Group Blog All Blog
|
Myanmar 13 - 15 Nov, 2010 Day 2 มิงกาลาบา คะพี่น้อง แบบว่ามาต่อตอนสองช้าไปนิดส์ เนื่องด้วยจะนั่งเขียนบล็อคที่ออฟฟิตแต่ว่าข้อมูลอยู่บ้านมันก็เลยไม่ได้เขียนสักทีวันนี้เลยได้เวลาซะที เช้าวันที่สองนี้เรามีนัดกับไกด์ชื่อ คุณ Kai จิงๆ แล้วเราไม่รู้ว่าชื่อของเค้านั้นต้องออกเสียงยังไงเราก็เลยเรียกเค้าว่า คุณไก่ คิคิ ส่วนรายละเอียดของคุณไก่และรถตู้ที่ใหม่มากเพราะเพิ่งออกมานั้นน้ำจะเขียนสรุปไว้ให้ในตอนเฉพาะกิจนะจ๊ะ คุณไก่มาพบเราที่ guesthouse ในเวลาประมาณแปดโมงตามที่นัดกันเอาไว้เพื่อนจะไปเที่ยวที่เมือง Baco หรือคนไทยรู้จักกันดีในชื่อเมืองหงสาวดี อยากจินตนาการได้ก็ไปหาหนังเรืองสมเด็จพระนเรศวรมาดูกันนะ สมาชิกของการเดินทางครั้งนี้มีทั้งหมด 9 ชีวิต คือกลุ่มแรก น้ำกับแม่ 2 คน อีกกลุ่มคือกลุ่มเพื่อนคนไทย 4 คนที่เราเจอที่สนามบินแล้วชวนเค้าร่วมหารร่วมมากค่ารถกับเราคะ ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มของพี่ Chalita อีก 3 ชีวิตจ้า เริ่มออกเดินทางจากย่างกุ้งสู่หงสาวดีกันเลย ล้อหมุน ๆๆ จะบอกว่าเวลาออกนอกเมืองของพม่าเราต้องจ่ายค่าผ่านทางเรื่อยๆ ถามไกด์ ไกด์บอกประมาณว่าเราผ่านแต่ละเมืองเราก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางของเมืองนั้นๆ ไปหงสาวดี โดนจ่ายไป 2 ครั้งคะ การจะไปเที่ยวเมืองหงสาวดีนั้นสิ่งที่ควรพกไปอย่างยิ่งคือ ร่ม หมวก แว่นกันแดด เพราะว่าร้อนจิงๆ การเข้าชมวัดของที่เมืองหงสาวดีนั้นมีแค่ 4 วัดเท่านั้นที่จะต้องเสียค่าเข้าชมและจ่ายในครั้งแรก วัดแรก เพียงครั้งเดียวในราคา 10$ ![]() นี่คือหน้าตาของบัตรราคา 10$ เป็นบัตรพลาสติกอ่อนหน่ะ เวลาเราเข้าที่ใดเค้าก็จะเจาะรู ในมุมต่างๆ ถ้าเจาะครบ 4 มุมก็แปลว่าดูครบ 4 ที่แล้ว ที่ได้ทำงานเสียเงินไว้ แต่วัดอื่นๆ ในหงสาวดีดูฟรีนะจ๊ะ เริ่มกันที่วัดแรก ร่ายมาซะยาวเที่ยวกันสักทีเนออะ ![]() วัดพระสี่หน้า Kyaikpun Paya ตามประวัติที่ได้ยินมาคือวัดของสี่สาวพี่น้อง ...... คิคิ จำได้แค่นี้อะคะ ไปหาประวัติกันเอาเองนะคะ หรือจะไปให้ไกด์เล่าให้ฟังสดๆ ก็ได้ ลืมบอกไปว่าวัดที่เสียค่ากล้อง 300 Kyat นะจ๊ะ แล้วเราก็รีบๆๆๆ เพื่อจะไปให้ทันตักบาตรพระเพื่อฉันเพลคะ ตอนแรกที่ไกด์บอกว่ามีพระบิณฑบาตรเยอะเข้าใจว่าเหมือนหลวงพระบางหรืออเชียงคานที่พระเดินบิณฑบาตรแต่ไม่ใช่วัดเดียวกันแต่ว่าไม่ใช่คะ วัดนี้เป็นวัดที่ลูกหลานชาวพม่าเค้ามาศึกษาเล่าเรียนกันมีจำนวนไม่มากไม่น้อยค่ะแค่ 600 กว่าชีวิต ![]() พระท่านจะเดินออกมาจากที่พักกันเป็นแถวๆ คนไทยมาใส่บาตรแล้วก็บริจาคเงินเพื่อซื้อข้าวสารกันเยอะซื้อกันทีเป็นกระสอบ ต้องขออภัยด้วยที่ลืมชื่อวัดนะครับ ![]() พอเดินรับข้าวจากด้านหน้าก็จะเข้ามาฉันด้านในนั่งกันเป็นกลุ่มๆ แบบนี้แหละคะแต่ว่ากับข้าวท่านเห็นแล้วต้องใช้คำว่าสงสารหรือเวทนาเลยก็ว่าได้มันคือ น้ำพริกถ้วยเล็กๆ เน้นว่าเล็กๆ นะคะ น้ำปลา ผัก แค่นั้นจิงๆ คะ ถ้ารูปไหนไม่ได้ข้าวจากด้านนอก (ท้ายๆ แถวหน่ะคะ) ก็ต้องขอแบ่งจากรูปอื่นก็จะน้อยลงไปอีก แล้วเค้ามีเวลาฉันนะคะ ให้เวลาฉันแป๊บเดียว 10 นาทีได้มั้งคะ แล้วก็ต้องเรียงแถวเดินออกมากันคะ ![]() นี่คือ หม้อ ถัง เอ่อ... ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีมันใหญ่จิงๆ เป็นที่ใส่ข้าวคะจะวางอยู่หน้าหอฉัน มีอยู่ 3 อัน แต่ข้าวไม่เต็มหรอกนะคะ อย่าว่าแต่เต็มเลยแค่ครึ่งถึงป่าวไม่รู้อะคะ ตอนตักบาตรนี่ขูดกันจนเกลี้ยงอะคะ แต่ที่นี่เค้าตักบาตรกันด้วยข้าวเปล่าอย่างเดียวนะคะ มีโรงครัวที่วัดคะ ![]() ที่วัดนี้มีรูปปั้น ท่านนายพลอองซาน คุณพ่อของอองซาน ซูจี ด้วยคะ แล้วเราก็เดินทางไปวัดต่อไปกัน แต่เอ....เราไปวัดไหนก่อนวัดไหนหลังหว่า... ก๊าก ๆๆๆ บอกแล้วความจำปลาทอง เอาเป็นว่าที่ต่อไปเราไปพิพิธภัณพระเจ้าบุเรงนอง Kanbawzathadi Palace site & Museum ก็แล้วกันนะ ขออภัยจำไม่ได้จิงๆ ![]() ![]() จิงๆ แล้วสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ของจิงแต่อย่างใดนะขอรับ เป็นที่ที่รัฐบาลได้สร้างขึ้นมาใหม่ นี่เป็นส่วนของพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง ที่นี่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปแต่คุณไกด์บอกว่าเดี๋วต้องดูสถานการณ์ก่อน เราก็เลยได้สถานการณ์ที่ดีได้ถ่ายรูปด้านในมีค่าน้ำร้อนน้ำชาเล็กน้อย แต่ขอนุญาตไม่นำมาเผยแพร่นะคะ เพราะถ้าเป็นสมบัติบ้านเราก็คงไม่อยากให้คัยให้เห็นรูปถ่ายที่ไม่ควรที่จะมีเหมือนกัน จิงมั้ยเอ่ย ถ้ามองจากส่วนของพิพิธภัณฑ์เราจะเห็นที่พระทับบรรทมของพระเจ้าบุเรงนอง จำได้ว่าไกด์เล่าเรื่องต่างๆ มีส่วนของพระนเรศวรด้วย ขอคิดก่อนนะ ![]() ไกด์เล่าว่าพระนเรศวรได้เติมโตที่นี่ พระเจ้าบุเรงนองรักท่านมาก แล้วพระนเรศวรก็กู้ชาติกลับสยามอย่างที่เราๆ รู้กัน แล้วพอพระเจ้าบุเรงนองสิ้นลูกท่านก็ไม่เก่งจึงถูกรุกรานจาก..... สักคนอ่อคะ จำไม่ได้ พระนเรศวรจะกลับมาช่วยก็ไม่ทันซะแล้ว ที่นี่ก็ถูกเผาราบเป็นหน้ากลองไปเรียบร้อยโรงเรียนหม่อง เป็นการเล่นประวัติศาสตร์ที่แย่มากตั้งแต่เคยมา ![]() พอเราออกจากที่นี่เราก็ตรงไปวัด Shwemawsaw Paya ซึ่งมีเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า อ่า.....คิดว่าชเวดากองสูงสุดอยู่อะซิ ผิดแล้วเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่าอยู่ที่นี่คะ ![]() วัดนี้ต้องเดินบรรไดกันยาวพอสมควร 9 ขั้นก็มีที่พักบันไดที่ พวกเราคาดการว่าน่าจะสักสิบกว่าครั้งอะคะ ![]() สุดบันไดที่เดินมาอย่างมาดมั่นก็จะเจอกับภาพนี้ตรงหน้านะจ๊ะ สวยมากกกกกก แล้วเราก็เดินวนซ้ายคะ ผ่านที่เสี่ยงทายเป็นเรือหมุนโดยใช้เหรียญโยน เรือก็มีหลายแบบ เรือรวย เรือสุขภาพดี บรา ๆๆๆๆ แต่ที่เด็ดสุดคือลำตรงกลาง ได้ทุกอย่าง แต่น้ำไม่โยนไม่ลงสักลำอะ ![]() เดินต่อจะเจอภาพนี้คะ ![]() พูดได้คำเดียว มานหย่ายยยยมากกกกกกกกกกกก บอกว่าเจดีย์ที่นี่สูงที่สุดแต่ยังไม่เห็นกันเลยใช่มัยงั้นเราจะโชว์ท่าน ณ บัดนี้.... ![]() อ่ะ ๆ สงสัยหล่ะสิว่าทำไมไม่สีทองอร่ามสวยงามสมการรอคอย ตอนเราไปเป็นช่วงเวลาที่ดีมากก เค้าปิดซ่อมตัวเจดีย์คะ ทุกๆ 5 ปี ทำ 1 ครั้ง คิคิ เพราะว่าที่นี่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยดังนั้นต้องปรับปรุงซ่อมแซมบ่อย แต่องค์เจดีย์ที่เห็นไม่ใช่ของแท้ด้ังเดิมนะจ๊ะ ของแท้ดั้งเดิมเป็นแบบนี้ ![]() เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทำให้ยอดเจดีย์หักลงมาแล้วส่งแกนกลางไม่แตกสลายแต่นอนเท้งเต้งอยู่แบบนี้แหละจ้า ที่เห็นคนปีนๆ ป่ายๆ อยู่นั้น เค้าทำความสะอาด ขัดถูก กันอยู่จ้า ![]() วัดต่อไปคือ วัดพระนอน Shwethalyaung Buddha ( Reclining Buddha ) ซึ่งเป็นที่สุดท้ายที่เราจะถูกเจาะรูในบัตรราคา 10$ ของเรานะจ๊ะ แต่ถ้าคัยสังเกตของน้ำมีอยู่ 3 รู เพราะว่าที่สุดท้ายนี่แหละคนเจาะไม่อยู่ ก๊าก ๆๆๆ ![]() ![]() พระวัดนี่เป็นพระนอนหน้าหวาน แก้มชมพู ปากชมพู แต่น้ำว่าสวยสู้พระตาหวานไม่ได้อะ ชอบที่นู้นมากกว่า วัดนี้แม่เสียเงินซื้อของฝากไปในราคา 200 บาท จ่ายเงินไทยคะ คิคิ ต่อกันมันส์ไปเลย แต่ของเค้าทำจากไม้สวยดีนะคะ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็อุหนุนเค้ากันหน่อยนะคะ พอเราเที่ยวเสร็จก็ต้องไปหาของทานแต่ว่าน้ำยังไม่บอกในตอนนี้นะจ๊ะ เอาไว้รอในหมวดอาหารนะคร๊าบบบ มันเริ่ด (บางอย่าง) เราเดินทางออกจากหงสาวดียามบ่ายๆ เพื่อจะมาดูช้างเผือกคะ แบบว่าประทับใจมาก เพราะพอเราไปถึงช้างกำลังเดินมาที่ให้อาหารหรือที่ชมช้างพอดี เหมือนช้างรู้ หรือเค้าวอบอกควานช้างว่ามีคนมาหว่า เอิ๊ก ๆๆๆ ![]() สวยงามมากคะ น้ำเป็นคนเดียวที่ยืนดูไกล ๆๆ ก๊าก ๆๆ สงสัยอะดิว่าทำไมดูไกลๆ กลัวคะ รูปที่ถ่ายแบบ close up นั้น น้ำได้ยื่นกล้องน้อยกลอยใจให้คุณพี่ชลิตกับพี่บีอย่างเต็มใจสุด ๆ กราบขอบพระคุณที่ถ่ายรูปหม่อมแม่ตอนให้อาหารช้างให้นะขอรับ ![]() ถ่ายรูปช้างเผือกตัวเป็นๆ เสร็จพอเดินกลับก็ได้ภาพนี้มาคะ คิคิ ![]() คิคิ ขาดเบยลาวนะเนี๊ย ไม่งั้นแจ่ม ตรงข้ามหรือเรียกว่าเฉียงๆ กับที่อยู่ของช้างเผือกก็คือวัดพระหินอ่อน Marble Buddha นำหินอ่อนทั้งก้อนมาแกะเลยนะ ถ้าจำไม่ผิดหินอ่อนก้อนนี้นำมาจากมัณฑเลย์คะ ![]() อาจะเห็นพระไม่ชัดนะคะ เพราะอยู่ในตู้แก้วกระจก คิดว่าที่เค้าทำเพื่อรักษาอุณหภูมิคะ เดามั่วอีกแว้ว ![]() ระหว่างทางกลับเข้าย่างกุ้ง หรือแม้แต่ในตัวเมืองย่างกุ้งเองเราจะพบเจอกับชายหนุ่มผู้นี้อยู่ทุกหัวถนนร่ำไปคะ ![]() He is a superstar of Myanmar คะ น้ำให้รถพาไปส่งที่ชเวดากองคะสำหรับเย็นนี้ แต่กลุ่มอื่นก็ไปการะเวก กลับโรงแรมกันคะ ค่าเข้าของ Chwedagon นั่น 5$ ต่อคนคะ หรือจะจ่ายเป็นจ๊าดก็ได้นะคะ แต่เราจ่ายเป็น USD คะ เพรากำไรกว่า ค่าเงินเราแข็ง คิคิ แต่ที่นี่ไม่ต้องจ่ายค่ากล้องแล้วนะคะ รวมเบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วคะ น้ำกับแม่ขึ้นทางฝั่งที่มีบันไดเลื่อนนะคะ บางฝั่งมีลิฟท์ แต่ฝั่งที่คนเยอะคือฝั่งบันได คงเดินกันลิ้นห้อยอะคะ พิสูจน์ความศัทธา ขอไม่พูพร่ำทำเพลงระดมรูปสวยๆ กันเลยดีกว่า ของเค้าสวยจิงไรจิงคะ อึ้ง ตาค้าง ปากอ้ากันเลยทีเดียว ![]() สวยใช่มั้ยคะ ![]() สวยในอีกมุม ![]() แถบจะนอนถ่ายกันเลยทีเดียว กล้องดิฉันมัน compack เล็กน่ารักนะตะเอง ![]() รวมหลายๆ มุมมอง ![]() ผู้คนมากราบไหว้สัการะที่นี่กันเยอะนะคะ ทั้งคนพม่าเองหรือแม้แต่นักท่องเที่ยว ![]() น้ำขอปิดท้ายวันนี้ด้วยแม่ชีตัวน้อยของพม่ากันนะคะ มาขอรับบัณฑบาตรหรือบริจาคเงินกระฐินคะ ![]() |
valdes
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Friends Blog
|
สุดยอดจ๊า ไว้จะตามรอยไปเที่ยวพม่าบ้าง
รอชมทริปต่อไป