับมาขายที่ตลาด คุณป้าคนนี้ขายที่ตลาดน้ำดำเนิน
หรืออัมพวา​(ภาพจากอินเตอร์เนต)



จขบ.ชอบกาแฟเย็น แต่ก็รุ้ว่าไม่ดี เลยต้องระวัง ซื้อแค่แก้วเล็ก
ส่วนมากตอนเช้าที่บ้านจะดื่มโกโก้ตราพยาบาล เดี๋ยวนีเรียก
Ducht Cocao(มีขายที่ โลตัส)
ไม่ใส่น้ำตาล เพราะต้องเก็บน้ำตาลในกาแฟของโปรด 
นี่ก็นับว่าโชคดีที่ไม่ชอบกาแฟ Starbuck , Amazon 
ดื่มแล้วใจสั่น แต่คนก็บอกว่ากาแฟ 7-11 ก็แรงเหมือนกัน
แต่จขบ.ดื่มแล้วไม่เป็นอะไร พยายามลดๆอยู่พราะกาแฟ
ที่ชอบน้ำตาลเยอะด้วย

**********


ส่องต้นแบบ 7-11
โมเดลสะดวกซื้อแห่งอนาคตล้ำๆ
คอนเซฟต์ "อวกาศ"




เซเว่น อีเลฟเว่น เปิดตัวสาขาแฟลกชิพสโตร์ อีกหนึ่งใน 7-11 Pilot พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ภายในร้านแบบจัดเต็ม เพื่อให้ตอบโจทย์ Customer Lifestyle ยุค 4.0 ได้อย่างลงตัวที่สุด โดยเรียกคอนเซ็ปที่ใช้ในการออกแบบและตกแต่งสาขานี้ว่า “อวกาศ” สะท้อนถึงความล้ำหน้า แปลกตา และแตกต่างจากร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาอื่นๆ ที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ พ่วงท้ายด้วยบทบาทสำคัญในฐานะของการเป็น “Gateway” หรือต้นแบบของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ยุคใหม่ภายในอนาคตอีกด้วย

สำหรับสาขาที่จะเป็นต้นแบบของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในอนาคตแห่งนี้ ได้แก่ สาขา สาธิต PIM ตามโลเคชั่นที่อยู่ในบริเวณโรงเรียนสาธิตปัญญาภิวัฒน์ ใช้เลขรหัสสาขา 10001 สะท้อนถึงความโดดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยี ตามระบบเลขฐานสองในทางดิจิทัล เป็นสาขาที่ปรับปรุงมาจากสาขาเดิม พร้อมปรับพื้นที่ใช้งานจาก 250 ตารางเมตร ให้เพิ่มเป็น 270 ตารางเมตร พร้อมถือฤกษ์เปิดให้บริการในวันแรกไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 7 พ.ย. 2560 และเปิดร้านอย่างเป็นทางการในวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา

โจทย์สำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ ที่มีอยู่ภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นสาขานี้ ประกอบด้วย การให้ความสำคัญกับเรื่องประสบการณ์และไลฟสไตล์ของผู้บริโภค การประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความสามารถในการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนและสังคมที่อยู่โดยรอบร้าน

และนี่คือความล้ำสมัยและแตกต่างที่เราจะได้พบเจอ เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านต้นแบบแห่งนี้

– บริเวณด้านหน้าร้านมีที่จอดจักรยานอัจฉริยะ OFO เพื่อลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยสามารถสแกน QR Code เพื่อปลดล็อกจักรยาน และใช้วิธีคิดค่าบริการตามระยะทาง รวมทั้ง EV Parking สำหรับชาร์จไฟรถยนต์ที่ใช้ระบบไฟฟ้า เพื่อลดการใช้พลังงานและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม


– ด้านหน้าร้านมีจอภาพ LED แบบโปร่งแสง เพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ รวมทั้งโปรโมชันของทางร้าน รวมทั้งป้ายโลโก้ชื่อร้านที่เป็นจอดิจิทัลเช่นกัน ทำให้นอกจากโลโก้ร้านเซเว่นฯ แล้ว อีกด้านหนึ่งยังสามารถแสดงโลโก้แบรนด์อื่นๆ ได้ด้วย

– การตกแต่งแบบประหยัดพลังงานที่ออกแบบร้านด้วยกระจก เพื่อให้มีแสงสว่างเพียงพอ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง รวมทั้งการเพิ่มจำนวนที่นั่งบริเวณรอบร้านให้มากขึ้นเพื่อรับประทานอาหาร หรือดื่มกาแฟ พร้อมบริการปลั๊กไฟและช่องเสียบ USB เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลได้สมบูรณ์มากขึ้น


– เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทรงเพชร (Diamond Counter) ที่ออกแบบให้สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้าน เพราะความเชื่อว่า เพชรหรือคริสตัลต่างมีจุดกำเนิดมาจากอวกาศเช่นกัน รวมทั้งเดินเส้นด้วยหลอดไฟ LED เพื่อความสว่างสดใส

– เมนูแสดงรายการอาหารพร้อมภาพ Digital Menu Board พร้อมบริการอาหารแบบพร้อมปรุงที่เมื่อสั่งแล้วจะได้รับอาหารปรุงใหม่ๆ เพื่อรับประทานได้ทันที อาทิ ข้าวไข่คน โจ๊ก และกาแฟจาก All Cafe

– บรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งโดยรอบด้วย Digital Wall ที่ช่วยเสริมบรรยากาศภายในร้าน ด้วยคอนเซ็ปต์หรือธีมต่างๆ รวมทั้งเป็นประโยชน์ในการแจ้งโปรโมชั่นต่างๆ ที่น่าสนใจให้กับลูกค้าภายในร้าน

– ภายในร้านมีจุดชำระค่าสินค้าแบบ Self Check Out เพื่อความสะดวกและไม่ต้องเสียเวลาเข้าแถวต่อคิวจ่ายค่าสินค้า ช่วยเพิ่ม Shopping Experience ที่แตกต่างให้กับลูกค้า รวมทั้งมีมุม Smart Wave เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการอุ่นอาหารสามารถทำได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรอพนักงาน

– ตู้แช่อาหารอาหารสดที่แปลกตา ด้วย Open Showcase ทำด้วยกระจกแบบพิเศษ ช่วยให้ไม่เกิดฝ้า ทำให้มองสินค้าภายในได้ชัดเจน และช่วยรักษาอุณหภูมิสินค้าให้คงที่และสดใหม่สมอ รวมทั้งยังประหยัดพลังงานได้มากถึง 30%

– ในฐานะสาขาต้นแบบเรื่องของการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในร้านจึงมี Digital Energy Saving Monitor แสดงผลและวิเคราะห์การใช้พลังงานภายในร้านแบบ Real Time ทั้งจากระบบปรับอากาศ ระบบทำความเย็น และระบบแสงสว่าง

– LED Shelf ชั้นวางสินค้าที่มีไฟแอลอีดีช่วยเพิ่มความสว่างให้กับสินค้าได้อย่างทั่วถึงทุกชั้น จากเดิมที่อาศัยเพียงแสงไฟจากเพดาน ทำให้แสงอาจลงไม่ถึงสินค้าที่อยู่ชั้นล่างๆ

– สำหรับสายช้อปออนไลน์ ในร้านมีตู้ 24 Shopping Kiosk ที่รวบรวมสินค้าในเซเว่นแคตตาล็อกไว้หลากหลาย Category โดยสามารถช้อปที่ตู้ แล้วนำ QR Code ที่ได้ไปชำระเงินที่แคชเชียร์ เพื่อรอรับสินค้าที่สต๊อกไว้หลังร้านได้ทันที

– เพื่อประโยชน์สำหรับชุมชนโดยรอบ ร้านเซเว่นฯ ใหม่นี้ยังมี Digital Touchscreen เพื่อเป็นบอร์ดกลางในการแจ้งข่าวสารภายในชุมชน หรือประกาศขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนที่อยู่ภายในชุมชนนั้นๆ

– ไม่เว้นแม้แต่เครื่องกดสเลอปี้ สินค้าซิกเนเจอร์ของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ร้านนี้ยังแตกต่างจากร้านอื่น เพราะมีรสชาติให้เลือกกดได้ถึง 5 รสชาติ นอกจากจะเลือกรสที่ชื่นชอบได้แล้ว ยังสามารถผสมให้ได้รสชาติใหม่ตามที่ต้องการได้ นับเป็นเครื่องกดแบบผสมรสชาติเองได้เครื่องแรกที่มีในประเทศไทย ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่มีเครื่องกดสเลอปี้ในลักษณะเช่นนี้ ต่อจากประเทศออสเตรเลีย

– และสุดท้ายที่ต้องถือเป็นไฮไลท์สำคัญของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาต้นแบบเแห่งนี้ลยทีเดียว สำหรับ Sevy Bot หรือน้องแมงมุม ที่คอยทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับและดูแลทักทายลูกค้าภายในร้าน เพราะสามารถโต้ตอบและสื่อสารกับลูกค้าได้ พร้อมมีจอมอนิเตอร์บนตัวที่สามารถแสดงโปรโมชั่นท่ีร้านมีให้ลูกค้าทราบได้ด้วย


ความพิเศษของ Sevy Bot คือ การพัฒนาระบบในการจ่ายไฟผ่านรางที่มีอยู่รอบร้าน เพื่อให้ Sevy Bot สามารถเข้าไปทักทายลูกค้าได้ทั่วท้ังร้าน และยังสามารถใช้งานได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องหยุดทำงานเพื่อชาร์จพลังงาน โดยทางซีพีออลล์ได้มีการจดสิทธิบัตรรูปแบบในการจ่ายไฟในลักษณะนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว

BrandBuffet ยังได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณวิเชียร จึงวิโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงาน Corporate Asset and Facilities Management จากซีพีออล์ ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาร้านเซเว่นฯ สาขาต้นแบบแห่งนี้ พบว่า ต้องใช้งบในการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่การพัฒนาสิ่งต่างๆ จะคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้าและการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งยังเป็นแนวทางในการปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ในยุค 4.0 โดยไม่ถูก Technology Disruption ขณะการก่อสร้างใช้เวลามากกว่าสาขาปกติ ในขนาดที่เท่ากันเกือบ 2 เท่า


ส่วนการจะขยายโมเดลต้นแบบไปสู่สาขาใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคตนั้น อาจจะต้องรอประเมินผลตอบรับจากสาขานี้ไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน โดยคาดว่าภายในปีหน้าอาจจะมีการขยายสาขาใหม่ที่ต่อยอดมาจากโมเดลต้นแบบนี้ได้อีกประมาณ 2 แห่ง


ข้อมูลจาก
https://www.brandbuffet.in.th/2017/12/seveneleven-smart-convenience-store-technology-4-0/

ขอขอบคุณ ข้อมูลจากอินเตอร์เนต



สาขา Klaibann Blog





newyorknurse



Create Date :30 มิถุนายน 2561 Last Update :30 มิถุนายน 2561 23:17:37 น. Counter : 2855 Pageviews. Comments :16