|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คลื่นรัก
'เมื่อยี่สิบปีก่อน มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งถูกตามล่าจากใครบางคนที่ไม่ใช่มนุษย์ ด้วยความจริงนั้น ภรรยาของเขาคือเงือกสาวชาวทะเล ที่ขัดขืนคำสั่งของราชินีเงือกซึ่งต้องการให้เงือกสาวล่อลวงมนุษย์ผู้ชายที่หลงรักมาเป็นอาหารแก่ตน
สุดท้ายภรรยาถูกสาปให้กลายเป็น รูปปั้นนางเงือก ซึ่งมีประเพณีต้องถูกจับ ถูกลูบคลำปทุมถันไปตลอด ส่วนสามีก็ต้องกลายเป็นเม็ดทรายสีเข้มที่รายล้อมฐานรูปปั้น เป็นทรายที่ไม่ติดรองเท้า เท้า หรือแม้แต่ติดอยู่ในมือเมื่อมีคนพยายามโกยมันขึ้นมา เม็ดทรายสีเข้มเหล่านั้นจะไหลพรูผ่านง่ามนิ้วมือกลับลงสู่ที่ของมันทุกเม็ด
ผู้คนจะเหยียบย่ำเม็ดทรายเพื่อให้ได้ลูบจับปทุมถันของรูปปั้นนั่นเอง'
ตัดต่อ และยกบางส่วนมาจาก คำสาป เรื่องสั้นของคุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค ซึ่งเป็นที่มา แรงบันดาลใจของเรื่องสั้นเรื่องนี้ของผม
คลื่นรัก
ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีเขียวคราม นั่งนิ่งอยู่ริมชายหาดทอดสายตามองออกไปสู่ท้องทะเลกว้าง เบื้องหลังของเขาคือรูปปั้นนางเงือกต้องสาปที่ตั้งอยู่บนทรายปริศนา พร้อมตำนานที่เล่าขานถึงความรักอันแสนรันทดระหว่างมนุษย์กับชาวทะเล ระหว่างชายหนุ่มกับเงือกสาว และความโหดร้ายของวิถีชีวิตภายใต้การปกครองของราชินีเงือก
ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มีส่วนใดเท็จ ส่วนใดจริง ใครเล่าจะรู้
ทะเลเบื้องหน้าพลันแยกตัวออก หญิงสาวผู้งดงามค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจากท้องทะเล บนเรือนผมนั้นทัดไว้ด้วยดาวทะเลสีแดงสด นอกจากนั้นแล้วทั่วทั้งร่างก็ไม่มีสิ่งใดปกปิดกายอีกเลย นางก้าวเดินอย่างช้าๆ คล้ายกับไม่ค่อยคุ้นเคยกับขาทั้งสองข้างนั้น
ชายหนุ่มเงยหน้ามองด้วยความตกตะลึง หวนนึกถึงตำนานเรื่องรูปปั้นต้องคำสาปนั้นอีกครั้ง
หญิงสาวยิ้มก่อนเอ่ยวาจา
เราได้พบกันอีกแล้วนะ
คำทักทายของนางสร้างความงุนงงให้กับเขาไม่น้อย นางมองดูสีหน้าเขาด้วยความขบขัน
เมื่อเจ็ดวันก่อน ข้าพบกับท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว จำได้หรือไม่
'เมื่อเจ็ดวันก่อน' ชายหนุ่มคิดอย่างขมขื่น นั่นคือชีวิตทั้งหมดของเขาเลยทีเดียว เขาเป็นใครมาจากไหน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ เขาไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเจ็ดวันก่อน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้พบเขานอนสิ้นสติอยู่ที่ชายหาด ชาวบ้านคาดว่าเขาอาจจะตกจากเรือลำใดลำหนึ่ง หรือไม่ก็เผชิญพบกับโจรสลัดกลางทะเล ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังโชคดีที่รอดชีวิตมาได้
ข้าเป็นคนช่วยพาท่านมาจากกลางท้องทะเล จนถึงชายหาดแห่งนี้เอง
ภาพใบหน้าเลือนลางที่งดงามของใครคนหนึ่งวูบขึ้นมาในความทรงจำ นั่นคงเป็นผู้หญิงคนนี้ 'หรือว่านางจะเป็น' ผิวบางส่วนของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นเกล็ดที่แวววาวให้เห็น
...ใช่แล้ว ข้าเป็นชาวทะเล ข้าเป็นเงือก
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เหม่อมองดูนางอย่างเลื่อนลอย ภาพเหตุการณ์ในกลางท้องทะเลลึก เล่นซ้ำไปมาอย่างสับสน ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองต่างฝากชีวิตเอาไว้ในมือของกันและกัน มันจึงก่อเกิดเป็นความรู้สึกผูกพันเหนียวแน่นขึ้นอย่างประหลาด
...ข้าจำได้แล้ว ต้องขอบคุณเจ้ามาก และ และ...ถ้าข้าจดจำเจ้าได้ก่อนหน้านี้ ข้าคงต้องคิดถึงเจ้าทุกวันคืน
ซึ่ง...ข้าเองก็เป็นเช่นนั้น ใบหน้าของนางหมองเศร้าลง และวันนี้เป็นวันที่เจ็ดเสียแล้ว นางเหลือบมองไปทางรูปปั้นนางเงือก แววตามีความหวาดกลัวขึ้นอย่างไม่อาจปกปิด
ชายหนุ่มขบคิดใคร่ครวญเรื่องทั้งหมดนี้ ก่อนได้ข้อสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว 'นางเป็นเงือก และถ้าเรื่องเล่านั้นเป็นความจริง เจ็ดวันของนางก็มีความหมายว่า' ชายหนุ่มเย็นวาบไปทั้งตัว
ท่าน ท่าน...ท่านรีบหนีไปเร็วเข้า หนีไปให้ไกลที่สุด แล้วอย่าได้เข้าใกล้ทะเลอีกตลอด...
นางจะพูดว่าอะไรต่อก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะแส้เส้นหนึ่งได้ม้วนพันเข้ากับลำคอที่ขาวผ่องของนางพร้อมกับรัดจนแน่น ดาวทะเลสีแดงบนเส้นผมนั้นร่วงหล่นลงสู่ผืนทราย เมื่อมองตามที่มาของแส้ไป มันกลับกลายเป็นเส้นผมของผู้หญิงอีกนางหนึ่งซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาจากทะเลอย่างช้าๆ
...รา...จี...หนี...ไป...
หญิงผู้มาใหม่ซึ่งถูกเรียกว่า ราจี ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก
มาลล์ เจ้าอย่าได้พูดอีกแม้แต่คำเดียว จงคิดถึงรูปปั้นกับทรายต้องสาปนั้นให้ดี เจ้าคงไม่อยากเป็นเช่นนั้น หรืออะไรอย่างอื่นที่เลวร้ายกว่านั้น
ชายหนุ่มฉวยโอกาสนั้นตวัดดาบฟันออกอย่างรวดเร็ว ท่าดาบเฉียบคม ทอดเงาโค้งดุจเดือนเสี้ยว วูบเดียวแล้วหายวับ ถึงกับตัดแส้เส้นผมที่ร้ายกาจของราจีขาดสะบั้นในดาบเดียว ร่างของเงือกสาวผู้นั้นเซถลาล้มลงบนหาดทราย ชายหนุ่มรีบขวางดาบโผเข้าไปกั้นกลางระหว่างหญิงทั้งสองเอาไว้
ข้าแม้ความจำเสื่อม แต่ยังคงไม่ลืมเลือนวิชาฝีมือที่มีติดตัวมา มันยกอาวุธในมือขึ้น กับดาบโค้งเล่มนี้
ในใจของชายหนุ่มเกิดความรู้สึกต่างๆ ขึ้นมากมาย แม้มีความทรงจำอยู่เพียงแค่เจ็ดวัน แม้มีความทรงจำลางเลือนเพียงไม่นานกับนาง แต่เมื่อได้ยินนางบอกให้รีบหนี ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็ชัดเจนขึ้นมา
เจ้ารีบหนีไปให้ห่างทะเลที่สุด ข้าจะคอยปกป้องเจ้าเอง
ไม่ ท่านสู้ราจีไม่ได้หรอก
ข้าจะขอทดสอบดูเอง
ทำไม ทำไม ท่านต้องทำเช่นนี้ด้วย
ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะพูดคำนั้นออกไป
เพราะข้ารักเจ้า
ราจีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแผดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มพลันเกิดลางอัปมงคลขึ้นภายในจิตใจ มาลล์โผเข้ามาสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง บดเบียดทรวงอกอวบอิ่มนั้นเข้ากับแผ่นหลัง นางกอดรัดเขา รัดทั้งสองแขนเอาไว้ เอาคางเกยไหล่กระซิบเสียงหวาน ในขณะที่ชายหนุ่มพลันเข้าใจเรื่องทั้งหมด
ข้าเพียงรอให้ท่านพูดคำนี้เท่านั้น ข้า...ปลอดภัยแล้ว
ก่อนที่นางจะเริ่มแผดเสียงหัวเราะผสานไปกับราจี ท้องฟ้าพลันมืดมิดลง ท้องทะเลปั่นป่วนคุ้มคลั่งก่อนจะค่อยๆ แยกจากกัน เปิดเผยให้เห็นหญิงงามอีกนางหนึ่งค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจากท้องทะเล ท่ามกลางเงือกองครักษ์ บนศีรษะของนางสวมใส่เครื่องประดับที่มีมุกสีดำขนาดใหญ่ นางคือผู้ที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารของชาวทะเลทั้งมวล ราชีนีเงือกผู้ไร้หัวใจ
มาลล์ ปลดปล่อยร่างชายหนุ่ม ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้นอีกต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์ราชินี นางย่อตัวถวายความเคารพแด่เจ้าชีวิตของนาง
ข้าขอถวายอาหารแก่องค์ราชินีผู้เลอโฉม มนุษย์ผู้ชายที่เก่งกล้าผู้นี้คงสร้างความอิ่มเอมให้กับฝ่าบาท
ใบหน้าขององค์ราชินีแย้มยิ้มอย่างไร้อารมณ์
เจ้า...ไม่เสียดายชายหนุ่มผู้นี้บ้างเลยหรือ
มาลล์ทำหน้าไม่เข้าใจ ไม่เลย ฝ่าบาท
ไม่แม้แต่นิดเดียว... องค์ราชินีถามย้ำ จนแม้แต่ราจียังเกิดความสงสัย ...ถ้าอย่างนั้น เหตุใดหัวใจของเจ้าจึงเต้นด้วยท่วงทำนองแห่งความรักเช่นนั้น
...ข้า...
เจ้ามีความรัก แต่เจ้ากลัวข้า องค์ราชินีเริ่มหัวเราะ เจ้ากลัวข้า มากกว่าความรักของตัวเอง...ข้าดีใจยิ่งนัก
นางแผดเสียงลั่น ความรักนั้นมิได้ยิ่งใหญ่เลยซักนิด แม้แต่ความกลัวก็ยังสามารถเอาชนะมันได้ เจ้าจงดู นางแผดเสียงโดยไม่ระบุถึงใคร แต่คล้ายกับเหลือบมองไปยังรูปปั้นต้องสาปนั้นอย่างไม่ตั้งใจ
ในจังหวะนั้นเองชายหนุ่มก็ฉวยโอกาสลงมือจู่โจม เป็นอีกครั้งที่เงาโค้งรูปเดือนเสี้ยวสาดแสงกรีดผ่านอากาศ แม้แต่แส้ร้อยสายจากเส้นผมบนหัวของราจีที่ว่ารวดเร็วรุนแรงแล้ว ก็ยังไม่อาจติดตามท่าดาบนี้ได้ทัน บนใบหน้าของนางพี่เลี้ยงบังเกิดความตื่นตระหนกขึ้นอย่างไม่อาจปิดบัง
เดือนเสี้ยวบนท้องฟ้า สะท้อนเงาบนผิวน้ำ เดือนเสี้ยวโค้งเข้าใส่ลำคอขาวนวล เพียงวูบเดียวก็หายวับ เสียงหัวเราะขององค์ราชินียังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่เดือนเสี้ยวร่วงหล่นลงในท้องทะเล ดาบโค้งในมือของชายหนุ่มหลงเหลือเพียงด้ามเท่านั้น
บังอาจ
สายฟ้าสีดำพุ่งออกจากมือขององค์ราชินี ฟาดร่างของชายหนุ่มจนลุกไหม้ก่อนหล่นลงไปในทะเล เกลียวคลื่นม้วนร่างของเขากลืนหายลงไปอย่างหิวกระหาย
ไม่...
มาลล์ออกวิ่งติดตามไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มความจำเสื่อมจมหายไป ไม่สนใจองค์ราชินี ไม่สนใจความกลัวอีกแล้ว
องค์ราชินีส่งเสียงกรีดร้องบาดแก้วหู ก่อนยืดเหยียดร่างของตนจนแลดูสูงใหญ่ขึ้นหลายเท่า เกล็ดสีนิลทั่วร่างของนางสะท้อนให้เห็นถึงความมืดหม่นที่อยู่ลึกลงไปภายใน นางไร้หัวใจอย่างที่ใครว่า หรืออันที่จริงแล้ว นางก็เคยมีหัวใจ แต่ต้องสูญเสียมันไปอย่างโหดร้ายก็เป็นได้
องค์ราชินีเริ่มร่ายคำสาปด้วยความเกลียดชัง
ด้วยอำนาจแห่งมงกุฎไข่มุก ไข่มุกดำเรืองแสงหม่นเป็นรัศมี เกลียวคลื่นและสิเน่หา ร่างของมาลล์ที่วิ่งลงไปในทะเลถูกคลื่นยึดจับเอาไว้ ในขณะที่ร่างของชายหนุ่มก็ถูกคลื่นยกชูขึ้นมาจากท้องทะเล ข้าแต่โพไซดอน... ความรู้สึกแปลกประหลาดพลันเกิดขึ้นกับนาง ...เทพเจ้าแห่งทะเล...
ชายหนุ่มที่ถูกคลื่นจับเอาไว้พลันลืมตาขึ้น ดวงตาสีเขียวคราม ผมที่ปลิวเหมือนเกลียวคลื่น ท้องทะเล กับเกลียวคลื่น ชายผู้มีความทรงจำของมนุษย์อยู่เพียงเจ็ดวัน คลื่นที่เคยจับเขาเอาไว้แตกกระจายออกกลายเป็นฝูงคลื่นรูปม้าถาโถมเข้าใส่เหล่าองค์รักษ์เงือกจนแตกกระจาย เหลือเพียงองค์ราชินีที่ยังยืนอยู่อย่างทายท้า
ท่าน...เป็นท่าน...
ความทรงจำของชายหนุ่มกลับคืนมาหมดแล้ว เขาจำได้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ เขาคือผู้ที่ราชินีเงือกพึ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้
...โพไซดอน ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่
เทพแห่งทะเลยืนเด่นอยู่เหนือเกลียวคลื่น ใบหน้างดงามนั้นเงียบงัน
เป็นความผิดของข้าเอง ที่ทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้
ใบหน้าขององค์ราชินีบิดเบี้ยว ...ท่าน... ความทรงจำแสนหวานในเกลียวคลื่นวันนั้นย้อนกลับมาจนนางอยากจะฉีกกระชากดวงใจของตนเองให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางกรีดร้องโหยหวน
สายฟ้าสีดำหลายสิบเส้นฟาดเข้าใส่ร่างของเทพแห่งทะเล แม่แต่ราจีก็ยังคาดไม่ถึงว่าองค์ราชินีจะกล้าทำถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นที่รู้กันดีว่า การทำร้ายเทพเจ้านั้นย่อมมีบทลงโทษอยู่เพียงสถานเดียวเท่านั้น
เทพแห่งทะเลจุ่มด้ามของดาบโค้งที่ถืออยู่ในมือลงในท้องทะเล เมื่อเขายกมือขึ้นอีกครั้ง มันก็กลายเป็นไทรเด้น สามง่ามซึ่งเป็นอาวุธคู่กายที่แท้จริงของเขา สายฟ้าสีดำที่เป็นเหมือนกับอสรพิษร้ายต่างไม่อาจเข้าใกล้ร่างของเทพเจ้าได้ พวกมันจึงพากันหวนกลับไปฉกกัดเข้าใส่เจ้าของของพวกมัน
...ฝากไว้ก่อนเถอะ...
สายฟ้าสีดำเส้นสุดท้ายฉกเข้าใส่ร่างของมาลล์อย่างรวดเร็วจนแม้แต่ เทพแห่งทะเลก็ยังไม่อาจช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่เหล่าเงือกทั้งหมดจะดำมุดน้ำหายไป ในใจขององค์ราชินียิ่งสุมไปด้วยไฟแค้นมากกว่าเดิม
เหลือเพียงเทพแห่งทะเลยืนอยู่เหนือเกลียวคลื่นเพียงลำพัง 'ข้าทำผิดพลาดอีกแล้ว' ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ เงือก หรือแม้แต่ทวยเทพ ความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับอยู่เสมอ
เทพแห่งทะเลยื่นมือลงไปยังร่างของมาลล์ ตั้งใจที่จะคืนชีวิตให้กับนางอีกครั้ง แต่เสียงแห่งดวงวิญญาณของนางดังแว่วผ่านเกลียวคลื่นตรงเข้าสู่ดวงใจของเขา 'เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ...ก็ได้' นางไม่ปรารถนาจะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับความรักอีกต่อไปแล้ว
ร่างของมาลล์ค่อยๆ หดเล็กลง สีสันสดใสยิ่งขึ้น ในที่สุดนางก็ได้มีชีวิต โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับความรักอีก ดาวทะเลสีแดงสดดั่งเลือดล่องลอยหายไปในเกลียวคลื่น
โพไซดอนเหม่อมองดูรูปปั้นนางเงือกต้องสาปที่ตั้งอยู่บนทรายปริศนาเป็นครั้งสุดท้าย 'ข้าตัดสินใจแล้ว' ร่างของเขาหายจากไปในเกลียวคลื่น ท้องทะเลค่อยๆ ติดตามเขาไปด้วย น้ำทะเลหดหายลงไปมากกว่าที่เคย ทุกสิ่งเงียบสงบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เสียงของความสั่นสะเทือนจะดังมา
กำแพงของน้ำทะเลสูงจนบดบังท้องฟ้าสาดซัดเข้าใส่ชายหาดอย่างรวดเร็ว พลัง และความรุนแรงของสายน้ำกวาดกลืนทุกสิ่งให้หายไปจนหมดสิ้น
Create Date : 23 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2555 18:16:09 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1625 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .
. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .
. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .