Sharing project : : พื้นฐานการถ่ายภาพต้นไม้และดอกไม้ - ถ่ายแปลงดอกไม้ และ นอกสถานที่

สวัสดีครับทุกๆ คน


หายหน้าไปพักใหญ่พอสมควร เนื่องจากมีปัญหาให้ปวดกะหมองนิดหน่อยทั้งการบ้านแลการเมือง รวมถึงปัญหาทางด้านเทคนิคอีกนิสหน่อยที่ทำให้บทเรียนนี้ล่าช้าออกไปมาก

ไม่พูดมากหละ มาดูกันดีกว่าว่าบทนี้จะเรียนอะไรกันบ้าง ... ตามบทเรียนแล้ววันนี้เราจะต้องพูดคุยกันถึงเรื่องถ่ายแปลงดอกไม้ ถ่ายใบไม้ และถ่ายต้นไม้ใหญ่ แต่เขียนไปเขียนมาเนื้อหามันครอบคลุมไปถึงบทเรียนหน้าด้วย ก็เลยขออนุญาติรวบรัด มาอยู่ด้วยกันในบทนี้ซะเลยนะครับ คือเรื่องถ่ายสวน และถ่ายนอกสถานที่ และขอเปลี่ยนเรื่องการถ่ายใบไม้ และถ่ายต้นไม้ใหญ่ไปไว้ในบทต่อไปแทนแล้วกันเน้อ...

คงไม่มีอะไรยากนะ หลักการถ่ายก็ใช้พื้นฐานเดิมๆ นะครับ ... วันนี้เอาตัวอย่างมาให้ดู ไว้เป็นแนวทางแล้วกันนะขอรับ


อ่ะ..เกือบลืม การบ้านครั้งที่แล้ว มีบางคนที่ยังไม่ได้ตรวจการบ้านและส่งหลังไมค์ไปให้ ก็ต้องขออำภัยอย่างสูงเลยนะครับ ..ตอนนั้นเครียดมากมายครับกับปัญหาต่างๆ ที่มันวิ่งมาชนพร้อมๆ กัน เลยไม่ได้ตรวจงานให้บางคนนะครับ เท่าที่เก็บมาตรวจดูคราวๆ แล้วก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็ขออนุญาติตอบตรงนี้แทนหลังไมค์แล้วก็นะครับว่า
ถ่ายภาพมาได้ดีทุกคนแล้วครับ และต้องขอโทษด้วยอย่างมากเลยครับ





มาดูเรื่องการถ่ายแปลงดอกไม้กันดีกว่าเนาะ ...ถ้าจะให้แยกย่อยออกไปอีกนิดก็คงแบ่งออกได้เป็นสองประเภทนะครับ คือ แปลงดอกไม้ที่ปลูกเองในบ้าน และแปลงดอกไม้ในสวนสาธารณะหรือสถานที่ท่องเที่ยว

จุดประสงค์หลักๆ ของ Sharing project โครงการนี้ก็คือ แนะนำการถ่ายภาพดอกไม้ต้นไม้ ภายในบ้านของแต่ละคนเป็นหลักนะครับ .. แต่ว่าการได้ไปเที่ยวและได้เห็นการจัดสวนดอกไม้สวยๆ จากที่ต่างๆ แล้วสามารถเก็บความสวยงามเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้ภายหลัง ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยเลยว่าม่ะครับ ..ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของภาพถ่ายเอง หรือว่าจะนำมาใช้เป็นไอเดียการจัดสวนก็มีประโยชน์อยู่เยอะเชียวหละเนอะ

การถ่ายภาพแปลงดอกไม้ภายในบ้าน หรือตามสวนสาธารณะนั้น มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ต่างกันไปบ้างเล็กน้อย..

การถ่ายภาพแปลงดอกไม้ภายในบ้านมีข้อดีที่ว่า เราสามารถถ่ายภาพได้ตลอดเวลา และสามารถสังเกตุการเปลื่ยนแปลงในช่วงต่างๆ ของต้นไม้ดอกไม้ ซึ่งมีความสวยงามแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ หน่อยก็คือ เราได้เห็นว่าช่วงไหนที่แปลงดอกไม้ของเราสวยที่สุด นั่นหมายถึงเราจะได้ภาพดอกไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดก็ว่าได้...แต่ข้อเสียก็มีให้ปวดหมองอยู่เหมือนกันนิ เพราะการจัดสวนของแต่ละบ้านนั้น ผมเชื่อว่าเกินกว่าครึ่งลงมือจัดสวนด้วยตัวเอง ซึ่งมันอาจจะไม่สวยเท่ากับการจัดตามสวนสาธารณะที่มีการออกแบบและคัดเลือกต้นไม้ดอกไม้มาเป็นอย่างดี ..หรืออีกเหตุผลอย่างหนึ่งก็คือ ดอกไม้ที่ปลูกเองไม่มีความสมบูรณ์เหมือนกับที่เค้าจัดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งเค้าบำรุงปุ๋ยอย่างมาก

สำหรับการถ่ายแปลงดอกไม้ภายในบ้านของผมนั้น โดยหลักๆ เลยจะอยู่ที่การสังเกตุต้นไม้และดอกไม้อยู่เรื่อยๆ นะครับ..ว่าช่วงไหนที่มันสวยที่สุด วันนั้นก็สละเวลาให้มันสักนิด บันทึกความสวยงามของเขาไว้สักหน่อย รับรองได้ว่าเราจะได้ภาพสวยๆ ไม่ซ้ำใครแน่นอนครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เวลาบานของดอกไม้แต่ละชนิดครับ อย่างผมนี่ถ่ายผักบุ้งฝรั่งไม่ค่อยสวยเลยครับ เพราะมันบานเช้าไปนิสสส กว่าตากล้องจะลุกขึ้นมาถ่าย ดอกมันก็เหี่ยวไปซะแย้ว หุหุหุหุ นอกจากนี้ก็ค่อยไปดูเรื่องแสงครับ ว่าช่วงไหน มุมไหนที่เหมาะบ้าง ..แต่คงไม่ยุ่งยากอะไรนะครับ เพราะบ้านเราเอง จะนั่ง จะนอน จะถ่ายท่าไหน ก็ไม่ต้องอายผู้ใด อิอิอิ ถ้าวันนี้ถ่ายมาแล้วไม่สวย เด่วพรุ่งนี้ค่อยหามุมถ่ายซ่อมใหม่ ไม่ยากๆๆ ชิมิๆ



แต่สำหรับการถ่ายแปลงดอกไม้ตามสวนสาธารณะหรือสถานที่ท่องเที่ยวนั้น จะถือว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากนะ เพราะมันมักจะถูกออกแบบและจัดสวนไว้ได้อย่างสวยงามอยู่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากๆ ในการถ่ายภาพ ..แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่นะขอรับ ..คือเรื่องของเวลา

ซึ่งการไปเที่ยวนั้น เราจะมานั่งรอเวลาเพื่อถ่ายภาพเช้ายันเย็นก็ไม่ได้ซะด้วยดิ เพราะเด่วไปเที่ยวที่อื่นต่อไม่ทัน หรือไม่มัวแต่ถ่ายรูป อดช้อปแน่นอน หุหุหุ.. และข้อเสียอีกอย่างที่บางที่ที่เราไปเที่ยวนั้น อาจจะเป็นช่วงที่ดอกไม้มันเริ่มโทรมแล้วก็ได้ ก็ต้องทนถ่ายมาเหี่ยวๆ แบบนั้น..ก็ถือซะว่าทำบุญมาแค่นั้นแล้วกันนะครับ ฮ่าๆๆๆ

เทคนิดเล็กๆ สำหรับคนที่กำลังตั้งใจจะออกไปถ่ายรูปแปลงดอกไม้ในสวนสาธารณะหรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็มีอยู่นิดเดียวครับ คือเตรียมศึกษาหาข้อมูลของสถานที่นั้นล่วงหน้านิดนึง ให้พอรู้ว่าที่จะไปนั้นมีอะไรบ้าง พื้นที่กว้างขวางแค่ไหน หรือเราอยากจะไปถ่ายอะไรเป็นพิเศษหรือป่าว
เผื่อจะได้เตรียมตัวได้ถูกนะครับ เชื่อว่าหลายๆ ที่บางคนอาจจะยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง ..ทำไมต้องหาข้อมูลล่วงหน้า จำเป็นด้วยหรอ?

ถ้าจากประสบการณ์ตรง ก็ตอบได้เต็มปากเลยครับว่า จำเป็นพอสมควร เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่คิดจะไปถ่ายรูป แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับที่นั้นเลย พอไปถึงก็ถ่ายๆๆๆ ถ่ายแบบไม่เคยเจอะเคยเจอ ..แต่พอกลับจากที่นั้นแล้วมารู้ที่หลังว่า เราพลาดไฮไลท์ของที่นั้นไปอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเลยจริงๆ จะกลับไปถ่ายซ่อมใหม่ก็ไม่ง่ายแล้ว เพราะบางที่เราอาจจะได้ไปเยือนที่นั้นแค่ครั้งเดียวในชีวิต เพราะฉะนั้นเตรียมตัว และศึกษาข้อมูลไว้ล่วงหน้าบ้างก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องบ่นเสียดายภายหลังนะจ๊ะ

แต่ถ้าไปถึงที่แล้ว และไม่ได้มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับสถานที่นั้น อับดับแรกลองหาดูว่ามีจุดบริการประชาสัมพันธ์อะไรให้สอบถามได้บ้าง ถ้ามีก็หยิบโบรชัวร์มาสักใบ แค่นี้เราก็รู้จักที่นั้นเกือบหมดแล้วหละครับ ถ้าไม่มีก็ลองหาแผนผัง แผนที่ของสถานที่นั้นดูครับ เพราะมันจะบอกรายละเอียดทั้งหมดว่าที่นี้มีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เราจะได้วางแผนว่าจะไปตรงไหนบ้าง ก่อนหรือหลัง และคำนวณพลังงานของตัวเองได้ถูก ..จากประสบการณ์ตรงอีกเหมือนกัน อิอิอิ เห็นว่าสวนสวยเลยวางแผนจะเดินเที่ยวให้ทั่ว ไม่ได้คิดว่าสวนมันจะใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้น ผลปรากฏว่าเดินไปได้ไม่ถึงครึ่ง หมดแรง ต้องหาเวลาไปใหม่อีกทีวันหลัง หุหุหุ

แต่อย่างที่บอกไปตะกี้นะครับ บางที่เราอาจจะได้ไปเยือนแค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นเลยจุดที่เราสนใจมากที่สุดเป็นอันดับแรกครับ ไม่งั้นก็ไปที่เป็นไฮไลท์ของที่นั้นก่อนซะเลย จะได้ไม่มีคำว่า พลาด





ส่วนเรื่องการจัดองค์ประกอบภาพ ของสวนและแปลงดอกไม้ทั้งสองประเภทนั้น ก็ใช้หลักพื้นฐานที่เราได้เคยเรียนกันมาก่อนหน้านี้ได้เลยครับ โดยอาจจะเน้นที่เรื่องของสีสันไว้ก่อนก็ได้ครับ ซึ่งที่ก็คือเหตุผลหลักเลยที่ผมนำทฤษฏีสีมาสอนกันตั้งแต่บทเรียนแรกๆ เพื่อจะได้รู้จักและเข้าใจโทนสีต่างๆ กันตั้งแต่พื้นฐานนะครับและทฤษฎีสีก็มีส่วนสำคัญมากสำหรับการจัดสวน เลือกพันธุ์และสีสันของดอกไม้ด้วยครับ ซึ่งตามสวนสาธารณะนั้น เค้าจัดไว้ได้ลงตัวที่สุดแล้วหละครับ ..สวนในบ้านเราก็น่าจะเอาแบบอย่างมาใช้สำหรับการจัดสวนด้วยตัวเองนะครับ ..ซึ่งถ้าเราจัดสวนได้ดูดีอยู่แล้ว การจะถ่ายรูปออกมาให้ดูดีและสวยนั้นก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายมากเลยครับ...เหมือนกันการถ่ายแบบนะครับ ถ้านางแบบสวยอยู่แล้ว ถ่ายภาพออกมายังงัยก็ได้ภายสวยๆ แน่นอนครับ

นอกจากสีสันของแปลงดอกไม้แล้ว ค่อยมาพิจารณาเรื่อง รูปทรงของดอกไม้ และบรรยากาศโดยรวมๆ ของสวนหรือแปลงดอกไม้ทีหลังครับ

การจัดวางจุดสนใจของภาพก็ใช้หลักการเดิมครับ เลือกดูว่าควรจะใช้ กฏเก้าช่อง หรือ ความสมดุลของภาพ นะครับ ..แต่ก่อนอื่นเราหา object ไว้เป็นตัวเอกของภาพให้ได้ก่อนนะครับ โดยควรที่จะเลือกดอกไม้ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด มาเป็นจุดโฟกัสครับ

อ่ะ วันนี้มีการจัดวางรูปแบบที่นอกเหนือกจากกฏเก้าช่อง มาฝากครับ เผื่อว่าใครอยากลองเล่นอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง

1.618 - ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ ที่นำมาใช้กับการถ่ายภาพ ดาวินชี่ เองก็ใช้หลักสัดส่วนนี้เป็นพื้นฐานการสร้างผลงานทางศิลปะของเค้าเองเช่นกัน ..ซึ่งถ้าจะให้อธิบายเกี่ยวกับตัวเลขนี้ มีหวังคงต้องเปิดคอร์สอีกหนึ่งหลักสูตรสอนเลขก่อนถ่ายรูปแน่ๆ 555 ใครอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ลองหาอ่านดูนะครับ
ตามลิงค์นี้ก็ได้จ้า เค้าสรุปใจความไว้ให้แล้วหละ //www.istockphoto.com/article_view.php?ID=13&Page=2

แต่สำหรับการถ่ายภาพแล้ว เจ้าเลข 1.618 นี้ จับมันมาให้ออกมาในรูปแบบรูปธรรม ก็จะได้หน้าตาอย่างในรูปนี้นะครับ วนๆ เป็นก้นหอยแบบนี้แหละ




สามเหลี่ยม - triangleลองลากเส้นจากมุมหนึ่งของรูป ออกไปให้เป็นแนวสามเหลี่ยมตามตัวอย่าง ก็จะได้การจัดวางองค์ประกอบภาพแบบสามเหลี่ยมอีกแบบให้ลองหัดถ่ายดูครับ



สร้างกรอบในภาพ - frame within frame วิธีการจัดวางองค์ประกอบภาพแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ช่วยสร้างความน่าสนใจ ความแปลกและแตกต่างให้กับภาพได้ดีเลยครับ แต่อาจจะต้องระวังเรื่องของการวัดแสงก่อนการถ่ายภาพสักนิด เพราะส่วนมาก ตัววัตถุที่เรานำมาใช้เป็นกรอบและวัตถุที่อยู่ในกรอบนั้น อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างแตกต่างกันมาก ซึ่งก็ยากนิดหน่อยที่จะถ่ายภาพออกมาไม่ให้แสงจ้าหรือมืดเกินไปนั่นเอง





เส้นนำสายตา - leading lines เรียนกันไปแล้ว ยังจำกันได้อยู่หรือป่าว....รื้อๆ ล้วงๆ แล้วควักออกมาใช้กันเร้ววววว 555


วงกลม - circle ดอกไม้ส่วนมากจะมีรูปทรงกลมแทบทั้งสิ้น จะว่าไปแล้วถ่ายวงกลมนี้ไม่ง่ายเหมือนกันนะ จะเอาไปวางไปตรงจุดไหนถึงจะดูดี ท่านผู้รู้ได้แนะว่า ถ้าคิดไม่ตกว่าจะวางไว้ตรงไหนดี ก็ตั้งมันตรงกลางภาพนั่นแหละ ฉีกกฏทุกกฏทิ้งไปซะ ...แล้วก็บรรจงถ่าย ถ้าคิดว่ามันสวยพอกับการที่ต้องแหกกฏต่างๆ ทิ้งไป



จัดวางให้ได้จังหวะ - rhythm ก็คล้ายกฏการวางองค์ประกอบรูปแบบสมดุลและไม่สมดุลที่เคยเรียนมาครับ เพียงแต่ว่าเราต้องจัดวัตถุต่างๆ ที่อยู่ในภาพให้มันมีช่องว่าง ระยะห่างที่ดูแล้วลงตัวครับ


negative space - แปลเป็นภาษาบ้านเฮาว่าอะไรดีอะ 555 ก็คือก็เน้นพื้นที่ให้ดูมันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นเองครับ โดนเราอาจจะหาวัตถุเล็กๆ มาใส่ลงไปเพื่อขยายความของความยิ่งใหญ่ของพื้นที่ครับ



โอเค ...เพื่อไม่ให้คนอ่าน เวียนหัว เหมือนกับคนเขียนที่เป็นอยู่ตอนนี้ ...เลิกเรียนดีกว่า แล้วเด่วเราค่อยมาเรียนกันต่อในบทเรียนต่อไปเนาะ
สำหรับบทนี้ขอการบ้านคนละหนึ่งรูป.... โจทย์ง่ายมากๆ ตามนี้เลยจ้า

- กำหนดส่งวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ค. หลัง 18.00 น. ใครพร้อมส่งงานก่อนช่วยตั้งกระทู้ให้ด้วยครับ ***กระทู้เดียวเท่านั้นในห้องต้นไม้****
- ส่งรูปคนละหนึ่งรูป โดยจะต้อง ***เป็นรูปที่ถ่ายหลังจากอ่านบทเรียนนี้จบแล้วเท่านั้น*** เพื่อจะดูว่าแต่ละคน พัดตะนา ไปถึงไหนกันแล้ว
- ย่อรูปและใส่ชื่อได้เท่านั้น ห้าม crop ห้ามแต่งภาพ หรือปรับสีใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้น sharpen ได้นิดหน่อย

ปล.ใครลงทะเบียนไว้ แล้วยังไม่เคยส่งงานเลย ให้โอกาส 3 ชิ้นสุดท้ายนี้นะครับ ...ไม่งั้นหมดสิทธิ์สอบด้วยนะเออ อิอิอิอิอิ


.
.
.

เราเหลือที่จะต้องเรียนกันอีก 2 บทนะขอรับเด็กๆ จะพยายามนำเสนอข้อมูลที่เตรียมไว้ให้เสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ ...เปิดสอนมาหลายเดือนแล้ว สมควรแก่เวลาจะได้ปิดคอร์สซะที อิอิอิอิอิ
แต่ก่อนปิดคอร์ส ขอหน่อยเหอะ คนละรายงาน อิอิอิ....เพราะฉะนั้นสามบทเรียนสุดท้ายนี้ กรุณาตั้งใจเรียนกันด้วยนะขอรับเด็กๆ หุหุหุ

Create Date : 11 พฤษภาคม 2553		7 comments
Last Update : 11 พฤษภาคม 2553 18:51:12 น.
Counter : 3379 Pageviews.
Share Tweet