ทุกเช้าตรู่วันจันทร์ คุณพ่อวัย 80 ปีจะขับรถพาฉันไปรอขึ้นรถตู้ของบริษัทฯเพื่อเดินทางไปทำงานที่บริษัทซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดใกล้เคียง
ฉันเคยปรารภว่าให้ฉันจ้างรถไปส่งที่จุดขึ้นรถก็ได้ พ่อจะได้ไม่ต้องเป็นธุระไปส่ง พ่อบอกเสียงขรึมว่า รอให้พ่อไม่อยู่แล้ว หรือขับรถไม่ไหวเสียก่อน ถึงค่อยคิดอ่าน...
ด้วยอายุของพ่อ ขั้นตอนการสตาร์ตรถจากบ้านไปยังจุดนัดหมาย กินเวลายาวนานกว่าที่คิด แม้อากาศยามเช้าตรู่จะไม่ร้อน แต่ฉันก็ร่วมขบวนการ
กินลมหวานเย็น ไปกับสารถีคนนี้อย่างใจเย็นพอๆกัน
แม้ฉันต้องตื่นเช้ากว่าเดิมอีกสักหน่อยเพื่อเผื่อเวลาการเดินทางให้มากขึ้นอีกเท่าตัว แต่ไม่ใช่สิ่งลำบากอะไรสำหรับฉัน
บางทีฉันคิดว่า การที่พ่อขับรถช้าๆ อาจเพราะต้องการถ่วงเวลาให้ช่วงเช้าตรู่วันจันทร์ ที่มีฉันนั่งอยู่แถวเบาะข้างๆยาวนานออกไปอีกสักหน่อยก็ได้
กิจกรรมฆ่าเวลาที่พ่อปฏิบัติเสมอระหว่างรอรถของบริษัทฯมารับฉันคือการอ่านหนังสือพิมพ์ วันไหนพ่อลืมเอาแว่นตามา ฉันจะเป็นผู้ประกาศข่าวส่วนตัวให้พ่อ แต่ถ้าวันไหนพ่อพกแว่นตามาด้วย เราจะแบ่งหนังสือพิมพ์รายวันอ่านกันคนละครึ่ง
เช้าวันจันทร์วันนั้นก็เหมือนเดิม ที่เราอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยกัน ฉันสะดุดตากับกรอบข่าวกรอบเล็กๆในหน้าหนึ่งของมติชนรายวัน ว่าด้วย
โครงการประกวดบันทึกชีวิต Story of Life ฉันจดรายละเอียดคร่าวๆหวังจะมาหาข้อมูลเพิ่มเติมทางอินเตอร์เนตอีกที
ฉันนึกถึงเรื่องที่จะเขียนส่งคร่าวๆไปพลาง ความที่ฉันเขียนบันทึกส่วนตัวมาตลอดชีวิต เรื่องราวมากมายที่ประทับใจประดังเข้ามาสู่ห้วงคิดจนจนใจในการเลือก
ฉันหันไปมองคนนั่งข้างๆ แล้วเรื่องๆหนึ่งที่ฉันเคยเขียนบันทึกไว้ก็โดดเด่นขึ้นมาในความทรงจำ
เห็นแล้วแอบซึ้งอ่ะ...
พ่อเคยบอกเหมือนกันค่ะว่า
พ่อสามารถทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ
และพ่อก็เต็มใจเสมอที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้ลูก
พอพ่อพูดเสร็จ น้ำตาซึมเลยค่ะ
ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่เสมอนะคะ