บทความกาแฟ
<<
เมษายน 2561
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
9 เมษายน 2561

กาแฟสด มารู้จักความแตกต่างระหว่างชากับกาแฟ เครื่องดื่มชนิดไหนน่าดื่มกว่ากัน ?



กาแฟสด มารู้จักความแตกต่างระหว่างชากับกาแฟ เครื่องดื่มชนิดไหนน่าดื่มกว่ากัน ?

กาแฟสด

กาแฟสด และชา เครื่องดื่มที่ยืนยงคู่กันมาช้านาน ในหลากหลายวัฒนธรรม หลังดื่มกาแฟ บางครั้งก็มีชาร้อนๆ เป็นตัวตบท้าย แต่หากเราจะพูดถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ แน่นอนว่ารสชาติและสีสันก็แตกต่างกันอยู่แล้ว ทว่าในเรื่องความซับซ้อนที่เจาะลึกลงไปมากกว่านั้น คือในเรื่องของปริมาณสารที่มีในเครื่องดื่มกาแฟและชาว่าแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงปริมาณคาเฟอีนที่พบด้วย ใครที่อยากรู้ว่าดื่มชาหรือกาแฟจะดีกว่ากัน ลองมาดูความเหมือนและแตกต่างกันดังต่อไปนี้กันได้เลย

ความเหมือนในความแตกต่างระหว่างชาและกาแฟ

พื้นๆ เลยสำหรับความแตกต่างระหว่างเครื่องดื่มทั้งสองชนิดที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และมีคนเป็นจำนวนมากที่หลงใหลไปกับการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ หากมองหาความเหมือนของชาและกาแฟ ก็คงหนีไม่พ้นสาร “คาเฟอีน” แม้จะไม่ใช่สารที่พบได้ในเครื่องดื่มทั้งสองเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นสารที่ทำให้ทั้งเครื่องดื่มทั้งสองกระตุ้นร่างกายเราให้รู้สึกตื่นตัวได้ ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิด สายพันธุ์ และอีกหลากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

เมื่อทั้งชาและกาแฟล้วนมีคาเฟอีนเหมือนๆ กัน แน่นอนว่าประโยชน์ของมันก็ย่อมมีความแตกต่างกันไปด้วย ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าควรดื่มชาหรือกาแฟเป็นเครื่องดื่มหลักระหว่างวันจะดีกว่ากัน หากจะให้คำตอบกันแบบชัดๆ ก่อนตัดสินใจ ก็ต้งย้อนกลับไปตั้งแต่ในอดีตที่คนให้ความสนใจในเครื่องดื่มกาแฟจากทั่วโลกตกเฉลี่ยวันละ 1,600 ล้านแก้วต่อวัน แต่น่าตกใจไปกว่านั้นเมื่อชามีปริมาณคนดื่มต่อวันมากกว่าเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว

เหตุผลที่คนหันมาดื่มชามากกว่ากาแฟ ก็เพราะความเชื่อที่ว่าชามีประโยชน์มากกว่ากาแฟ ซึ่งมีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่า เพราะเชื่อกันว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง จะทำให้รู้สึกกระหายน้ำบ่อย เนื่องจากร่างกายพยายามกำจัดเอาคาเฟอีนออกจากร่างกาย จึงมีการดึงน้ำออกด้วย แม้จะเป็นความเชื่อที่ไม่ตายตัว หาข้อพิสูจน์ไม่ได้

จนกระทั่งเวลาผ่านไปในปี ค.ศ.1928 จากอาสาสมัครที่ดื่มกาแฟและชาเหมือนๆ กัน พบว่าหลังตรวจวัดปริมาณปัสสาวะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เทียบกับปริมาณของน้ำที่ดื่มเข้าไป และระดับน้ำในร่างกายก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น แม้จะพบว่าคาเฟอีนมีคุณสมบัติหลักๆ ทำให้เรารู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น  แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบจนขนาดที่ทำให้เราสูญเสียน้ำในร่างกายขนาดหนักแต่อย่างใดธุรกิจร้านกาแฟเริ่มเข้ามามีบทบาท

หากเปรียบเทียบปริมาณคาเฟอีนระหว่างใน 1 แก้ว ระหว่างชากับกาแฟ กาแฟจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 90-170 มิลลิกรัม ส่วนชาจะมีคาเฟอีนอยู่ที่ 25-70 มิลลิกรัม จะเห็นได้ว่าปริมาณในชาพบได้น้อยกว่ามาก ดังนั้นคนที่มองหาตัวเลือกเพื่อสุขภาพ ก็อาจจะเลือกชาเป็นตัวเลือกแรก

อย่างไรก็ตาม กาแฟอาราบิก้าก็มีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านอื่น แม้จะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า เราจึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่ากาแฟจะให้โทษหากดื่มในสัดส่วนที่ไม่ทำให้คาเฟอีนสูงจนเกินไป อย่างมากสุดวันละ 1-2 แก้วก็เพียงพอที่จะช่วยให้ร่างกายเกิดความตื่นตัวพร้อมสำหรับการทำงานได้แล้ว พร้อมกันนี้ปริมาณคาเฟอีนที่พบในเครื่องดื่มทั้งสองชนิด ก็ไม่ได้หมายความว่ากาแฟอร่อยจะมีคาเฟอีนมากกว่าชาเสมอไป เพราะชาบางประเภทก็มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟ เช่น ชาดำ รองลงมาคือชาเขียว และชาขาว เป็นต้น

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการดื่มกาแฟหรือชา หากดื่มในสัดส่วนที่พอดี จะให้ประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากดื่มในปริมาณมากๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหารที่มาจากการดื่มชา โรคกระดูกพรุนจากการดื่มเมนูกาแฟสด เป็นต้น

ขอบคุณที่มาบทความดีๆจาก :www.coffeefavour.com/tea-vs-coffee/




Create Date : 09 เมษายน 2561
Last Update : 9 เมษายน 2561 10:19:20 น. 0 comments
Counter : 298 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4422265
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฝาก blog นี้ไว้สำหรับคนที่ชื่นชอบและรักในกาแฟ และอยากอ่านบทความกาแฟดีๆด้วยครับผม และขอฝาก เว็บโปรเจคจบของผม https://www.tpcoffeeshop.com/ เข้าไปดูกันเยอะๆนะครับ ขอบคุณครับ
[Add สมาชิกหมายเลข 4422265's blog to your web]