หนุ่มชาวนา ถึง แกงไก่ไร้หน่อไม้ดอง ปี 2552 นี้ดูจะเป็นปีที่ฉันอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง และมากจำนวนเล่มเป็นประวัติการณ์ คล้ายกับจะอ่านชดเชยสอง-สามขวบปีที่ผ่านมา ที่ไม่มีโอกาสอ่านหนังสือแหลกลาญได้อย่างใจ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันหยิบหนังสือติดมือมาจากบ้าน 3 เล่ม คือ มาจากป่าชายเลน ของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ฟ้าบ่กั้น ของ ลาว คำหอม และ หนุ่มชาวนา ของนิมิตร ภูมิถาวร ประหลาดใจตัวเองอยู่บ้างที่อยู่ๆก็มีอารมณ์อยากอ่านหนังสือเกี่ยวกับชนบท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฉันมักระเริงไปกับหนังสือแนวอื่นเสียมากกว่า สองเล่มหลังที่ฉันเลือกหยิบมา - - ฟ้าบ่กั้น และหนุ่มชาวนา ล้วนบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตชาวนา ชาวไร่ในสังคมชนบทคล้ายๆกัน ![]() 'หนุ่มชาวนา' เป็นหนังสือเล่มบางๆที่กระทรวงศึกษาธิการเคยกำหนดให้เป็นหนังสืออ่านประกอบการเรียนของเด็กมัธยม เล่มที่ฉันถือในมือนี้ เมื่อพลิกดูรายละเอียดในปก ระบุว่าพิมพ์ครั้งที่ 14 ปี 2533 ราคาหน้าปกเพียง 11 บาทเท่านั้น ราคาขนาดนี้ในปัจจุบัน จะหาซื้อสมุดเปล่าคุณภาพค่อนข้างดีสักเล่มยังยาก แม้จะเป็นหนังสือพิมพ์ด้วยกระดาษปรู๊ฟ ตัวกระดาษเก่าซีดและกลายเป็นสีเหลืองตุ่น แต่มันก็ได้รับเกียรติให้วางบนชั้นหนังสือของพ่อ ชั้นเดียวกับหนังสือคลาสสิกหายาก ราคาแพงเล่มอื่น อาจเพราะตัวหนังสือที่นิมิตร ภูมิถาวรแต่งเอาไว้มีคุณค่าเกินราคาหน้าปก และอาจเพราะเป็นหนังสือที่สะท้อนแวดวงเดียวกันกับที่บรรพบุรุษของเราเคยเป็นมา พ่อจึงยกย่องหนังสือเล่มบางๆเล่มนี้ให้ขึ้นชั้นเทียมหน้าเล่มอื่นๆ ฉันจำได้แม่น พี่ชายคนโตเคยบอกว่าอ่านเรื่องหนุ่มชาวนาแล้วนึกอยากกินแกงไก่ใส่หน่อไม้ดองเป็นที่สุด... เมื่อฉันอ่านบทแรก ความหลังเก่าๆที่เคยอ่านเล่มนี้เมื่อยังเด็กก็ผุดขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นแกงไก่ใส่หน่อไม้ดองแบบชาวบ้านค่อยๆลอยอวลในจินตนาการ ครอบครัวนายสุขและนายทอง ต้อนรับครูชัย ครูคนใหม่ของหมู่บ้านด้วยมื้ออาหารเรียบง่าย คือแกงไก่ใส่หน่อไม้ดอง และข้าวหุงใหม่สีเหลืองตุ่น เหตุที่ข้าวกลายเป็นสีนี้ก็เพราะครูมาถึงหมู๋บ้านในหน้าแล้ง น้ำขาดแคลน สีของข้าวเลยกลายเป็นสีเดียวกันกับสีของน้ำที่ใช้หุง ผู้เขียนบรรยายไปเรื่อย เว้นช่องว่างให้เราค่อยๆเห็นภาพทั่วไปของบ้าน วิถีชีวิตประจำวัน และการต้อนรับแขกที่ถือว่าเต็มที่ที่สุดแล้วของชาวบ้าน เพราะถึงจะอยู่ในหน้าแล้ง แต่อุตส่าห์เชือดไก่ทั้งตัวมาทำกับข้าวให้แขกกิน ![]() แกงไก่ทั่วไปของคนเมืองใส่กะทิคั้นสดอย่างดี น้ำแกงข้นคลั่ก แต่แกงไก่แบบแกงป่าตำรับสำรับชาวนา เพียงมีน้ำมันเจียวน้ำพริกเครื่องแกงให้แกงพอมีมีมันลอยหน้าก็นับว่าหรูหรามากแล้ว ![]() ![]() ( ขอบคุณภาพจาก google) ในบทต่อไป แม่บ้านทำกับข้าวมื้อเช้าเลี้ยงสมาชิกทั้งบ้านกว่า 10 ชีวิตด้วยฟักทองต้ม และน้ำพริกคลุกข้าวสวย ฉันอ่านช่วงบรรทัดนี้ด้วยความหลากใจ เพราะเวลาฉันทำกับข้าว ฉันมักทำ 3 - 4 อย่างเป็นอย่างน้อย จนพ่อมักแซวเอาบ่อยๆว่า ยังกับสำรับหลวงตาหน้ากฐิน... ที่สำคัญ ฟักทองต้มในบริบทการบริโภคของฉัน มันมีไว้เป็นอาหารว่างเพื่อกินเล่นเท่านั้นเอง ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ฉันเคยนึกอยากขี่ควาย อยากเกี่ยวข้าว อยากทดลองปักกล้าดำนา คิดเพียงว่ามันน่าสนุกและแปลกใหม่ ถึงขนาดเคยปรารภและแบ่งปันความฝันเรื่องอยากเป็นสาวชาวนาให้พ่อฟัง พ่อได้แต่หัวเราะและบอกว่า การทำนาไม่ใช่ของทำเอาสนุก มันเป็นงานที่ลำบากยากเข็ญ และเป็นอาชีพที่เสียสละ เมื่อฉันฟังเรื่องเล่าจากพ่อเกี่ยวกับการทำนามากเข้า และเมื่อมาอ่านหนังสือ หนุ่มชาวนาประกอบเข้าไปอีก ฉันจึงได้เข้าใจและสำนึกในบุญคุณชาวนา จนอยากทำแกงไก่ใส่หน่อไม้ดอง ปรุงรสให้เข้มข้นด้วยกะทิคั้นสดๆ ให้ชาวนากินเป็นการตอบแทน เช้าวันนี้ ฉันเปิดทีวีดูข่าวเช้า ระหว่างแต่งตัวไปทำงาน ผู้ประกาศกำลังเล่าข่าวเรื่องชาวบ้านมาลงชื่อขอความช่วยเหลือกับรัฐบาลเรื่องหนี้นอกระบบ แล้วโดนเจ้าหนี้ข่มขู่เอาชีวิต ฉันฟังข่าวแล้วได้แต่สลด นึกถึงครอบครัวชาวนาของนายทอง และชีวิตครูบ้านนอกของครูชัย แม้แกงไก่แบบบ้านๆจะไม่มีกะทิ และต้องกินฟักทอง ฟักเขียวเป็นแกนหลักประจำสำรับในหน้าแล้ง ตัวละครในหนังสือหนุ่มชาวนาก็ดูมีความสุขตามอัตภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน หรือ ทุกข์จรหนักเบาต่างๆแบบที่สังคมไทยกำลังเจอกันอยู๋ทุกวัน ดอกทานตะวันบานแล้วแถวลพบุรี แต่ดอกเบี้ยของหนี้นอกระบบกำลังเบ่งบานยิ่งกว่า และขยายไปทั่วทุกภาค ฉันกังวลลึกๆว่า แกงไก่ของสำรับไทยยุคต่อไป เราอาจขาดแคลนแม้แต่ไก่ หรือกระทั่งหน่อไม้ดอง คุณจั่น
ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาเยี่ยมบลอกค่ะ เราตรวจดูในเล่ม ไม่มีระบุไว้ว่าใครเป็นคนวาดรูปหน้าปกค่ะ แต่หนังสือพิมพ์โดยกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ คนวาดอาจเป็นคนในกรม หรือศิลปินสักคนที่เข้าใจวิถีชีวิตชนบท โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:8:09:28 น.
อยากอ่านบ้างจังเลย สมัยเรียนเขาไม่ได้ให้อ่านเล่มนี้แฮะ
นึกถึงสมัยก่อนเคยอ่านข้อความหนึ่ง เนื้อหาประมาณว่ารถเก๋งคันหรูแล่นผ่านท้องนา ชายคนที่นั่งอยู่เบาะหลังรถคิดว่าเขาอยากมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีภาระหนี้สินมากมายอย่างที่เป็นอยู่นี้ ในขณะที่ชาวนาเห็นรถคันหรูแล้วคิดว่าอยากเกิดเป็นคนรวยแล้วได้นั่งรถคันงามอย่างนั้นบ้าง .... ถ้าคนเราพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี ไม่ดิ้นรนหาอะไรสนองตัณหาตัวเอง ก็คงไม่ต้องมีทุกข์เพิ่มขึ้นเนอะ โดย: แม่แอมเบอร์ IP: 60.236.87.73 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:10:02:02 น.
โหคุณ.. ทำงานราษฎร์ งานหลวงเวลาแทบจะไม่เหลือแล้ว ยังสามารถบริหารเวลามาอ่านหนังสือได้มากมาย เก่งจริง เป็นทั้งนักเขียนและนักอ่านคุณภาพไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะเนี่ย เราเคยอ่าน ฟ้าบ่กั้นของลาว คำหอม มานานแล้ว ยังไม่เคยได้กลับไปอ่านซ้ำเลย เราลูกหลานชาวนาแท้ ๆ ได้แต่ภาคภูมิใจในวิถีบรรพบุรุษ ตอนนี้ก็เหลือที่นาให้เขาเช่าทำเหลือเพียงไม่เท่าไหร่แล้ว และยังมีโอกาสกลับไปขนข้าวสารมาทีละกระสอบสองกระสอบจากบ้านพ่อแม่แฟนมากินทุกปี พวกเรามีหน้าที่เรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กลับไปทำนาค่ะ นี่คือความจริง!! สำหรับเรา รู้รสความทุกข์ยากของชาวนาก็จากการอ่านหนังสือที่มาจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน และรับรู้การที่ชาวนาไม่ได้ลืมตาอ้าปาก ก็จากความเป็นจริงที่เป็นจริงยิ่งกว่า เราไม่ชอบเลยล่ะ ที่รับรู้เรื่อง มีคอร์สปลูกนาข้าวของบรรดา จุด จุด จุด ทั้งหลาย ดูเหมือน.... -- แต่แกงหน่อไม้ดอง ชอบ เห็นแล้วก็อยากกินนะ ถ้าทางบ้านนอกบ้านเรา พอถึงหน้าเห็ดถอบ ก็จะแกงหน่อใส่เห็ดถอบกินแล้ว โชคดีที่ไม่เป็นเกาต์น่ะนะ โดย: ภูเพยีย
![]() แม่แอมเบอร์
เราเคยอ่านบทความที่ว่าเหมือนกัน นึกถึงเพลงไพเราะของวสันต์ โชติกุลเพลงหนึ่ง ที่เนื้อหาบอกเล่าเรื่องผู้ชายสองคน คนหนึ่งเดินจากป่าเข้าเมือง อีกคนหนีเมืองจะไปอยู่ป่า แล้วเพลงก็สรุปว่า ชีวิตเราทุกคน ต่างเดินทางไปค้นหา รอยเท้าที่ผ่านมา ก็เลยสวนกัน... คุณภูเพยีย ภูมิใจในอาชีพชาวนาของบรรพบุรุษเหมือนกันค่ะ แกงเห็ดถอบ เราเคยกินที่เชียงใหม่เมื่อครั้งไปสร้างบ้านให้ชุมชนที่สันทราย เมื่อไม่นานมานี้ อร่อยมาก จนเราต้องเคี้ยวช้าๆ จะได้ซึมซับรสชาติให้ซาบซึ้ง โดย: รักแรกคลิก (Love At First Click
![]() อ่า..ไม่เคยอ่านเรื่องนี้แฮะ
แต่อ่านคห.ที่ 1 แล้วอยากอ่านงานครูฯ ง่ะค่ะ ![]() โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() ![]() the best book I like is Numchaona & Pulakong , Did you remember that ?
โดย: Kanda O'Connell IP: 124.149.2.226 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:11:30:12 น.
เคยอ่านตอนมัธยมต้น ประทับใจมากเพราะเหมือนกับชีวิตเราเป๊ะเลย แต่ตอนนี้จำอะไรแทบไม่ได้แล้ว ว่าง ๆ จะหามาอ่านใหม่
โดย: naj IP: 10.0.7.254, 183.89.229.147 วันที่: 3 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:53:31 น.
อยากให้สรุปเเบบ
เป็นตอนให้ฟังครบ11ตอนจังเลย โดย: .... IP: 118.173.198.149 วันที่: 11 ธันวาคม 2553 เวลา:17:04:26 น.
ผมเคยอ่านสมัยเรียนมัธยมครับ และสมัยที่เรียนมหาลัยเคยเอาเรื่องนี้มาคุยกับเพื่อนหลายครั้งเพราะประทับใจวิถีชีวิตแบบนั้น และค่อนข้างต่อต้านการถูกเอาเปรียบโดยเฉพาะชาวบ้านที่ไม่ค่อยทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกนายทุนทั้งหลาย ผมอยากหาซื้อไว้อ่านเป็นที่ระลึกไม่ทราบว่าที่ไหนมีขายบ้างครับ
โดย: ชัยรัตน์ มะหันตะ IP: 140.120.98.149 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:17:49:06 น.
ผมอ่านหนังสือโดยไม่ได้ตั้งใจหรืออยากอ่าน เพราะเป็นหนังสือนอกเวลาสมัยผมเรียน ม.1 พศ.2522 ครูบังคับให้อ่าน และทำรายงานส่ง
พอเริ่มอ่านก็เริ่มติด เนื้อหาบอกถึงชีวิตท้องนา ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ซึ่งแตกต่างกับชีวิตในเมืองของผมอย่างสิ้นเชิง แต่ยังพอนึกฝันตามได้บ้าง ที่พ่อพาไปเที่ยวต่างจังหวัด และภาพวาดที่สวยจริงๆ เหมือนกันผมก็อยากรู้ว่าใครวาด จากหนังสือที่คิดว่าหนา กลายเป็นหนังสือเล่มบางที่ผมสามารถอ่านจบก่อนนอนได้ทุกคืน อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก ใครจะเชื่อว่านี่คือการจุดประกายให้ผมรักการอ่านหนังสือจนทุกวันนี้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์สอนภาษาไทย รร.เทพศิรินทร์ และคุณนิมิตร ภูมิถาวร ผมยังคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าครั้งแรกไม่ใช่ หนุ่มชาวนา เล่มนี้ ปัจจุบันผมจะรักการอ่านหนังสืออย่างทุกวันนี้หรือไม่ โดย: นิพนธ์ IP: 61.90.47.81 วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:23:49:48 น.
เคยอ่านตอนอยู่มัธยมต้นนะ ตอนนี้ยังอยากได้หนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกแต่ไม่รู้จะมีขายอีกไหม
โดย: คนชั่งอ่าน IP: 182.53.111.196 วันที่: 17 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:24:17 น.
เคยอ่านมาหลายรอบแล้วค่ะเล่มนี้ ประทับใจมากๆ ตอนนี้ทำหายไปไหนก็ไม่รู้ เสียดายมากๆค่ะ
โดย: สิ่งมีชีวิต ที่คิดไปเอง IP: 223.206.244.164 วันที่: 20 กันยายน 2555 เวลา:17:01:04 น.
เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ในร้านแพร่พิทยาเซ็นทรัลลาดพร้าวมาแล้วครังหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา นึกถึงหนังสือเล่มนี้อีกจึงมาค้นหา และดูประวัติคนเขียน พอดูชื่อและเป็นคนจังหวัดสุโขทัย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเขียนได้ประทับใจมาก เรื่องที่นำมาเขียน 90 เปอร์เซ็นเป็นวิถีชีวิตของชาวนาในจังหวัดสุโขทัย ดูจากอายุผู้เขียนก็อยู่ในช่วงนั้นจริงจึงมีความเข้าใจวัฒนะธรรมได้อย่างแจ่มแจ้ง เหมือนเล่าประสบการของตนเอง ผมเกิดที่อำเภอบ้านด่านลานหอย และผู้เขียนเกิดอำเภอศรีสำโรง ห่างกันไม่เกิน 20 กิโลเมตร ผมเกิดหลังผู้เขียนประมาณ 20 ปี ผมยังได้เห็นบรรยากาศมีโจรปล้นวัวควาย พ่อสอนผมยิงปืนลูกซองตอนผมอายุ 12 ขวบ เพื่อป้องกันตัวจากการถูกปล้นวัวควาย
โดย: นิคม IP: 171.97.172.203 วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:22:34:50 น.
เป็นหนังสือที่ผมอ่านซ้ำมากที่สุดเท่าที่จำได้เลยครับ ถึงขนาดอินจนแต่งบทเสริมเข้าเป็นในบางตอนเพื่อเพิ่มพูนความอรรถรถในเนื้อเรื่องตามความต้องการของตัวเองเสียเลย
โดย: Reader IP: 118.173.14.126 วันที่: 1 พฤษภาคม 2556 เวลา:16:22:48 น.
โอ้วโห้ คืออยากจะบอกเจ้าของบล๊อคว่ารู้ไหมคะเราตามหาหนังสือเล่มนี้มาประมาณ 20 ปี จำได้ว่า เราเคยอ่านสมัยเราเด็กประมาณ มัธยมเป็นหนังสือนอกเวลาอาจารย์ภาษาไทยให้อ่าน เราเป็นลุกชาวนา อ่านแล้วมันได้ฟิลลิ่งมาก
อยาก ถามว่า มีหนังสือเล่มนี้ที่ไหนบ้าง ซื้ออย่างไร ใครมีที่ซื้อหรือจำหน่ายโปรดติดต่อกลับ inuchplus@gmail.com จะขอขอบพระคุณเป็นอย่างมาก คือ เราไม่รุ้จักเจ้าของบล๊อคนะคะ เรา สืบค้นจาก กูเกิ้ล ด้วย คำว่า แกงไก่ใส่หน่อไม้ดอง มาจนเจอ บล๊อคนี้ เลย #น้ำตาจะไหล โดย: พิฌาณันท์ IP: 124.120.70.144 วันที่: 20 ตุลาคม 2556 เวลา:23:45:55 น.
ต้องกักตัวอยู่บ้าน... ใจแว๊บไปคิดถึงชีวิตวัยเด็ก 30 ปีก่อน ก็เลยเสิร์ชหาไปเรื่อย ได้อ่านข้อความในบล๊อคชอบเลยครับ. เลยหาลิงค์มาเพิ่มให้เหมาะกับยุค. เรื่องสั้นชนบท อีกเล่มที่ผมลูบๆคลำๆเป็นร้อยๆรอบ อ่านซ้ำไม่มีเบื่อ https://youtu.be/4-vH1PezFsY
โดย: ชัช IP: 171.7.217.89 วันที่: 19 เมษายน 2563 เวลา:15:20:33 น.
|
บทความทั้งหมด
|
หอมกลิ่นเหงื่อชาวไร่ ชาวนาในทุกเล่ม
อ่านแล้ว เป็นแรงบันดาลใจให้อยากไปอยู่หมู่บ้านค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่เขียนถึง
อยากทราบนิดหนึ่ง ใครเป็นคนวาดรูปปกคะ