พร ภิรมย์ ๒ ![]() ![]() ![]() ![]() Create a MySpace Playlist at MixPod.com เที่ยงวันของวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ วงการเพลงต้องสูญเสียเพชรน้ำเอกในวงการ ซึ่งเป็นทั้งอดีตนักร้องเสียงดี นักแต่งเพลงชาดก เพลงแหล่ เพลงลูกทุ่ง อดีตพระเอกลิเกที่พูดได้ไพเราะจับจิตจับใจผู้คน และอีกหลากหลายความสามารถที่น่าทึ่ง ทั้งการพากย์หนัง เล่นดนตรี ซึ่งต่อมาเมื่อทำงานเสร็จดังตั้งใจก็ได้เข้าสู่โลกแห่งธรรม ด้วยการบวชเป็นพระจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายแห่งชีวิตมาเยือน นั่นคือ "พร ภิรมย์" หรือ "พระพร ภิรมย์" ![]() ภาพจากเวบ ethailand.com การสูญเสีย "พระพร ภิรมย์" หรือ "บุญสม มีสมวงศ์" ได้สร้างความเศร้าใจ เสียใจกับบุคคลจำนวนมาก เพราะท่านได้สร้างผลงานเพลงที่เกิดความสุขแก่ผู้คน และเป็นประโยชน์แก่วงการเพลงจำนวนมาก โดยเฉพาะแนวเพลงชาดกที่ให้คติเตือนใจในการใช้ชีวิตของหลาย ๆ คนได้ดี ![]() ภาพจากเวบ maemaiplengthai.com ไม่ว่าจะเป็นเพลง "บัวตูมบัวบาน" ที่สร้างชื่อเสียงให้ท่านมาก หรือเพลง น้ำตาลาไทร กระท่อมทองกวาว ลานรักลานเท กระท่อมพ่อม่าย จำใจจาก สวรรค์สวาท บัวหลวง ไม้หลักปักเลน ชมดง นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่นักฟังเพลงรุ่นก่อนต้องเคยฟังมาแล้วอย่างแน่นอน ไม่รวมเพลงแนวชาดกอย่าง ดาวลูกไก่ ริมไกรลาส เศรษฐีอนาถา เห่ฉิมพลี ใจพ่อใจแม่ และอีกหลายเพลงที่ให้คติธรรมเป็นแง่คิดในชีวิตได้ดี สามารถให้ทั้งข้อคิด คำคม มีการใช้ภาษาในเพลงที่ให้ความหมายได้อย่างลึกล้ำ ลึกซึ้งและมีความเฉียบคมเด็ดขาด ![]() โอ้ชีวิตคิดไฉน ว่าหนอใครลิขิต ประกาศิตของศิวะ หรือของพระพรหมเจ้า ว่าต่างกำเนิดเกิดมา พอลืมตามองโลก บ้างมีโชคบ้างอับโชค มีสุขโศกปนเศร้า จอมนราพิสุทธิ์ ท่านสอนพุทธบริษัท เป็นธรรมะปริมัติ อ้างถึงอำนาจกรรมเก่า มีตากับยายสองคน ปลูกบ้านอยู่บนเชิงเขา แกเลี้ยงแม่ไก่อู มีลูกอยู่เจ็ดตัว เช้าก็ออกริมรั้ว จิกกินเม็ดถั่วเม็ดข้าว เวลามีเหยี่ยวเฉี่ยวโฉบ อีแม่จะโอบปีกอุ้ม กางสองปีกออกคลุม พาลูกทั้งกลุ่มเข้าเล้า แม่ไก่จะปลอบขวัญลูก เสียงกรุ๊กกรุ๊กปลุกขวัญ ลูกตอบเจี๊ยบ ๆ เสียงลั่น ทั้ง ๆ ที่ขวัญเขย่า แล้วเขี่ยข้าวออกเผื่อ ต่างคุ้ยเหยื่อออกให้ ลูกแม่ไก่ไร้ทุกข์ สิไม่มีสุขใดเท่า...ถึงคราวจะสิ้นชีวิต เมื่อใกล้อาทิตย์อัสดง มีภิกษุหนึ่งองค์ เดินออกจากดงชายเขา ธุดงค์เดียวด้นดั้น เห็นสายัณห์สมัย หยุดกางกลดทันใด หลังบ้านตายายผู้เฒ่า... นึกสงสารพระจะอด ทั้งสองกำสรดโศกเศร้า สักครู่หนึ่งตาจึงเอ่ย นี่แน่ะยายเอ๋ยตอนแจ้ง ต้องเชือดแม่ไก่แล้วแกง ฝ่ายยายไม่แย้งตาเฒ่า ฝ่ายแม่ไก่ได้ยิน น้ำตารินหลั่งไหล ครั้นจะรีบหนีไป ก็คงต้องตายเปล่า ๆ อนิจจาแม่ไก่ ยังมีน้ำใจรู้คุณ ที่ยายตาการุณ คิดแทนคุณเม็ดข้าว น้ำตาไหลเรียกลูก ให้มาซุกซอกอก น้ำตาแม่ไก่ไหลตก ในหัวอกปวดร้าว อ้าปากออกบอกลูก แม่ต้องถูกตาเชือด คอยดูเลือดแม่ไหล พรุ่งนี้ต้องตายจากเจ้า มาเถิดลูกมาซุกอก ให้แม่กกก่อนตาย แม่ขอกกเป็นครั้งสุดท้าย แม่ต้องตายตอนเช้า อย่าทะะเลาะเบาะแว้ง อย่าขัดแย้งเหยียดหยัน จงรู้จักรักกัน อย่าผลุนผลันสะเพร่า เจ้าตัวใหญ่สายสวาท อย่าเกรี้ยวกราดน้อง ๆ จงปกครองดูแล ให้เหมือนดังแม่เลี้ยงเจ้า น่าสงสารแม่ไก่ น้ำตาไหลสอนลูก เช้าก็ถูกตาเชือด ต้องหลั่งเลือดนองเล้า ส่วนลูกไก่ทั้งเจ็ด เหมือนถูกเด็ดดวงใจ พากันโดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่ดังกล่าว ด้วยอานิสงส์ใจประเสริฐ ลูกไก่ไปเกิดเป็นดาว ![]() ภาพจากเวบ boomerangshop.com นี่คือส่วนหนึ่งของเพลง "ดาวลูกไก่" ซึ่งมีจำนวน ๒ ตอน ที่ทำให้คนฟังจำนวนมากในยุคเมื่อ ๕o ปีก่อน ต้องน้ำตาซึมในความกตัญญูของแม่ไก่ ที่มีต่อผู้มีพระคุณและความผูกพันของลูกไก่ทั้ง ๗ ตัวต่อแม่ไก่ น่าซาบซึ้งและตื้นตันใจ เพราะแม้จะเป็นเพียงสัตว์ตัวน้อย ๆ แต่จิตใจนั้นกลับประเสริฐงดงามยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์บางคนที่คิดแต่จะเอาประโยชน์ส่วนตัว ![]() ![]() ![]() ภาพจากเวบ saisampan.net ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดครบ ๘๒ ปีของ "พระพร ภิรมย์" เพราะท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ ซึ่งวันนั้นมีการจัดงานวันเกิดให้ท่านที่โรงพยาบาลสงฆ์ แต่เจ้าของวันเกิดไม่ได้เข้าร่วมงาน เพราะว่าท่านยังอยู่ห้องไอซียู งานวันนั้นไม่มีแจกการ์ด ไม่มีโต๊ะจีน ไม่มีการเลี้ยงรื่นเริงแต่ประการใด ๆ มีแต่เพียงการทำบุญเรียบ ๆ เงียบ ๆ ง่าย ๆ สมถะตามแบบวัตรปฏิบัติของท่าน ![]() เจนภพ จบกระบวนวรรณ ภาพจากเวบ siamdara.com "เจนภพ จบกระบวนวรรณ" นักอนุรักษ์เพลงลูกทุ่งเก่าที่มีผลงานเขียนไม่น้อย นักจัดรายการเพลงที่ปัจจุบันมีสถานีวิทยุเล็กๆ เป็นของตนเองเพื่อทำงานตามที่ฝันใฝ่ ซึ่งไปร่วมงานสวดพระอภิธรรม "พระพร ภิรมย์" ที่ศาลา ๑o วัดมกุฏกษัตริยารามวรวิหารทุกคืน ได้เล่าให้ฟังถึงบรรยากาศการจัดงานวันเกิดแด่ "พระพร ภิรมย์" ณ โรงพยาบาลสงฆ์ ว่า "เวลา ๘ โมงเช้า ที่ห้องศาสนพิธี ๔ ผู้มาร่วมงานพร้อมหน้ากัน โดยมีเสียงเพลงของพร ภิรมย์ คลอเบา ๆ เสริมบรรยากาศในขณะนั้นให้สดชื่น เวลา ๙ โมงเช้า เปิดนิทรรศการรัตนกวีลูกทุ่ง "พระพร ภิรมย์" ซึ่งมีอะไรดี ๆ เยอะ อธิบายไม่หมด ต้องไปชมกันเอง มีขุนอินมาบรรเลงดนตรีสดๆ คลอไปกับบรรยากาศด้วย ![]() ภาพจากเวบ matichon.co.th เวลา ๑o โมงเช้าเข้าสู่พิธีสงฆ์ ซึ่งนิมนต์มาทั้งสิ้น ๙ รูป จากนั้นถวายภัตตาหารเพลแล้ว จึงเลี้ยงผู้มาร่วมงานซึ่งเป็นของว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ พอแก้หิว ต่อมาเวลาบ่ายโมงมีการเชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ ให้เกียรติมารับปัจจัยบุญจากงานนี้ทั้งหมด โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ![]() ภาพจากเวบ maemaiplengthai.com งานวันนั้นเป็นงานบุญงานศรัทธา งานของคนรักพร ภิรมย์ ซึ่งทำกันอย่างเรียบ ๆ ไม่ได้เชิญใครเป็นพิเศษ ไม่ได้เชิญสื่อไปกันเพียบเพราะไม่ใช่งานใหญ่โตอะไร ใครใคร่มาร่วมงานก็เชิญ ใครประสงค์จะช่วยกันต่ออายุหลวงพ่อพร ภิรมย์ ก็อย่ามัวช้าอย่ามัวลังเลใจ ![]() ภาพจากเวบ saisampan.net ใครไม่เคยไปร่วมงานวันเกิดหลวงพ่อพร ภิรมย์ เลยทั้ง ๆ ที่เป็นลูกศิษย์ เป็นเพื่อนร่วมงานกันมา หรือเคยมีสัมพันธ์กันมา เคยได้ประโยชน์จากแรงงานมันสมองของท่านก็เชิญนะครับ ถ้ายังไม่เคยทำอะไรเป็นการตอบแทนพระคุณท่านเลย หรือไม่ขอขมาลาโทษ ระวังจะสายเกินการณ์" ![]() "พระพร ภิรมย์" หรือ "บุญสม มีสมวงษ์" เป็นชาวเมืองพระนครศรีอยุธยา มีพ่อชื่อนายประเสริฐ แม่ชื่อนางสัมฤทธิ์ และมีน้องถึง ๑๑ คน ชีวิตในวัยเด็กกระทั่งโตค่อนข้างระหกระเหินไม่น้อย เมื่อครั้งที่เรียนอยู่โรงเรียนบพิตรภิมุขจนจบมัธยมปีที่ ๓ นั้น มีเพื่อนร่วมรุ่นที่ในเวลาต่อมามีชื่อเสียงหลายคน อาทิ นริส อารีย์, ท้วม ทรนง เคยหนีลูกระเบิดไปอยู่กับคณะลิเก "เสน่ห์ นิยมศิลป์" ต่อมาได้เข้าไปสมัครอยู่ในคณะงิ้วจากเยาวราชชื่อ "เล่าเง็กซุนเฮียง" ซึ่งท่านได้วิชาเล่นดนตรีทั้งขลุ่ย ขิม ซออี้ และประสบการณ์เล่นงิ้ว ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อตัวท่านเองในเวลาต่อมา ![]() ครูแจ้ง ภาพจากเวบ fonfanclub เมื่อมาอยู่กับลิเกคณะครูเฉลียว ก็ได้รับการสนับสนุนให้เป็นพระเอก จนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยใช้ชื่อ "บุญสม อยุธยา" และเมื่อรู้จักกับเสน่ห์ โกมารชุน, จุรี โอศิริ, เทพา อาภรณ์ ซึ่งล้วนเป็นนักพากย์ชั้นนำในยุคนั้น ก็ถูกชวนไปพากย์หนังด้วยกันที่โรงหนังบางลำภู ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของครูเหนี่ยว ดุริยพันธ์ พ่อของคุณนฤพนธ์ ดุริยพันธ์ จึงได้เข้าฝึกร้องเพลงไทยเดิม-ขับเสภากับครูเหนี่ยว โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นคือ ครูแจ้ง คล้ายสีทอง และอาจารย์เสรี หวังในธรรม ที่หลายคนรู้จักกันดี ![]() ครูบุญยงค์ เกตุคง ภาพจาก บล็อคคุณก๋งแก่(หง่อมจริงๆ) พ.ศ. ๒๕oo "พร ภิรมย์" ประสบผลสำเร็จสูงสุดเมื่อมาอยู่กับบุญยงค์ เกตุคง ผู้มีความสามารถในการตีระนาดเอกได้ไพเราะยิ่ง เจ้าของลิเกคณะ "เกตุคงดำรงศิลป์" เพราะได้รับรางวัลที่ ๑ ถ้วยทองจาก "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จนมีคนเรียกว่า "บุญสม พระเอกถ้วยทอง" และเคยเล่นบท "จะเด็ด" ในเรื่อง "ผู้ชนะสิบทิศ" กับลิเกคณะหอมหวล ก่อนจะมาอยู่กับวงดนตรี "จุฬารัตน์" ในเวลาต่อมา ![]() ชีวิตของ "พร ภิรมย์" หรือ "พระพร ภิรมย์" ที่มีสมญาว่า "พระปุญญวังโส" ถือได้ว่าได้สร้างประโยชน์ทั้งแก่ส่วนตัว ครอบครัว และสังคมได้อย่างงามพร้อม เมื่อท่านได้สร้างผลงานชิ้นสุดท้าย คือ "วรรณกรรมสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" เสร็จ ท่านได้บวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔ ที่วัดสมณโกศธาราม และจำพรรษาอยู่ ณ วัดรัตนะชัย อ.เมืองฯ จ.พระนครศรีอยุธยาเรื่อยมา ![]() ลูกชายคนเดียวของหลวงพ่อพร ภิรมย์ (คนใส่เสื้อลายดอก) ภาพจากเวบ baanfasai.com ![]() คุณหมอที่รักษาแบบแพทย์แผนไทย ซึ่งมีจิตเป็นกุศล ไม่คิดค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ภาพจากเวบ baanfasai.com กระทั่งมารักษาตัวและมรณภาพ ณ โรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ฝากผลงานในอดีตที่ล้วนมีคุณค่าแก่สังคม โดยเฉพาะเพลงชาดกต่างๆ ให้ชนรุ่นหลังได้ซึมซับกับสิ่งดีๆ โดยเน้น "คุณธรรม" เป็นความดีงามที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความเจริญทั้งปวง ณ วันนี้ เราได้สูญเสียคนดีของสังคมไปอีก ๑ ท่าน นั่นคือ "พระพร ภิรมย์" หรือ "พร ภิรมย์" ขออำลาด้วยอาลัยยิ่ง!!! ![]() ภาพจากเวบ koratpost.net ข้อมูลจากเวบ wikipedia.org Thaipost.net บีจีและไลน์จากคุณญามี่ Free TextEditor |
บทความทั้งหมด
|