1984 : หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่// ลองคิดสองชั้น แล้วถ้าวันนึง เกิดสังคมแบบนั้น คุณจะทำยังไง ? ![]() เขียน จอร์จ ออร์เวลล์ แปล รัศมี เผ่าเหลืองทอง และ อำนวยชัย ปฏิพัทธ์เผ่าพงษ์/สำนักพิมพ์สมมติ . . - มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นเส้นเรื่องให้กับอภิมหาวรรณกรรม เล่มใหม่ของ มูราคามิ 1Q84 ที่กำลังทำสถิติยอดจำหน่ายอยู่ที่ญี่ปุ่น นับถึงเวลาจากข้อมูลที่ ผม พอหาได้ ก็พุ่งไปกว่าล้านเล่มแล้ว ในเพียงเวลาไม่กี่เดือน ผม ตามหาหนังสือเล่มนี้มาสนองความหิวโหยปนอิจฉาคนญี่ปุ่น ที่ได้อ่าน 1Q84 ก่อนใครใคร อาจกล่าวได้โดยไม่ขัดเขินว่า หนังสือกว่า 80% ที่ ผม เลือกหามาอ่าน ล้วนมีที่มา หรือเรื่องราวที่ล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับ เฮียมู ของ ผม ทั้งนั้น และหนังสือเหล่านั้น ก็ไม่เคยนำมาซึ่งความผิดหวังให้กับ ผม เลย - . . ผม ได้หนังสือเล่มนี้จากซอกเหลือบของชั้นวางหนังสือในร้านคิโนะฯ ที่พารากอน ในวันที่ ผม รู้สึกได้ถึงความหิวโหยตัวหนังสือของ เฮียมู เป็นอย่างมาก เพราะรู้ว่าใกล้งานหนังสือเข้ามา จะมีงานใหม่ของ เฮียมู ให้เสพถึงสองเล่ม คือ เล่มวิ่ง และ รวมเรื่องสั้น คำสาปร้านเบเกอรี่ (เป็นอีกเล่มที่ชอบ จะขอเขียนถึงโอกาสหน้า) เป็นเหมือนความบังเอิญ ที่ ผม ได้พบเจอหนังสือเล่มนี้ ในขณะที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของ เฮียมู ว่าอาจมีความเกี่ยวข้อง หรือมีเส้นเรื่องกล่าวอ้างถึงหนังสือเล่มนี้ ผม จึงไม่รีรอที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาจากชั้นวางเพื่อชำระเงิน มันเป็นหนังสือเพียงเล่มเดียวที่ยังสามารถดำรงตัวเองอยู่ได้ในร้าน อาจเพราะสภาพของหนังสือที่เก่าเหลือประมาณ (ไม่คิดว่าจะมีหนังสือสภาพนี้ในร้านคิโนะฯ) หรือ อาจเป็นเพราะมันซ่อนตัวรอ ผม มาหยิบไปก็มิอาจทราบ สุดท้าย ผม ก็ได้เป็นเจ้าของมัน 1984 . . จอร์จ ออร์เวลล์ ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ในปี 1949 หลังจากใช้เวลาปรับปรุงแก้ไขต้นฉบับอยู่นาน และหลังจากตีพิมพ์ได้ไม่นาน ก็ได้รับการแปลไปถึงกว่า 50ภาษาทั่วโลก และยอดจำหน่ายในปีแรกสูงถึงกว่า 400,000 เล่ม หลังจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา 1ปี จอร์จ ออร์เวลล์ ก็เสียชีวิตลง ด้วยอาการตกเลือดในปอด ที่โรงพยาบาล University College ร่างของเขาได้รับการฝังไว้ที่สุสาน All Saints ในเบิร์คไชร์ แต่สิ่งที่ทำให้คนรุ่นหลังรับรู้ได้ถึงความเรียบง่าย และไม่ยึดติดกับชื่อเสียง ของนักเขียนนามอุโฆษผู้นี้ก็คือ ป้ายหลุมศพของเขาไม่ปรากฎร่องรอยแห่งถอยคำใดที่บ่งบอกว่าผู้ที่พำนักกายอยู่เบื้องล่างคือคนที่มีชื่อเสียงมากขนาดไหนตอนมีชีวิต . 1984 เป็นเรื่องราวที่เรียกกันว่าเป็นวรรณกรรมแบบ dystopia หรือ negative utopia หมายถึง เรื่องราวที่ตรงข้ามกับสังคมอุดมคติ เรื่องราวใน 1984 กล่าวถึงการปกครองโดยเผด็จการกลุ่มเล็กเล็กกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า Big Brother หรือ พี่เบิ้ม ในสำนวนแปล ที่ทำการปกครองอยู่เหนือสังคม หรือ เมืองหนึ่ง คือโอชันเนีย ในปี1984 การปกรองดังกล่าวนั้น หมายรวมถึงทุกอย่างในชีวิตของประชากรชาวโอชันเนีย แม้กระทั่งความคิดความอ่านของประชาชน ที่ต้องคล้อยตามและเห็นด้วยกับทุกทุกสิ่งที่พี่เบิ้มต้องการให้เป็น เห็นได้จากการวางระบบทุกอย่างในโอชันเนีย ไม่ว่าจะเป็นภาษา บทความ หนังสือ เทคโนโลยี และในแต่ละบ้านจะมีโทรภาพ ที่นอกจากจะเป็นกระบอกเสียงแทนกลุ่มผู้ปกครองและพี่เบิ้มแล้ว ยังเป็นเหมือนดวงตาที่คอยสอดส่ายว่าประชาชนของตัวเอง ทำอะไรอยู่บ้าง นอกลู่นอกทาง หรือคิดกบฎรึเปล่า รวมไปถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ทำให้เหมือนเกิดขึ้นจริง อย่างเช่น สงคราม . ทุกสิ่งทุกอย่างภายในโอชันเนีย ถูกจำกัดไปหมด แม้กระทั่งใบมีดสำหรับโกนหนวด ก็ยังเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ในหมู่ประชากรทั่วไป ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคชั้นใน และสมาชิกระดับสูง เรื่องราวของโอชันเนีย ถูกดำเนินผ่าน วินสตัน เจ้าหน้าที่ในแผนกบันทึก ของกระทรวงแห่งความจริง ผู้ซึ่งมีความคิดขบถอยู่ในตัว แต่ไม่รู้จะไปเปิดเผย หรือหาแนวร่วมจากใคร ได้แต่พยายามจะบันทึกสิ่งที่เขารู้สึกหรือนึกได้ ลงในสมุดบันทึกที่ได้มาจากตลาดมืด ซึ่งการบันทึกหรือทำการใดใดนอกเหนือคำสั่ง ล้วนเป็นสิ่งต้องห้ามทั้งสิ้น จนวันหนึ่งเขาได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง โอไบรอัน สมาชิกพรรคชั้นใน ที่ วินสตัน พยายามไม่คิดไปเอง ว่ามีความคิดขบถเหมือนเขา จนวันหนึ่ง ความบังเอิญก็ทำให้ วินสตัน และ โอไบรอัน ได้มารับรู้ขบวนการ แผนการจากขบวนการลับ ที่คล้ายกับว่ามีการวางแผนมาอย่างยาวนาน และซับซ้อน เพื่อจะโค่นล้มพี่เบิ้มและระบบการปกครองของพี่เบิ้ม ซึ่งสุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่าง วินสตัน เชื่อ และถูกทำให้เชื่อ ก็ล้วนเป็นสิ่งลวงตา และผ่านแผนการอันแยบยลของ โอไบรอัน ทำให้ วินสตัน ต้องพบจุดจบอย่างที่เขารู้อยู่แล้วว่าจะเป็น หากคิดกบฎต่อพี่เบิ้มและคณะ . แต่ในระหว่างทางการใช้ชีวิตของ วินสตัน ก็ยังมีผู้หญิงอีกคน ที่เข้ามาในชีวิตของ วินสตัน และทำให้ชีวิตของเขา มีเรื่องราวให้ได้รู้สึกถึงการมีชีวิต ไม่ใช่การอยู่โดยการใช้ชีวิตของพี่เบิ้มผ่านทางร่างกายเขา จูเลีย เป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในแผนกเริงรมย์ ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน โดย จูเลีย เป็นฝ่ายที่สารภาพผ่านทางเศษกระดาษเขียนคำว่า ฉันรักคุณ ในวันหนึ่งที่ทั้งคู่บังเอิญชนกัน ทั้งคู่มีชีวิตที่โลดโผน หลบๆซ่อนๆ หารู้ไม่ว่าทุกการกระทำ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งคู่ คิดว่าผ่านการวางแผนและตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว ก็หาได้มีสิ่งใดลอดพ้นสายตาของ พี่เบิ้มแอนด์เดอะแก๊งค์ ได้ . สุดท้ายเรื่องราวก็จบลงอย่างเศร้า และกลายเป็นโศกนาฏกรรม แต่ จอร์จ ออร์เวลล์ ก็ไม่ได้หักมุม หรือ ดำเนินเรื่องให้ วินสตัน ประสบความสำเร็จในการกบฎครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ ผม และผู้อ่านอีกหลายคนรู้สึก สะเทือนอารมณ์ และสงสาร วินสตัน จับใจ คือตอนที่เฉลยว่า โอไบรอัน นั้นวางแผนมาดีเพียงใด เพื่อจะหลอก วินสตัน และจูเลีย และยังพยายามบีบคั้นอารมณ์ให้เชื่ออีกว่าเป็นแผนของ โอไบอัน ที่ทำให้ วินสตัน ถูกจับ และจะช่วยออกมาภายหลัง . . ผม อ่าน 1984 ด้วยความทรมาน สาหัส แต่ความทรมานนั้นตั้งอยู่บนความสุข ที่ได้เสพงานดีดีอย่างนี้ ความทรมานที่ว่าก็เกิดจากเรื่องราวที่หนักอึ้ง และบีบคั้นอารมณ์ ผม ให้เอาใจช่วย ลุ้น เป็นกำลังใจให้กับ วินสตัน และความรักของเขา อีกทั้งแอบเอาใจช่วยให้การปกครองของพี่เบิ้มถูกโค่นลง แม้สุดท้าย จอร์จ ออร์เวลล์ จะทำให้ ผม รู้ว่า ระบบที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ วางแผน และรากฐานมาอย่างมั่นคง และคิดสองชั้น ไม่มีวันที่จะทำลายลงได้ สุดท้าย ผู้ที่ถูกทำลาย คือผู้ที่ขวางทางนั่นเอง . . แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ หากต้องอยู่ในสังคม โอชันเนีย ในปี 1984 คุณจะทำเช่นไร ต่อต้าน หรือ เข้าร่วม แสดงออก หรือ หลบซ่อน ลองคิดสองชั้นดูซิว่าคุณจะทำเช่นไร ![]() ![]() ![]() โดย: ไม่รวยสักที
![]() หนังสือดีครับ ยิ่งตอนหลังๆ นี่ อ่านแล้วกดดันมาก
ดีเหมือนกันนะครับ อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับมูราคามิเนี่ย เพราะหนังสือที่มูราคามิพูดถึงนี่เป็นงานระดับคลาสสิคทั้งนั้นเลย โดย: Burnburn
![]() ปีเก่าใยเจ้ายังจำ
วันคืนดื่มด่ำไม่วาย เวลาผันเปลี่ยนเวียนไป ย่างวัยก้าวพ้นประสบการณ์ วันเวลาได้มาเปลี่ยนแล้ว ขอจงผ่องแผ้วสุขสันต์ ยังจำสิ่งดีนิรันดร์ แม้วันผ่านมาเนิ่นนาน แม้เวียนเปลี่ยนไปอีกปี ความดียังมีสสาร ไม่เคยอ้างวางยาวนาน ขอให้พบกาลยั่งยืน สุขภาพแข็งแรงยิ่งนัก มันสมองป้องปักสร้างเสริม เป็นกำลังความคิดริเริ่ม เพิ่มเตื่มหน้าที่การงาน ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ความรักเชื่อมั่นยาวนาน ตลอดกาลไม่ว่าปีใด จากไผ่ค่ะ โดย: chabori
![]() ![]() ส่งความสุขปีใหม่ 2553 ค่ะ...ขอให้มีความสุข...สดชื่น...สมหวัง...สุขภาพแข็งแรง และร่ำรวยนะคะ โดย: nootikky
![]() เรื่องนี้เคยอ่านเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาตอนอยู่มหาลัยค่ะ
อ่านแล้วเครียดๆดี ตอนจบ สรุปแล้วยังไงก็ไม่ทางหนีพ้น ![]() ตอนอ่านก็อินพอสมควร เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าเป็นเราเจอยังงี้จะทำไง “ต่อต้าน หรือ เข้าร่วม แสดงออก หรือ หลบซ่อน” ...คงเข้าร่วมล่ะมั้งคะ ไม่มีความกล้าพออะ Happy New Year 2010 สวัสดีปีใหม่ 2553 ![]() ขอให้ปี2010นี้มีแต่ความสุข คิดอะไรก็สมปรารถนา สุขภาพแข็งแรงค่ะ ![]() โดย: Emotion-P
![]() อ่า..มีแปลเป็นไทยมั้ยคะนี่
![]() ส่วนของลุงหมู มีแปลไทยเมื่อไหร่ ไม่พลาดอยู่แล้น ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() ![]() -ตอบคุณ สาวไกด์ใจซื่อ - มีแปลไทยแล้วครับ ที่ ผม อ่านจบก็แปลไทยนี่แหละครับ อ่านเพลิน แต่เครียดนิดหน่อย แบบว่ากดดันครับ แต่พออ่านจบก็ เฮ้อออปลง สงสาร วินสตัน
![]() โดย: i.am.Victor
![]() สวัสดีอีกรอบ
โอ้..ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นจะลองหามาอ่านดูนะคะ ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() ![]() หวัดดีครับ ขอบคุณที่ไปเยี่ยมเยียนที่บล๊อก
ผมชอบสำนวนภาษาไทย ที่แปลคำว่า Big brother เป็น "พี่เบิ้ม" คิดว่าผู้แปลเลือกใช้คำได้ดีพอควร ช่วงแรกอาจจะเอื่อยๆหน่อยสำหรับผม แต่ตอนที่วินสตันได้อ่านหนังสือจากโอไบรอัน โหแบบว่าคิดได้ไงเนี่ย โดย: นายสารพัด IP: 124.38.68.212 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:16:03:13 น.
เปลี่ยนชื่อเป็น 2557 คงไม่แตกต่าง มันเริ่มแล้วจริงๆ ผมไม่อยากเชื่อเลย
23 June 2014 โดย: x IP: 203.144.198.242 วันที่: 23 มิถุนายน 2557 เวลา:15:06:14 น.
|
บทความทั้งหมด
|