จากฮาโกเน่ยุโมะโตก็ขึ้นเต็งๆไปกับรถไฟขึ้นเขา 登山電車
โทซันเด็นชะ (เสียง ฉะ มากกว่า ชะ)
強羅 โกรา เป็นชื่อสถานีรถไฟสุดทางของรถไฟขึ้นเขาสายนี้
เห็นตัวคันจิแบบนี้อย่าคิดนะว่ามันเป็นภาษาญี่ปุ่นแท้ๆ
ความจริงชื่อนี้กลายมาจากภาษาอังกฤษว่า Go round
go round , go round , go round ในที่สุดก็กลายเป็น "โกรา"
เขียนด้วยคันจิแทนเสียง เลยดูเท่
บอกแล้วไงว่าฮาโกเน่เป็นเมืองที่ฝรั่งมาบุกเบิกให้เป็นแหล่งพักร้อน
ชื่อสถานีเลยเหลือกลิ่นนมเนยของหรั่งไว้ให้คนรุ่นหลังรู้จักอดีต
ตามที่บอกไว้แหละ
มันเป็นรถไฟขึ้นเขา
(สร้างมานานมากกว่า 100 ปีแล้ว ถ้าเราไม่มั่วตัวเลข)
นั่งไปก็ได้ชมทิวเขาไปด้วย มีผา มีห้วย มีเหว
นี่ปลายธันวาแล้วนะ แต่ยังเห็นต้นเมเปิ้ลบางต้นมีใบติดสีเหลือง
ยังกัมบั๊ทเต่พยายามต่อสู้ความหนาว ใบยังไม่ยอมร่วงง่ายๆ
เป็นของขวัญจากป่าไม้ที่ไม่ได้คาดไว้
ในสถานี
ป้ายบอกว่านั่งไปนี่แหละ
นั่ง Cable car นี้แหละแล้วก็ไปต่อ Rope Way สุดทางบนยอดเขา
แต่เที่ยวนี้ไม่ได้ตั้งใจไปสูงสุด ที่พักเราอยู่ขึ้นไปจากที่นั่น
ไม่ใกล้ไม่ไกล ใครใคร่ปีน ปีน ใครใคร่ขึ้นเต็งๆ ขึ้นเต็งๆ
เราขึ้นเต็งๆCable car
ราคาเต็งๆ จำได้ว่า 80 เยน ไฮ้ ทำไมถูก
อ๋อ ป้ายเดียว ...
คนเดินไปเดินมา หาทางขึ้นไม่เจอก็มี
อ้าวทำไมล่ะ
ก็มันอยู่ทางเดียวกัน แต่กั้นด้วยเชือกหนึ่งเส้น เฮ้ก...
นี่ไงหมอกเมฆที่เห็นจากระเบียงที่พัก
นอนเอกขเนกดูปุยเมฆ แล้วลืมๆเรื่องจุกจิกนานา
ที่เราทิ้งไว้ที่โตเกียว
ได้เห็นภูเขาทีไรก็คิดถึงคำของเพื่อนเราทุกที
เมื่อเทียบตัวเรากับเขาสูงที่เห็นอยู่ข้างหน้าแล้ว
กระหนักชัดเจนเลยว่า
มนุษย์เราช่างจิ๊บจ๋อยเสียหนิกระไร
คิดได้อย่างนี้เป็นอันว่าตรัสรู้ด้วยตัวเอง
(ตรัสรู้แบบระดับมนุษย์เดินดินธรรมดา)
ไอ้ที่กลุ้มๆหาทางออกไม่เจอ ก็เจอ คือ เลิกกลุ้ม
เพื่อนเราบอกแบบนี้
เพื่อนเราคือเพื่อนอรหันต์