Start from ourselves
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
การเดินทางของกลุ่มจันทร์เจ้าขา

เราพูดถึงกลุ่มจันทร์เจ้าขามาหลายที แต่ไม่ได้เล่าอย่างจริงจังซะที มีคนถามหลายคนว่ากลุ่มจันทร์เจ้าขาคืออะไร ให้เขียนเรื่องราวความเป็นมา และการคงอยู่ของกลุ่มให้หน่อย ...อยากจะเอาเรื่องราวของกลุ่มไปแชร์คนอื่น .. น่ายินดีจัง

วันนี้ขอฤกษ์ดี อัพบล็อกเรื่องนี้ซะหน่อย ... อดทนอ่านเรื่องราวเล็กๆ แต่น่ารักหน่อยล่ะกัน ..


การเดินทางของกลุ่มจันทร์เจ้าขาเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้วตอนที่พวกเราเรียนกันอยู่ในปี 3 และน้องบางคนก็อยู่ปี 2 เป็นการรวมตัวกันหลังจากทำค่ายอาสาพัฒนาชนบท แล้วพวกเราพบว่า เราอยากกิจกรรมอื่นๆใกล้ๆตัวบ้าง โดยเฉพาะกิจกรรมกับเด็กด้อยโอกาสในกรุงเทพฯ ซึ่งกลุ่มจันทร์เจ้าขาก็เกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนจาก คณะอาจารย์ ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีที่ให้การสนับสนุน ให้เกิดกิจกรรมเพื่อเด็กด้อยโอกาส และเราจึงตั้งชื่อกลุ่มว่า กลุ่มจันทร์เจ้าขา





การทำกิจกรรมของเรา มีหลากหลายอย่าง เพราะไม่อยากให้มีแค่การออกค่ายเพียงอย่างเดียว เราอยากให้คนในมหาวิทยาลัย ได้ร่วมทำกิจกรรมของเราเพื่อที่จะได้สัมผัสกับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลไปจากเราเลย เพียงแค่เดินผ่านสนามหลวงเราก็จะเจอเด็กเหล่านั้นแล้ว




เราจัดกิจกรรมงานวันเด็กบ้าง การเขียนโปสการ์ดให้กับเด็กด้อยโอกาสในมูลนิธิต่างๆ ซึ่งเด็กหลายๆคนก็ตอบจดหมายกลับมาด้วย การไปเยี่ยมเด็กเพื่อพบปะพูดคุยกัน การพาไปออกค่ายต่างจังหวัดเพื่อเรียนรู้ตามหัวข้อที่เราจัดไว้ และเพื่อให้โอกาสเด็กๆได้ไปในสถานที่ที่ไม่เคยไปบ้าง โดยเราเน้นไปที่การทำกิจกรรมกับเด็กที่มูลนิธิเมอร์ซี่เซ็นเตอร์ (คลองเตย) และ มูลนิธิมหาราช (ปทุมธานี) ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างกิจกรรมอย่างต่อเนื่องให้เกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กได้รับรู้ถึงความรัก ความอบอุ่น ที่เกิดขึ้นจากการที่เราได้ทำกิจกรรม ได้ไปเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง (ตามกำลังความสามารถของพวกเรา)





กลุ่มจันทร์เจ้าขาในมหาวิทยาลัยยังดำเนินต่อไปอย่างสวยงามด้วยการสนับสนุนจากคณะฯเป็นอย่างดี อาจจะมีการเพิ่มจำนวนมูลนิธิบ้าง หรือ ไปออกค่ายในชนบทห่างไกลบ้าง ซึ่งพวกเราก็ยินดีมากที่น้องๆ ได้ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยถ้ามีโอกาสพวกเราที่จบกันมาแล้ว ตั้งแต่ 3-6 ปีก็จะกลับไปร่วมกิจกรรมบ้าง ไปออกค่ายบ้าง




ซึ่งด้วยความผูกพันกับกิจกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเราค้นพบว่า พวกเราที่จบมาแล้วก็สามารถสานต่อเจตนารมณ์ของพวกเรากันได้เช่นกัน เรารวมตัวกันเองบ้างเพื่อเอาไอติมไปเลี้ยงน้องที่เมอร์ซี่ และแวะไปเยี่ยมน้องที่มหาราชบ้าง เด็กๆ ทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่ายังจำพวกเราได้เสมอ แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม และพวกเขาก็ดีใจที่ได้เจอพวกเรา พวกเราผลัดกันไปเยี่ยม บางทีก็แวะไปคนเดียว บางทีก็ไปกันสองคน เด็กบางคนที่โตขึ้น กลายเป็นเด็กม.ปลายก็มาขอคำปรึกษาว่าอยากจะเอ็นทรานซ์ก็มี และด้วยความช่วยเหลือของพวกเราบางคนในการพาน้องไปหาสปอนเซอร์ตามที่เรียนพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เดอะเบรนด์ อ.ลิลลี่ และ อ.สมศรี ซึ่งก็ให้น้องเค้าเรียนฟรี (ขอบคุณมากค่ะ ) น้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเราสามารถขอเรียนฟรีจากที่เรียนพิเศษได้ (พวกเราก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน จนกระทั้งน้องมาบอกว่าอยากเรียนพิเศษ แต่เราไม่มีเงินให้น้องเค้า ก็เลยลองดู แล้วมันก็ทำได้แฮะ ) พอน้องเค้ารู้ว่าจริงๆแล้วมีคนใจดีมากมายให้โอกาสในการเรียนหนังสือ ทำให้เค้าก็มีกำลังใจและทั้งน้องเค้าเอ็นท์ติดด้วย ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เหนือสิ่งอื่นใด การที่น้องเค้าได้เรียนในมหาวิทยาลัยนอกจากจะดีต่อตัวเค้าเองแล้ว ยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องในมูลนิธิได้ดีทีเดียว




จากการไปเยี่ยมน้องบ้าง ไปเลี้ยงไอติมบ้าง ไปเล่นสงกรานต์บ้าง ตลอดสองถึงสามปีหลังจากเรียนจบ พวกเราก็โตขึ้น พอทำงานมีเงินเดือน มีเงินเก็บบ้าง พวกเราก็เลยรวมตัวกันเมื่อสองปีก่อนว่า เราพาเด็กไปออกค่ายต่างจังหวัดกันมั้ย เหมือนเราไปเที่ยวกันที่เขาใหญ่ไง อยู่กันง่ายๆ กินกันง่ายๆ ประหยัดงบกันหน่อย แล้วเราก็จะได้พาเด็กไปกันกับพวกเราด้วยไง พวกเราชักชวนเพื่อนๆที่ทำงานกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัทเอกชนอยู่ หรือช่วยงานที่บ้านอยู่ ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ... พวกเรารวมตัวกันได้กว่า 30 คน โดยมีคณะที่ทำงานกันก่อนออกค่ายไม่กี่คน ซึ่งรวมถึงน้องปีสี่ที่ยังเรียนอยู่มาสมทบกันอีกแรง ช่วยกันเตรียมค่าย ไปดูสถานที่ ต่างคนต่างคิดกิจกรรมตามความถนัด บางคนอยู่ต่างจังหวัดก็ฝากไปคิดกิจกรรมศิลปะหนึ่งชิ้นนะ บางคนไปออกค่ายไม่ได้ก็ให้รวบรวมเนื้อหาทำหนังสือค่าย บางคนมาประชุมไม่ได้ก็ให้คิดเกมสันทนาการ ส่วนคนที่มาประชุมได้ก็ร่วมกันคิดรูปแบบกิจกรรม จัดช่วงเวลา ประสานงานกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ เหนื่อยกันคนละนิดคนละหน่อยแต่ก็สุขใจ และพวกเราก็ไปออกค่ายกันซึ่งครั้งนั้นเราเรียกว่า ค่ายสานฝันกับจันทร์เจ้าขา ตอน ฉันรักธรรมชาติ



หลังจากนั้น เราก็มีไปทำกิจกรรมกันบ้าง แต่ไม่ได้ไปออกต่างจังหวัดกัน



สองปีให้หลังจากค่าย ฉันรักธรรมชาติ ซึ่งก็คือปีนี้ 2550 เราก็รวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งพาเด็กไปออกค่ายที่จังหวัดนครนายก มีเพื่อนๆ ไปร่วมออกค่ายกันประมาณ 20 คน ซึ่งอาจจะน้อยกว่าครั้งเดิมๆ เพราะภาระกิจที่มากขึ้นของแต่ละคน เราพาเด็กทั้งหมด 20 คนจากบ้านเด็กมหาราชไปออกค่าย ซึ่งเด็กอายุประมาณ 10-12 ปี เราใช้เวลาด้วยกัน 3 วัน 2 คืน เพื่อร่วมทำกิจกรรมศิลปะ กิจกรรมฝึกความสามัคคี กิจกรรมฝึกสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ สอนการเขียนโปสการ์ด การทำให้เค้าเห็นคุณค่าในตัวเค้าเองผ่านกิจกรรม เหนือสิ่งอื่นใดที่เด็กๆได้รับก็คือ การได้รับรู้ว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่มองเค้าเป็นคนหนึ่งในสังคม เป็นคนที่ค่าในสังคม และให้ความรัก ให้โอกาสเค้าในการเติบโตเป็นเด็กที่ดีในอนาคต พวกเราเชื่อว่าเด็กรับรู้นะ



บางครั้งเราก็อยากมอบรางวัลให้กับเด็กบ้างในความพยายามของเค้า

เราอยากสร้างให้เค้าเป็นเยาวชนที่ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ด้วยตัวเค้าเองภายในมูลนิธิ ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของพวกเรา ... ถ้าเด็กเค้ารู้ศักยภาพของเค้ามากขึ้น สร้างสรรค์กิจกรรมเองได้บ้าง เด็กรุ่นน้องก็จะได้รับโอกาสดีๆผ่านเค้าด้วย





ดังนั้นในปีนี้เราก็เลยอยากให้รางวัลเค้าด้วยการพาไปทะเลกับพวกเราอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตั้งใจว่าจะเป็นเด็กกลุ่มเดิม และ อาจจะสมทบด้วยเด็กอีกประมาณ 10-20 คนแล้วแต่จำนวนเพื่อนๆที่สนใจจะร่วมไปดูแลเด็กด้วยกัน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น



พวกเราทำค่ายอย่างพอเพียง ไม่ใช่ไม่อยากขอสปอนเซอร์หรือรับบริจาค แต่พวกเราไม่อยากให้เกิดอุปสรรคเกิดขึ้น ถ้าเราหาสปอนเซอร์ไม่ได้ ซึ่งค่ายครั้งที่แล้วเราก็ขอสปอนเซอร์ไม่ทัน แต่ก็โชคดีที่มีเพื่อนๆ ไปออกค่ายกันเยอะ และช่วยกันขอบริจาคมาจากบริษัทของตัวเอง



พวกเราตั้งใจกันจากใจจริง อยากมีส่วนร่วมกับการเติบโตของเด็กกลุ่มนี้ และกลุ่มต่อๆไป อย่างน้อยเราเชื่อว่าการที่เค้ารับรู้ว่าอยากมีคนกลุ่มหนึ่งที่คอยเป็น Someone ที่แคร์กันก็ทำให้เค้ามั่นใจว่าสังคมนี้น่าอยู่สำหรับเค้านะ

เรายินดีมากถ้าใครจะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเรา

กลุ่มจันทร์เจ้าขา



ปล. ภาพทั้งหมด มาจากค่ายที่ผ่านมาที่จังหวัดนครนายก เด็ก 20 คน พี่ๆ 23 คน :)


Create Date : 03 พฤษภาคม 2550
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 11:55:39 น. 2 comments
Counter : 714 Pageviews.

 
ถึงน้องๆ กลุ่มจันทร์เจ้าขา

พี่และเพื่อนในบริษัท ได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมา ชื่อเหมือนกับของพวกเราเลย คือมูลนิธิจันทร์เจ้าขา
พี่มาเปิดข้อมูลก็พบกลุ่มของน้องๆ ว่าชื่อจันทร์เจ้าขาเหมือนกับของพวกเรา และขอชื่นชมน้องๆในกลุ่มทุกคน
หากพี่มีความประสงค์ที่จะสนับสนุนโครงการ ที่น้องๆ ที่ทำอยู่ จะสามารถติดต่อได้ที่ใคร......
มูลนิธิจันทร์เจ้าขา ที่เราวางกรอบงานกันอยู่ จะมุ่งเน้นที่การพัฒนาเยาวชน ด้าน เชาว์ปัญญา(EQ) เชาว์อารมณ์( IQ ) ความฉลาดทางจริยธรรม( MQ) ความสามารถในแก้ปัญหา( AQ )และ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น(SQ)
ซึ่งจะสอดคล้องกับกลุ่มของน้องๆ ที่ทำอยู่
หากมีอะไรให้พี่ช่วย ติดต่อ พี่ไก่ 081-5777476
email: tmg_km46@hotmail.com

ขอชื่นชมด้วยความจริงใจ
ยินดีให้การสนับสนุนพสกเรา


โดย: พี่ไก่ IP: 171.7.211.34 วันที่: 21 ธันวาคม 2554 เวลา:21:28:04 น.  

 
เพิ่งมาเห็นวันนี้ค่ะ น่าสนใจมากค่ะ :)

มีอะไรเมล์มาที่ kayhahahaแอดgmail.com นะคะ


โดย: The phu วันที่: 14 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:11:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The phu
Location :
Bangkok Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hi, I am very pleased to have my own blog. This blog was inspired from a friend from Pantip -Klaiban.... Actually I do write diary in my book..not everyday but quite often.. and in Thai.

I started to know Klaiban (Pantip) when I intended to have a Toefl test and found out adviser there. Many friends gave recommend on my essays and encouraged me in writing. I wish I can do it better.

==========

มาเขียนเพิ่ม ( 9 พย 2552 )

กลับมาเป็นนักศึกษาได้สองปีกว่าแล้ว
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ปักกิ่ง
หาความรู้ รวมทั้งค้นหาตัวเองอยู่
รักในธรรมชาติ และธรรมชาติ
เขียนบล็อกเพื่อช่วยให้ตัวเองได้บันทึกเรื่องราว
อีกทั้งเพื่อจะได้แชร์ความรู้สึกตัวเองออกมา
บล็อกช่วยแก้เหงาในบางครั้ง

ตอนนี้ใครอยากถามอะไรเกี่ยวกับจีนๆ
รวมทั้งภาษาจีน
อยากให้ถามมาเลย ตอบได้ตอบไม่ได้ไม่รู้
แต่จะพยายามหาข้อมูลมาให้ค่ะ
ขอให้มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
New Comments
Friends' blogs
[Add The phu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.