สัพเพเหระเกี่ยวกับการกิน (ส่วนตัวล้วน ๆ)
แต่ไหนแต่ไร ฉันไม่เคยชอบรายการทำอาหารเลย เพราะไม่ชอบทำอาหาร ทำได้แต่อาหารง่าย ๆ อย่างพวกผัดๆ ต้ม ๆ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อน เครื่องปรุงไม่เยอะ น้ำพริกก็เคยทำอย่างเดียวกินคนเดียว ไม่คิดว่าจะมีใครกินด้วยได้ มีแค่กระเทียม พริกขี้หนู เกลือ กะปิ มะนาวก็เป็นน้ำพริกกะปิแล้วสำหรับฉัน เน้นรสเผ็ดกับเปรี้ยวจี๊ดเป็นสำคัญ (แต่ถ้ามีมะเขือพวงด้วยยิ่งอร่อยเลย) เรื่องกินเผ็ด จำได้ว่าสมัยเป็นเด็กนักเรียนประถมต้น แม่ให้เงินพิเศษไปกินก๋วยเตี๋ยวในตลาดกับน้อง ฉันเอร็ดอร่อยกับรสเผ็ด เพราะเติมพริกจนน้ำแดงเถือก กินไปน้ำตาไหลไป แล้วก็มีผู้หญิงสาวใหญ่คนหนึ่ง เดินเข้ามาหากระซิบข้างหูว่า หนู เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่ากินเผ็ดมากนัก มันไม่ดี เธอคงหวังดี และเป็นห่วง (น่าจะอารมณ์เดียวกับฉันในวัยนี้ เวลาเข้าไปเตือนเด็กในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั่นแหละ) ส่วนเรื่องกินเปรี้ยว ถูกหมอฟันเตือนแล้วว่าให้หลีกเลี่ยงของเปรี้ยว เพราะฟันกร่อนหมดแล้วด้วยวัยที่ใกล้จะได้รับเบี้ยชราภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ฉันก็ยังคงกินมะขามเปียกเปรี้ยวโดยไม่จิ้มเกลือ ทั้งที่ตั้งใจซื้อมาไว้ใช้แทนมะนาว เอาเข้าจริงลายเป็นของขบเคี้ยวเวลาว่างไปเสียอย่างนั้น ทุกวันนี้ยังซื้อมะขามเปียกทุกสัปดาห์ เอาไว้ทำน้ำพริกด้วย ด้วยรสนิยมการกินที่ง่ายนักหนา และไม่เคยทำอาหารแบบเป็นเรื่องเป็นราวชนิดที่จะไปชักชวนใครให้มากินด้วยได้ ฉันจึงไม่เคยมั่นใจในรสมือตัวเอง เวลาใครถามจึงต้องตอบไปว่าทำอาหารไม่เป็น เพราะฉันคิดว่าคนทำอาหารเป็น คือคนที่ทำให้คนอื่นกินได้อย่างเอร็ดอร่อยและต้องทำครบเครื่อง อย่างน้อยน้ำพริกกะปิต้องไม่ขาดกุ้งแห้งและรสชาติกลมกล่อมพอ สำหรับคนที่ชอบรสชาติแตกต่างกัน ไหน ๆ ก็พูดถึงประสบการณ์เรื่องเกี่ยวกับอาหารแล้ว ขอพูดถึงข้าวผัดกะเพราหน่อยเถอะค่ะ คาใจมานานว่าทำไมรสชาติเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น สมัยที่ไปอยู่ศรีราชาเมื่อสิบกว่าปีก่อน สั่งข้าวผัดกะเพราไก่ กินเข้าไปคำแรกแทบจะคายออกมา เพราะรสหวานจัดมาก ตอนนั้นยังคิดว่า ทำไมที่นี่เขาทำข้าวผัดกะเพราหวานเสียจนกลบรสชาติอาหารหมดเลย หลัง ๆ เวลาสั่งต้องเน้นว่าอย่าใส่น้ำตาล แล้วฉันก็พบว่า ไม่ว่าที่ไหน ๆ เดี๋ยวนี้อาหารคาวใส่น้ำตาลจนออกรสหวานกันหมดแล้ว ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือแกงส้มที่แม่ค้าทำขาย กลายเป็นแกงส้มอมหวาน(มาก) เสียแทบทุกเจ้า หมดเสน่ห์แกงส้มแบบไทยไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น เวลามีความจำเป็นต้องไปกินอาหารตามสั่ง ฉันต้องบอกจนติดปากทุกครั้งว่าไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ชูรส เจอแม่ค้าบางคนเอ่ยปากว่ามันจะอร่อยเหรอ ฉันเลยว่าอร่อยสิ เชื่อฝีมือแม่ค้า พูดถึงผงชูรส ฉันมีประสบการณ์ฝังใจอยู่สองครั้ง ครั้งแรก สมัยเป็นเด็ก แม่ใช้ไปซื้อผงชูรสด้วยความสงสัยว่ารสชาติของมัน ฉันแอบแกะซองแล้วเอาปลายนิ้วแตะน้ำลายจิ้มเกล็ดสีขาวใส่ปาก ความรู้สึกแรกคือลิ้นชา จนต้องรีบถ่มทิ้งเป็นพัลวัน อาการตามมาคืออยากอาเจียน เอาน้ำล้างลิ้นหรือบ้วนปากก็ไม่มีผล รสชาติของผงชูรสเพียว ๆ ฝังอยู่ในความรู้สึกมาจนบัดนี้ ครั้งที่สอง กินก๋วยเตี๋ยวแล้วปรุงยังไงก็ไม่มีรสชาติ ไม่ว่าจะเติมพริกและน้ำส้มสายชูกี่ช้อน ก็ไม่มีรสอะไรเลยนอกจากรสชาติของผงชูรส คิดว่าคนขายคงเผลอใส่มากเกินไป ฉันเลยอดซดน้ำก๋วยเตี๋ยว ทั้งที่ปกติไม่เคยเหลือแม้แต่น้ำสักหยด มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันเคยสั่งว่าอย่าใส่ผงชูรส แม่ค้าหัวเราะแล้วว่า ถึงไม่ใส่ตอนทำ แต่ในน้ำซุปก็มีอยู่แล้ว ฉันเลยว่าก็มันมีอยู่แล้วจะใส่เพิ่มทำไม ส่วนความประทับใจเกี่ยวกับอาหารสด ก็เห็นจะเป็นเรื่องการได้ลิ้มรสผักสด ๆ ที่เพิ่งเก็บจากแปลงมาล้างแล้วลงสำรับเลยสม้ยก่อน แม่เคยพาไปบ้านนอก จำได้ว่าผู้ใหญ่ทำลาบกินกัน ลาบทางเหนือไม่ใส่มะนาวรสชาติออกจัดจ้านเพราะเครื่องเทศ ฉันกินลาบดิบ ๆ ได้ตั้งแต่ยังเด็กก็หนนั้นละกระมัง แกล้มผักกาดขาวสดกรอบอร่อยมาก จำได้จนบัดนี้ อีกครั้งหนึ่งแม่สอยผักชะอมมาแกงให้กิน (สมัยนั้นต้นชะอมสูงชะลูด เดี๋ยวนี้ ต้นชะอมเตี้ยมากเก็บง่าย) ยังจำรสชาติน้ำแกงจากผักชะอมสดได้อยู่เลย ทุกวันนี้ฉันมีโอกาสได้กินผักสดจริง ๆ ก็จากตำลึงที่ขึ้นเองข้างทาง เพาะถั่วงอกบ้าง รวมถึงผักหวานบ้านที่ปลูกในกระถางด้วยส่วนผักอื่นที่พยายามปลูก ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ต้องซื้อกินอยู่ดี
ขอบคุณธรรมชาติ ที่จัดสรรอาหารแบบเรียบง่ายและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมาให้มวลมนุษยโลก ว่าจะเล่าถึงรายการอาหาร กิน อยู่ คือ ไหงกลายเป็นเล่าประสบการณ์การกินของตัวเองไปได้ก็ไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจเลยค่ะ จริง ๆ นะ (เลยต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องส่วนที่ตั้งใจเขียนคงต้องเอาไว้คราวหน้า) ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ (เข้ามาแก้ไขคำผิดค่ะ)
Create Date : 12 มีนาคม 2559 |
Last Update : 25 มีนาคม 2559 20:49:09 น. |
|
1 comments
|
Counter : 538 Pageviews. |
|
|