บัญญัติจะดี ปัญญาต้องเต็ม เจตนาต้องตรง


170บัญญัติจะดีได้ ปัญญาก็ต้องเต็ม เจตนาก็ต้องตรง

   ทีนี้ พอเราเข้ามาดูความเป็นไปในขั้นที่เป็นเรื่องราวเป็นกิจการของสังคมมนุษย์ ตั้งแต่งานนิติบัญญัติ เป็นต้นไป จะเห็นว่าถึงกับมีบุคคล ผู้ทำหน้าที่ในเรื่องนี้ทีเดียว คือ มีผู้เป็นเจ้าการใหญ่ ที่ต้องพิจารณาว่า ทำอย่างไรจะจัดตั้งวางตรา ระเบียบ แบบแผน บทบัญญัติ กฎหมาย ที่เป็นกติกาของสังคมขึ้นมา ให้เกิดผลดีแก่สังคมประเทศชาติได้

   ถึงตอนนี้   เราต้องบอกว่า  ผู้ที่จะเป็นนักนิติบัญญัตินั้น

  หนึ่ง จะต้องมีปัญญา ทั้งปัญญาที่รู้ความจริง และปัญญาที่จะสามารถมาจัดตั้งวางระเบียบแบบแผนให้แก่สังคม

   แค่ข้อหนึ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก   มันเป็นตัววัดเบื้องแรก  เริ่มด้วยบอกว่า คนที่จะมาเป็นนักนิติบัญญัติ ที่ดี ทำงานได้สำเร็จนั้น ต้องมีปัญญารู้เข้าใจความจริงของธรรมชาติ ตั้งต้นแต่ความต้องการของชีวิตมนุษย์ ต้องรู้ว่าชีวิตมนุษย์ที่เป็นอยู่ดีคืออย่างไร ชีวิตมนุษย์ควรจะเป็นอย่างไร ชีวิตมีจุดหมายเพื่ออะไร สังคมที่ดีเป็นอย่างไร ตามที่เป็นจริง โดยสอดคล้องกับความเป็นจริงของธรรมชาติ อะไรต่างๆเหล่านี้

   แค่ปัญญา ที่รู้ความจริงในขั้นตามที่มันเป็นของธรรมชาตินี้ บุคคลที่จะเป็นนักนิติบัญญัติได้จริง ก็จะต้องเป็นมนุษย์ที่ล้ำเลิศทีเดียว แต่ก็จำเป็นต้องเลิศอย่างนั้น มิฉะนั้น จะมาจัดตั้งวางระบบระเบียบแบบแผนให้เกิดผลดีที่พึงหมายให้แก่สังคมได้อย่างไร ในเมื่อตัวเอง ก็ไม่รู้จริงว่า อะไรเป็นของดี

   แล้วไม่แค่นั้น  ยังต้องรู้ต่อไปอีกว่า ทำอย่างไร จะให้เกิดผลดีที่ต้องการนั้น เหตุปัจจัยมันเป็นอย่างไร และจะทำเหตุปัจจัยนั้นๆให้เกิดผลได้อย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องใหญ่มาก จึงพูดได้เลยว่า ถ้าปัญญาไม่ถึงขั้นอย่างพระพุทธเจ้า จะมาวางแบบแผนนิติบัญญัติให้สังคมดี ย่อมเป็นไปได้ยาก

  จึงต้องตั้งอุคมคติไว้เลยว่า  คนที่จะมาทำงานหรือดำเนินการให้เรื่องนิติบัญญัตินี้ได้ จะต้องมี ทั้งปัญญาที่เข้าถึงความจริงอย่างที่ว่าแล้ว และปัญญาที่จะมาจัดตั้งวางระบบ ต้องเก่งกาจด้วยทั้ง ๒ ขั้น

  แต่มิใช่เท่านั้น สอง ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตัวมนุษย์ที่จะต้องจัดการอย่างสำคัญ คือ เจตนา ที่เป็นตัวกำหนดในเรื่องจริยธรรม

  พอมาถึงขั้นจัดทำดำเนินการของมนุษย์ ปัญญาก็มาประสาน กับ เจตนา หรือเจตจำนงนี้เพิ่มเข้ามาอีกตัวหนึ่ง

  แน่ละ เจตนาของมนุษย์ ผู้จะวางระเบียบแบบแผน หรือกติกา บุคคล  และกติกาสังคม   ก็ต้องมุ่งเพื่อจุดหมายที่ดีแน่นอนอยู่แล้ว  คือ เพื่อให้ชีวิตดี  ให้คนทั้งหลายอยู่กันด้วยดี  มีความสัมพันธ์ที่ดีไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน  ให้สังคมดี  เจริญมั่นคง  พัฒนาอย่างดี  มีความสงบสุข  อะไรต่างๆเหล่านี้

  เจตนาที่ว่านี้   จะต้องมีอยู่อย่างแนบแน่วกับจุดหมาย  เป็นความมุ่งมั่นที่แรงกล้าเด็ดเดี่ยว  อยู่ในใจของผู้ที่จะทำหน้าที่นิติบัญญัติ  ในการจัดตั้งวางระเบียบ  ตรากฎหมาย กำหนดกติกาสังคม  โดยมีใจที่ตั้งมั่นในเมตตาการุณยธรรม  มีความปรารถนาดีต่อชีวิตและสังคม  ใฝ่สร้างสรรค์อย่างจริงใจ

  เจตนานี้  จึงเป็นเรื่องใหญ่อีกด้านหนึ่ง  ซึ่งเข้ามาสู่แดนที่บอกแล้วว่าเราเรียกกันถือกันเป็นจริยธรรม  ครอบคลุมมาถึงบัญญัติธรรม

   เป็นอันว่า  ต่อจากข้อที่หนึ่ง   คือปัญญา  ที่ต้องมีเป็นหลักใหญ่  ก็มาถึงข้อสอง  คือต้องมีเจตนาดี   ที่ประกอบด้วยคุณธรรม  มีเมตตา  กรุณา  เป็นต้น   ที่บริสุทธิ์สะอาด  ไม่มีความปรารถนาที่เห็นแก่ตน   เช่น  ไม่มีความโลภที่จะมาหาผลประโยชน์ให้แก่ตน   ไม่มีโทสะที่จะขัดเคืองคิดมุ่งร้ายจะหาทางทำลายหรือกลั่นแกล้งใคร ไม่มีเจตนาซ่อนเร้นแอบแฝงใดๆ

  นี้คือองค์ประกอบจำเป็น  อันขาดมิได้   ซึ่งนักนิติบัญญัติต้องมีอย่างแน่นอน  หนึ่ง   ปัญญาที่เข้าถึงความจริง  ทั้งสองขั้น  แล้วก็  สอง  เจตนาที่เที่ยงตรง  บริสุทธิ์  สะอาด

  ถ้าอย่างนี้   ก็จะได้ผลดีที่สุดในการบัญญัติจัดตั้งวางกำหนดระเบียบแบบแผนกฎกติกาให้แก่สังคม  ก็แค่  ๒  ตัวเท่านั้นเอง

 



Create Date : 22 ตุลาคม 2564
Last Update : 22 ตุลาคม 2564 18:01:41 น.
Counter : 538 Pageviews.

0 comments
เติมให้ความมี เติมให้ความไม่มี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 20:54:29 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 36 : กะว่าก๋า
(14 เม.ย. 2567 06:17:30 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 31 : กะว่าก๋า
(9 เม.ย. 2567 05:58:44 น.)
สักกายทิฐิ **mp5**
(8 เม.ย. 2567 11:07:04 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณRain_sk, คุณnewyorknurse

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Samathijit.BlogGang.com

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]

บทความทั้งหมด