Start from ourselves
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
13 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

จันทร์เจ้าขาสานฝันอีกแล้ว ตอน ป่าชายเลน และ ทะเลของฉัน (3)

(แวะมาเล่าต่อ ภาค 3 )

เช้าวันใหม่ของวันต่อมา เราตื่นนอนด้วยเสียงของเด็กผู้ชายคนนึง

"พี่คร๊าบ ตื่นได้แล้วคร๊าบ ผมอยากไปเล่นน้ำทะเล" เสียงน้องเก้าครับผม น้องบัดดี้ของข้าพเจ้าเอง และก็ตามมาด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยของน้องๆอีกนิดหน่อย เด็กๆอ่ะนะ ชอบเหลือเกินตื่นเช้าตอนมาออกค่าย ยังดีที่ค่ายครั้งนี้ไม่ตื่นมาตีสี่ตีห้า เหมือนค่ายครั้งก่อนๆ ที่ทำให้พี่ผู้ชายปวดหัวแต่เช้าเพราะต้องนอนห้องเดียวกัน ...

เอาเป็นว่าพี่ๆ ก็ตื่นนอนกันใหญ่เลย รวมทั้งเราด้วย ก็รีบแปลงกายเป็นชุดสำหรับเล่นน้ำโดยด่วน ตัวเราเองก็อยากเล่นน้ำด้วยเหมือนกันแหละน้า

ไปถึงริมทะเล พวกเราก็มีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆให้น้องๆ ได้เล่นกัน เป็นกีฬาชายหาดอ่ะนะ ไม่ใช่วอลเล่ห์บอลชายหาด แต่เป็น วิ่งเปี้ยว แต่เปี้ยวแบบไม่ธรรมดา คือ ว่าเป็นการวิ่งควายเหมือนไถนา น้องๆ ก็ใช้มือเดิน พี่บัดดี้ก็จับขาสองข้างไว้ และก็พากันเดินไป ... อันนี้พวกพี่ๆไม่ลำบาก ลำบากแต่น้องๆที่จะต้องใช้มือเดิน สนุกดี เรางี้หัวเราะฮ่าๆๆเลย และก็ถึงคราวน้องบ้างล่ะ ทีมสันทนาการของเราสั่งให้เปลี่ยนบ้าง เปลี่ยนเป็นวิ่งเปี้ยวนั่นแหละ แต่ให้น้องขี่คอพี่ สนุกกันใหญ่เลยสิ น้องๆได้ขี่หลังพี่ ภาพขี่หลังน่ารักดี และดูอบอุ่นบอกไม่ถูก เด็กๆคงมีความสุขที่ได้อยู่บนหลังพี่ พี่ๆก็คงรู้สึกดีที่ได้ทำอะไรแบบนี้บ้าง ( แบบว่าเต็มที่กันจน มาปวดหลังกันตอนกลับมากรุงเทพฯกันแล้ว)

และพวกเราเฮละโลกันลงทะเลกันอีกแล้วหลังจากเล่นกีฬาเสร็จ เด็กๆพี่ๆก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเหมือนเมื่อวานนั่นแหละ เพียงแต่ว่า คราวนี้ให้เล่นกันจนอิ่มเอมไปเลย เราเรียกว่าเล่นกันจนสะใจน่ะ เสร็จแล้วก็มาอาบน้ำกินข้าวต้มกัน และเตรียมตัวไปสู่กิจกรรมถัดไป

ได้เวลาใกล้จะกลับแล้ว.....บอกแล้วว่ามันเป็นค่ายที่สั้นแต่เราก็อยากจะฝากอะไรให้น้องๆ บ้าง

เช้านั้นก่อนเข้าสู่กิจกรรมถัดไป ที่เกี่ยวกับการเขียนโปสการ์ดหาเพื่อนๆนักเรียนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ... เรามีการเรียกสมาธิของเด็กกันก่อน รวบรวมสติที่กระจัดกระจายโหวกเหวกกันลั่นลาน ให้เด็กๆมาอยู่ในความสงบ กิจกรรมนี้ทำโดยทีมสันทนาการ ซึ่งเราคิดว่าเค้าเก่งจริงๆ ที่สามารถสร้างความสงบให้เกิดขึ้นได้ กิจกรรมตัวนี้เราไม่รู้ว่าชื่ออะไร เพียงแต่ว่า ให้พี่ๆกับน้องๆ เล่นไปพร้อมๆกันเลย เดินช้าๆ ในพื้นที่ๆ หนึ่งๆ และ ได้หลับตาคิดถึงคน 2 คน คนหนึ่งคือคนที่เราคุยด้วยน้อยที่สุดในค่ายนี้ และ ให้เลือกอีกคนหนึ่งไว้ในใจ ให้คิดถึงคนนึงในมือซ้ายที่กำอยู่ และ อีกคนหนึ่งให้อยู่ที่มือขวา กิจกรรมรันไปแบบเงียบๆ ห้ามพูดคุยกัน หลังจากนั้นคนนำกิจกรรมก็ออกคำสั่งให้แต่ละคนพยายามที่จะเดินไปหาคนสองคนนั้น โดยพยายามรักษารัศมีระยะห่างของคนสองคนนั้น ให้เท่ากัน

การสร้างกติกาให้รักษารัศมีระยะห่างเท่าๆกัน ทำให้แต่ละคนมุ่งที่ทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ เราก็พยายามเดินหาคนสองคนนั้น และทำตัวเองให้รักษาระยะห่างให้ได้ ทำยากนะ ก็น้องที่เราเลือกน่ะสิ ยุกยิกและเดินตลอด และทำให้เราตั้งพยายามที่จะทำให้เกิดระยะห่างที่พอดีกัน และให้เกิดความนิ่งของน้องสองคนนี้ให้ได้

ในขณะเดียวกัน เวลาผ่านไปสักพัก เราก็ได้สังเกตเห็นว่ามีคนที่ต้องขยับตามเราอีกเช่นกัน น้องคนหนึ่ง เด็กชายศรรามนั่นเองเขาก็พยายามจะรักษาระยะห่างที่จะเกิดขึ้นกับเราตามกติกาที่บอกไว้ด้วยเช่นกัน

กิจกรรมนี้ทำให้น้องและพี่ๆสงบจิต สงบกายได้มากทีเดียว ซึ่งเบื้องหลังหรือเนื้อหาของกิจกรรมที่ต้องการจะสื่ออีกอย่างคือ ต้องการที่จะสื่อสารถึงสังคมสมัยนี้ เด็กๆอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดว่าพี่ๆจะสื่ออะไร แต่พี่ๆที่ร่วมกิจกรรมทั้งหมดคงได้คิดอะไรนิดหน่อยจากกิจกรรมนี้

  • บางทีเราก็ต้องคิดถึงคนอื่นที่อยู่ในสังคมของเราบ้าง ไม่ใช่เฉพาะกับเพื่อนเราเท่านั้น แต่คนอื่นที่เราไม่ได้สนิทด้วยเช่นกัน

บางทีเราก็นึกถึงแต่ตัวเองมากเกินไป จนลืมนึกไปหรือเปล่าว่า การกระทำของเราส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างด้วย ...

  • บางทีเราก็ไม่ไดสนใจเลยว่า คนอื่นจะลำบากแค่ไหน ถ้าเรามัวแต่คิดถึงเป้าหมายของเราเอง

สังคมเชื่อมต่อกัน และส่งผลกระทบต่อกันเสมอ

  • บางสิ่งที่เราคิดว่าไกลตัวเรา อาจจะไม่ได้ไกลตัวเราด้วย



ในตอนท้ายของการสรุปแบบวิธีการตั้งคำถาม... คนนำกิจกรรมนำกิจกรรมเข้าสู่ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น

ไม่ใช่สังคมในเมือง แต่เป็นเด็กที่อยู่ในสังคมที่อยู่ท่ามกลางความไม่สงบสุข

ไม่ได้ถึงขนาดเล่าเรื่องราวปัญหาหนักใจให้เด็กๆฟัง แต่แค่อยากจะบอกเค้าว่า ในสังคมอื่นๆ ที่ภาคใต้ มีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกินขึ้น

และหนึ่งในนั้นคือเยาวชน ที่อายุเท่าๆพวกเรา ที่ไม่มีโอกาสดีๆเท่าพวกเขา เพราะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก

พวกเราโชคดีที่ได้อยู่ในพื้นที่ที่สงบสุข สามารถไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย

และพวกเราเป็นคนหนึ่งในสังคม เราน่าจะทำอะไรดีๆ เพื่อให้กำลังใจเค้านะ

เราได้เสริมในเรื่องนี้ในฐานะคนที่ต้องนำกิจกรรมการเขียนโปสการ์ดถึงเพื่อนนักเรียนที่อยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

เด็กๆอยู่ในสมาธิแล้วจากกิจกรรมที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นเรื่องดีทีเดียว

น้องๆดูสนอกสนใจฟังดี
น้องๆหลายคนดูสนใจ และ รู้สถานการณ์ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง
ไม่จำเป็นต้องเล่าถึงรายละเอียด เราแค่อยากให้เค้าได้เป็นผู้ให้บ้าง
เด็กหลายคนในมูลนิธิ เป็นผู้รับบริจาค รับความเห็นอกเห็นใจมาตลอด

แต่วันนี้เค้าจะได้เป็นผู้ให้

น้องหลายคนเคยเขียนโปสการ์ดหาพวกพี่ และ เคยได้โปสการ์ดจากพวกพี่ๆจันทร์เจ้าขาเช่นกัน
เราก็แค่ถามว่า
น้องๆรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับจดหมายจากพี่ๆ น้องหลายๆคนบอกว่าดีใจ
และรู้สึกอย่างไรที่ได้เขียนจดหมายหาพี่ๆ น้องๆก็บอกว่าดีใจอีกเช่นกัน
และเราก็เสริมว่าครั้งนี้แหละที่น้องๆ จะได้เป็นคนที่จะทำให้คนอื่นดีใจบ้างแล้ว

เพื่อนๆ ที่อยู่ที่นู่น ต้องการกำลังใจจากพวกเรานะ

เด็กๆ ดูกระตือรือร้นดีที่จะได้ทำอะไรดีๆ เช่นนี้
ซึ่งเราก็ดีใจที่ได้เห็นความตั้งใจของน้องๆ
ภาพวาด และ คำอวยพรน่ารักๆ เกิดขึ้นได้จากความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดขึ้นจากทั้งเด็กสามสิบชีวิต และ พีๆอีกกว่าสามสิบคน

เป็นบรรยากาศที่ทุกคนน่าจะชอบเหมือนเรา
ภาพโปสการ์ดที่ติดอยู่บนบอร์ดสวยงามมากจริงๆ
คำอวยพรที่เราได้อ่าน ใส่จินตนาการลงไปบ้าง บางอันมันอบอุ่นดี จำไม่ได้นัก เพราะไม่ได้จดไว้อย่างจริงจัง มีอันนึงประทับใจมาก แต่จำคำพูดไม่ได้แล้ว ไม่งั้นจะเอามาเล่าให้ฟัง

“ถึงเพื่อน”
“เราเป็นกำลังใจให้นะ”
“รักนะ”

ส่วนภาพวาดมันหลากหลายดี แต่มันสื่อว่าเค้ามีความสุขดี สีสันสวยงาม

ประทับใจ ประทับใจ จริงๆ ;)



ส่วนหนึ่งของโปสการ์ดจ้า ...




อันนี้ภาพรวมของน้องๆ ถ่ายกับโปสการ์ดของพวกเรา เออ...น้องเก้าคับ น้องเก้าคือคนที่เอาอะไรเขียวๆมาบังหน้านั่นแหละ

และอะไรที่เขียวๆนั่นก็คือ ลูกบอลที่มันไร้ลมข้างในและก็ได้รับการผ่าตัดโดยเด็กๆเรียบร้อยแล้ว


ปล.ภาพโดยโปรปิติ




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2550
4 comments
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 1:11:36 น.
Counter : 499 Pageviews.

 

;) ดีใจกับตัวเองที่ได้เขียนถึงเรื่องนี้ซะที

 

โดย: The phu IP: 58.9.194.100 13 มิถุนายน 2550 23:42:01 น.  

 

Nothing like hearts of the volunteers.... :)

This is an American motto which highly influences many sectors of its society.

Thus, ones can see volunteers every where, from a teenager to a senior.

 

โดย: A.T. (amatuer translator ) 15 มิถุนายน 2550 4:31:08 น.  

 

แหะๆ สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิดว่า "นักสานฝัน" คือใคร
55

 

โดย: Propiti (โปรปิติ ) 15 มิถุนายน 2550 22:10:42 น.  

 

- Being volunteer is so cool!!

- นึกว่ารู้ก่อนนี้แล้วว่าเป็นเราเอง ;)

 

โดย: The phu 15 มิถุนายน 2550 22:51:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


The phu
Location :
Bangkok Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hi, I am very pleased to have my own blog. This blog was inspired from a friend from Pantip -Klaiban.... Actually I do write diary in my book..not everyday but quite often.. and in Thai.

I started to know Klaiban (Pantip) when I intended to have a Toefl test and found out adviser there. Many friends gave recommend on my essays and encouraged me in writing. I wish I can do it better.

==========

มาเขียนเพิ่ม ( 9 พย 2552 )

กลับมาเป็นนักศึกษาได้สองปีกว่าแล้ว
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ปักกิ่ง
หาความรู้ รวมทั้งค้นหาตัวเองอยู่
รักในธรรมชาติ และธรรมชาติ
เขียนบล็อกเพื่อช่วยให้ตัวเองได้บันทึกเรื่องราว
อีกทั้งเพื่อจะได้แชร์ความรู้สึกตัวเองออกมา
บล็อกช่วยแก้เหงาในบางครั้ง

ตอนนี้ใครอยากถามอะไรเกี่ยวกับจีนๆ
รวมทั้งภาษาจีน
อยากให้ถามมาเลย ตอบได้ตอบไม่ได้ไม่รู้
แต่จะพยายามหาข้อมูลมาให้ค่ะ
ขอให้มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
New Comments
Friends' blogs
[Add The phu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.