***การอ่านหนังสือ คือ การเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง*** Open Your Mind by Reading***
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
16 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เคยโต้วาทีด้วยหรือเรา ?

คนที่เห็นฉันตอนนี้ ถ้าไม่สนิทกันจริง ๆ หากฉันไปคุยให้ฟังว่า ตอนเรียนประถมปลาย เคยเป็นตัวแทนนักเรียนหญิงออกไปโต้วาทีกับตัวแทนนักเรียนชายในหัวข้อ "เป็นผู้หญิงดีกว่าผู้ชาย" มาแล้ว คงไม่มีใครเชื่อ

และเมื่อครั้งเรียนอยู่มัธยมต้น ก็เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งโต้วาทีกับต่างโรงเรียนด้วย เพราะปัจจุบัน ฉันเป็นคนไม่ช่างพูด คุยไม่เก่ง แม้จะกล้าออกความเห็นในที่ประชุม แต่พออยู่ข้างนอก ฉันก็เหมือนคนซื้อบื้ออยู่นั่นเอง

หัวข้อที่ไปโต้วาทีคือ "เข้าวิกดีกว่าเข้าวัด" จำแม่นเพราะเป็นกิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา ทั้งสองทีมมีฝ่ายละ 3 คน ด้วยความที่โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนประจำอำเภอ ฉันเลยได้เป็นหัวหน้าฝ่ายเสนอ ส่วนฝ่ายค้านมีนักเรียนชายจากโรงเรียนที่มืชื่อวัดนำหน้าเป็นหัวหน้า

ก่อนจะขึ้นโต้ ฉันก็ปรึกษาอาจารย์ว่า จะใช้คำพูดอย่างไรจึงจะไม่ถือว่าเป็นหมิ่นหรือลบหลู่ศาสนา เพราะฉันเกรงว่าจะใช้คำพูดล้ำเส้น อาจารย์บอกว่า ก็พูดไปตามที่เรารู้สึกว่าเวลาเข้าโรงหนังหรือโรงมหรสพมันสนุกกว่าเข้าวัดอย่างไร เรื่องการใช้คำพูดไม่เหมาะสมนั้น หากไม่หยาบคายก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว เพราะนี่คือการแข่งขันโต้วาที พระท่านเข้าใจ

หากจะถามความรู้สึกของฉันจริง ๆ แล้ว หัวข้อการโต้วาทีครั้งนี้ มันขัดกับความรู้สึกของฉันมาก เพราะแม่พาเข้าวัดตั้งแต่จำความได้ พอเรียนอยู่ ป.4 แม่ก็ให้ไปวัดในวันพระคนเดียวแทนแม่ โดยยอมไปโรงเรียนสาย เพราะฉะนั้น การที่ต้องยกเอาเหตุผลใดในเรื่องทางโลกมาหักล้างข้อดีของการเข้าวัด มันจึงเป็นเรื่องที่ลำบากใจไม่น้อย แม้ว่าตอนนั้นฉันยังเป็นวัยรุ่นก็เถอะ

แต่ในที่สุด การโต้วาทีก็ผ่านไปด้วยดี กรรมการประกาศผลออกมาว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผลมาหักล้างได้เท่าเทียมกัน จึงไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ พอสัปดาห์ต่อมา ฉันเปิดวิทยุฟังรายการธรรมะวันอาทิตย์ทางสถานีวิทยุ กวส.4 ซึ่งเป็นสถานีวิทยุแห่งแรกของพะเยา ตอนนั้น เพิ่งตั้งได้ไม่นาน ดูเหมือนว่าจะตั้งขึ้นหลังจากเลื่อนสถานะจากอำเภอเป็นจังหวัดแล้ว

ปรากฏว่า พระท่านเอาเทปการโต้วาทีมาเปิดออกอากาศ รู้สึกว่าจะเปิดเฉพาะตอนที่ฉันพูด อาจเพราะเป็นหัวหน้าฝ่ายเสนอ แล้วท่านก็ชี้แจงไปทีละเปลาะ ซึ่งฉันฟังแล้ว ก็รู้สึกอายนะ คล้ายกับตัวเองไม่ได้ศึกษาธรรมะจริงจังก่อนไปโต้เลย แต่เข้าใจว่า พระท่านคงถือเป็นการสั่งสอนไปในตัว แทนการเทศนาเหมือนทุกครั้ง

เลยได้ยินเสียงของตัวเองครั้งแรก ออกอากาศทางสถานีวิทยุ แทบไม่อยากเชื่อว่า พูดคำควบกล้ำชัดเจน ฉะฉาน และน้ำเสียงไพเราะมาก (ฮา...) อายเหมือนกันค่ะ (ชมตัวเองก็ได้ คนอะไร) แต่ตอนนั้น รู้สึกอย่างนี้จริง ๆ นะ สำเนียงไม่มีหลุดภาษาถิ่นเลย ใช่เราจริง ๆ เหรอเนี่ย

เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนเป็นนักเรียน มันทำให้ฉันรู้ว่า แท้จริง เราก็หนึ่งในตองอูเหมือนกันนะ แต่เมื่ออยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทำไมฉันกลายเป็นคนขาดความมั่นใจ หดหู่เศร้าหมองอยู่เป็นนิจก็ไม่รู้

ฉันมาสรุปได้ภายหลังเมื่ออายุมากขึ้น ผ่านโลก ผ่านชีวิต และประสบเหตุการณ์ที่ทำให้รู้จักความสุขและความทุกข์อันเกิดจากความรัก ว่าเป็นเพราะช่วงต้นของชีวิตฉันช่างว้าเหว่เหลือเกิน ฉันมีพ่อมีแม่พร้อมหน้า แต่ไม่เคยเห็นภาพพ่อกับแม่แสดงความรัก ความเอื้ออาทรต่อกัน เพราะเมื่อจำความได้ ฉันก็ได้ยินเสียงพ่อด่าแม่ ตะคอกแม่ ตบตีเตะต่อยแม่จนสลบคาเท้าพ่อ

และความรุนแรงที่พ่อกระทำต่อแม่ มันก็ต่อเนื่องยาวนานมาจนกระทั่งฉันโตเข้าสูวัยรุ่น แล้วพ่อกับแม่ก็แยกกันอยู่ เพราะต้องต่างคนต่างทำมาหากิน ฉันรู้สึกสับสนกับชีวิต และไม่เคยรู้จักว่า การมีครอบครัวอบอุ่นนั้นมีความสุขอย่างไร

และคงเป็นด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเป็นคนคุยเก่งเมื่ออยู่โรงเรียน กล้าถามครู กล้าแสดงออก ขณะที่เมื่ออยู่บ้าน นอกจากเล่นกับน้อง ฉันก็มีหนังสือเป็นเพื่อน ฉันไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศของการพูดคุยหัวเราะกันระหว่างพ่อแม่ลูก

มันเป็นบาดแผลทางใจที่ไม่อาจลบเลือน ตราบถึงวาระสุดท้ายของชีวิตของฉัน คิดว่าอย่างนั้นนะ


Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2553 1:59:10 น. 0 comments
Counter : 785 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wanalee
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




คนธรรมดาที่กำลังพยายามละกิเลส เพื่อลดความอยากและไม่อยากให้มากที่สุด (ยากนะ แต่จะพยายาม)
New Comments
Friends' blogs
[Add wanalee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.