ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
คลื่นรัก

'เมื่อยี่สิบปีก่อน มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งถูกตามล่าจากใครบางคนที่ไม่ใช่มนุษย์ ด้วยความจริงนั้น ภรรยาของเขาคือเงือกสาวชาวทะเล ที่ขัดขืนคำสั่งของราชินีเงือกซึ่งต้องการให้เงือกสาวล่อลวงมนุษย์ผู้ชายที่หลงรักมาเป็นอาหารแก่ตน

สุดท้ายภรรยาถูกสาปให้กลายเป็น รูปปั้นนางเงือก ซึ่งมีประเพณีต้องถูกจับ ถูกลูบคลำปทุมถันไปตลอด ส่วนสามีก็ต้องกลายเป็นเม็ดทรายสีเข้มที่รายล้อมฐานรูปปั้น เป็นทรายที่ไม่ติดรองเท้า เท้า หรือแม้แต่ติดอยู่ในมือเมื่อมีคนพยายามโกยมันขึ้นมา เม็ดทรายสีเข้มเหล่านั้นจะไหลพรูผ่านง่ามนิ้วมือกลับลงสู่ที่ของมันทุกเม็ด

ผู้คนจะเหยียบย่ำเม็ดทรายเพื่อให้ได้ลูบจับปทุมถันของรูปปั้นนั่นเอง'

ตัดต่อ และยกบางส่วนมาจาก คำสาป เรื่องสั้นของคุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค ซึ่งเป็นที่มา แรงบันดาลใจของเรื่องสั้นเรื่องนี้ของผม

คลื่นรัก

ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวคราม นั่งนิ่งอยู่ริมชายหาดทอดสายตามองออกไปสู่ท้องทะเลกว้าง เบื้องหลังของเขาคือรูปปั้นนางเงือกต้องสาปที่ตั้งอยู่บนทรายปริศนา พร้อมตำนานที่เล่าขานถึงความรักอันแสนรันทดระหว่างมนุษย์กับชาวทะเล ระหว่างชายหนุ่มกับเงือกสาว และความโหดร้ายของวิถีชีวิตภายใต้การปกครองของราชินีเงือก

ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มีส่วนใดเท็จ ส่วนใดจริง ใครเล่าจะรู้

ทะเลเบื้องหน้าพลันแยกตัวออก หญิงสาวผู้งดงามค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจากท้องทะเล บนเรือนผมนั้นทัดไว้ด้วยดาวทะเลสีแดงสด นอกจากนั้นแล้วทั่วทั้งร่างก็ไม่มีสิ่งใดปกปิดกายอีกเลย นางก้าวเดินอย่างช้าๆ คล้ายกับไม่ค่อยคุ้นเคยกับขาทั้งสองข้างนั้น

ชายหนุ่มเงยหน้ามองด้วยความตกตะลึง หวนนึกถึงตำนานเรื่องรูปปั้นต้องคำสาปนั้นอีกครั้ง

หญิงสาวยิ้มก่อนเอ่ยวาจา

“เราได้พบกันอีกแล้วนะ”

คำทักทายของนางสร้างความงุนงงให้กับเขาไม่น้อย นางมองดูสีหน้าเขาด้วยความขบขัน

“เมื่อเจ็ดวันก่อน ข้าพบกับท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว จำได้หรือไม่”

'เมื่อเจ็ดวันก่อน' ชายหนุ่มคิดอย่างขมขื่น นั่นคือชีวิตทั้งหมดของเขาเลยทีเดียว เขาเป็นใครมาจากไหน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ เขาไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเจ็ดวันก่อน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้พบเขานอนสิ้นสติอยู่ที่ชายหาด ชาวบ้านคาดว่าเขาอาจจะตกจากเรือลำใดลำหนึ่ง หรือไม่ก็เผชิญพบกับโจรสลัดกลางทะเล ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังโชคดีที่รอดชีวิตมาได้

“ข้าเป็นคนช่วยพาท่านมาจากกลางท้องทะเล จนถึงชายหาดแห่งนี้เอง”

ภาพใบหน้าเลือนลางที่งดงามของใครคนหนึ่งวูบขึ้นมาในความทรงจำ นั่นคงเป็นผู้หญิงคนนี้ 'หรือว่านางจะเป็น' ผิวบางส่วนของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นเกล็ดที่แวววาวให้เห็น

“...ใช่แล้ว ข้าเป็นชาวทะเล ข้าเป็นเงือก”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เหม่อมองดูนางอย่างเลื่อนลอย ภาพเหตุการณ์ในกลางท้องทะเลลึก เล่นซ้ำไปมาอย่างสับสน ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองต่างฝากชีวิตเอาไว้ในมือของกันและกัน มันจึงก่อเกิดเป็นความรู้สึกผูกพันเหนียวแน่นขึ้นอย่างประหลาด

“...ข้าจำได้แล้ว ต้องขอบคุณเจ้ามาก และ และ...ถ้าข้าจดจำเจ้าได้ก่อนหน้านี้ ข้าคงต้องคิดถึงเจ้าทุกวันคืน”

“ซึ่ง...ข้าเองก็เป็นเช่นนั้น” ใบหน้าของนางหมองเศร้าลง “และวันนี้เป็นวันที่เจ็ดเสียแล้ว” นางเหลือบมองไปทางรูปปั้นนางเงือก แววตามีความหวาดกลัวขึ้นอย่างไม่อาจปกปิด

ชายหนุ่มขบคิดใคร่ครวญเรื่องทั้งหมดนี้ ก่อนได้ข้อสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว 'นางเป็นเงือก และถ้าเรื่องเล่านั้นเป็นความจริง เจ็ดวันของนางก็มีความหมายว่า' ชายหนุ่มเย็นวาบไปทั้งตัว

“ท่าน ท่าน...ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า หนีไปให้ไกลที่สุด แล้วอย่าได้เข้าใกล้ทะเลอีกตลอด...”

นางจะพูดว่าอะไรต่อก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะแส้เส้นหนึ่งได้ม้วนพันเข้ากับลำคอที่ขาวผ่องของนางพร้อมกับรัดจนแน่น ดาวทะเลสีแดงบนเส้นผมนั้นร่วงหล่นลงสู่ผืนทราย เมื่อมองตามที่มาของแส้ไป มันกลับกลายเป็นเส้นผมของผู้หญิงอีกนางหนึ่งซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาจากทะเลอย่างช้าๆ

“...รา...จี...หนี...ไป...”

หญิงผู้มาใหม่ซึ่งถูกเรียกว่า ราจี ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก

“มาลล์ เจ้าอย่าได้พูดอีกแม้แต่คำเดียว จงคิดถึงรูปปั้นกับทรายต้องสาปนั้นให้ดี เจ้าคงไม่อยากเป็นเช่นนั้น หรืออะไรอย่างอื่นที่เลวร้ายกว่านั้น”

ชายหนุ่มฉวยโอกาสนั้นตวัดดาบฟันออกอย่างรวดเร็ว ท่าดาบเฉียบคม ทอดเงาโค้งดุจเดือนเสี้ยว วูบเดียวแล้วหายวับ ถึงกับตัดแส้เส้นผมที่ร้ายกาจของราจีขาดสะบั้นในดาบเดียว ร่างของเงือกสาวผู้นั้นเซถลาล้มลงบนหาดทราย ชายหนุ่มรีบขวางดาบโผเข้าไปกั้นกลางระหว่างหญิงทั้งสองเอาไว้

“ข้าแม้ความจำเสื่อม แต่ยังคงไม่ลืมเลือนวิชาฝีมือที่มีติดตัวมา” มันยกอาวุธในมือขึ้น “กับดาบโค้งเล่มนี้”

ในใจของชายหนุ่มเกิดความรู้สึกต่างๆ ขึ้นมากมาย แม้มีความทรงจำอยู่เพียงแค่เจ็ดวัน แม้มีความทรงจำลางเลือนเพียงไม่นานกับนาง แต่เมื่อได้ยินนางบอกให้รีบหนี ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็ชัดเจนขึ้นมา

“เจ้ารีบหนีไปให้ห่างทะเลที่สุด ข้าจะคอยปกป้องเจ้าเอง”

“ไม่ ท่านสู้ราจีไม่ได้หรอก”

“ข้าจะขอทดสอบดูเอง”

“ทำไม ทำไม ท่านต้องทำเช่นนี้ด้วย”

ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะพูดคำนั้นออกไป

“เพราะข้ารักเจ้า”

ราจีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแผดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มพลันเกิดลางอัปมงคลขึ้นภายในจิตใจ มาลล์โผเข้ามาสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง บดเบียดทรวงอกอวบอิ่มนั้นเข้ากับแผ่นหลัง นางกอดรัดเขา รัดทั้งสองแขนเอาไว้ เอาคางเกยไหล่กระซิบเสียงหวาน ในขณะที่ชายหนุ่มพลันเข้าใจเรื่องทั้งหมด

“ข้าเพียงรอให้ท่านพูดคำนี้เท่านั้น ข้า...ปลอดภัยแล้ว”

ก่อนที่นางจะเริ่มแผดเสียงหัวเราะผสานไปกับราจี ท้องฟ้าพลันมืดมิดลง ท้องทะเลปั่นป่วนคุ้มคลั่งก่อนจะค่อยๆ แยกจากกัน เปิดเผยให้เห็นหญิงงามอีกนางหนึ่งค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจากท้องทะเล ท่ามกลางเงือกองครักษ์ บนศีรษะของนางสวมใส่เครื่องประดับที่มีมุกสีดำขนาดใหญ่ นางคือผู้ที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารของชาวทะเลทั้งมวล ราชีนีเงือกผู้ไร้หัวใจ

มาลล์ ปลดปล่อยร่างชายหนุ่ม ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้นอีกต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ราชินี นางย่อตัวถวายความเคารพแด่เจ้าชีวิตของนาง

“ข้าขอถวายอาหารแก่องค์ราชินีผู้เลอโฉม มนุษย์ผู้ชายที่เก่งกล้าผู้นี้คงสร้างความอิ่มเอมให้กับฝ่าบาท”

ใบหน้าขององค์ราชินีแย้มยิ้มอย่างไร้อารมณ์

“เจ้า...ไม่เสียดายชายหนุ่มผู้นี้บ้างเลยหรือ”

มาลล์ทำหน้าไม่เข้าใจ “ไม่เลย ฝ่าบาท”

“ไม่แม้แต่นิดเดียว...” องค์ราชินีถามย้ำ จนแม้แต่ราจียังเกิดความสงสัย “...ถ้าอย่างนั้น เหตุใดหัวใจของเจ้าจึงเต้นด้วยท่วงทำนองแห่งความรักเช่นนั้น”

“...ข้า...”

“เจ้ามีความรัก แต่เจ้ากลัวข้า” องค์ราชินีเริ่มหัวเราะ “เจ้ากลัวข้า มากกว่าความรักของตัวเอง...ข้าดีใจยิ่งนัก”

นางแผดเสียงลั่น “ความรักนั้นมิได้ยิ่งใหญ่เลยซักนิด แม้แต่ความกลัวก็ยังสามารถเอาชนะมันได้ เจ้าจงดู” นางแผดเสียงโดยไม่ระบุถึงใคร แต่คล้ายกับเหลือบมองไปยังรูปปั้นต้องสาปนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

ในจังหวะนั้นเองชายหนุ่มก็ฉวยโอกาสลงมือจู่โจม เป็นอีกครั้งที่เงาโค้งรูปเดือนเสี้ยวสาดแสงกรีดผ่านอากาศ แม้แต่แส้ร้อยสายจากเส้นผมบนหัวของราจีที่ว่ารวดเร็วรุนแรงแล้ว ก็ยังไม่อาจติดตามท่าดาบนี้ได้ทัน บนใบหน้าของนางพี่เลี้ยงบังเกิดความตื่นตระหนกขึ้นอย่างไม่อาจปิดบัง

เดือนเสี้ยวบนท้องฟ้า สะท้อนเงาบนผิวน้ำ เดือนเสี้ยวโค้งเข้าใส่ลำคอขาวนวล เพียงวูบเดียวก็หายวับ เสียงหัวเราะขององค์ราชินียังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่เดือนเสี้ยวร่วงหล่นลงในท้องทะเล ดาบโค้งในมือของชายหนุ่มหลงเหลือเพียงด้ามเท่านั้น

“บังอาจ”

สายฟ้าสีดำพุ่งออกจากมือขององค์ราชินี ฟาดร่างของชายหนุ่มจนลุกไหม้ก่อนหล่นลงไปในทะเล เกลียวคลื่นม้วนร่างของเขากลืนหายลงไปอย่างหิวกระหาย

“ไม่...”

มาลล์ออกวิ่งติดตามไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มความจำเสื่อมจมหายไป ไม่สนใจองค์ราชินี ไม่สนใจความกลัวอีกแล้ว

องค์ราชินีส่งเสียงกรีดร้องบาดแก้วหู ก่อนยืดเหยียดร่างของตนจนแลดูสูงใหญ่ขึ้นหลายเท่า เกล็ดสีนิลทั่วร่างของนางสะท้อนให้เห็นถึงความมืดหม่นที่อยู่ลึกลงไปภายใน นางไร้หัวใจอย่างที่ใครว่า หรืออันที่จริงแล้ว นางก็เคยมีหัวใจ แต่ต้องสูญเสียมันไปอย่างโหดร้ายก็เป็นได้

องค์ราชินีเริ่มร่ายคำสาปด้วยความเกลียดชัง

“ด้วยอำนาจแห่งมงกุฎไข่มุก” ไข่มุกดำเรืองแสงหม่นเป็นรัศมี “เกลียวคลื่นและสิเน่หา” ร่างของมาลล์ที่วิ่งลงไปในทะเลถูกคลื่นยึดจับเอาไว้ ในขณะที่ร่างของชายหนุ่มก็ถูกคลื่นยกชูขึ้นมาจากท้องทะเล “ข้าแต่โพไซดอน...” ความรู้สึกแปลกประหลาดพลันเกิดขึ้นกับนาง “...เทพเจ้าแห่งทะเล...”

ชายหนุ่มที่ถูกคลื่นจับเอาไว้พลันลืมตาขึ้น ดวงตาสีเขียวคราม ผมที่ปลิวเหมือนเกลียวคลื่น ท้องทะเล กับเกลียวคลื่น ชายผู้มีความทรงจำของมนุษย์อยู่เพียงเจ็ดวัน คลื่นที่เคยจับเขาเอาไว้แตกกระจายออกกลายเป็นฝูงคลื่นรูปม้าถาโถมเข้าใส่เหล่าองค์รักษ์เงือกจนแตกกระจาย เหลือเพียงองค์ราชินีที่ยังยืนอยู่อย่างทายท้า

“ท่าน...เป็นท่าน...”

ความทรงจำของชายหนุ่มกลับคืนมาหมดแล้ว เขาจำได้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ เขาคือผู้ที่ราชินีเงือกพึ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้

“...โพไซดอน ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”

เทพแห่งทะเลยืนเด่นอยู่เหนือเกลียวคลื่น ใบหน้างดงามนั้นเงียบงัน

“เป็นความผิดของข้าเอง ที่ทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้”

ใบหน้าขององค์ราชินีบิดเบี้ยว “...ท่าน...” ความทรงจำแสนหวานในเกลียวคลื่นวันนั้นย้อนกลับมาจนนางอยากจะฉีกกระชากดวงใจของตนเองให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางกรีดร้องโหยหวน

สายฟ้าสีดำหลายสิบเส้นฟาดเข้าใส่ร่างของเทพแห่งทะเล แม่แต่ราจีก็ยังคาดไม่ถึงว่าองค์ราชินีจะกล้าทำถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นที่รู้กันดีว่า การทำร้ายเทพเจ้านั้นย่อมมีบทลงโทษอยู่เพียงสถานเดียวเท่านั้น

เทพแห่งทะเลจุ่มด้ามของดาบโค้งที่ถืออยู่ในมือลงในท้องทะเล เมื่อเขายกมือขึ้นอีกครั้ง มันก็กลายเป็นไทรเด้น สามง่ามซึ่งเป็นอาวุธคู่กายที่แท้จริงของเขา สายฟ้าสีดำที่เป็นเหมือนกับอสรพิษร้ายต่างไม่อาจเข้าใกล้ร่างของเทพเจ้าได้ พวกมันจึงพากันหวนกลับไปฉกกัดเข้าใส่เจ้าของของพวกมัน

“...ฝากไว้ก่อนเถอะ...”

สายฟ้าสีดำเส้นสุดท้ายฉกเข้าใส่ร่างของมาลล์อย่างรวดเร็วจนแม้แต่ เทพแห่งทะเลก็ยังไม่อาจช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่เหล่าเงือกทั้งหมดจะดำมุดน้ำหายไป ในใจขององค์ราชินียิ่งสุมไปด้วยไฟแค้นมากกว่าเดิม

เหลือเพียงเทพแห่งทะเลยืนอยู่เหนือเกลียวคลื่นเพียงลำพัง 'ข้าทำผิดพลาดอีกแล้ว' ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ เงือก หรือแม้แต่ทวยเทพ ความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับอยู่เสมอ

เทพแห่งทะเลยื่นมือลงไปยังร่างของมาลล์ ตั้งใจที่จะคืนชีวิตให้กับนางอีกครั้ง แต่เสียงแห่งดวงวิญญาณของนางดังแว่วผ่านเกลียวคลื่นตรงเข้าสู่ดวงใจของเขา 'เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ...ก็ได้' นางไม่ปรารถนาจะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับความรักอีกต่อไปแล้ว

ร่างของมาลล์ค่อยๆ หดเล็กลง สีสันสดใสยิ่งขึ้น ในที่สุดนางก็ได้มีชีวิต โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับความรักอีก ดาวทะเลสีแดงสดดั่งเลือดล่องลอยหายไปในเกลียวคลื่น

โพไซดอนเหม่อมองดูรูปปั้นนางเงือกต้องสาปที่ตั้งอยู่บนทรายปริศนาเป็นครั้งสุดท้าย 'ข้าตัดสินใจแล้ว' ร่างของเขาหายจากไปในเกลียวคลื่น ท้องทะเลค่อยๆ ติดตามเขาไปด้วย น้ำทะเลหดหายลงไปมากกว่าที่เคย ทุกสิ่งเงียบสงบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เสียงของความสั่นสะเทือนจะดังมา

กำแพงของน้ำทะเลสูงจนบดบังท้องฟ้าสาดซัดเข้าใส่ชายหาดอย่างรวดเร็ว พลัง และความรุนแรงของสายน้ำกวาดกลืนทุกสิ่งให้หายไปจนหมดสิ้น


Create Date : 23 กรกฎาคม 2555
Last Update : 23 กรกฎาคม 2555 18:16:09 น. 1 comments
Counter : 1625 Pageviews.

 
แล้วจะแว๊บมาอ่านอีกนะ







. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .

. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .

. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .

*~*~*~*...ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*



โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:22:28:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.