ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

สีของความรัก

รอยยิ้มของ ‘คิมหันต์’ แข็งค้างอยู่บนใบหน้า เขาเป็นชายหนุ่มที่มาจากครอบครัวที่อบอุ่น จบการศึกษาจากสถาบันที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคง ที่สำคัญเขากำลังจะมีครอบครัว เขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวที่เป็นรักแรก และรักเดียวของเขา

“...คุณหมอ...ว่าอะไรนะครับ”

คิมหันต์มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อทำการตรวจร่างกาย ก่อนการแต่งงานที่กำลังจะมาถึง ผลการตรวจของ ‘หนึ่งฤดี’ แฟนของเขาก่อนหน้านี้คือ ปกติ และเขาไม่เคยคิดแม้แต่นิดเดียวเลยว่า ผลการตรวจของเขาจะเป็นอย่างอื่นไปได้

“ผมต้องขอทำการตรวจเพิ่มเติมบางอย่าง...มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ครับ”

คิมหันต์จับน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจของหมอได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังพยายามบอกตัวเองให้เชื่อคำพูดของเขา

*****

“มีอะไรหรือเปล่าคะ คิม”

น้ำเสียงที่เจือด้วยความเป็นห่วง และคิดถึง ดังผ่านโทรศัพท์มาจากสถานที่อันห่างไกล ถึงแม้ตัวจะไกล แต่ใจของทั้งสองก็ไม่เคยห่างกันเลย

“...ไม่มีอะไรหรอก หนึ่ง...ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

“...แล้วหนึ่งจะรีบกลับไปหานะ”

คิมหันต์พูดโกหก และเขาคิดว่าหนึ่งฤดีก็รู้เช่นกัน แต่ที่เธอไม่ถามคาดคั้นอะไรกับเขา ก็เพราะเธอเป็นแบบนั้นเอง เป็นหญิงสาวที่รัก และเข้าใจเขามากที่สุด

“ผมพร้อมแล้วครับ”

คิมหันต์เก็บโทรศัพท์ พร้อมกับเดินตามเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้าไปในห้องทึมๆ ที่เย็นจัด ภายในห้องมีเตียงแคบๆ ที่จะส่งร่างของเขาเข้าไปในอุโมงค์เล็กๆ ภายในห้องนี้ยังมีเสียงครวญครางประหลาดๆ ดังอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

การที่ต้องนอนนิ่งๆ อยู่หลายชั่วโมงในเครื่องมือนั้น คล้ายกับยาวนานเป็นวันๆ ในความรู้สึกของคิมหันต์ และเขาต้องนั่งรอหมอด้วยความกระวนกระวายยิ่งกว่าเพื่อรอรับฟังผลการตรวจ

‘ยินดีด้วยครับ เราไม่พบอะไรผิดปกติ’

นั่นคือสิ่งที่คิมหันต์อยากได้ยิน แต่สิ่งที่หมอพูดกับเขากลับกลายเป็น

“เราพบความผิดปกติในสมองของคุณ มีก้อนเนื้องอกขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร อยู่ใกล้ๆ กับเส้นประสาทตา ถ้ามันใหญ่ขึ้น...คุณอาจจะตาบอด และการผ่าตัด ก็อาจจะทำให้คุณตาบอดได้เช่นกัน”

“...”

ในหัวของคิมหันต์มีแต่ความเวิ้งว้าง เขานั่งคิดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่

“...หมอว่าวันนี้คุณกลับไปแจ้งให้ทางบ้านได้รับทราบกันก่อนดีกว่า แล้วเราค่อยกลับมาคุยกันเรื่องทางเลือกในการรักษาอีกครั้ง”

คิมหันต์ไม่แน่ใจว่าในวันนั้น เขากลับมาถึงห้องได้อย่างไร พอรู้ตัวอีกทีเขาก็กำลังจ้องมองเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคย นิ้วโป้งรออยู่ว่าจะกดปุ่มโทรดีหรือไม่

คิมหันต์มือสั่นเกร็ง เขาปาโทรศัพท์ออกไปอย่างเดือดดาล ก่อนที่จะกระแทกนั่งลงแล้วเริ่มร้องไห้โดยไร้เสียง เขาจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยต้องเสียน้ำตาครั้งล่าสุดให้กับเรื่องใด สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้บอกใครถึงอาการป่วยของเขา แม้แต่หนึ่งฤดีที่เป็นสุดที่รักของเขา

*****

คิมหันต์ยืนมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาอยู่ในสนามบิน เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มมองเห็นได้แคบลงกว่าเดิมมาหลายวันแล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นในวันนี้มันกลับแตกต่างไปจากทุกครั้ง

‘มันมองดูเหมือนกับท้องทะเลจริงๆ เลย’

คิมหันต์มองเห็นทะเลของสีฟ้าเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ตัว คนแปลกหน้าเหล่านี้ส่องแสงสีฟ้าจางๆ ออกมาจากบริเวณหน้าอก คลื่นทะเลที่เงียบเหงาเคลื่อนตัวไปรอบๆ ราวกับว่าเขากำลังติดอยู่กลางเกาะร้าง ที่มีคลื่นแห่งความโดดเดี่ยวล้อมอยู่รอบกาย

‘ความรู้สึกอึดอัดที่น่าเหนื่อยหน่ายนี้มันคืออะไรกันนะ’

คิมหันต์ยกมือขึ้นกุมหน้าอก เขาคิดว่าแสงพวกนี้น่าจะส่องออกมาจากใจของผู้คนนั่นเอง เขาทอดสายตามองไปในท้องทะเลสีฟ้าอันเวิ้งว้าง ฉับพลันนั้นเองก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แสงสีแดงจางๆ ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากสุดทางเดิน เหมือนกับยามเช้าริมทะเลที่ดวงอาทิตย์กำลังค่อยๆ เคลื่อนขึ้นสู่ฟากฟ้า

ผู้ที่นำแสงสว่างมาสู่ใจของคิมหันต์คือหนึ่งฤดีนั่นเอง เธอมาหยุดยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า เขาอดใจไม่ได้ที่จะทำสิ่งที่เขารู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบสักเท่าไร เขากอดเธอแน่นโดยไม่สนใจสายตาของผู้ใด พร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเธอว่า

“ผมรักคุณ”

หนึ่งฤดีไม่ได้ผลักคิมหันต์ออกไปเหมือนกับที่เขาคาด และเธอเองก็กอดเขาด้วยเช่นกัน

“หนึ่งก็รักคุณ...มีอะไรก็รีบบอกออกมาให้หมด ก่อนที่หนึ่งจะอึดอัดตาย”

คิมหันต์จับไหล่ของหนึ่งฤดีเอาไว้ พร้อมกับจ้องหน้าเธอ สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือจะไม่ได้เห็นใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของเธออีก

*****

“คุณไม่อยากผ่าตัด”

คิมหันต์พยักหน้าให้กับคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างของหมอส่องแสงสีน้ำเงิน พร้อมกับแผ่ความรู้สึกมั่นคง และเชื่อมั่นออกมา

“...แต่สายตาของคุณเริ่มแคบลงแล้ว แสดงว่าเนื้องอกมีขนาดโตขึ้น ถ้ามีแนวโน้มแบบนี้ สุดท้ายมันอาจจะสร้างความเสียหายมากกว่าเรื่องตาก็ได้นะครับ”

“...แต่การผ่าตัดเองก็มีความเสี่ยงใช่ไหมครับ”

“ทุกการผ่าตัดมีความเสี่ยงทั้งนั้นแหละครับ โดยเฉพาะการผ่าตัดสมอง แต่ผมเองก็มั่นใจในฝีมือการผ่าของตัวเอง”

“ผมไม่ได้ไม่ไว้ใจหมอนะครับ...แต่ผมอยากรอจนมันเป็นหนทางสุดท้ายเมื่อไม่อาจเลี่ยงได้แล้วเท่านั้น”

คิมหันต์บีบมือหนึ่งฤดีที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเหลือบมองดูสีแดงที่ส่องออกมาจากร่างของเธอ ความรู้สึกนั้นเขามั่นใจว่า มันคือความรักอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอยากอยู่กับเธอในขณะที่ยังคงเป็นปกติอยู่ให้นานที่สุด แล้วหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

*****

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว สายตาของคิมหันต์แคบลงเรื่อยๆ บางครั้งก็เกิดภาพซ้อน และบางครั้งเขาต้องเลือกที่จะมองภาพที่เลือนลางด้วยตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น เพราะหากใช้ทั้งของข้าง ภาพนั้นจะไม่รวมเข้าด้วยกัน

แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือสีแดงของหนึ่งฤดี ทุกครั้งที่เขาได้เห็นมัน เขาก็จะลืมความทุกข์ทรมานที่กำลังเผชิญอยู่ มันเป็นความจริงที่ว่า ‘ความสุขจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีคนร่วมยินดี ส่วนความทุกข์จะลดลงเมื่อมีคนร่วมแบ่งปัน’

*****

ยังมีความเป็นจริงอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผู้คนมักแกล้งมองข้ามมันไป ‘ความสุขนั้นไม่ยั่งยืน’ มาถึงตอนนี้ดวงตาของคิมหันต์ก็แทบจะมองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว และนอกจากนี้ยังมีอาการปวดหัวเพิ่มขึ้นมาด้วย แต่สิ่งเหล่านั้นก็เทียบไม่ได้เลยกลับความเปลี่ยนแปลงอีกเรื่องหนึ่ง

สีแดงของหนึ่งฤดีค่อยๆ จืดจางลง พร้อมกับท่าทีที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปของเธอ ในขณะที่สีฟ้าอันโดดเดี่ยวของคนอื่นๆ ยังคงแจ่มชัดเช่นเดิม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเขามากยิ่งกว่าอาการป่วยที่กำลังเผชิญอยู่เสียอีก

‘ความไม่แน่นอนที่รออยู่ในอนาคต คงกัดกร่อนความรักของเธอที่มีต่อฉัน’

คิมหันต์มองแสงสีแดงจางๆ นั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะเปลี่ยนกลายเป็นสีขาว ความรู้สึกเย็นเยียบเกิดขึ้นกลางใจของเขา

“หนึ่งไม่อาจอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว”

สิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกดังสะท้อนก้องเต็มสองหู หนึ่งฤดีเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเขาแม้แต่แวบเดียว โลกของเขาได้มืดสนิทลงอย่างแท้จริงแล้ว

*****

หนึ่งฤดีบังคับตัวเองไม่ให้หันมองกลับไป เธอยืนกล้ำกลืนน้ำตาอยู่หน้าประตู ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาใครบางคน

*****

คิมหันต์กำลังถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด ‘ฉันอาจจะไม่ได้กลับออกมาอีกเลย’ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว ไม่มีแม้แต่อย่างเดียว

แสงสีขาวที่ติดตรึงอยู่ในใจของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้เตียง

“ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”

“...นี่แม่กับพ่อเองนะลูก ทำไมลูกถึงปิดบังพวกเราแบบนี้”

ตั้งแต่ที่คิมหันต์เริ่มมีอาการ เขาก็ไม่ได้ติดต่อกับพ่อแม่ของเขาอีกเลย ด้วยกลัวว่าพวกท่านจะเป็นห่วงเขามากจนเกินไป

คิมหันต์นิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น ท่ามกลางทะเลของสีฟ้า และน้ำเงิน พ่อแม่ของเขากลับส่องแสงสีขาวออกมา แสงที่เขาเคยคิดว่ามันคือความเย็นชา และห่างเหิน

*****

“สูดหายใจเข้าลึกๆ นะครับ”

นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่คิมหันต์ได้ยินในห้องผ่าตัด

*****

หนึ่งฤดีวางสายจากหมอ หากเธอยังคงอยู่ข้างกาย คิมหันต์ก็จะไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัดเสียที พ่อแม่ของเขามาทันก่อนที่การผ่าตัดจะเริ่มขึ้น แต่ถ้าหากเขาไม่อาจผ่านพ้นมันได้ ความรู้สึกผิดนี้จะฝังลึกอยู่ในใจของเธอไปตลอดกาล

*****

การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย คิมหันต์ปลอดภัยแล้ว แต่สายตาของเขาก็ไม่อาจกลับคืนมาเป็นปกติได้อีก ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็น แต่เขาก็ยังสามารถกดโทรศัพท์ได้ เขานั่งฟังเสียงสัญญาณเรียกสายที่ยังคงดังไม่ยอมหยุด

‘สีขาวนั้นไม่ใช่ความเย็นชา แต่เป็นความรู้สึกอบอุ่น ห่วงใยอย่างที่สุด’ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เป็นความรู้สึกของตัวเขาเอง เขาคือคนที่สั่นคลอน เขาคือคนที่หมดความเชื่อมั่นในตัวเธอ

ภายหลังการผ่าตัด แสงเหล่านั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน มันคงเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากเนื้องอกก้อนนั้น และตอนนี้มันก็ไม่จำเป็นกับเขาอีกแล้ว เพราะมัวไปกังวลอยู่กับมันจนหลงลืมสิ่งสำคัญที่สุดไป นั่นก็คือสิ่งที่เขารับรู้ได้ด้วยใจของตนมาตลอดนั่นเอง

คิมหันต์ตัดสินใจลองกดโทรศัพท์ดูอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ยินเสียงเรียกดังมาจากนอกโทรศัพท์ และกำลังเคลื่อนตรงมาหาเขา เขากดวางสาย แล้วเสียงดังกล่าวก็หายไปเช่นกัน ในท่ามกลางความเงียบงันอันเนิ่นนานนั้น มีคำพูดอยู่มากมาย แต่สิ่งที่เขาเลือกจะพูดออกมาเป็นคำแรกคือ

“หนึ่ง...แต่งงานกับผมนะครับ”

ในเสียงสะอื้นมีคำตอบที่มั่นใจดังขึ้นสั้นๆ

“...ค่ะ...”

และแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับคนสองคนที่รักกัน




 

Create Date : 17 กันยายน 2553
0 comments
Last Update : 1 มีนาคม 2555 15:00:30 น.
Counter : 662 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.