วิว่าสาวญี่ปุ่น ตอนหนูจะเอาอาจารย์ 11 Free TextEditorตอนอาจารย์ส้มเช้งแก้แค้นหนูFree TextEditorการคิดเรียนต่อป.โทก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งของหนูด้วยค่ะ
มันเสริมให้หนูได้ใช้เป็นเหตุผลเข้าไปปรึกษาอาจารย์ของหนูบ่อยๆได้
หนูบอกว่าอาจารย์ว่าหนูจะไม่เรียนป.โทที่หมาลัยนี้
หนูจะไปสอบเข้าป.โที่หมาลัยที่อาจารย์ของหนูจบมา
หมาลัยที่ใหญ่โตมหึมาที่เอ่ยชื่อแล้วใครๆก็ร้องอ๋อ
แค่นี้เอง อาจารย์ก็ยินดีให้คำแนะนำหนูตัวสั่นเชียว
คิดดูสิคะ
ถ้าหนูเข้าไปเรียนป.โทที่หมาลัยบ้านเก่าของอาจารย์
หนูก็ได้ชื่อว่าเป็น “รุ่นน้อง” ของแกด้วย
เป็นลูกหม้อข้าวเดียวกัน
โอ ..แค่คิดก็แสนสยิวทรวง
ความน่ารักของหนูคงจะทวีคูณหลายเท่าตัว
ความใกล้ชิดปะติดตัวระหว่างหนูกับอาจารย์ก็มีมากขึ้น
เป็นเงาตามไปด้วย ฮิๆๆ
อาจารย์ในหมาลัยญี่ปุ่นนะเขาไม่ต้องมาทำงานทุกวันค่ะ
โดยทั่วไปกฎของหมาลัยมีว่าอาจารย์ต้องไปสอนสามวันต่ออาทิตย์
วันที่เหลือให้ทำการวิจัยเขียนวิทยาพนธ์ได้ที่บ้านก็ได้
ที่ไหนก็ได้
แต่อาจารย์ส่วนใหญ่เขาเอาวันที่เหลือไปหาลำไพ่สอนพิเศษกัน
ตามหมาลัยอื่นๆ
อาจารย์ของหนูมาทำงานวันจันทร์ วันอังคาร์ แล้วก็วันศุกร์
ส่วนหนู
ไม่ว่าจะมีเรียนไม่มีเรียน
หนูมาสิงในแคมปัสทุกวัน จันทร์ถึงเสาร์
เพราะหนูอยากมาอยู่ใกล้อาจารย์
ได้มาสูดลมหายใจจากอากาศใกล้ๆตัวอาจารย์
หนูก็แสนสุขค่ะ ไม่ว่าอาจารย์จะมาสอนหรือไม่
หนูไม่ชอบอยู่บ้านเป็นทุนอยู่แล้ว
บ้านไม่มีอาจารย์ของหนูค่ะ
พอเปิดเทอมขึ้นปีการศึกษาใหม่ในเดือนเมษา
หนูก็เจอปัญหาที่หนูคิดไม่ถึง
ปัญหามีอยู่ว่าหนูมีเรียนตั้งแต่วันแต่วันจันทร์ถึงพฤหัส
คือข้อนี้ทำให้หนูมีข้อแก้ตัว
มีเหตุผลที่หนูจะมาเดินไปเดินมาในแคมปัส
และจับโอกาสเข้าไปคุยออเสาะกับอาจารย์ของหนู
อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ผิดปกติเป็นที่สงสัยจนเกินไป
แต่วันศุกร์หนูหาวิชาลงไม่ได้เลย
เอาล่ะสิ และแล้วหนูก็ใช้ปัญญาอันยิ่งใหญ่ของหนู
หาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้
หนูมองไปรอบตัว ตรวจดูตารางสอนของทุกวิชา
ได้แล้ว ! วิชาที่หนูจะลงเรียนแล้วใช้เป็นเหตุผล
มาเทียวไล้เทียวคือรอบๆตัวอาจารย์ของหนู
“วิชาภาษาไทยชั้นสูง” ของอาจารย์ส้มเช้งไงล่ะ
ความจริงวิชานี้ของอาจารย์ส้มเช้งหนูเรียนมาแล้วปีที่แล้ว
แต่หนูจะลงอีกก็ได้ ถ้าอาจารย์ส้มเช้งอนุญาต
ว่าแล้วหนูก็ไม่รอช้า
หนูจัดการส่งอีเมล์ไปหาอาจารย์ส้มเช้ง
อาจารย์คนไทยที่หนู(ทำทีว่า) รักมากๆ
หนูเขียนภาษาหวานหยดย้อยขออนุญาตอาจารย์ส้มเช้ง
ขอเรียนวิชานั้นอีกครั้งกับอาจารย์ส้มเช้ง
เรื่องหน่วยกินเครดิตอะไรน่ะ ไม่ต้องให้หนูก็ได้
ขอให้หนูเข้าไปนั่งทำตา-กลม ชวนอาจารย์ส้มเช้งคุยก็โอเคแล้วค่ะ
หนูจะได้ไปบอกอาจารย์หนุ่มใหญ่ทรงเสน่ห์ของหนูว่า
“หนูมาเรียนวันศุกร์ค่ะ แล้วหนูจะมาคุยกับ
อาจารย์ตอนเย็นวันศุกร์
ก่อนกลับบ้านนะคะ”
เห็นแมะ
แค่นี้ก็ทำให้หนูเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง
จิบน้ำชาในห้องทำงานของแกได้ทุกเย็นถึงค่ำของวันศุกร์
ดูเป็นธรรมชาติของนักศักษาหญิงผู้เอาจริงเอาจังกับการเรียน
แต่คุณพระช่วย !
เหมือนอาจารย์ส้มเช้งอ่านใจหนูออก
เหมือนแกจับแกวของหนูได้
อาจารย์ส้มเช้งอีเมล์กลับมาด้วยภาษาไม่มีน้ำหวานว่า
“หนูเรียนแล้วนะ แล้ววิชานี้อาจารย์สอนควบไปกับชั่วโมงของวันอังคาร
ถ้าหนูไม่มาเรียนวันอังคารด้วย มาเข้าฟังเฉพาะวันศุกร์นะ
เห็นจะไม่ได้นะหนูนะ ถ้าหนูจะมาเรียนทั้งวันอังคารกับวันศุกร์
อาจารย์ก็ยินดีต้อนรับหนูค่ะ ”
โห อาจารย์ส้มเช้งเคยเชื่อฟังคำหนูมาตลอด
ไม่เคยขัดใจหนู
มาเที่ยวนี้อาจารย์ใช้คำขาดกับหนู
หนูสงสัยว่าอาจารย์คงผูกใจแค้นให้กับหนูไว้อย่างแน่นแฟ้น
เพราะหนูเคยทำอาจารย์ส้มเช้งไว้เยอะแยะ
ยกตัวอย่าง
อย่างวันนั้นวันที่อาจารย์ส้มเช้งลืมแว่นสายตาคนแก่ของแก
ไว้ที่ห้องเรียนอีกตึกหนึ่ง
แกไม่มีแว่น แกก็สอนไม่ได้
ทันทีเหมือนรู้ใจ
หนูยกมืออาสาอาจารย์ส้มเช้งว่าหนูจะไปเอาแว่นมาให้แก
แล้วอาจารย์กับเพื่อนๆนักศึกษาทั้งชั้นก็มีอันเป็นไป
นั่งรอให้หนูกลับมาพร้อมแว่นตาของอาจารย์ส้มเช้งไป
เกือบ 20 นาที ก็ไม่เห็นหนูกลับเข้ามาในห้องเรียน
จนอาจารย์ส้มเช้งต้องออกไปตามหาหนู
อาจารย์ส้มเช้งไปเจอหนูยืนคุยกับเพื่อนที่ข้างบันไดตึก
อย่างร่าเริงสนุกสนาน
อาจารย์ส้มเช้งถึงกับอึ้งไปนิด
แต่ก็คุมอารมณ์ฉุนไว้ ยิ้มแล้วบอกว่าจะตีก้นหนู
หนูก็ใช้วิธีหวานเข้าใส่
ขอโทษขอโพยไปตามเรื่อง
อาจารย์ส้มเช้งเป็นอาจารย์ต่างชาติ
แกไม่มีกึ๋นสักเท่าไหร่หรอกค่ะ
แกตามลูกไม้ของหนูไม่ทันหรอกค่ะ
แต่ตอนนี้หนูซึ้งแล้วค่ะว่าอาจารย์ส้มเช้งไม่เคยให้อภัยหนู
ที่หนูทำแกไว้หลายเรื่อง ป่วนแกไว้หลายครา
การปฏิเสธหนู ไม่อนุญาตให้หนูเข้าเรียนวิชาแกในวันศุกร์
คงเป็นการแก้แค้นของอาจารย์ส้มเช้งเป็นแน่
แล้วหนูก็หมดปัญญาจะชักหุ่นอาจารย์ส้มเช้ง
แต่ยังไงๆ หนูก็หาเหตุผลมาเดินวนเวียนหน้าห้องทำงาน
ของอาจารย์ของหนูได้อยู่ดี
หนูเก่งอยู่แล้ว
เก่งตลอดด้วย
โดยไม่ต้องอาศัยบารมีของอาจารย์ส้มเช้ง อิๆ Free TextEditor