***การอ่านหนังสือ คือ การเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเอง*** Open Your Mind by Reading***
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
8 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 

ยุทธการ “ตีงูให้หลังหัก” ปี 2557

ตอนที่ได้ยินข่าวการรัฐประหารของพลเอก.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.แห่งกองทัพไทย ความดีใจก็เข้าจับความรู้สึกเหมือนคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ ทั้งที่ลึก ๆ แล้ว คลิปถั่งเช่าที่เคยได้ฟังยังฝังใจอยู่ และเกิดข้อกังขาขึ้นมาว่าตกลงนั่นมันเป็น “ลับ ลวง พราง” ของฝ่ายไหนกันแน่

นึกถึงตอนพลเอก.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 มีประกาศเหตุผลหลักของปฏิบัติการครั้งนั้นว่า เพราะการคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬารของรัฐบาล แต่ตอนหลังมาได้ยินคำพูดหลุดออกมาจากปากท่านเองว่า นายกฯ ในขณะนั้นกำลังคิดจะปลดท่านออกจากตำแหน่ง ดังนั้น เหตุผลที่ทำรัฐประหารที่แท้จริงน่าจะเป็นประการหลัง แต่เหตุผลประการแรกน่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้ดูดีมากกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหน ประชาไทยก็มีความสุขกันทั่วหน้า แล้วก็ต้องมานั่งทุกข์ระทม หาทางไล่รัฐบาลที่ยังเป็นมือไม้ของผู้กุมอำนาจเก่าครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อคนยึดอำนาจรัฐฯ มาได้ในตอนนั้นไม่ทำอะไร แล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างเข้าสู่รูปรอยเดิม ประเทศกลับเข้าไปสู่วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม แถมหนักกว่าเก่า เพราะสุภาพชนคนดีต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนพาลหาเรื่อง โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต่างก็ละเลยในหน้าที่

การทำรัฐประหารครั้งนี้ มีเหตุผลหลักว่าเพราะรัฐบาลไม่อาจควบคุมความสงบเรียบร้อยในประเทศได้ เนื่องจากปล่อยให้มีการขว้างระเบิด ยิงอาวุธสงครามใส่ผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาลและคนที่ไม่เกี่ยวข้องหลายครั้ง มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมาย แต่จับผู้กระทำผิดไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะคนพวกนั้นเป็นมือเป็นไม้ให้รัฐบาล ผบ.ทบ.ไม่ได้พูดถึงสาเหตุที่แท้จริงการชุมนุมไล่รัฐบาล อันเนื่องมาจากปัญหาคอร์รัปชั่นมหาศาล ไหนจะเรื่องจาบจ้วงพระเจ้าแผ่นดินอีกเล่า

เข้าใจว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนหนึ่งคงกดดันท่านด้วย ว่าทหารไม่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ ซึ่งท่านอ้างว่าตลอดว่า นั่นคือหน้าที่ของตำรวจ ทหารมีหน้าที่ป้องการอริราชศัตรูนอกประเทศที่จะเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทยเท่านั้น แต่แหม...นะ ข่าวที่คนส่วนน้อยในประเทศได้รับรู้ก็คือ ท่านปล่อยปละละเลยให้ทหารเขมรรุกล้ำเข้ามาคุกคามคนไทยที่อยู่ชายแดนทางภาคอีสานจากข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหาร สุดท้าย ไทยต้องยอมให้พวกนั้นเข้ามาตั้งถิ่นฐานในที่ที่คนไทยไกลปืนเที่ยงส่วนหนึ่งเคยใช้ทำมาหากินมาช้านาน และเป็นที่รู้กันว่า มันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ด้านพลังงานของคนหนีคุกเต็ม ๆ แต่ก็ช่างเถอะนะ เรื่องมาผ่านมาแล้ว จะกลับไปแก้ไขอีกก็คงลำบาก

ท่านยึดอำนาจครั้งนี้ คนไทยแซ่ซ้องสรรเสริญทั่วหน้า เพราะลำพังประชาชนมือเปล่า ทำอะไรรัฐบาลหน้าด้านไม่ได้ มีความผิดใหญ่หลวงจนถูกศาลตัดสินว่าผิดจริง ก็ยังไม่ยอมรับ รักษาการนายกฯ ออกไปแล้ว ที่เหลือก็ยังขืนจะอยู่ต่อ ทั้งที่บริหารประเทศไม่ได้แล้ว สุดท้าย ต้องให้ทหารบังคับ จึงต้องจำยอมสละอำนาจ

แต่ดูยุทธวิธีในการฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายยับเยินด้วยน้ำมืออดีตรัฐบาล เรื่องการสร้างความแตกแยกให้คนในชาติ แล้วคิดทำลายล้างคนฝั่งตรงข้ามรัฐฯ ด้วยการสะสมอาวุธสงครามในหลายพื้นที่ดังข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อว่า ทหารไปทลายแหล่งอาวูธได้ในจังหวัดต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ฉันเลยเข้าใจว่า การข่าวเรื่องนี้ คงทำให้ท่านตัดสินใจยึดอำนาจ ทั้งที่ไม่อยากทำเลย แต่หากปล่อยให้มีการนองเลือด ทหารต้องถูกด่ายับทั้งในและนอกประเทศ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้น ม้นเกินกำลังตำรวจไปแล้ว ที่เกินกำลังเพราะตำรวจปล่อยมาตั้งแต่แรกเนื่องจากทำตัวเป็นขี้ข้ารัฐฯ ไปตั้งนานแล้ว แล้วประเทศชาติจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ยกเว้น คนไทยที่หนีคุกไปเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ

ท่านบอกว่า ที่บ้านเมืองวุ่นวายเพราะสีเสื้อที่คนไทยสวมทำให้แบ่งฝ่ายก้น ท่านเลยจัดให้แกนนำของทั้งสองฝ่ายมาจับมือและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน นัยว่าเพื่อสร้างความปรองดอง แล้วก็ออกข่าวว่าทั้งสองฝ่ายต่างยิ้มแย้มเข้าหากัน เพราะถึงอย่างไรก็คนไทยเหมือนกัน ทำให้ฉันนึกไปถึงครั้งหนึ่ง มีการสร้างความปรองดองให้เด็กอาชีวะต่างสถาบันที่ไล่ตีกัน ฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน ให้มาเข้าค่ายและทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ปัญหานั้นก็ยังไม่หมดสิ้น นั่นแค่ระดับนักเรียนอาชีวะยังยากที่จะสามัคคีกันได้ง่าย ๆ แล้วนี่ระดับผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะในระดับหนึ่งแล้ว ต่างมีความคิดเป็นของตัวเองที่ฝังอยู่ในหัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ได้ หรือเพราะรักชาติก็ตามแต่ การหลอมความคิดที่ต่างกันสุดขั้วมันง่ายเพียงชั่วข้ามคืนหรือ

แล้วที่สำคัญคือ ท่านไม่เคยเอ่ยถึงคนที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงเลย คนที่ยุยงปลุกปั่นให้คนในชาติทำลายล้างกันเอง ด้วยการใช้เงินหว่าน คนที่เดินเกมนอกประเทศให้ต่างชาติมองเมืองไทยอย่างเสียหาย ไม่รวมถึงการให้สัมภาษณ์จาบจ้วงองค์พระประมุข ทำให้ต่างชาติรู้สึกในแง่ลบต่อบุคคลที่คนไทยเทิดทูน ฉันได้ยินนักข่าวถามท่านถึงเรื่องการจัดการกับนักโทษหนีคุก ท่านตอบว่า ท่านไม่มองข้างหลัง ท่านมองไปข้างหน้า เหมือนจะบอกว่า คนหนักแผ่นดินไทยคนนั้นเป็นอดีตไปแล้ว ฉันคิดว่า ท่าน “เฉไฉ” มากกว่า คนระดับ ผบ.ทบ.มีหรือจะไม่รู้ว่าการแก้ปัญหาที่แท้จริงต้องแก้ที่ต้นเหตุ สิ่งที่ท่านจัดการมันแค่ปลายเหตุ เหมือนต้องการทำลายต้นไม้ใหญ่ที่เป็นพิษ แต่ท่านตัดแค่โคนต้น ทั้งที่รากของมันหยั่งลึกลงไปถีงไหน ๆ ท่านไม่ขุดมันขึ้นมา อนาคตต้นไม้นั้นต้องเจริญเติบโตอีกแน่นอน (ฉันคิดอย่างนี้มาก่อนเห็นการ์ตูนของเว็บผู้จัดการนะ และฉันก็คิดว่ามีคนอีกไม่น้อยที่คิดอย่างนี้)

แต่เคยดูคลิปที่ท่านพูดถึงพวกล้มเจ้า ท่านกลับให้มองย้อนกลับไปว่าประวัติศาสตร์ชาติไทยดำรงเป็นปึกแผ่นและเจริญก้าวหน้ามาได้ เพราะเรามีพระเจ้าแผ่นดินปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน ไม่อยากเอามาเปรียบกรณีที่ท่านไม่มองหลังนะ แต่ก็อดไม่ได้ เพราะเรื่องราวเหมือนแฝดคนละฝา มีที่มาเหมือนกัน แต่ผลที่ได้แตกต่างกันไปคนละด้านเลย

ตกลงว่า ท่านจะมองไปข้างหน้าอย่างเดียว แล้วให้คนไทยและพวกล้มเจ้ามองไปข้างหลังอย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันก็พอจะคาดเดาได้ถึงอนาคตของประเทศว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนอีก เผลอ ๆ อาจจะหนักกว่าเก่า เพราะคนข้างหลังของท่านคนนั้นคงระดมสมองลิ่วล้อคิดค้นหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อจะได้กลับคืนสู่อำนาจที่น่าจะให้ผลดีกว่าครั้งนี้ แน่นอนว่า ถึงเวลานั้น ท่านคงเกษียณไปแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว

จึงไม่แปลกใจเลยที่ท่านไม่พูดถึงการคอร์รัปชั่นของรัฐฯ หรือท่านอาจจะคิดว่าปัญหานี้ มีทุกหน่วยงานในวงราชการและรัฐวิสาหกิจ อย่างไรก็แก้ไม่ได้หรอก ประเทศก็ยังเดินหน้าได้ ตราบใดที่คนไทยยังช่วยกันเสียภาษี แต่ท่านอาจลืมคิดไปว่า ลูกหลานว่านเครือของท่านยังอยู่ในประเทศนี้ ความเจริญก้าวหน้าของเด็กไทยและชาติบ้านเมืองขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะบริหารประเทศในอนาคต จริงอยู่ว่า ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้ แต่รัฐบาลของนักโทษหนีคุกคนนั้นมันหนักหนาสาหัสเสียจน หากขายประเทศไปทั้งประเทศได้ มันก็คงทำไปแล้ว และนับจากนี้ ถ้าได้อำนาจกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง ประเทศชาติจะเดินไปในทิศทางไหน เราคงพอเดากันได้

ฉันไม่ได้ติดตามรายละเอียดการทำงานของคณะ คสช.หรอก เพราะรู้สึกว่ามันเหมือนการลูบหน้าปะจมูกมากกว่า อาจจะดีกว่ารัฐประหารครั้งที่ผ่าน ๆ มา เพราะมีการตั้งธงปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ปฏิรูปให้ตายอย่างไร ถ้าต้นตอปัญหายังตระหง่านอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ระดับหัวกระทรวงฯ ส่วนใหญ่ยังเป็นคนของนักโทษหนีคุกโดยท่านไม่ไปแตะต้อง ก็แค่นั้นแหละ เพราะในไม่ช้า หลังจากช่วงฮันนีมูนของทหารกับประชาชนผ่านไป ประเทศไทยมีการเลือกตั้งอีกเมื่อไหร่...ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจินตนาการ ไม่อยากมโนเลยว่าเป็นอย่างไร ได้แต่ภาวนาว่าขอให้ความคิดนี้เป็นเพียงภาพฝันของฉันเท่านั้น และฝันนี้อย่าได้เป็นจริงเลย

ปัจฉิมลิขิต

วันก่อนเผลอปิดดูรายการเศรษฐกิจของฟรีทีวีช่องหนึ่ง พิธีกรกำลังสัมภาษณ์ปลัดกระทรวงพลังงานพอดี เธอถามถึงเหตุผลว่าที่ราคาน้ำมันในเมืองไทยแพงกว่ามาเลเซีย ทั้งที่มีเขตแดนติดกัน ปลัดฯ ตอบง่าย ๆ ว่าเพราะมาเลเซียมีน้ำมันส่งออก แต่ไทยต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ แค่นี้ก็รู้แล้วว่า แนวทางปฏิรูปประเทศส่วนหนึ่งของ คสช. ที่หวังพึ่งการทำงานของปลัดกระทรวงต่าง ๆ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

คนไทยส่วนหนึ่งอาจจะยังเข้าใจว่า ประเทศไทยไม่ได้มีน้ำมันส่งออก จึงใช้น้ำมันแพง กลไกรัฐฯ ต่างหากที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ลองคิดดูว่า ถ้ามาเลเซียซึ่งมีอาณาเขตติดกับไทยยังมีบ่อน้ำมันเป็นของตัวเอง แล้วไทยจะมีไม่ได้เชียวหรือ และความจริงก็คือ ไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันเหมือนกัน แต่สัมปทานเป็นของต่างชาติ ประกอบกับผู้บริหารประเทศที่เห็นแก่ประโยชน์ตนและพวกพ้อง จึงทำให้ข้อมูลนี้ถูกปกปิดมาโดยตลอด

สรุปได้เลยว่า ที่มาเลเซียได้ใช้น้ำมันถูกกว่าไทยมาก เพราะผู้บริหารประเทศของเขาดี ทำงานเพื่อชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งที่ผูกขาดการเป็นนายกฯ หลายสมัย แต่กลับนำพาประเทศเจริญก้าวหน้าโดยไม่แคร์ฝรั่ง คนในประเทศของเขาถึงได้อยู่ดีมีสุข ไม่ทนทุกข์กับเรื่องค่าครองชีพเหมือนคนไทย





 

Create Date : 08 มิถุนายน 2557
0 comments
Last Update : 11 มิถุนายน 2557 19:00:32 น.
Counter : 805 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wanalee
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




คนธรรมดาที่กำลังพยายามละกิเลส เพื่อลดความอยากและไม่อยากให้มากที่สุด (ยากนะ แต่จะพยายาม)
New Comments
Friends' blogs
[Add wanalee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.