|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โลกนี้คือละคร
โลกนี้คือละคร
สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก เพลง โลกนี้คือละคร ได้รับความนิยมมาก ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนความเป็นจริงของชีวิต และให้แง่คิดที่อิงหลักธรรมะมาก ถ้อยคำสละสลวย และท่วงทำนองเศร้าลึกซึ้ง ประกอบกับเสียงร้องนุ่มนวลราวกับ ขยี้ฟองเบียร์ ของสุเทพ วงศ์กำแหง นักร้องบรมครู จึงทำให้เพลง โลกนี้คือละคร สมบูรณ์แบบและลงตัว จะฟังแบบเอาเพลินก็ได้ หรือฟังเพื่อสอนตัวเองก็ดี
หากจะนับเอาเพลงนี้เป็นเพลงธรรมะ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเนื้อหาสอนให้คนรู้ทันโลก และรู้เท่าทันตัวเอง ไม่ให้ลุ่มหลงกับมายาทั้งหลายที่จะมาล่อหลอกให้เราติดกับ ดังเนื้อเพลงตอนหนึ่งที่ว่า โลกนี้คือละคร บทบาทบางตอน ชีวิตยอกย้อนยับเยิน ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ แสนเพลินเหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน
ฟังเพลงจากลิงค์นี้ค่ะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=wanalee&month=19-10-2012&group=11&gblog=10
เปรียบโลกนี้เป็นโรงละคร สรรพสัตว์ทั้งหลายก็คือตัวละครที่โลดแล่นอยู่บนเวทีนี้ โดยมีกรรมเป็นผู้กำกับบทบาท ชีวิตจึงเคลื่อนไปได้ด้วยแรงกรรม เราเห็นตัวอย่างมากมายจากคนที่ทำกรรมดีและกรรมชั่ว ว่าได้รับผลต่างกัน จริงอยู่ บางคนทำชั่วร้ายแรงนัก ทว่า ยังดูเหมือนสุขสบาย นั่นเพราะว่าเขายังมีบุญเก่าสั่งสมไว้ก่อนหน้านั้น เมื่อใดผลบุญนั้นหมดไปโดยเจ้าตัวไม่สร้างบุญใหม่เพิ่ม ผลแห่งความชั่วก็จะปรากฏขึ้นคล้ายปีศาจที่แฝงเงารอท่าอยู่แล้ว
แต่ก็อีกนั่นแหละ เรื่องของบาปบุญคุณโทษ ย่อมไม่อาจลบล้างให้หมดไปได้ ตราบใดที่ยังไม่มีการชดใช้ อาจทำให้เบาบางลงได้บ้างด้วยความดีเท่านั้น
จะว่าไปแล้ว ผลแห่งกรรมดี กรรมชั่วที่กระทำ มันมักจะก่อผลตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นด้วยการคิดแล้ว เพราะคนที่คิดไปในทางไม่ดี ปล่อยให้ความรัก โลภ โกรธ หลง เข้าครองเรือนใจ มักจะไม่มีความสุข จิตใจกระวนกระวายร้อนรุ่ม ตรงกันข้ามกับคนที่แม้เพียงแต่คิดจะทำดี จิตใจก็ร่มเย็นและมีความสุข กิเลสทั้งหลายไม่อาจฝ่าด่านแห่งความดีเข้ามาครอบงำได้
นี่คือที่มาของคำว่า สวรรค์ในอก นรกในใจ เพียงแค่คิดก็ทำให้สุขหรือทุกข์ร้อนได้ แล้วถ้าได้ลงมือกระทำจนสำเร็จ มันจะมีผลต่อจิตใจสักเพียงไหน ดังนั้น แม้คนที่ไม่เชื่อในเรื่องสวรรค์ นรก ก็ย่อมประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า สวรรค์และนรกนั้นมีจริง มันอยู่ที่ใจของเรานี่เอง
เพราะโลกนี้คือละครโรงใหญ่ เราจะเลือกเล่นเป็นคนดีหรือคนร้าย ขึ้นอยู่กับตัวเรา คนดีไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอกหรือนางเอก แต่การแสดงย่อมได้รับการยกย่อง ผู้ชมพร้อมจะปรบมือให้ด้วยความชื่นชม แต่หากเล่นเป็นคนชั่ว สิ่งที่จะได้รับคือเสียงตำหนิติเตียน ก่นด่า หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่กระทำว่าเลวร้ายมากน้อยเพียงใด
ว่ากันว่า ธรรมชาติของจิตใจมนุษย์มีทั้งความดีและความชั่วซุกซ่อนอยู่ เราจึงเห็นบางคนเป็นได้ทั้งคนร้ายและคนดีในเวลาที่ต่างกัน ขณะที่บางคนสามารถเก็บกดด้านมืดเอาไว้ได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง เขาจึงเป็นคนดีได้ในทุกสถานการณ์
ฉันขอจบบทความนี้ด้วยพระราชนิพนธ์แปลเรื่อง ตามใจท่าน ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ที่ทรงถอดความมาจากบทละครเรื่อง As You Like It ของ Wlliam Shakespeare ดังนี้
ทั้งโลกเปรียบเหมือนโรงละครใหญ่ ชายหญิงไซร้เปรียบตัวละครนั่น ต่างมียามเข้าออกอยู่เหมือนกัน คนหนึ่งนั้นย่อมเล่นตัวนานา (ตามใจท่าน )
All the world's a stage,
And all the men and women merely players:
They have their exits and their entrances;
And one man in his time plays many parts, (As You Like It)
Create Date : 18 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2555 12:32:08 น. |
|
2 comments
|
Counter : 13161 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กวี ธมฺมกวิอุบาสก IP: 119.42.105.137 วันที่: 30 มีนาคม 2556 เวลา:22:39:25 น. |
|
|
|
โดย: นวรัตน์ IP: 171.100.76.178 วันที่: 23 กรกฎาคม 2559 เวลา:23:21:22 น. |
|
|
|
| |
|
|
และเพลงโลกนี้คือละคร ปัจจุบันมีบทเพลงชื่อเดียวกันอีกเพลงเนื้อหาเดียวกัน ทำนองใกล้เคียงกันด้วย บอกว่าแต่งเนื้อ/ทำนอง โดยกัน เดอสตาร์ แม้แต่เพลงก็ยังมียอกย้อนเนื้อเพลงเลียนแบบแล้ว บอกถึงความเป็นโลกละครแสดงสองด้าน คือ ชั่วและดี จริง ๆ สมกับคำคมโบราณล้านนาว่าบุญมีในอกบาปมีในใจ ผลได้รับคือสวรรคหรือไม่ก็นรก ในชีวิตใหม่เบื้องหน้าครับคุณ