Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
21 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 6

6

พลับพลึงค่อนข้างพอใจที่ธนดลเลือกที่จะมาอยู่เชียงใหม่เป็นเวลาสองเดือนต่างก็รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างนับว่าสามียังมีความกรุณาอยู่มากที่ไม่ต้องให้เธอทนอยู่กับแม่สามีที่แสดงออกชัดว่าไม่ชอบขี้หน้าต้องขอบคุณพ่อสามีด้วยที่สนับสนุนเต็มที่ให้อยู่เชียงใหม่นานๆท่านยังพูดด้วยว่า

'ไปเชียงใหม่ก็ดีเหมือนกันนอกจากจะเป็นการหลบนักข่าวแล้วยังได้ทำงานด้วย'

ตอนนั้นจำได้เลยว่าพลับพลึงยิ้มอย่างขอบคุณท่านเลยทีเดียวยังหนักใจอยู่เลยว่าจะบอกกับธนดลอย่างไรเรื่องงานที่ทำอยู่จะให้ลาออกหรือ คงใช่ที่แล้วถ้าทางฝ่ายสามีให้ลาออกจากงานจริงๆจะทำอย่างไรโชคดีที่พ่อสามีเข้าใจจึงแนะนำให้มาฮันนีมูนกันที่เชียงใหม่แถมบ้านพักยังอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและไซด์งานของเธออีกด้วย

บ้านทรงไทยล้านนาหลังที่ธนดลเคยบอกว่าจะรื้อในเร็ววันนี้ใครจะเชื่อล่ะว่าด้วยความเสียดายในวันนั้นจะได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในวันนี้หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยเธอก็ออกมารับลมที่ชานบ้านมุมหนึ่งเป็นที่นั่งเล่นแต่ถูกจับจองเสียแล้วด้วยเจ้าของบ้านตัวจริงเธอเดินเข้าไปหาหมายจะบอกกล่าวเรื่องบางอย่าง

“คุณดลคะคือฉัน...”

ทำไมถึงได้รู้สึกกลัวที่จะพูดตามที่คิดขึ้นมาได้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาสบตารอฟัง

“นั่งก่อนสิเหมือนคุณมีเรื่องอึดอัดใจนะ”ธนดลเชื้อเชิญอย่างเข้าใจ

“ใช่ค่ะฉันมีเรื่องอึดอัดใจจริงๆฉันคิดว่า เราไม่เห็นต้องอยู่บ้านเดียวกันเลยนี่คะที่นี่ไม่มีใครรู้จักเราซักหน่อยฉันคิดว่า เราน่าจะใช้ชีวิตในแบบเดิมของเรามากกว่า”

“คุณหมายความว่ายังไง”ธนดลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอก

“ก็...ฉันจะขอกลับไปอยู่ที่ไซด์งานตามเดิมส่วนคุณก็อยู่ที่นี่”

“ไม่ได้”

เพียงเท่านั้นพลับพลึงก็เตรียมจะค้านในหัวมีเหตุผลร้อยแปดที่จะอธิบายแต่ธนดลก็ไวกว่า

“คุณเข้าใจคำว่าสามีภรรยาหรือเปล่าสามีภรรยาคือคู่สมรสจะแยกกันอยู่ได้ยังไงใครรู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ผมไม่ยอมเสี่ยงหรอก”

“แต่...”

“พอได้แล้วคุณต้องอยู่ที่นี่ถ้าคุณกลัวว่าผมจะทำอะไรล่ะก็ผมเคยบอกคุณแล้วนี่”

คราวนี้คนเสียงขรึมกวาดตามองทั่วตัวสายตาอย่างนั้นทำให้พลับพลึงตัวชามันไม่ใช่สายตาพิศวาสแต่เขามองเหมือนระอาและน่าสงสารมากกว่าสายตาแบบนั้นเหมือนบอกเป็นนัยๆว่า 'เธอนี่นะมันไม่มีเสน่ห์ดึงดูดหรอกอย่ากลัวไปเลย'คนถูกมองแทบอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ

“ฉันรู้ฉันไม่ได้กลัวเรื่องนั้นหรอกเพียงแต่...ฉันไม่ชินกับการที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้าต่างหาก”

“ก็ฝึกไว้เดี๋ยวก็ชิน อ้อ วันนี้คนงานยังไม่มาเราคงต้องทำอาหารกินกันเองหวังว่าคุณคงทำได้นะ”ว่าแล้วคนออกคำสั่งก็เดินลงจากเรือนไป



พลับพลึงทิ้งตัวลงนั่งกึ่งนอนเอนตัวไปพิงกับพนักโซฟาเมื่อธนดลเดินกลับขึ้นบ้านมาแล้วเดินเข้าห้องพัก บ้านพักบนเนินเขาของตระกูลสุทธิการบ้านช่องสะอาดสะอ้านมากแสดงว่าที่มีแม่บ้านคอยดูแลอยู่ตลอดมองจากข้างนอกเหมือนจะประมาณชั้นครึ่งเป็นสถาปัตยกรรมล้านนากึ่งยุโรปดูก็รู้ว่าบ้านหลังนี้มีสถาปนิกมือทองเป็นคนออกแบบยิ่งภายในยิ่งน่าสนใจ มุมต่างๆถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนที่ไม่ใคร่จะได้พบเห็นเป็นเครื่องเรือนกึ่งทันสมัยแต่ก็มีกลิ่นไอของล้านนาเหมาะเจาะลงตัวได้อย่างอัศจรรย์กับบ้านไม้สักทองทั้งหลังประมาณด้วยสายตาค่าก่อสร้างคงมากโขแทบจะไม่อยากคิดเป็นตัวเลขเพราะมันคงมากกว่าเงินที่เธอน่าจะหาได้ทั้งชีวิตมองแล้วก็ให้เสียดายที่อีกไม่นานมันก็จะถูกรื้อถอนพลับพลึงเดินไปเคาะประตูห้องพัก

“ฉันต้องพักห้องไหนคะ”

“ห้องนี้”เขาตอบ

“แล้วคุณละคะ”

“ก็ห้องเดียวกับคุณนี่แหละ”

“ได้ไง!ไม่ได้นะ”

พลับพลึงตาโตบ้านหลังเบ่อเร่อจะมานอนเบียดกันทำไมไม่จำเป็นเลยทีอยู่บ้านที่กรุงเทพฯตั้งหลายวันยังแยกห้องกันนอนเลย

“คุณอยากให้คนในบ้านสงสัยหรือไง”

ใช่ว่าธนดลอยากจะทำแบบนี้แต่จะทำอย่างไรได้บ้านนี้ไม่ได้มีแค่เขากับเธอขืนเรื่องที่เขากับภรรยาแยกห้องกันนอนแพร่ออกไปนักข่าวได้ขุดคุ้ยต่อนะสิ

“ฉันไม่เห็นว่าจะมีใคร”พลับพลึงเถียง

“ผมไม่ได้แจ้งว่าจะมาวันนี้คิดว่าพรุ่งนี้น้อยคงจะมา”

เขาหมายถึงแม่บ้านที่จ้างไว้ดูแลบ้านหลังนี้

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราก็ควรจะแยกห้องกันก่อน”

“แล้วคุณจะทำให้เป็นเรื่องไปทำไมล่ะเพราะยังไงพรุ่งนี้คุณก็ต้องเก็บของมานอนห้องเดียวกับผมอยู่ดีก็นอนซะคืนนี้เลยแล้วกันจะได้ไม่วุ่นวายอีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าน้อยจะมาเมื่อไหร่เกิดมาตอนคุณยังไม่ได้เก็บของเข้าห้องล่ะผมขี้เกียจอธิบาย”ธนดลเลี่ยงที่จะบอกว่าแม่บ้านของที่นี่ช่างสงสัยและปากช่างนินทาด้วยเคยเห็นหลายครั้งที่ไปจ้อกับเพื่อนบ้านแต่ที่ยังจ้างอยู่เพราะความซื่อสัตย์และดูแลบ้านได้โดยไม่ขาดตกปกพร่องจึงมองข้ามข้อเสียข้อนี้ไปเสียอีกอย่าง ครอบครัวเขาก็นานๆมาที่นี่ทีจะมีก็แต่ครั้งนี้แหละที่จะมาอยู่นานหน่อย

พลับพลึงตั้งท่าจะค้านเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่พอๆกับการที่ต้องกินอาหารทุกวันแต่บนใบหน้าของธนดลเหมือนไม่ใช่เรื่องที่น่าเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยใช่ซี้...เขาเป็นผู้ชายนี่จะเดือดร้อนไปทำไมไม่มีอะไรที่น่าเสียหายซักหน่อยมีแต่กำรี้กำไรไหนจะได้นอนข้างหญิงสาวแม้จะไม่สวยมากก็เถอะไหนจะได้มองรูปร่างผอมเพรียวในชุดนอนแล้วไหนอาจจะได้แตะเนื้อต้องตัวยามเผลอไผยามหลับใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่เผลอแตะเนื้อต้องตัวกันแต่ยังไม่ทันจะได้โต้เถียงธนดลก็ตัดบท

“นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้วผมว่าคุณเลิกคิดเรื่องนี้แล้วรีบไปทำอาหารดีกว่าผมหิวแล้ว”

พลับพลึงกระพริบตาปริบๆเมื่อนึกถึงเรื่องอาหารเย็นหากว่าตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสำหรับเธอนอกจากจะฝากท้องไว้กับเหล่าเพื่อนๆและคนงานแล้วก็หวังพึ่งกับข้าวถุงในตลาดเสียส่วนใหญ่เพราะเรื่องคิดจะทำกับข้าวกินเองไม่เคยมีอยู่ในหัว

“ในครัวน่าจะมีอะไรติดตู้เย็นอยู่บ้างเพราะสองสามวันก่อนผมบอกน้อยว่าจะมาคุณก็จัดการต่อแล้วกัน”

พูดเสร็จธนดลก็เดินออกไปจากห้องปล่อยให้พลับพลึงยืนคิดเมนูอาหารต่อแต่คนที่ธนดลคิดว่ากำลังยืนคิดเมนูอาหารนั้นกลับแบะปากทำปากขมุบขมิบต่อว่าต่อขานคนไม่มีน้ำใจเขาไม่คิดจะถามซักคำเลยว่าเธอทำอะไรได้บ้างหรือแม้แต่จะมีนำ้ใจจะช่วยกันทำ

บอกแล้วไม่เชื่อว่าทำอาหารไม่เป็น!

เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่พลับพลึงลงมือทำอาหารควันก็โขมงเต็มห้องครัวสุดเริดหรูไปหมดธนดลที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ระเบียงรีบวิ่งเข้าไปด้วยความตกใจเขาปัดมือไปมาเพื่อไล่ควันที่กำลังจะทำให้สำลักสายตาก็หรี่สู้กับกลุ่มควันมองหาหญิงสาวที่ยังติดอยู่ในห้องนั้น

“คุณ!พลับพลึงคุณอยู่ไหนน่ะ”

“ฉันอยู่นี่ชะ ช่วยฉันด้วย!คุณช่วยฉันด้วยฉันจะสำลักควันตายอยู่แล้ว”

พลับพลึงเสียงติดขัดแถมยังไอคอกแคกติดๆกัน ยิ่งทำให้ธนดลร้อนใจอยากจะเข้าไปให้ถึงตัวเธอเขาปัดป่ายมือไปตามกลุ่มควันรีบคว้าตัวเธอให้ออกจากห้องนั้นทันทีเมื่อถึงตัวเพราะเขาเองก็กำลังจะสำลักกลุ่มควันเช่นกันแต่ก่อนที่จะออกจากห้องครัวก็ไม่ลืมที่จะปิดวาวแก๊สที่เป็นต้นเหตุให้เกิดกลุ่มควัน

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย

ธนดลต่อว่าเมื่อออกมาพ้นกลุ่มควันอันแสนอันตรายเขายกมือขึ้นขยี้ตาที่แสบไปหมดตามด้วยไอคอกแคกเพราะสูดกลุ่มควันเข้าไปเต็มปวดหลายครั้งก่อนจะลืมตาขึ้นมองหญิงสาวที่ไอคอกแคกไม่ต่างกันตรงหน้าในมือของเธอยังกำตะหลิวไว้แน่นอย่างกับเป็นอาวุธสำคัญความโกรธเกรี้ยวที่เธอทำให้เกิดกลุ่มควันจางหายไปมากเมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนเขม่าจนด่างไปทั้งหน้าไม่ต่างจากแมวลายเสือเขาเกือบจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมาแต่ก็หุบยิ้มแล้วปั้นหน้าขรึมได้ก่อนที่พลับพลึงจะลืมตาขึ้นเต็มตาหลังจากที่ขยี้มันอยู่นาน

“ไฟไหม้หรือเปล่าคุณ”เธอเอ่ยถามเสียงตื่นเมื่อลืมตาขึ้นเต็มตา

“ก็เกือบไปแล้วล่ะถ้าผมมาช้าอีกนิดผมคงไม่ต้องจ้างคนงานมารื้อบ้าน”เขาส่ายหน้าพร้อมกับเสียงถอนหายใจแรง

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันทำกับข้าวไม่เป็นโอ๊ะ...ทำไมควันมันยังไม่หมดอีกล่ะคุณแน่ใจนะว่า มันจะไม่ลุกพลึ้บขึ้นมา”พลับพลึงตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเธอลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากจะเข้าไปดูให้แน่ใจว่าข้างในไม่ได้เกิดประกายไฟจริงๆแต่ถูกธนดลรั้งข้อมือไว้

“อย่าบ้าน่าอยากสำลักควันตายหรือไงปล่อยไว้อย่างนั้นแหละมาช่วยผมเปิดหน้าต่างระบายควันดีกว่าคุณนี่เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องเลยผมอยากรู้จริงๆ ว่านอกจากออกแบบบ้านแล้วคุณทำอะไรเป็นมั่ง”

“ฉันก็บอกแล้วว่าฉันทำอะไรไม่เป็นแต่คุณก็ยังยืนยันจะแต่งงานฉันคงพูดได้แค่สมน้ำหน้าคุณคงต้องได้ครัวใหม่ซักวันแน่ถ้ายังขืนให้ฉันเข้าครัวอีก”

พลับพลึงโอดอย่างไม่เกรงใจจริงๆแล้วเรื่องครั้งนี้ต้องโทษธนดลคนเดียวเลยที่คิดให้เธอทำอาหารทั้งๆที่บอกไปแล้วว่าทำไม่เป็นแล้วรีบไปเปิดหน้าต่างบานที่ยังปิดอยู่ช่วยเขาอย่างเร่งรีบกว่าควันโขมงจะหมดลงคงอีกหลายนาที

“ไม่ต้องมาทำตาเขียวเลยนะคุณฉันเป็นสถาปนิกก่อนหน้านี้ฉันก็ฝากไว้กับกับข้าวถุงเพราะฉะนั้นถ้าคุณต้องการให้ฉันอยู่ร่วมบ้านคุณก็ต้องทำใจกินกับข้าวถุงให้ได้ไม่อย่างนั้นก็หากินเอง”

ธนดลยิ้มเยาะแต่ไม่ใช่เยาะหญิงสาวแต่เยาะตัวเองมากกว่าที่ต้องลงทุนทำความสะอาดครัวใหม่แล้วยังต้องมาทนฟังเสียงภรรยาจำเป็นบ่นราวกับว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลย

“แล้ววันนี้จะกินอะไร”

ธนดลกอดอกถามหลังจากที่เปิดหน้าต่างให้มากที่สุดจนควันก็เริ่มจางลงไปจนเกือบจะเป็นปกติ

พลับพลึงไม่ตอบกลับเดินกลับเข้าไปในครัวธนดลจำใจเดินตามเข้าไปอย่างหัวเสียชะโงกหน้าดูที่กระทะดำไหม้ที่ยังมีควันลอยคลุ้งขึ้นมาเหนือเศษอาหารดำเกรียมตามหญิงสาว

“นั่นอะไรน่ะ”

เขาทำหน้าแหยงราวกับเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏอยู่บนโลกใบนี้

“ไข่เจียวไง”เธอตอบเสียงตวัดค้อนให้กับใบหน้าแหยงรังเกียจอาหารในกระทะ

“คุณแน่ใจนะว่านั่นคือไข่เจียว”

เพราะที่เห็นคืออะไรซักอย่างเป็นก้อนๆสีดำเกรียม ไม่มีลักษณะเป็นแผ่นอย่างที่ควรจะเป็นหากว่าเป็นแผ่นกลมๆยังจะพอเดาได้ว่าเป็นไข่เจียวอยู่บ้างแต่นี่เละอย่างกับสิ่งปฏิกูลที่คนปนกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร

“ก็ไข่เจียวนะสิคุณเอาตาข้างไหนมองถึงดูไม่ออกว่านี่คือไข่เจียว”

ธนดลถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาสลับกับเยาะหญิงสาวเขาแน่ใจว่าไม่ใช่แค่เขาหรอกที่มองไม่ออกว่าเป็นไขเจียว

“ก็ไข่เจียวของคุณมันไม่เป็นแผ่นนี่แถมมีเศษอะไรก็ไม่รู้เป็นเส้นๆเต็มไปหมด” ธนดลโต้

พลับพลึงมองอย่างเพิ่งพินิจก่อนจะถอนหายใจเพราะไอ้เส้นๆ ที่เปลี่ยนจากสีขาวสีแดงเป็นสีดำนั้นคือหอมหัวใหญ่ซอยกับมะเขือเทศนั่นเองเธอทำหน้าแหยงเมื่อชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นเหม็นไหม้ฉุนต้องย่นจมูกแล้วยกมือขึ้นเช็ดจมูกเพื่อไล่กลิ่น

“แค่นี้ก็ดูไม่ออกก็หอมหัวใหญ่ซอยกับมะเขือเทศที่คุณจดในเมนูให้ฉันไงโทษคุณนั่นแหละที่อยากกินพิสดารถ้าสั่งไข่เจียวใส่น้ำปลาอย่างเดียวป่านนี้ก็ได้กินแล้วสมน้ำหน้าไม่ต้องกินกันเลย”นั่นไม่รวมถึงข้าวที่หุงในหม้อหุงข้าวที่ธนดลเดินไปเปิด

“อะไรอีกล่ะ”พลับพลึงเอ่ยถามเสียงเขียวเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า

“ข้าว”เขาบอกแล้วผายมือให้มาดูพลับพลึงเดินไปชะโงกหน้าดูแล้วยักไหล่

“ดีกว่าที่คิด”เธอพึมพำ แต่กลับทำให้ธนดลกลอกตานี่เธอชมตัวเองว่าดีกว่าที่คิดหรือ

“ข้าวแฉะจนเกือบจะเป็นข้าวต้มนี่นะคุณบอกดีกว่าที่คิด”

“ก็ใช่นะสิดีกว่าข้าวไม่สุกเพราะแฉะอย่างน้อยก็ยังกินได้”เธอตอบอย่างภาคภูมิใจเพราะนี่คืออาหารอย่างแรกที่ทำสำเร็จตั้งแต่จำความได้

“ผมกินไม่ได้”

“แล้วคุณจะเอาไง”พลับพลึงยกมือขึ้นท้าวเอวถลึงตามองใบหน้าที่เปื้อนเขม่าควันไม่แพ้เธอ

“ไม่รู้ล่ะคุณต้องคิด เพราะคุณเป็นภรรยา”

“จะบ้าหรือไงแค่นี้คุณไม่เข็ดหรือไง”

“ถ้าไม่ทำก็หาวิธีอะไรก็ได้ที่ทำให้เราสองมีอะไรกินเย็นนี้”ธนดลประชดประชันก่อนจะเดินออกไปรอข้างนอก

พลับพลึงมองท้องฟ้าที่กำลังมืดลงเธอมองชายหนุ่มคาดโทษด้วยอคติจึงได้แปลเจตนารมณ์ของเขาตามคำประชดว่าคุณชายนายแบงค์ช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกินที่ปล่อยให้ภรรยาคิดหาทางหาอะไรให้สามีกินแทนที่จะเป็นสามีช่วยแก้ปัญหานี่คงจะให้เธอขับรถไปซื้อกับข้าวในเมืองตอนย่ำค่ำจริงๆนะหรือ

“แมนมากเลยนะคุณ”เธอแขวะตามหลัง

พลับพลึงเม้มปากหน้าง้ำเมื่ออีกฝ่ายทำหูทวนลมทั้งๆที่เธอพูดออกจะดังและก่อนที่คนตัวสูงจะเดินพ้นครัวออกไปพลับพลึงก็ตะโกนไล่หลังปนเข่นเขี้ยวอีกว่า

“ได้เย็นนี้คุณได้กินแน่ออกไปข้างนอกเลยไป”

ดินเนอร์ใต้แสงจันทร์สำหรับการฮันนีมูนวันแรกที่เชียงใหม่เด็ดแน่!

ธนดลเดินฟึดฟัดออกมาจากห้องครัวคว้ากุญแจรถที่แขวนอยู่ข้างฝาเดินฉับๆออกมายืนรอหญิงสาวอยู่หน้าบ้านเขาหันกลับไปมองภายในบ้านยกข้อมือขึ้นดูเวลาเพราะท้องของเขาเริ่มร้องเสียงดังมากขึ้นทุกทีนี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมามากแล้วยิ่งนึกถึงห้องครัวที่คงต้องทำความสะอาดเสียยกใหญ่แล้วด้วยก็ยิ่งหัวเสียรู้ว่าถึงอย่างไรก็ทำกับข้าวไม่สำเร็จก็น่าจะออกมาชวนเขาไปหาอะไรทานข้างนอกได้แล้วจะหมกตัวอยู่ในครัวทำไมก็ไม่รู้

“นี่คุณเสร็จหรือยัง ผมหิวแล้วนะมัวทำอะไรอยู่”

คนข้างในยังคงเงียบธนดลฮึดฮัดหมายจะเดินกลับไปเรียกเพราะไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาวเลยซักแอะแต่ยังไม่ทันผ่านประตูบ้านเข้าไปหญิงสาวก็เดินหน้าชะแล่มออกมา

พลับพลึงเดินตรงมาหาชายหนุ่มเธอยิ้มให้เขาอย่างน่ารักพร้อมกับยกมือถูกกันไปมาโดยไม่สนใจอาการค้อนเคืองของชายหนุ่ม

“มัวทำอะไรอยู่นี่ผมรอนานแล้วนะไม่ได้ยินหรือไงว่าผมหิวกว่าจะถึงตลาดก็เกือบชั่วโมง”ชายหนุ่มต่อว่าเสียงขุ่น

“อ้าว...จะออกไปทานข้างนอกก็ไม่บอกไม่ต้องออกไปแล้วล่ะรออีกหน่อยแล้วกันฉันกำลังทำกับข้าวอยู่”

พลางยกมือขึ้นแคะเล็บเพื่อรอเวลาทำหน้าใจเย็นซึ่งแตกต่างจากเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ที่หน้าหงิกหน้างอกับการทำกับข้าว

“หมายความว่าไงถ้าคุณหมายถึงเมนูข้าวแฉะๆที่อยู่ในหม้อหุงข้าวนั่นล่ะก็ผมทานไม่ได้หรอกนะ”

“ไม่ใช่หรอกน่าไป ไป คุณไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะอีกเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว”พลับพลึงพยักพเยิดบุ้ยปากไปที่โต๊ะไม้สักตัวยาวใหญ่ที่นั่งได้ไม่น่าต่ำกว่าสิบคนธนดลหรี่ตามองหญิงสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อนี่หญิงสาวจะมาไม้ไหนแต่ก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารตามคำสั่งในใจภาวนาขออย่าให้ได้เจอะเจอกับอาหารแปลกประหลาดเลย

แล้วพลับพลึงก็ก้าวฉับๆเข้าไปในครัวที่ยังมีกลิ่นเหม็นไหม้อบอวลอยู่ท่ามกลางความงุนงงของธนดลไม่นานเธอก็เดินออกมาจากครัวพร้อมกับชามใบใหญ่ที่วางบนถาดขนาดกลางสองชามโดยชามสองใบนั้นมีฝาปิดมิดชิด

“อาหารสำหรับดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ของเรามาแล้วค่ะ”




Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 11:37:52 น. 2 comments
Counter : 1235 Pageviews.

 
บะหมี่แน่ๆๆๆ 5555++


โดย: sakeena IP: 115.87.100.163 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2556 เวลา:9:32:20 น.  

 
มาม่าต้ม ถ้าจะให้เด็ดควรใส่ไข่ใส่ผักด้วย แต่ระดับนี้แล้วอาจจะหั่นผักไม่เป็น ใส่ไข่ช่วยซะหน่อยก็บุญแล้ว


โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:18:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใยไหมเจ้าค่ะ
Location :
เลย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




โลกแห่งนิยายมีทุกอย่างให้นึกคิด เป็นอีกคนที่ชอบจินตนาการไปพร้อมๆ กับบทประพันธ์ ใยไหม...คือนามปากกาที่ได้มาจากสิ่งที่เห็น รังไหมสีเหลืองทองรูปร่างเรียวรีสะดุดตาเข้าเต็มเปา...
เจ้าขนปุย...คืออีกหนึ่งความรักที่มาจากใจ

 งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี (นี่ไม่ใช่คำเตือน แต่...ขอร้อง...)


Google
Friends' blogs
[Add ใยไหมเจ้าค่ะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.