bloggang.com mainmenu search





Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย
"ทนง ขันทอง 
วิเคราะห์ 10 ปัจจัยที่ทำให้ 
"โดนัลด์ ทรัมป์" 
ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแบบถล่มทลายเหนือควาดคาดหมายของเกือบทุกคน"



ทนง ขันทอง บก.The Nation วิเคราะห์ ทรัมป์ ชนะเพราะ social media ความยาว  2.33 นาที - ชีพธรรม คำวิเศษณ์ 






Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย

1. ทรัมป์เป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลง ฮิลลารี่เป็นตัวแทนของความต่อเนื่องของเดิม คนอเมริกันโหวตเพื่อความเปลี่ยนแปลง

2. คนอเมริกันเบื่อหน่ายต่อปัญหาเศรษฐกิจ ทรัมป์คือความหวัง ฮิลลารี่จะสานต่อนโยบายความล้มเหลวของโอบามา

3. ทรัมป์เน้นการทำให้อเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน +การสร้างงาน ทำให้เศรษฐกิจโต แผนเศรษฐกิจของฮิลลารี่ไม่ชัดเจน ที่ผ่านมาคนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจนลง

4. คนอเมริกันไม่ชอบปัญหาการโกหก การไม่มีความน่าเชื่อถือ การคอรัปชั่น การทำตัวเหนือกฎหมายของฮิลลารี่ ปัญหาบุคคลิกภาพ วาจาสามหาวของทรัมป์เป็นประเด็นรอง

5. คนอเมริกันต้องการทรัมป์ให้แก้ปัญหาในสไตล์นักธุรกิจที่เห็นผล America First หรือผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อน"




Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย


6. คนอเมริกันเทคะแนนให้พรรครีพับรีกันชนะการเลือกตั้งประธานา
ธิบดี ชนะเสียงข้างมากในสภาวุฒิ ชนะเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ และชนะการเลือกตั้งในระดับผู้ว่าการรัฐเหนือเดโมแครตอย่างขาดลอย เพื่อให้ตัดตอนปัญหาการติดขัดในระบบการเมือง 2 พรรค (political gridlock)
รีพับรีกันผงาดในการเมืองอเมริกา ส่วนเดโมแครตพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในทุกสมรภูมิ เพราะความล้มเหลวของโอบามา

7. คนอเมริกันหมั่นไส้สื่อกระแสหลัก หรือโพลของสื่อกระแสหลักที่เชียร์ฮิลลารี่อย่างออกหน้าออกตา จึงออกมาแสดงพลังเพื่อสั่งสอนสื่อกระแสหลักที่ทำหน้าที่อย่างไม่โปร่งใส

8. ทรัมป์มีท่าทีหรือนโยบายที่ชัดเจนกว่าฮิลลารี่ใน4ประเด็นหลักที่คนอเมริกันให้น้ำหนักมากที่สุดคือเศรษฐกิจ ภัยการก่อการร้าย นโยบายต่างประเทศ และปัญคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

9. คนอเมริกันโหวตให้ทรัมป์เท่ากับคนอังกฤษโหวต Brexit คือไม่เอากระแสโลกาภิวัฒน์ที่เอื้อประโยชน์คนรวย หรือบริษัทใหญ่ แต่ไม่เห็นหัวประชาชนคนเดินดิน

10. ทรัมป์จับกระแสการเมืองโลกที่ต่อต้านพวก Establishment หรือพวกมีอำนาจเดิมได้ถูกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็น Brexit การเลือกตั้งในเยอรมันนีที่ไม่เอาพรรคของนางAngela Merkel และแนวโน้มนายFrancoise Hollandeประธานาธิบดีฝรั่งเศสอาจจะแพ้การเลือกตั้งในปีหน้า ฮิลลารี่ยืนยันจะใช้สูตรเก่าในการแก้ปัญหาประเทศจึงถูกต่อต้าน"


อ่านต่อที่: //www.nationtv.tv/main/content/foreign/378523026/


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

//www.nationtv.tv/main/content/foreign/378523026/

บทความนี้เขียนก่อนวันเลือก ตั้ง ดีมาก 
ทำให้เห็นว่าทำไม Trump ชนะในที่สุด

ได้มา 1 บทความ...

ผมเขียนเรื่องนี้เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วมีคนถามผมเรื่อง Donald Truimp กับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในอเมริกา คงต้องคุยกันยาวสำหรับรายละเอียด ผมค่อยๆเขียน เล่าเป็นตอนๆไปเพื่อเป็นความรู้ที่แหล่งมาจาก USA ใครเบื่ออ่านก็ skip ข้ามไป ....... ข่าวเกี่ยวกับ Donald Truimp ในประเทศไทยเป็นข่าวที่ไม่ใช่ Fact แต่เป็น opinion ของนักข่าวไทยที่ชอบขยายความ ทำให้คนคิดว่า Truimp เป็นรังเกียจสีผิวบ้าง dictator บ้าง สิ่งเหล่านี้เป็นเพียง คำพูดบางส่วนที่ Truimp ยังพูดไม่หมดแล้วเอาคำพูดในส่วนนั้นมาสรุปทั้งหมดจากความเห็นของนักข่าว ซึ่งส่วนใหญ่ มาจาก CNN ซึ่งเชียร์ Clinton ในขณะที่ ค่ายข่าว Fox News เชียร์ Truimp ครึ่งหนึง อีกครึ่งมันเกลียด เพราะ Truimp กำลัง ผ่าตัดให้มีการเปลี่ยนแปลงภายใน พรรค Republican ซึ่งคนอเมริกันเริ่มเห็นความตอแหลของนักการเมืองที่ดีแต่พูด พวกหัวเก่าอย่างตระกูล Bush จึงเกลียด Truimp มากFact ที่เกี่ยวกับ Truimp

Truimp 1: Truimp เป็นนักธุรกิจที่เคยล้มละลายมาแล้ว รู้สึกว่าจะ 3 ครั้งในอดีต ขณะนี้เป็นเศรษฐีอเมริกันรวยเป็นอันดับที่ 151 ใน USA ผมเคยรู้จัก Truimp มากว่า 30 ปีในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ และนักต่อรองเจรจาระดับชาติที่มีชื่อเสียง ข้อเสียคือ Truimp เป็นนักธุรกิจมืออาชีพ ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพแบบ Clinton จึงไม่มีมารยาททางการเมืองเวลาพูดหรืการแสดงออก ฉะนั้น Truimp จะพูดตรงๆ ไม่เกรงใจใคร และไม่แคร์ใคร Truimp เห็นว่า ปัจจุบันวิธีหาผลประโยชน์ของรัฐบาลอเมริกันใน Middle East ไม่ถูกต้อง ได้ไปสร้างปัญหาให้คนต่างชาติเกลียดอเมริกันมากยิ่งขึ้น ที่ไม่เข้าใจพื้นฐาน Truimp จะไป make a win win deal กับแต่ละประเทศ ในแบบ Fair Trade ไม่จำเป็นต้อง Free Trade เพราะรัฐบาลในแต่ละประเทศมีนโยบายเอาเปรียบชาวบ้านที่แตกต่างกัน ในขณะที่ Clinton ก็จะมีนโยบายอย่างเดิมที่เห็นอยู่ เอื่อผลประโยชน์ให้พวกพ้องที่คอยสนับสนุนตัวเอง แล้วแบ่ง cake ให้ทีหลัง คอยแทรกแซงภายในแล้ว manipulate นักการเมืองภายใน แล้วใช้ความอลังการของความเป็นอเมริกันทำให้คนอื่นต้องจำยอม Because we got a bigger gun. 

Truimp 2: Truimp มีนโยบายลดภาษีทางธุรกิจลง เพื่อไปเพิ่มกำไรให้ Corporate ซึ่งทำให้ธุรกิจขยายตัว ไปสร้างงานเพิ่มขึ้น corporate profit ยิ่งมากเท่าไหร่ ธุรกิจก็จะไปสร้างงานและ employment มากยิ่งขึ้น กติกาภาษีในอเมริกา corporate tax rate สูงแต่จำนวนภาษีที่จ่ายน้อยเพราะมี tax deductible incentive สูง ในขณะที่ employee tax rate ไม่สูง แต่จำนวนเงินภาษีจ่ายมากกว่า รัฐบาลจึงมีรายได้ภาษีหลักมาจาก employee ไม่ใช่ corporate แต่ corporate จะเป็นตัวสร้างงาน ทำให้เกิด employment แล้วรัฐบาลเก็บ tax ตามมา วิถีทางนี้ทำให้คนอเมริกันเกิดเป็น entrepreneurship spirit อยากเป็นเถ้าแก่ มากกว่าเป็นลูกจ้างTruimp จะไปเปลี่ยนกฎหมายธุรกิจให้ Fair เกิดการแข่งขันสมบูรณ์ ที่ธุระกิจเล็กจะได้ handicap ทางภาษีสูงกว่าธุรกิจใหญ่ทำให้แข่งกันได้ไม่เกิดการผูกขาด

ในขณะที่ Clinton มีนโยบายประชานิยม ให้นักเรียนในระดับมหา'ลัยเรียนเกือบฟรี นโยบาย subsidize พลังงานและเชื้อเพลิง และของฟรีแจกประชาชนอีกหลายแบบ โดยเอาเงินมาจากการเก็บภาษีคนรวยและธุรกิจเพิ่มขึ้น คิดว่ารวยแล้วต้องมาแบ่งให้คนจนบ้างจึงจะถูกต้อง ฉะนั้น รัฐบาล Clinton จะไปเพิ่ม national debts ขึ้นอีกอย่างมหาศาล แต่จะไปทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้น ส่วนหนี้จ่ายในอนาคตก็เป็นเรื่องคนอื่นต่อไป ตอนนี้อยู่กินสบายก็พอ ต่างกับ Truimp ที่จะไปลด national debts ควบคุมระดับเงินดอลล่าร์ให้มั่นคงและเสถียรกว่าที่เป็นอยู่ จะได้ไม่เสียเปรียบในการต่อรองระดับชาติ

Truimp 3: Truimp เป็นคนที่พูดตรงๆ ในหลักการไม่พูดหวาน แบบธุรกิจ คือปากหมาด้วย Clinton พูดหวานราบเรียบแต่มีสาระน้อย เพียงทำให้คนฟังรู้สึกดี พูดแบบนักการเมืองที่สร้าง Charisma ให้คนนิยมชมชอบ คนส่วนใหญ่เลือก ประธานาธิบดี เพราะรู้สึกดี มาดดี พูดจาเข้าท่า เพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจที่แท้จริง ดูจากลักษณะภายนอก เป็นหลัก


Truimp 4: Truimp ไปทะเลาะและด่าสื่อสารมวลชน 150 กว่าแห่ง ว่าขายข่าวอย่างโกหกตอแหล สื่อทั้งหมดเกลียด Truimp แต่ทุกคนวิ่งไปทำข่าวให้ Truimp ฟรีโดยด่ากลับคืน Truimp ได้เนื้อที่ข่าวฟรี ไม่ต้องลงโฆษณา ลงแค่ 1$ ล้าน ในขณะที่ Clinton ใช้เงินประมาณ 30$ ล้านลงไปกับสื่อ เป็นยุทธศาสตร์การหาเสียง แบบ Reverse Psychology by attracting the opposites of "Think Differrence" เรียกวิธีการนี้เป็นแบบ Management Through Intimidation แนวใหม่ ฝ่ายตรงข้ามยิ่งด่า Truimp มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนอเมริกันอื่นๆ เริ่มเห็นความลำเอียงของสื่อและหันมาศรัทธา Truimp มากขึ้น จึงได้คะแนนเสียงขึ้นมาอย่างทะหลมทะลาย

Truimp 5: Clinton โกหกอย่างชัดเจนเรื่อง การลบข้อมูล Classfied e-mail ที่เป็นความลับทางราชการกว่า 33,000 e-mail แถมยังให้สามี Bill Clinton พา Head of FBI ขึ้นเครื่องบิน private jet กว่า 40 นาทีบนท้องฟ้าเพราะดักฟังเสียงบนอากาศเคลื่อนที่ไม่ได้ ใช้บารมีทำให้ FBI ยกฟ้อง Hillary เรื่อง Classified E-mail ถ้าเป็นคนธรรมดา FBI ดำเนินเรื่องติดคุกหัวโตไปแล้ว แต่ Hillary รอดทุกกระทงจาก FBI คนอเมริกันจึงรู้ว่า Clinton โกหกตอแหล มาหลายครั้ง ในขณะที่ Truimp ถูกมองว่าจะ เอาประเทศอเมริกามา for sales เหมือนทำธุรกิจ ชาวบ้านกลัว

Truimp 6: Truimp จะสร้างกำแพงกั้นเขตแดน Mexico เหมือนฮ่องเต้ฉินซีสร้างกำแพงเมืองจีนป้องกัน มองโกลรุกราน เพราะปัจจุบันมี Illegal Mexican ลักลอบเข้ามาอยู่ในอเมริกากว่า 13 ล้านคน รัฐต้องออกค่า social wellfare ให้กับคนเหล่านี้ซึ่งเป็นเงินมาจากภาษี Truimp จะ screen คนที่เข้ามาให้ถูกต้อง จะส่งคนที่ผิดกฎหมายกลับประเทศคืนโดยไม่มีข้อยกเว้น Truimp จะไม่รับ Refugee จาก ซีเรีย เพราะพวก Terror มักแทรกซึมเข้ามาตรวจสอบยากมาก ในขณะนี้ Obama รับ refugee จากซีเรียมาแล้ว กว่า 10,000คน ปีหน้า Clinton จะรับเข้ามาอีก 100,000 คน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งทึ่ถูกต้องควรทำเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ Truimp บอกว่าแบบนี้อเมริกา ไม่คุ้มและฉิบหายแน่

Truimp 7: ถ้า Truimp ได้เป็น president จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลในวิถีทางการเมืองซึ่งขาดประสิทธิภาพในแบบระบบราชการ ให้มาเป็นแบบธุรกิจที่มีการแข่งขันให้อยู่รอด ต่างกับ Clinton ต้อง manipulate เลียแข้งเลียขาเพื่อเอาตัวรอด Truimp จะรักษาหลักการ Democratic Capitalistic Principle และ Second Amendment ในรัฐธรรมนูณดั้งเดิมที่ American Forefathers ได้สร้างมา การเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้ว่าจะมีผลเสียตามมา ทำให้คนส่วนใหญ่กลัวความไม่แน่นอนที่จะเกิด ในขณะที่ทุกคนก็รู้ว่า ระบบปัจจุบันใช้ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนไปอย่างอื่นแต่ก็กลัวไม่กล้าเปลี่ยน เห็นด้วยแล้วก็กลัวด้วย

Truimp 8: เพื่อนนักการเมืองของผมเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันการหาเสียงไม่ทำอย่างวิธีเดิมคือ ไม่โฆษณาให้ชาวบ้านเห็นความดีความเก่งของตัวเอง ทำให้ว่าชมตัวเอง คนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเชื่อแล้ว ก็มันชงกันเองนี่ แต่การโฆษณาเปลี่ยนไปเป็นการจ้างองค์กรอื่นไปบอกประจานความชั่ว เลว ของนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ดี แล้วเลยตัดสินใจเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง คือ For me to look good, the opposie has to look bad. เพราะมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น ฉะนั้น ระหว่าง Truimp vs Clinton คือการเลือกระหว่าง Bad vs Evil" ทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่ถูกในตอนแรก แพ้ชนะจะเฉือนกันในอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง

ขอขอบคุณเพื่อนส่งมาทางไลน์
Cr. พี วิชัย ศรีมงคลกุล
เศรษฐศาสตร์ มธ.
ทำงานอยู่ที่ USA
ต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ขอเชิญเปิดอ่านที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนส่งมาทางไลน์
//www.tnewsonline.tv/contents/22309/






newyorknurse  
Create Date :12 พฤศจิกายน 2559 Last Update :14 พฤศจิกายน 2559 11:43:07 น. Counter : 2039 Pageviews. Comments :5