"การถ่ายภาพเป็นงานศิลปะ เป็นของดีมีประโยชน์ ขออย่าให้ถ่ายภาพกันเพื่อความสนุกสนานหรือความสวยงามเท่านั้น
จงใช้ภาพให้เกิดคุณค่าแก่สังคม ให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม งานศิลปะจะได้ช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้อีกแรงหนึ่ง"

พระราชดำริเรื่องการถ่ายภาพ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่คณะกรรมการบริหารสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
YesIdo.BlogGang.com : Live to Learn to Live
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

The Memory : เรื่องของผม...กับต้นมะม่วงของพ่อ











จากกระทู้ที่เคยเขียนไว้ในห้องต้นไม้ เรื่องของผม...กับต้นมะม่วงของพ่อ หลายคนอ่านแล้ว บอกว่ารู้สึกดีๆ เลยนำมาเก็บไว้ในบล๊อกด้วยอีกครั้งนะครับ



-----------------------------------------------------------------------------

ครั้งล่าสุดที่เข้าไปบ้านพ่อ นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน ต้นเดียวที่ยังเหลืออยู่ในบ้าน เมื่อก่อนจากที่เคยเป็นบ้านสวนที่เมืองนนท์ ตอนนี้เหลือเพียงบ้านที่ไร้สวนเท่านั้น

ตอนสมัยยังเป็นเด็กๆ จำได้ว่าหลังบ้านจะมีต้นมะม่วงพันธุ์ต่างๆ อยู่หลายต้น ต้นกระท้อน ชมพู่ รวมทั้งมะเมี่ยว ผลไม้สวนที่บางคนอาจจะไม่รู้จักมาก่อน แต่ที่ตลาดนนท์ยังพอมีให้เห็นบ้าง

จำได้ว่ามีบ่อปลาขนาดใหญ่ที่สร้างวีรกรรมสมัยเด็กของผม ซึ่งผมจำไม่ค่อยได้สักเท่าไร แต่พี่ๆ บอกว่าถ้าไม่มีคนเห็นป่านนี้ผมคงดำน้ำเล่นเพลินอยู่ในบ่อนั้นอย่างไม่มีโอกาสโตแล้วหละ

ส่วนหน้าบ้านนั้นมีมะม่วงต้นใหญ่อยู่สองต้นมุมซ้ายและขวา แม่เคยเล่าให้ฟังว่าซื้อมะม่วงสุกมากินกันแล้วก็โยนเม็ดทิ้งไว้แถวๆ นั้นไม่แน่ใจว่าเป็นมะม่วงพันธุ์อะไร แต่พอมันโตขึ้นมามันกลายพันธุ์เป็นมะม่วงทวายที่ออกลูกได้เกือบตลอดทั้งปี ลูกของมันจะทรงคล้ายๆ กับเขียวเสวยแต่พอสุกแล้วรสชาตินั้นไม่แตกต่างจากมะม่วงน้ำดอกไม้สักเท่าไร

ตั้งแต่จำความได้ต้นมะม่วงต้นนี้ก็สูงใหญ่ให้ร่มเงาอยู่อย่างนี้แล้ว ซึ่งพ่อบอกว่าอายุก็คงน่าจะพอๆ กับอายุของผมและบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้





เมื่อตอนที่ผมโตขึ้นมาหน่อย ก็เป็นช่วงเดียวกันกับมะม่วงต้นนี้เริ่มติดออกออกผลมากขึ้น ผมจำได้ว่าทุกคนในบ้านต่างตั้งหน้าตั้งตารอให้ช่อดอกนั้นกลายเป็นผล และลูกใหญ่ไวไว ซึ่งนับเป็นความโชคร้ายของมะม่วงบางลูกที่โดนแอบสอยลงมาก่อนที่จะได้มีโอกาสได้แก่และสุกงอม ..มะม่วงน้ำปลาหวานจึงกลายมาเป็นของว่างของพวกเราหลังกลับจากโรงเรียนไปโดยปริยาย

หลังจากเก็บสอยมะม่วงหมดแต่ละรุ่น พ่อก็จะคอยดูแลตัดแต่งกิ่งไม่ให้ดูเกะกะมากไป ซึ่งมารู้ตอนโตว่ามันเป็นวิธีหนึ่งในการบำรุงรักษาต้นไม้ด้วยอีกทาง ..ถึงแม้ว่ามะม่วงต้นนี้จะดูแข็งแรงมั่นคง เติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่สูงท่วมหลังคาบ้านสองชั้นที่ผมอยู่มาตั้งแต่เกิดหลังนี้แล้ว ดูๆ แล้วมะม่วงต้นนี้มันก็คงสามารถดูแลและหาเลี้ยงลำต้นของมันเองได้ไม่ยาก แต่พ่อก็ยังไม่ละเลยที่จะทะนุบำรุงให้มันเจริญงอกงามอยู่เสมอ พ่อบอกว่า ออกดอกครั้งหน้ามันจะได้ติดลูกเยอะๆ

...หลายปีทีเดียวที่พวกเราเอร็ดอร่อยกับผลผลิตจากเจ้ามะม่วงต้นนี้ ..แต่ช่วงนั้นพ่ออายุเริ่มมากขึ้นการจะปีนขึ้นไปตัดกิ่งโน้นกิ่งนี้อย่างเมื่อก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักเท่าไร บวกกับระยะนั้นลูกๆ เติบโตพอแล้วที่จะแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่ว่าจะไปทำงานหรือเรียนต่อก็ตาม





ในช่วงหลายปีที่ไม่ได้อยู่บ้าน ซึ่งช่วงหลายปีนั้นอายุพ่อก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ซึ่งก็ถึงเวลาที่โรคภัยต่างๆ นั้นเริ่มมีเข้ามาเยี่ยมเยือน ..ผมไม่ได้อยู่บ้านหลายปี แต่ทุกครั้งที่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านนั้นจะสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในบ้านอยู่เสมอ ต้นไม้หลังบ้านเริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ อาจจะเพราะจมน้ำตายตอนน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ส่วนบ่อปลาบ่อใหญ่นั้นก็ถูกถมกลบไปโดยแทบจะไม่น่าเชื่อว่าตรงนี้เคยเป็นบ่อน้ำมาก่อน ..

สิ่งที่ผมสังเกตุเห็น แต่กลับไม่ได้ใส่ใจมากนักนั้นก็คือ เจ้าต้นมะม่วงหน้าบ้านนั้น มันมีลูกน้อยลง และเริ่มมีกิ่งแห้งตาย พ่อบอกให้ช่วยตัดกิ่งที่แห้งตายนั้นลงมาหน่อย แต่พวกเราก็ยังคงเกี่ยงกันตามประสาคนขยัน(มาก)




ในวันที่พ่อไม่อยู่แล้ว...แต่มะม่วงต้นนั้นยังยืนหยัดอยู่..ที่เดิม ทุกครั้งที่ได้กลับไปบ้าน ร่มเงาของมะม่วงต้นนี้ดูเหมือนจะตีวงแคบลงๆ ไปทุกครั้ง ..แหงนคอขึ้นไปดูก็พาให้ใจหาย มะม่วงต้นใหญ่ที่มีใบหร่อมแหร่ม ไม่เขียวชะอุ่มอย่างเช่นแต่ก่อน..สิ่งที่พอทำได้ตอนนั้นคือรดน้ำบำรุงให้มัน แต่ก็ทำได้ไม่มากนักเพราะติดที่เวลาและหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบของแต่ละคนนั้นมันมาคอยเป็นข้ออ้าง ..

อีกปีสองปีหลังจากนั้น ผมกลับไปบ้านอีกครั้ง ..ร่มเงาที่เคยใช้เป็นที่นั่งเล่นหน้าบ้านนั้น วันนี้เหลือเพียงซากต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายอย่างน่าหดหู่ที่สุด..ต้นไม้ที่เติบโตมาพร้อมๆ กับผม ตอนนี้มันบอกลาผมไปแล้ว เพราะผมไม่เคยใส่ใจมันอย่างที่ควรจะทำให้มากกว่านั้นอีกสักหน่อย...มันคงตรมใจที่ไม่มีใครเหลียวแลเลย




ณ วันนี้ ต้นมะม่วงต้นนั้นหลงเหลืออยู่แค่เพียงในความทรงจำที่เกือบจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ว่า ณ ที่ตรงนี้เคยมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นที่พอให้หวนระลึกถึงอดีตเมื่อในวันวาน ...

วันนั้นวันที่มะม่วงต้นนี้เริ่มอ่อนล้าและขาดคนเหลียวแล ถ้าวันนั้นมีใครสักคนใส่ใจสักนิด และทำหน้าที่เจ้าของต้นไม้ที่ดีสักหน่อย คอยบำรุงดูแลให้มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้ ผมเชื่อว่ามะม่วงต้นนี้ยังจะสามารถแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาและผลิดอกออกผลให้ลูกๆ หลานๆ ของผมได้ลิ้มรสอร่อยๆ ของมันต่อไปได้อีกหลายรุ่นอย่างแน่นอน



เห็นภาพประเทศไทยในช่วงนี้แล้ว ไม่รู้ทำไมถึงทำให้นึกถึงมะม่วงต้นนั้นขึ้นมาได้นะ ... แต่ถ้าหากคิดดูดีๆ แล้วเมืองไทยในตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากมะม่วงต้นนั้นสักเท่าไรนัก ต้นไม้ที่กำลังอ่อนล้าและกิ่งก้านเหี่ยวแห้งตายลงไปทุกที..ทุกที

แต่มันอาจจะยังไม่สายเกินไปนักสำหรับต้นไม้ใหญ่อย่างเมืองไทยที่พ่อทะนุบำรุงมาเป็นเวลาอันยาวนานต้นนี้ ยังไม่สายเกินไปที่เราทุกคนจะหันมามองด้วยใจและช่วยบำรุงรักษาให้ต้นไม้ของพ่อต้นนี้สามารถยืนหยัด แผ่กิ่งก้านสาขาเพื่อแบ่งปันร่มเงาให้กับลูกหลานเราได้ต่อไปอีกนานเท่านาน ..

พ่ออายุมากแล้ว คงจะไม่สามารถมาดูแลบำรุงต้นไม้ต้นนี้ได้มากอย่างแต่ก่อน..ซึ่งมันก็เป็น "หน้าที่"ของลูกที่ดีที่จะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ของพ่อบ้าง ในการดูแลต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ให้เจริญงอกงามต่อไป.. ใช่เพื่อใครที่ไหน? ก็เพื่อลูกๆ อย่างเราทุกๆ คนนั้นเอง



หากแต่ว่าวันนี้ลูกบางคนอาจจะกำลังเข้าใจผิดกับคำว่า "หน้าที่" และ "สิทธิ" ไปอย่างมากมาย เลยทำให้ต้องมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันไปใหญ่โต ..สิทธิ ยังไงเราก็ยังคงสิทธิ์นี้กับตัวเราตลอดเวลาไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ก็ไม่ค่อยจะมีผลกระทบสักเท่าไรนัก

แต่ หน้าที่ นี้สิถ้าหากเราละทิ้งไป อย่างที่ผมเคยละทิ้ง หน้าที่ ในการดูแลรักษาต้นมะม่วงของพ่อนั้นคงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดว่า ถ้าเราไม่ทำหน้าที่ของเราเองแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นอาจจะทำให้เราต้องเสียใจมากกว่ามะม่วงยืนต้นตายมากมายหลายเท่านัก

สิ่งที่เราควรจะทำในตอนนี้คือ วาง "สิทธิ์"ของเราไว้บนโต๊ะหลังทานข้าวเสร็จแล้ว ทิ้งมันไว้ตรงนั้นก่อน มันไม่หายไปไหนอย่างแน่นอน...แล้วมาช่วยกันทำ "หน้าที่" ของแต่ละคนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยกันเยียวยารักษาต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ของพ่อให้กลับฟื้นขึ้นมาแข็งแรงและเจริญงอกงามอย่างที่พ่อตั้งใจอยากให้เป็น..เพื่อใครหล่ะ? มิใช่ว่าพ่อต้องการเก็บดอกเก็บผลไว้กินคนเดียวรึก็ป่าว แต่เพื่อลูกๆ ทุกคนที่พ่ออยากให้ได้อาศัยร่มเงา ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขและสามารถเก็บดอกเก็บผลกินกันไปตราบนานเท่านาน





ผมรักพ่อ มากเท่ากับความจงรักภักดีที่มีต่อพ่อครับ....



------------------------------------------------------


สถานที่ถ่ายภาพ : โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่
ภาพโดย : canx [rang.jamjuree.net]















 

Create Date : 03 มิถุนายน 2553
4 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 1:33:36 น.
Counter : 2073 Pageviews.

 

อรุณสวัสดิ์กับเช้าวันใหม่ที่สดใสอีกวันค่ะ
ตามมาชมภาพงามๆเลยได้อ่านบทความดีๆ แถมมีเพลงเพราะๆให้ฟัง

คิดถึงฉากตอนโรสลอยอยู่กลางทะเลพร้อมกับยึดร่างของแจ็คที่ปราศจากลมหายใจแล้ว ยังอดน้ำตารื้นไม่ได้
เอ้อ! เกี่ยวกับเพลงพาไปหรอกค่ะ

 

โดย: cvJ; 3 มิถุนายน 2553 6:57:39 น.  

 

เออ...คือว่าพึ่งตื่นอ่ะค่ะ หรืออาจมึนยาแก้หวัดอยู่ก็ได้
เลยหน้าแตกแต่เช้า พอcomment เสร็จปิดบล็อคคุณปั้บ อ้ะ...เสียงเพลงยังอยู่ เพลงเดิมเสียด้วย อีกแล้วหรือยัยเป๋อ เฮ้อ! ลบเองก็ไม่ได้ด้วยสินะ
ขอโทษละกันนะคะอย่าถือสาเลยค้า (จะกล้ามาอีกมั้ยนี่)

 

โดย: cvJ; 3 มิถุนายน 2553 7:06:26 น.  

 

^
^
^

เม้นท์ข้างบนเนี่ย ไม่ลบหละครับ.... น่ารักได้ฮาดีแต่เช้าเลย อิอิอิ

 

โดย: canx IP: 202.91.19.194 3 มิถุนายน 2553 9:43:55 น.  

 

ภาพสวยดีค่ะ ดูแล้วอยากเข้าไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นจัง คงรู้สึกโปร่ง สบาย เงียบ ได้พักผ่อนนะค่ะ

 

โดย: ann IP: 192.168.1.105, 58.9.130.2 3 มิถุนายน 2553 22:49:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


canx
Location :
แม่ฮ่องสอน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




พลเมืองปาย
Friends' blogs
[Add canx's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.