Start from ourselves
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
เรื่องราวที่ผูกพันกับกลุ่มจันทร์เจ้าขา และ การเริ่มต้นที่ตัวเอง

พอดีมีคนถามเกี่ยวกับกลุ่มจันทร์เจ้าขา และค่ายจันทร์เจ้าขา เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
ขอเล่าหน่อยละกัน


เมื่อปีที่แล้ว ระหว่างที่เรากำลังเดินข้ามสะพานข้ามคลองแสนแสบแถวๆ ชิดลม แถวๆนั้นมีเด็กๆ อายุประมาณวัยรุ่นตอนต้นเกือบปลายๆ แต่งตัวมอมแมมยืนกันอยู่สองคน น้องคนหนึ่งเดินรี่เข้ามาหาเรา พร้อมกับมือยื่นอะไรออกมาซะอย่างหนึ่ง เราตกใจที่เค้ามอมแมม และเราก็พยายามที่จะรีบเดินบ่ายเบี่ยง แต่ก็หนีไม่พ้นน้องเค้า เพราะน้องเค้าเข้ามาประชิดตัวจนได้ ซึ่ง ณ เวลานั้น ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า ของที่ถืออยู่ในมือน้องเค้าคือ Walkman ที่เป็นตลับเครื่องเล่น CD เรามองไปที่น้องอีกคน ซึ่งอยู่ข้างๆเข่งขยะใบโต และรู้ได้ทันทีว่าน้องเค้าคงเก็บได้

ระหว่างนั้น เราก็ได้ยินคำถามจากปากน้องเค้าว่า

" พี่ๆ พี่รู้วิธีเปิดมันมั้ยอ่ะ" พร้อมกับพยายามเอาหูฟังมายัดใส่หูเรา

เรายังคงออกอาการบ่ายเบี่ยงด้วยอาการตกใจ และ ไม่ไว้ใจ พร้อมกับบอกว่า เปิดไม่เป็นหรอก

น้องเค้าดูเศร้าลง และ พยายามจะหาทางเปิดมันให้ได้ ไม่มีท่าทีที่จะทำร้ายอะไรเราเลย

และแล้ว ก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า เราก็เอ่ยปากว่า ไหนๆ ดูหน่อยสิ
พร้อมกับคนปุ่มอะไรซะสองสามที และหยิบหูฟังมาฟังดู
แล้วมันก็มีเสียงเพลงออกมาจากเครื่องเล่นนั้น

เด็กคนนั้นดีใจมากมาย ตะโกนบอกเพื่อนที่เนื้อตัวมอมแมมเหมือน แล้วก็บอกขอบคุณเรา ....

ไม่มีการทำร้าย
ไม่มีการข่มขู่ใดๆ
ไม่ได้ดมกาว
ไม่ได้ประสงค์ร้ายกับเรา

เราจากจุดนั้นมา ด้วยความอิ่มเอมใจกับความดีใจที่ออกแนวดีใจมากเกินไป แต่ก็ดูจริงใจ
ดีใจที่ไม่ได้ หวาดระแวงจนเกินไปและจากไปโดยไม่ช่วยเหลือ
ดีใจที่สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เราทำ มันทำให้เกิดสีหน้าแห่งความสุขได้

หลายครั้งแล้วล่ะ ที่เราพลาดโอกาสที่จะช่วยเป็นคนหนึ่งที่ให้โอกาสเด็กด้อยโอกาสในสังคม เพียงเพราะสายตาที่เรามองเค้า

จริงอยู่ว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ แต่ใครล่ะ จะให้โอกาสเค้าที่จะเดินในเส้นทางที่ดีๆ


คิดถึงเรื่องนี้ทีไร นึกถึงจันทร์เจ้าขาทุกที


เพราะตอนสมัยเรียนอยู่ เรากับเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ทำกิจกรรมออกค่ายเพื่อนำเด็กด้อยโอกาส
ไปร่วมออกค่ายกัน
บางทีก็ไปจัดกิจกรรมที่มูลนิธิ
เขียนโปสการ์ดไปหาน้องๆตามมูลนิธิต่างๆในวันปีใหม่ ออกจุลสาร
เขียนบทความให้เพื่อนๆ ในคณะได้รู้จักกลุ่ม
รู้จักการทำกิจกรรมของพวกเรา และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเรา
ครั้งหรือสองครั้งที่มีโอกาสไปกับเพื่อนๆ และครูเร่ร่อนของมูลนิธิแห่งหนึ่ง เพื่อร่วมเดินสำรวจเด็กเร่ร่อนตามท้องถนน หัวลำโพง ใต้สะพานไทย-เบลเยี่ยม สะพานพุทธ ได้เห็นภาพจริงๆของเด็กเหล่านี้และชีวิตความเป็นอยู่ ได้ฟังเรื่องราวจากปากของครูเร่ร่อน... กลุ่มที่เราทำกัน นั้น เราเรียกว่า กลุ่มจันทร์เจ้าขา

ถึงตอนนี้กลุ่มที่พวกเราได้ร่วมก่อตั้งมาแล้วร่วม 8 ปียังคงดำเนินการ อยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีรุ่นน้องๆได้สานต่อความตั้งใจของเราต่อ และ พวกเราในฐานะคนที่เรียนจบกันมาแล้ว เราก็ยังมีรวมกลุ่มกัน โดยใช้ชื่อเดิม ซึ่งกลุ่มอาจจะเล็กลงหน่อย แล้วเราก็ไปเยี่ยมเด็กๆที่เรารู้จัก ตามมูลนิธิที่เราไปทำกิจกรรมอยู่เป็นประจำ ด้วยความตั้งใจว่า อยากให้เค้ารู้ว่ายังมีพวกพี่อยู่ตลอด เราให้ความสำคัญกับเค้านะ อย่างน้อยเค้าก็จะได้ให้หน้าเราแวะเวียนไปเจอเค้าบ้าง แม้จะไม่ได้มีกิจกรรมทำ บางทีก็ไปตอนเย็นๆ และร่วมกินข้าวเย็นของมูลนิธิด้วย ก็อร่อยดี

การได้ไปเจอกัน ก็ทำให้รู้ว่า เราไม่ได้มาแล้ว แล้วก็ทิ้งเค้าไปนะ เรายังอยู่เสมอ

และสองปีที่แล้ว พวกเราก็รวมตัวกัน คนทำงานแล้ว มีเงินเดือนแล้ว มีประสบการณ์การทำค่ายมาแล้ว มาทำค่ายกัน โดยยังคงคอนเซ็นป์เดิม คือ ค่ายเด็กด้อยโอกาส พาเด็กด้อยโอกาสจากมูลนิธิไปร่วมออกค่าย ณ ต่างจังหวัด เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน

ซึ่งปีนี้ก็เช่นกัน เรากลับมากันอีกแล้ว .... โดยปีนี้เราเลือกสถานที่จัดค่าย เป็นบ้านสวนรีสอร์ทเล็กๆ ของเพื่อนที่อยู่จังหวัด นครนายก เป็นสถานที่จัดค่าย เพื่อประหยัดงบประมาณ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในค่ายก็ช่วยกันออก มีมากก็ออกมาก มีน้อยก็ออกน้อย ค่ายไม่ได้ใช้เงินมากหรอก เพราะเรากินอยู่กันอย่างเรียบง่าย เพื่อนๆ พี่ๆ ก็ช่วยกันบริจาคกันมาคนละนิดละหน่อย แม้ว่าจะไม่สามารถไปช่วยงานในค่ายได้ก็ตาม

กิจกรรมในค่ายก็พยายามที่จะให้เด็กๆ ทั้งหมด 20 คนได้เรียนรู้ถึงคุณค่าดีๆของตัวเอง ศิลปะ กีฬา เกม สันทนาการ กิจกรรมที่เกี่ยวกับธรรมชาติต่างๆ รวมถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันและดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ระหว่างพี่ๆและน้องๆ และการทำอาหาร กิจกรรมเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในค่ายนี้

เราอดตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้กลับไปค่ายอีกครั้งหลังจากไม่ได้ออกมา 2 ปี ตื่นเต้นที่ต้องนำกิจกรรมบางอย่างที่ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีหรือไม่ แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่จะได้ทำ
อดดีใจไม่ได้ที่จะได้พาตัวเองออกจากโลกของธุรกิจที่เราอยู่ ไปสู่โลกอีกใบหนึ่งที่จะทำให้เรากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
อดดีใจไม่ได้ที่จะได้พาตัวเองไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆจากเด็กๆ อีก ก็เด็กๆ พวกนี้เป็นครูที่ดีเชียวนะ
อดดีใจไม่ได้ที่จะได้เล่นเกมที่ต้องนั่งล้อมวงกัน แล้วก็ร้องเพลง พร้อมทำท่าทางประกอบ
อดดีใจไม่ได้ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม และ ความใสซื่อในรอยยิ้มเหล่านั้น

แม้ว่าจะต้องเตรียมตัว เตรียมค่ายกัน ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
แต่การได้ทำสิ่งเหล่านี้มันก็มีความสุขดี

มีเพื่อนเคยบอกว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว สิ่งที่พวกเราทำกันคนละนิดละหน่อย สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ เราไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ใหญ่ๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้สวยงาม แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กๆ ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ แล้วโลกก็จะค่อยๆเปลี่ยนตามเราไปเอง

มาเริ่มต้นที่ตัวเรากันเถอะ

ไม่จำเป็นต้องมาออกค่ายกับเรา
ค่ายนี้เป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง

แต่ถ้าเราอยากทำอะไรดีๆ
อยากเห็นโลกสวยงามขึ้น
เราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้

เราก็อาจจะหากิจกรรมอะไรดีๆ ทำก็ได้ หรือ เปลี่ยนวิธีการคิดในบางเรื่องบ้าง

มองเด็กเร่ร่อนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
ไปบริจาคเลือดบ้าง
อ่านป้ายประกาศรับสมัครอาสาสมัครบ้าง
ไปค่ายอาสาพัฒนาชนบทบ้าง
ยิ้มให้กับคนแปลกหน้าบ้าง
ไม่ตัดสินคนที่ภายนอก

บางอย่างอาจจะทำยาก ก็ลองเลือกสิ่งที่ทำง่ายๆกัน

แล้วโลกก็จะค่อยๆเปลี่ยน ถ้าเราช่วยกัน ;)

Be the Change




Create Date : 27 มีนาคม 2550
Last Update : 27 มีนาคม 2550 1:42:46 น. 4 comments
Counter : 518 Pageviews.

 

'Start to be a giver' This is a short message that has motivated me for years.


โดย: ss IP: 139.184.30.16 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:4:09:05 น.  

 
อ่านมาตั้งนาน ที่แท้ก็โฆษณาค่ายนี่เอง ฮ่าฮ่า ล้อเล่นน้า
อ่านแล้วก็คิดถึงอดีตของพวกเรา
จริงๆก็ชวนให้คิดถึงปัจจุบันและอนาคตด้วยอ่ะนะ

เอาไว้อัพเรื่องจันทร์เจ้าขาบ้างดีก่า


โดย: idLer (idLer ) วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:0:04:04 น.  

 
สวัสดีค่ะ .. ความรู้สึกดี ๆ ก็ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองนี่แหละค่ะ


โดย: ดุสิตา (ดุสิตา ) วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:11:14:15 น.  

 
Thank you for visiting. I am so proud of the story above. :P

-----------------
here is a really cute song i learned from one camp.

----------------------

A time to be happy is now

A Place to be happy is here

And the way to be happy is to make others happy

And to bring a little heaven down here






โดย: The phu IP: 203.156.89.75 วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:19:12:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The phu
Location :
Bangkok Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Hi, I am very pleased to have my own blog. This blog was inspired from a friend from Pantip -Klaiban.... Actually I do write diary in my book..not everyday but quite often.. and in Thai.

I started to know Klaiban (Pantip) when I intended to have a Toefl test and found out adviser there. Many friends gave recommend on my essays and encouraged me in writing. I wish I can do it better.

==========

มาเขียนเพิ่ม ( 9 พย 2552 )

กลับมาเป็นนักศึกษาได้สองปีกว่าแล้ว
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ปักกิ่ง
หาความรู้ รวมทั้งค้นหาตัวเองอยู่
รักในธรรมชาติ และธรรมชาติ
เขียนบล็อกเพื่อช่วยให้ตัวเองได้บันทึกเรื่องราว
อีกทั้งเพื่อจะได้แชร์ความรู้สึกตัวเองออกมา
บล็อกช่วยแก้เหงาในบางครั้ง

ตอนนี้ใครอยากถามอะไรเกี่ยวกับจีนๆ
รวมทั้งภาษาจีน
อยากให้ถามมาเลย ตอบได้ตอบไม่ได้ไม่รู้
แต่จะพยายามหาข้อมูลมาให้ค่ะ
ขอให้มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
New Comments
Friends' blogs
[Add The phu's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.