ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
24 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

จะฆ่าเมียรัก

ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ผมแอบดูรายการสารคดีที่เกี่ยวกับ ‘นิติเวชวิทยา’ เกือบจะทุกรายการที่มีฉายอยู่บนเคเบิลทีวี รวมไปถึงภาพยนต์ และหนังชุดที่เกี่ยวข้องอย่าง ‘ซีเอสไอ’ ที่เป็นเรื่องการปฏิบัติงานของหน่วยพิสูจน์หลักฐานของทางอเมริกาพวกนั้นด้วย มีข้อมูลที่เป็นความจริงมากมายถูกนำเสนออยู่ในเรื่องราวเหล่านี้

ผมดูรายการพวกนี้ไปทำไมน่ะหรือ ก็เพราะผมกำลังวางแผนที่จะฆ่าภรรยาของผม โดยที่ไม่ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยยังไงล่ะครับ

จริงๆ แล้วชีวิตแต่งงานของผมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายนักหรอก มันเริ่มต้นขึ้นจากความรัก เราไม่ได้ถูกบังคับให้แต่งงานกันแบบคลุมถุงชนอะไรแบบนั้น ก่อนที่จะแต่งเราก็มีการคบหาดูใจกันมานานพอสมควร นานพอที่ว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง หากเราไม่แต่งงานกัน เราก็คงจะต้องบอกลาทางใครทางมันนั่นแหละ

เราแต่งงานกันมาได้เจ็ดปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกสักที ซึ่งพวกเราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกันมากมาย จะมีก็แต่พวกญาติๆ ที่พยายามลุ้นอยากจะได้อุ้มหลานอุ้มเหลนกันเสียทีนั่นแหละ เราจึงไม่ได้ไปหาหมอ หรือทำอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ตกลงกันไว้ว่าถ้ามีก็มี ถ้าไม่มีก็ช่างมัน

ชีวิตคู่ของพวกเราก็คงไม่ต่างอะไรกับคู่อื่นๆ มากนัก มีหวานชื่น มีขมขื่น ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา เหมือนกับที่มันควรจะเป็นเมื่อคนสองคนต้องมาอยู่ใกล้ชิดใช้ชีวิตร่วมกัน

ผมไม่เคยเชื่อเลยเมื่อได้ยินใครพูดว่าชีวิตคู่ของพวกเขานั้นแสนจะหวานชื่น ไม่เคยทะเลาะกันเลยอะไรแบบนั้น ผมคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่นิยายรักที่ตอนจบจะบอกเอาไว้แค่ว่า ‘แล้วทั้งสองก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข’ อะไรแบบนั้น

เพราะในนิยาย ทั้งพระเอก และนางเอก มักจะไม่ต้องคิดถึงภาระรับผิดชอบต่างๆ ในชีวิต รวมถึงไม่ต้องจัดการกับความแตกต่างที่เกิดจาก ความคิด นิสัย ของแต่ละคน ที่แก้กันไม่ได้ง่ายๆ ด้วย

พอมาถึงจุดนี้หลายคนก็อาจจะคิดขึ้นมาว่า

‘ก็ถ้ามันเป็นอย่างนั้น แล้วเอ็งจะวางแผนฆ่าเมียไปทำไมกันเล่า’

ครับ ถ้าเรื่องทั้งหมดมันมีเพียงแค่นี้ ผมก็คงไม่มานั่งคิดนอนคิดแผนให้มันยุ่งยากหรอกครับ ผมก็คงใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้พบกับ ‘เธอ’

พอได้ยินแบบนี้เข้า หลายคนก็คงทำหน้าเอือมระอาใส่ผมพร้อมกับนึกในใจว่า

‘...ว่าแล้วเชียว’

เธอชื่อ ‘ซี’ ครับ เป็นเพื่อนที่ทำงานของภรรยาผม และเธอเองนั่นแหละที่ทำให้เราสองคนได้มาเจอะเจอกัน ผมยังจดจำเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ราวกับว่ามันพึ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เอง

น้องซีเดินเข้ามาในบ้านของเราพร้อมด้วยรอยยิ้มเก๋ ผมยาวตรงสีดำเป็นเงางาม ผิวขาว รูปร่างดี เธอแต่งตัวเรียบๆ โชว์เรือนร่างพองามไม่มากมายจนเกินไป แว่นตาสีแดงที่สวมอยู่ก็ขับเน้นใบหน้าของเธอให้ชวนมองมากยิ่งขึ้น ผมจ้องมองเธออย่างไม่วางตา เธอเหมือนกับผู้หญิงที่เคยอยู่ในจินตนาการของผมแล้วกระโดดออกมากลายเป็นตัวตนจริงๆ

ในวันนั้นผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับเธอมากมายนัก แต่เมื่อฟังจากที่ภรรยาของผมนำกลับมาเล่าในภายหลัง ก็ดูเหมือนว่า เราจะมีอะไรที่คล้ายๆ กันหลายอย่าง แถมภรรยาของผมยังแกล้งแซวเล่นๆ อีกด้วยว่า ดูเหมือนว่าน้องซีเองก็แอบชื่นชมผมอยู่เช่นกัน

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็มีโอกาสได้พบเจอกับเธออีกหลายครั้ง ดูเหมือนกับว่าเธอจะดูสวยน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ เราพูดคุยกันได้อย่างถูกคอ และในที่สุดเธอก็ไม่เคยห่างหายไปจากใจของผมอีกเลย เธอคอยเฝ้าติดตามผมไปในทุกๆ ที่ แล้วชีวิตของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมจะต้องหาทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับน้องซีคนสวยให้ได้

ในตอนแรกผมคิดเพียงแค่จะหาเรื่องขอหย่ากับภรรยา แต่ถ้าหากทำเช่นนั้น ผมกับเธอก็ต้องแบ่งสมบัติกันไปคนละครึ่ง แถมตัวผมก็จะดูไม่ค่อยดีนักในสายตาของน้องซีด้วย และเนื่องจากทั้งตัวผมและภรรยาต่างก็ได้ทำประกันชีวิตเอาไว้เป็นเงินก้อนโตพอสมควร ผมจึงเกิดความคิดอีกประการหนึ่งขึ้นมา

การได้เริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมด้วยเงินสดก้อนโตนั้น ดูเหมือนจะทำให้การก้าวไปสู่ขั้นต่อๆ ไปในชีวิตคนโสดอีกครั้งของผมราบรื่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ แถมยังอาจจะได้คะแนนสงสารจากการที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รักไปอีกด้วย มันทั้งดูดี และคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน

หลังจากทำการเก็บข้อมูลต่างๆ มาระยะหนึ่งผมก็เริ่มได้ข้อสรุป ผมทำการจัดแบ่งแนวคิดหลักๆ ของการฆาตกรรมอำพรางที่สมบูรณ์แบบออกมาได้เป็นสามประเด็นด้วยกัน

ข้อแรกเลยก็คือ ‘ไม่มีศพ ไม่มีคดี’ หากไม่มีการพบศพมันก็เป็นได้แค่เพียงคดีคนหายเท่านั้น แต่กว่าที่ศาลจะสั่งให้ผู้ที่สูญหายไปนั้นกลายเป็นผู้ตายก็ต้องรอระยะเวลาอีกหลายปี ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งในเรื่องของการหย่า และที่สำคัญกว่าคือเรื่องการขอเครมเงินประกันชีวิตนั่นเอง

นอกจากนี้การจัดการกับศพของคนนั้นเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเลอะเทอะ สิ้นเปลืองทั้งเรี่ยวแรง และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างมาก ส่วนการที่จะทำเรื่องทั้งหมดนี้ให้เป็นความลับนั้น ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากว่าคุณมีบ้านอยู่ในเมือง และมีชีวิตที่ต้องตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน

คุณคงไม่อาจขอลาหยุดเพื่อมาหั่นร่างของภรรยาได้โดยที่ไม่มีใครนึกสงสัย คุณจะแจ้งที่ทำงานของภรรยาอย่างไรว่าทำไมเธอจึงไม่ได้ไปทำงาน ส่วนถ้าเป็นวันหยุดคุณจะบอกเพื่อนบ้านที่บังเอิญอยากจะเดินมาคุยกับภรรยาของคุณว่าอย่างไร พวกเขาอาจสงสัยที่มีคนอยู่ แต่บ้านกลับปิดเงียบเชียบ

การกำจัดส่วนที่เป็นเนื้อนั้นทั้งยุ่งยากและเลอะเทอะอย่างที่กล่าวมาแล้ว ยิ่งเรื่องการล้างทำความสะอาดเพื่อไม่ให้มีร่องรอยหลงเหลือในภายหลังนั้น เป็นงานใหญ่โตยิ่งกว่าการทำความสะอาดบ้านก่อนวันตรุษจีนเสียอีก นี่ยังไม่นับรวมถึงส่วนของกระดูกที่ยากจะกำจัดอีกด้วย

หากคุณไม่บังเอิญที่จะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ที่ใช้จัดการกับศพได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครสงสัย อย่างเช่นพวกเตาเผาขนาดใหญ่ที่มีการเดินเครื่องอยู่ตลอดเวลา หรือพวกสถานที่ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดการกับศพโดยตรง ก็ขอให้ลืมข้อนี้ไปได้เลย

แต่ถ้าคุณบังเอิญมีความสามารถที่ว่านี้เข้า นั่นก็จะเป็นจุดแรกๆ ที่ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด การหลงเหลือหลักฐานแม้เพียงเล็กน้อยเอาไว้อาจหมายถึงจุดจบของคุณ

ส่วนข้อต่อมาก็คือการทำให้ดูเหมือนกับเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งข้อนี้เองก็มีความยุ่งยากซับซ้อนพอๆ กัน อุบัติเหตุภายในบ้านที่ทำให้ถึงตายได้นั้นมีอยู่น้อยกว่าที่คุณคิด

ส่วนอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นได้บ่อยกว่านั้นก็จัดการให้แนบเนียนไร้หลักฐานได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่แทบจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกเหล่านั้นเลย เมื่อไรที่รถของผมเสีย ผมทำได้แค่เพียงเกาหัวพร้อมกับโทรศัพท์ไปเรียกช่างมาดูเท่านั้น

ในบ้านของผมก็ไม่มีปืนสักกระบอกที่จะเอามาทำให้ลั่นได้ การไปหาปืนมาเพียงเพื่อจะให้มันลั่นก็เป็นความคิดที่แย่เอามากๆ ‘ทำไมเขาถึงมีปืนเก็บอยู่ในบ้านด้วย’ ‘หลังจากได้ปืนมาไม่นานมันก็ลั่นใส่ภรรยาชองเขา’ ใครๆ ก็สามารถเดาเรื่องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นหากคุณเป็นคนธรรมดาๆ ที่ไม่มีทั้งกำลังคน และอำนาจบารมีให้ใช้ คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการให้เกิดสองกรณีที่กล่าวมาแล้วนั้นได้ ซึ่งก็นำผมมาสู่ข้อสรุปในประเด็นสุดท้าย นั่นก็คือ ทำให้เกิด 'การเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ' ขึ้น

การตายโดยไม่ทราบสาเหตุนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทางนิติเวชได้ทำการผ่าพิสูจน์ศพแล้ว แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้อย่างแน่ชัด และไม่มีร่องรอยอื่นใดในร่างกายที่ก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการตายว่าอาจจะเกิดจากการฆาตกรรม

การถูกทุบ ตี ฟาด หรือ รัด จะก่อให้เกิดร่องรอยบนผิวหนัง การทุบด้วยของแข็งที่ห่อหุ้มด้วยวัสดุนุ่มๆ แม้จะไม่ทำให้เกิดร่องรอยขึ้นบนผิว แต่ก็จะเกิดร่องรอยความบอบช้ำกับอวัยวะภายใน

การใช้ สารเคมี ยา หรือ สารพิษ จะถูกพบได้ง่ายๆ ด้วยการตรวจหาจาก เลือด เนื้อเยื่อของอวัยวะบางอย่าง อาหารที่หลงเหลืออยู่ภายในระบบย่อยอาหาร

การอุดจมูก ปาก ให้ขาดอากาศ อาจจะพบร่องรอยการกดบนใบหน้า หากใช้หมอนนุ่มๆ ก็จะพบพวก เส้นใย ฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ได้ในทางเดินหายใจ

เมื่อมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดเหมือนๆ กันว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดการตายโดยไม่ทราบสาเหตุขึ้น หรือถ้าทำได้จริงมันก็คงต้องอาศัยกระบวนการต่างๆ ที่ซับซ้อนยุ่งยาก ซึ่งตอนแรกผมเองก็คิดแบบนั้น จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อผมได้หยิบหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเล่มเก่าที่เคยอ่านตั้งแต่เมื่อสมัยเด็กๆ ขึ้นมาดูอีกครั้ง ความคิดทั้งหมดของผมก็เปลี่ยนไป

ตัวละครเอกในเรื่องเป็นสายลับที่กำลังวางแผนลอบสังหารผู้นำทางการทหารของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งวิธีการที่เขาใช้ถูกอธิบายเอาไว้อย่างละเอียด และนั่นคือคำตอบที่ผมต้องการ การจัดฉากเพื่อให้เกิดการตายโดยไม่ทราบสาเหตุขึ้น

ไม่มีอะไรซับซ้อน หลักการง่ายๆ คือทำให้เป้าหมายนอนหลับอยู่ในสถานที่ปิดมิดชิดซึ่งถูกทำให้มีความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์สูงเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว คล้ายๆ กับการนอนหลับในรถที่ติดเครื่องทิ้งเอาไว้แล้วเสียชีวิต แต่ในกรณีนั้นจะเกิดจากคาร์บอนมอนอกไซด์จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์รั่วเข้ามาภายในตัวรถจนทำให้ร่างกายหยุดทำงาน

คาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนผสมปกติที่มีอยู่แล้วในอากาศทั่วๆ ไป มันจึงไม่ใช่ก๊าซพิษ เพียงแต่หากมันมีสัดส่วนของความเข้มข้นในอากาศสูงถึงระดับหนึ่ง ก็จะทำให้ร่างกายหยุดการทำงานลงได้เช่นกัน

ส่วนสิ่งที่สามารถนำมาใช้สร้างคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากๆ โดยไม่หลงเหลือหลักฐานใดๆ เอาไว้นั้น สามารถหาได้ง่ายๆ เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด และที่สำคัญก็คือ ผมไม่จำเป็นต้องซื้อของที่ว่านี้มาโดยตรง แต่มันจะถูกแถมมาเมื่อผมซื้อสินค้าอีกชนิดหนึ่ง นั่นทำให้หลักฐานต่างๆ ที่จะเชื่อมโยงมาถึงตัวผมได้นั้นลดน้อยลงไปอีก เพียงแต่ปริมาณที่แถมมานั้นน้อยไปหน่อย ผมจึงต้องค่อยๆ สะสมมันจนได้ปริมาณที่มากเพียงพอ

ตอนนี้ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อย 'อาวุธสังหาร' ของผมถูกแช่เตรียมพร้อมเอาไว้อยู่ในตู้เย็น พรุ่งนี้เช้าผมจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง พร้อมด้วยเงินสดก้อนโต น้องซีจะต้องสงสารคนที่สูญเสียภรรยาสุดที่รักไปอย่างผม จากความสงสาร ความใกล้ชิด สุดท้ายก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความรักไปในที่สุด คืนนี้หลังจากเสร็จเรื่องทั้งหมดแล้ว ผมคงต้องนอนหลับฝันดีแน่ๆ

#####

ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่สามียังคงนอนอยู่ข้างๆ ตามปกติแล้วป่านนี้เขาจะต้องกำลังเดินทางไปทำงานอยู่ ที่ทำงานของเขาอยู่ไกลกว่าฉัน และเขาต้องออกจากบ้านก่อนฉันทุกวัน

ฉันเริ่มทบทวนสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำ วันนี้จะเป็นส่วนที่ยากที่สุดของงานที่เตรียมการมาทั้งหมด ฉันเริ่มเขย่าตัวเขาทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกแล้ว ตัวเขาเริ่มแข็งนิดหน่อยแล้วด้วย ฉันคลำหาชีพจร พร้อมทั้งพยายามฟังเสียงหัวใจที่หน้าอก แน่ละมันจะมีไปได้อย่างไร

ฉันลุกขึ้นแล้วตรวจดูร่องรอยทั้งหมดภายในห้องอีกครั้ง ทุกอย่างดูดีอย่างที่ฉันต้องการ สุดท้ายฉันก็เดินไปหยิบโทรศัพท์พร้อมกับกดเบอร์ ‘หนึ่งเก้าหนึ่ง’ บทที่เตรียมไว้ถูกพูดอย่างชำนาญ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าพูดได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ฉันหมายถึงว่ามันดูเหมือนกับว่าฉันกำลังแตกตื่นตกใจอย่างสมจริง

อีกไม่นานทั้งตำรวจ และหน่วยกู้ชีพก็จะมาถึง ที่เหลือฉันก็เพียงแค่ต้องเล่นละครเรื่องนี้ต่อไปให้จบเท่านั้น

ฉันหันไปหาร่างของสามีที่ยังนอนหลับตาพริ้มอยู่ ‘เรื่องทั้งหมดนี่มันก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ’ ที่ฉันพาน้องซีหญิงสาวในเสปคของคุณมาหาที่บ้าน และจัดให้ได้พบกันอีกหลายครั้งนั้น ฉันก็แค่อยากให้คุณเป็นคนขอหย่าเท่านั้นเอง เพื่อที่จะได้แบ่งสมบัติของคุณไปครี่งหนึ่ง

แต่เมื่อคุณเริ่มแอบดูรายการพวกนั้นพร้อมกับเอาเอกสารประกันชีวิตที่คุณไม่เคยสนใจเลยสักนิดออกมาอ่าน ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร

ฉันรออยู่ตั้งนานแต่คุณก็คิดแผนดีๆ ออกมาไม่ได้เสียที สุดท้ายฉันจึงต้องเอาการ์ตูนเล่มนั้นไปวางเอาไว้ในกองหนังสือที่คุณชอบรื้อหยิบหนังสือเล่มเก่าๆ ออกมาอ่านเวลาที่ไม่มีอะไรจะทำ เห็นไหมว่าฉันใส่ใจคุณมากถึงเพียงไหน

เมื่อคืนคุณคงไม่รู้หรอกว่าฉันแอบเติมยานอนหลับเข้าไปในอาหารของคุณด้วย คุณจึงไม่ได้ตื่นขึ้นมาจัดการกับฉันตามแผน แน่ละตำรวจจะตรวจพบยานอนหลับในตัวคุณ แต่ฉันก็จะบอกกับคุณตำรวจไว้ตั้งแต่เช้านี้แล้วว่า 'คุณกินยานอนหลับไปเมื่อคืน' คุณมีประวัติเคยใช้ยานอนหลับเป็นประจำอยู่แล้ว พวกเขาคงไม่สงสัยอะไรมาก

ฉันรอจนคุณหลับ หลังจากนั้นก็ปิดแอร์ในห้องนอน แล้วนำเอาอาวุธสังหารมาวางทิ้งไว้ ปิดห้องให้สนิทเรียบร้อย จากนั้นฉันก็แค่รอคอยเวลาให้ผ่านไป หลังจากที่เข้าไปตรวจดูอีกครั้งจนแน่ใจว่าคุณได้จากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันจึงค่อยเปิดแอร์ พร้อมกับเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อระบายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากห้อง

สุดท้ายจึงเป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุด ฉันต้องกลับขึ้นไปนอนบนเตียงต่อจนกระทั่งถึงตอนเช้า เพื่อให้มีร่องรอยการนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสมบูรณ์ไม่มีพิรุธ ซึ่งข้อนี้ต้องขอบคุณยานอนหลับของคุณที่ช่วยได้มาก

มันยังเป็นการกลบเกลื่อนได้ดีอีกทางหนึ่งด้วย เพราะหากพวกตำรวจสงสัยที่พบรอยนิ้วมือของฉันบนขวดยานอนหลับของคุณ ฉันจะได้บอกกับพวกเขาว่า ฉันเองก็ใช้ยานอนหลับของคุณเป็นบางครั้ง และเมื่อคืนนี้ก็ใช้เหมือนกัน

ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะเชื่อมโยงมาสู่ตัวฉัน เพราะคุณเองนั่นแหละที่เป็นคนจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้อย่างพร้อมสรรพ คงจะไม่มีการฆาตกรรมอำพรางในครั้งใดที่ดูดีไม่มีที่ติเท่าครั้งนี้อีกแล้ว

* การระบุชื่อของ 'อาวุธสังหาร' ที่ใช้ภายในเรื่องนี้ถูกตัดออกไปเนื่องจากมีความไม่เหมาะสม




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
3 comments
Last Update : 1 มีนาคม 2555 14:58:37 น.
Counter : 676 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 24 กุมภาพันธ์ 2553 8:25:03 น.  

 


มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

นาน ๆ ถึงจะได้อ่านเรื่องสั้นที่ดี ๆ ในเน็ตครับ

เรื่องสั้นนี้ถือว่าแต่งได้ดีพอสมควรเลยครับ พล็อตเรื่องดี สำนวนที่ใช้ก็ดีครับ ท่าทางว่า จขบ. ต้องเป็นนักเขียนมืออาชีพแน่ ๆ เลยครับ

เสียดายตอนจบของเรื่อง น่าจะมีอธิบายต่อให้กระจ่างอีกสีกนิดนะครับ ว่าคุณภรรยาสามารถผ่านข้อสงสัยของตำรวจไปได้ ... หรืออะไรประมาณนั้นครับ

ชอบครับ

ไว้จะมาตามอ่านอีกนะครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) 24 กุมภาพันธ์ 2553 12:27:04 น.  

 

อ้าววววว=_=

 

โดย: บุ๋ม IP: 203.144.144.165 28 กุมภาพันธ์ 2553 20:39:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.