ลูกสาวพิพิธภัณฑ์ และบันทึกชาวทุ่ง โดยคุณพรศิริ บูรณเขตต์ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี
ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้เมื่อตอนที่เดินทางไปเที่ยวงานลอยกระทง 3 จังหวัด คือสุโขทัย ตาก และกำแพงเพชร แต่ได้แวะค้างคืนที่พิษณุโลก และด้วยเวลาที่ยังพอมีเหลือให้ได้เดินเถลไถล จึงได้แวะไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์จ่าทวีอีกครั้ง จากครั้งแรกที่เคยมาเยือนเมื่อ 2 ปีก่อน
ในครั้งนี้ฉันไม่ได้ขึ้นไปเดินดูข้าวของในพิพิธภัณฑ์อย่างคราวที่แล้ว แต่อาศัยความสงบเงียบของพิพิธภัณฑ์ทำจิตใจของฉันให้สงบเสงี่ยม ชมนกชมไม้ และเพ่งพิศพิพิธภัณฑ์ด้วยความศรัทธายิ่ง ฉันตัดสินใจซื้อหนังสือของพิพิธภัณฑ์มาหลายเล่ม ถือเป็นการช่วยเหลือพิพิธภัณฑ์ได้ทางหนึ่ง หนึ่งในจำนวนหนังสือหลายเล่มนั้นฉันหยิบ "ลูกสาวพิพิธภัณฑ์" เป็นเล่มแรก
เรื่องและภาพ โดยพรศิริ บูรณะเขตต์ จัดพิมพ์ โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ราคาหน้าปก 180 บาท
เป็นความตั้งใจที่ว่าคราวนี้ฉันอยากจะซื้อหนังสือเล่มนี้ เพราะเมื่อได้ฟังเรื่องราวบางส่วนของหนังสือ ก็ยิ่งทำให้ฉันอยากรู้ที่มาที่ไปมากขึ้น คุณจะต้องอึ้ง และทึ่งเมื่อทราบว่าหนังสือเล่มนี้ทั้งเล่มเป็นงานพิมพ์จากลายมือข้างซ้ายที่ไม่ถนัดของคุณพรศิริ จุดประสงค์ของการเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายนั้นคงจะได้ทราบกันหลังจากที่คุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบ
มันเป็นชีวิตจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายๆ ในเส้นทางความสำเร็จย่อมต้องมีความตั้งใจ และมีความมุ่งมั่นสูง อุปสรรคใดๆ ก็อาจจะฝ่าฟันไปได้ด้วยกำลัง ความสามารถ และความพยายาม แต่อุปสรรคจากมนุษย์ประเภทชอบดูหมิ่นเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลน ความสำเร็จก็อาจจะถอยห่างออกไปเรื่อยๆ หากปราศจากความหนักแน่น
คุณลุงจ่าทวี (ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี) อาจจะไม่ใช่บุคคลที่สร้างอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นคนดังในแวดวงสังคม หากแต่คุณลุงจ่าทวีได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่อำนาจ ไม่ใช่ชื่อเสียง แต่เป็นอาณาจักรแห่งความรู้ที่ประเมินค่าเป็นตัวเงินไม่ได้ ความรู้นี้จะเป็นมูลค่าที่เพิ่มพูนไปเรื่อยจนถึงชั่วลูกชั่วหลาน หากพวกเราจะรู้จักรักษา และให้กำลังใจแก่ผู้ที่เสียสละอย่างเช่นครอบครัวบูรณะเขตต์
เมื่อคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว คุณอาจจะรู้สึกเหมือนฉัน รู้สึกอับอายในความเป็นชนชาติไทยของคนบางประเภทจนถึงกับทำให้ฉันเขียนถึงทริปในครั้งนี้ด้วยความตั้งใจที่จะประกาศให้ผู้อื่นได้รับรู้ถึงความยากลำบากของผู้ก่อตั้ง เปิดเผยให้เห็นความโง่เขลา และสันดานของมนุษย์หลายประเภท เป็นกระทู้ที่เขียนยาวๆ 4 ตอน ที่เก็บกระทู้ไว้ ที่นี่
หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่อยากจะแนะนำพร้อมๆ กันนี้ก็คือ บันทึกชาวทุ่ง หากคุณได้มีโอกาสไปเยือนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี และให้ความสำคัญกับผู้บรรยายโดยการตั้งใจฟังคำอธิบายของที่มาของสิ่งต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ คุณจะอัศจรรย์กับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เป็น รากเหง้า ของเรา
หนังสือแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. เรื่องเด็กๆ : ชีวิตกับการเรียนรู้ในทุ่งกว้าง 2. เรื่องในบ้าน : ของใช้ในครัวเรือนกับชีวิตชาวบ้านทุ่ง 3. เรื่องหาอยู่หากิน : ชีวิตกับลมหายใจในท้องทุ่ง
เรื่องและภาพ โดยพรศิริ บูรณะเขตต์ พิมพ์ครั้งที่ 2 โดยโรงพิมพ์ตระกูลไทย เจ้าของลิขสิทธิ์ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี
เป็นบันทึกที่ควรค่าแก่การอ่านเพื่อให้ลูกหลานของเราได้รู้ถึง อดีต ในเรื่องความเป็นอยู่อันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทั้งหลาย สิ่งต่างๆ ที่นับวันจะสูญหายไป และกลายเป็นของหายาก ประโยค คำสุภาษิต หรือคำพังเพยที่เรามักจะพูดๆ กันจนชินปาก ก็มาจากของพื้นบ้านเหล่านี้ เด็กกรุงบางคนจนปานนี้แล้วอาจจะแยกคำว่าบันได กับกระไดไม่ออก และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าส่วนต่างๆ ของกระไดนั้นเขาเรียกว่าอะไร หรืออย่างคำว่าตุ่ม กับโอ่ง และโอ่งมังกร กับโอ่งมังกือต่างกันตรงไหนเป็นต้น เรื่องราวพื้นๆ อย่างนี้บางคนจบดอกเตอร์ก็อาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ความรู้จากตำราเพื่อให้ตนเองนั้นก้าวไปเป็นคนที่มีการศึกษาสูงส่งนั้นดีแล้ว แต่หาควรดูถูกของพื้นๆ หรือของเก่าๆไม่ ความรู้อย่างนี้ไม่ได้หาง่ายจากตำราที่ไหน แต่ต้องได้มาจากการพูดคุยกับคนเก่าคนแก่ของพื้นที่นั้นๆ ในตอนนี้มีผู้เสียสละทำการอันยิ่งใหญ่นี้แล้ว เป็นการง่ายดายที่เราจะได้ รู้ ก็เพียงแค่เปิดตำราอ่าน และไปเยือนพิพิธภัณฑ์เพื่อได้เห็นของจริง ให้สมกับคำสุภาษิตที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นก็คงไม่เท่ามือคลำ (ถ้าหากว่าของนั้นสามารถประดิษฐ์ใหม่ได้ และทางพิพิธภัณฑ์อนุญาตให้เราได้ลอง หรือเพื่อสาธิต ก็ควร "คลำ" ให้รู้กระจ่าง)
คนที่ยิ่งมีการศึกษาสูง มักมีสิ่งหนึ่งที่ฝรั่งเรียกว่า ego จนยกตัวเองให้สูงกว่าคนอื่น ตาจึงมองแต่ของที่อยู่ระดับบนๆ หัวก็เชิด คอก็เงยขึ้นสูงจนไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ หรือมองไม่เห็นจนสะดุดขาตัวเองอยู่เนืองๆ เพราะมัวแต่แบก ego ไว้เสียจนคอแข็ง ego นั้นหนักจนเขาไม่สามารถจะย่อตัวลง หรือก้มลงมาดูอะไรทั่วๆ ได้ จนฉันมองเห็น ego งอกเงยออกมาเป็น e-ngo บนกบาลเขาตัวใหญ่แล้ว
Create Date : 11 กรกฎาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 15:36:37 น. |
Counter : 1664 Pageviews. |
|
|
|
น่ารักจังค่ะ
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วต้องสบายใจแน่ๆ
ไว้หนูไปหามาอ่านบ้างดีกว่าค่ะ
แจ้ เรื่องติ้งติ้งกันเดือนตุลานั้น
หนูหวังอย่างยิ่งว่าเราจะได้เจอกันนะคะ
คิดถึงแจ้ค่ะ จริงๆค่ะ
บล็อคหน้านั้น เป็นคำสัญญาที่หนูให้กับพี่ตี๋ค่ะแจ้
ไม่มีสิ่งใดหรอก แหะแหะ