วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2012 เวลา 11:19 น.  

สับขาหลอกเปลี่ยนโทษ จุดพลุรอพรบ.ล้างผิด! นช.ตีโจทย์คดีรอเพียบ โปรยเงิน...โกยคะแนน

สมชาย-ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์

"ส.ว.สมชาย"ชำแหละแผนแก้กฎหมายเปลี่ยนโทษจำคุก เป็นคุมประพฤติ แท้จริงรัฐบาลแค่สับขาหลอก เหตุล้างผิดได้แค่ที่ดินรัชดา ยังมีคดีที่นช.แม้วรอขึ้นศาลตัดสินอีกเพียบ ทางที่ดีที่สุดยังต้องเป็นพรบ.ปรองดอง ยื้อายุรัฐบาลน้องสาวให้นานที่สุด โปรยเม็ดเงินประชานิยมซื้อใจทุกกลุ่ม ขยายฐานเสียงเลือกตั้งงวดหน้า

กรณีครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา โดย คอ.นธ.ได้เสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอาญา และข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขังและการใช้เครื่องพันธนาการ โดยให้ใช้มาตรการทางเลือกแทนการใช้โทษจำคุกในเรือนจำ ตั้งแต่การเบี่ยนเบนก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนถึงการใช้มาตรการทางเลือกในการลดโทษ

ต่อกรณีดังกล่าว นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวกับ"ไทยอินไซเดอร์"ว่า "ผมทราบมีความพยามอย่างนี้ ตั้งแต่ต้นแล้วในสมัยก่อน ผมเองก็เคยเสนอผ่านนักกฎหมายบางท่านเหมือนกันว่าเพื่อให้ยุติปัญหา คุณทักษิณควรกลับมาเมืองไทยรับโทษ แล้วถ้าคิดว่าการรับโทษเปลี่ยนเป็นการ"คุมประพฤติ"ก็ได้ คุมประพฤติแล้วหยุดเล่นการเมือง แล้วคดีที่เหลือก็ต้องสู้กัน สู้คดีกันในศาลต่อไป ตรงนี้ก็มีการพูดกับคนของเขาบ้าง แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นอย่างไร แต่ก็มีข่าวว่ามีการเสนอหลายเรื่องในสมัยที่จะออกพระราชกฤษฎีการขอพระราชทานอภัยโทษคราวโน้นว่าให้กลับมาติดคุก โดยอาจจะไม่ติดอยู่ที่เรือนจำ อาจจะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือให้ไปติดที่"เรือนจำพิเศษหลักสี่" ที่ทำเป็น"คุกวีไอพี" ก็มีข่าวบางกระแสว่าเป็นข้อเสนอของฝ่ายกฎหมายบางคนที่อยู่ในทีมเขา และล่าสุดก็มีข่าวว่ามีการเสนอในคณะกรรมการชุดหนึ่งที่ดูเรื่องกฎหมายว่าให้เปลี่ยนเป็นการคุมประพฤติด้วยการใส่เครื่องติดตามตัวโดยเรียกว่าเป็นการ"กักบริเวณ" เหมือนที่สหรัฐฯเขาใช้ สมมติเป็นวัยรุ่นแล้วก่อเหตุ ศาลกักบริเวณอยู่ในบ้านติดเครื่องติดตามตัว ผมทราบข่าวมาอย่างนั้น"

เมื่อถามย้ำว่า แนวความคิดที่มีการพูดถึงกันในขณะนี้เป็นของคุณสมชายเองใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "ผมเข้าใจว่าคงมีคนอื่นเสนอ เพราะมีการพูดคุยกัน เนื่องจากตอนนั้นต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ อันนี้เมื่อหลายปีที่แล้ว 2-3 ปีที่แล้ว ระหว่างที่คุณทักษิณเพิ่งหลบหนีไป แล้วมีการพิจารณาคดี บ้านเมืองก็มีการชุมนุมตั้งแต่ปี 2552 ผมเคยพูดกับคนของกระทรวงยุติธรรมว่าถ้าคุณทักษิณหวังดีต่อบ้านเมืองจริง ก็ควรกลับมาประเทศ และท่านเคยเป็นอดีตนายกฯก็คิดว่าไม่อยากติดคุกเหมือนคนอื่นก็มีเหตุที่จะขอต่อศาลได้ แล้วลองคุยกันเรื่องเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง หรือคุมประพฤติก็ได้"นายสมชาย กล่าวย้ำ

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องไปแก้ที่ตัวกฎหมายเลยหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "ผมว่าไม่จำเป็น เพียงแต่คุณทักษิณต้องกลับเข้ามาและต้องขอศาล ส่วนศาลท่านจะให้หรือไม่ให้ผมไม่ทราบ เพราะบังเอิญคุณทักษิณแกหนีคดีไป" 

"ถ้าจะเปลี่ยนโทษจากจำคุกเป็นอย่างอื่นได้โดยอัตโนมัติต้องไปแก้ที่กฎหมายบางประการ ซึ่งผมคิดว่าถ้าทำอย่างนั้นเพื่ออ้างว่าช่วยคนทั้งหมด แล้วท้ายที่สุดเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นการช่วยคุณทักษิณ แล้วอ้างว่าเป้นผลพลอยได้ ผมคิดว่าสังคมก็เท่าทัน เหมือนเคยที่จะออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแล้วท้ายที่สุดรองนายกฯท่านนั้นก็มาบอกว่าเป็นการสับขาหลอก ความจริงก็ทราบว่ามีการจัดทำให้จริงๆ บางคนก็บอกว่ามี 2 ร่างที่เตรียมไว้ แต่ในที่สุดเมื่อมีกระแสต้านเยอะ สังคมที่มี NEWS MEDIA สมัยนี้ที่สื่อสารกันเร็ว มันก็ทำให้คนที่เสนอไม่กล้า เพราะฉะนั้นการแก้กฎหมายโดยอ้างประโยชน์คนส่วนใหญ่ แล้วไปเอื้อให้คุณทักษิณ ผมว่าอย่างไรมันก็ไม่สง่างาม ไม่เท่"นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลจุดเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการต่อ ส่วนตัวจะสนับสนุนหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "ผมคิดว่ามันทำเพื่อแก้ปัญหาของใคร ถ้าแก้ปัญหาเรื่องคนล้นคุก ซึ่งเคยมีดำริของรมว.ยุติธรรม อันนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง หรือการกักขังแทนค่าปรับ อันนั้นก็เรื่องหนึ่ง อันนั้นต้องแก้กฎหมายโดยรวมแล้วผลพลอยได้อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" 

"สังคมต้องพิจารณาว่าถ้าแก้แล้วสังคมรับได้ว่าเป็นแก้โดยรวม สมมติออกพ.ร.บ.ล้างมลทิน แล้วมีข้าราชการดีๆคนหนึ่งที่โดนข้อหามาแล้วได้รับการล้างมลทินไปด้วย อันนี้มันก็ต้องยอมรับ เพียงแต่ระหว่างการพิจารณากฎหมายสังคมต้องตรวจดูว่ามันมีเจตนาเพื่อส่วนรวมโดยแท้จริงหรือไม่"นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้าออกฎหมายโดยรัฐบาลนี้จะดูน่าเกลียดหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "รัฐบาลนี้เขาไม่กลัวอะไรน่าเกลียดอยู่แล้ว เขามีอำนาจฝ่ายบริหาร เขามีเสียงในสภาฯพอ วันนี้ต้องเรียนตามตรงว่ารัฐบาลก็จะสามารถออกฎหมายชี้นกให้เป็นไม้ก็ได้  ชี้ไม้ให้เป็นนกก็ได้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไม่ได้ก็คือการแก้กฎหมายให้ได้ดั่งใจ หรือขาดในเรื่องของแก้แล้วไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนรวม อย่างธรรมาภิบาลจริงๆคนส่วนใหญ่ก็ยอมรับไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะแอบไปทำอะไรแล้ว สมมติการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือพรบ.ปรองดอง แล้วมีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลัง ผมคิดว่ามันไม่ง่าย ถึงแม้จะทำได้ก็จะเกิดกระแสต้าน"

เมื่อถามว่า จะมีการสอดแทรกเหมือนช่วงการออกพรฎ.อภัยโทษหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ เหมือนกับพรฎ.อภัยโทษที่เคยจะออกตอนนั้น ท้ายที่สุดพอกระแสต้านเกิดขึ้นคนก็ไม่ยอมรับ รัฐบาลก็ไม่กล้า รัฐบาลก็ต้องรีบถอนออกไป ถ้าปล่อยให้เกิดกระแสต้านขณะนั้นมากๆรัฐบาลก็อาจจะอยู่ไม่ได้ ตอนนี้มันอยู่ที่การชั่งใจของคุณทักษิณที่อยากกลับประเทศ อยากเข้ามากุมสภาพเองเพราะมันเกิดปัญหาการแก่งแย่งตำแหน่งกันในครม. การแก่งแย่งตำแหน่งที่เรียกว่าเป็นสมบัติผลัดกันชมของแนวร่วมคนเสื้อแดง และการกุมสภาพซึ่งต้องยอมรับว่านายกฯ(ยิ่งลักษณ์)ก็แข็งขึ้น และการที่มีลูกน้องเป็นทีมของตัวเองก็ไม่ค่อยฟัง คุณทักษิณจึงถือว่าอยู่ไกลเกินข้อมูล เพราะฉะนั้นก็อยากจะกลับมา 

เมื่อถามว่า ถ้ามีการเสนอให้มีการกักขังคุณทักษิณจากในคุกมาเป็นการคุมประพฤติแทน คิดว่าสังคมไทยจะรับได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า มันก็จะมีคดีอื่นอีก ปัญหาคือว่ามันยังมีคดีอื่นที่ยังอยู่ในศาล ถ้าคุณทักษิณแก้คดีที่ดินรัชดาคดีเดียว แล้วคดีอื่นก็ต้องเดินต่อ คืออันนี้"เป็นโจทย์ที่คุณทักษิณแกก็รู้อยู่" แกถึงแก้ที่ดินรัชดาไปคุมประพฤติ แต่ยังมีคดีอื่นรออยู่ แกถึงไม่เอา เพราะฉะนั้นทางที่คุณทักษิณอยากได้คือการแก้กฎหมายยกเลิกโทษไปเลย เช่นเสนอแก้มาตรา 309 ให้คตส.สิ้นผล แล้วเอาคดีกลับไปที่ป.ป.ช. อันนี้เป็นสิ่งที่คุณทักษิณอยากทำ แล้วก็จะแก้โทษ 2 ปีคดีที่ดินรัชดา

เมื่อถามว่า ความคิดนี้คุณทักษิณไม่เอาแน่แล้ว นายสมชาย กล่าวว่า "ผมว่ามันต้องชั่งใจ คนที่ไม่เอาไม่ใช่คุณทักษิณ คนที่ไม่เอาคือคนที่อยู่ในอำนาจรัฐบาล และคนที่เป็นส.ส. คนที่อยู่ในประเทศที่เป็นคนไม่เอา เพราะรู้ว่าถ้าเอาเข้าไปมันจะเกิดเรื่องความขัดแย้งในประเทศ อาจจะนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ คนเหล่านี้ก็เสวยสุขอยู่เป็นรัฐบาลก็ดีอยู่แล้ว เป็นส.ส.ก็ดีอยู่แล้ว คุณทักษิณก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องได้พอสมควร คือได้พาสปอร์ต ได้มากินข้าวฮ่องกง สิงคโปร์ รอบๆประเทศไทย มีคนใกล้ชิดไปกราบกรานได้ น่าจะพอแล้ว ผมคิดว่าคนที่เป็นคนของคุณทักษิณเองต่างหากที่ไม่อยากเอาเรื่องให้คุณทักษิณ" 

เมื่อถามว่า พรบ.ปรองดองยังไว้วางใจได้แค่ไหน นายสมชาย กล่าวว่า ผมคิดว่าวันไหนที่รัฐบาลเอาพรบ.ปรองดองเข้ามา วันนั้นรัฐบาลก็ฆ่าตัวตาย 

เมื่อถามว่าจะอีกนานหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า "ผมคิดว่าไม่กล้าเอาเข้ามา ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะใจถึง มั่นใจในการคุมสภาพทหารตำรวจ มวลชนได้มากแค่ไหน ถ้าเขามั่นใจว่าเขาสามารถกุมสภาพได้แล้วเขาก็เอาเข้ามา ซึ่งอาจจะมีฮาร์ดคอร์ฝ่ายเสธ.สายเหยี่ยวอยากจะเอาเข้ามาก็มี แต่ว่าข้อเท็จจริงเป็นไปได้ยาก เพราะว่าทั้งสายพิราบในกลุ่มเสื้อแดงเอง สายที่มีอำนาจในครม.และสภาฯ โดยเฉพาะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งที่เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าของพรรคเพื่อไทยเขาไม่อยากเห็น เขาพูดกับผมเลยว่าเขาไม่เห้นด้วย เพียงแต่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเอาเข้ามาเมื่อไหร่เขาก็เกิดเรื่องเมื่อนั้น เพราะฉะนั้นเขาก็อาจจะไม่แสดงปฏิกิริยาคัดค้านออกหน้าออกตา แต่ว่าในการประชุมของพรรค พวกนี้จะแสดงความไม่เห็นด้วย หรือมีข้อแนะนำให้เลื่อนออกไป เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าอีกนาน เรื่องพรบ.ปรองดอง" 

เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้คุณทักษิณเองก็ไม่ได้บีบว่าต้องเร่งทำ เร่งออกพรบ.ปรองดอง นายสมชาย กล่าวว่า "ผมว่ามันมีบทเรียนของคุณทักษิณปี 2553 ซึ่งขณะนั้นเร่งกระแสมวลชน จนกระทั่งเกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง มีการเสียชีวิตของผู้คนก็ไม่สามารถทำให้คุณทักษิณกลับมาได้ ถึงแม้จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ขนาดได้นายกฯเป็นน้องสาวตัวเองแล้ว ได้เสียงข้างมากในสภาแล้ว ยังกลับบ้านไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นการเร่งไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่ามีบทเรียนที่จะรักษาสถานะนี้ต่อไปอย่างนี้" 

"รัฐบาลตอนนี้คืออยู่ในอำนาจให้นานที่สุด เพื่อใช้โครงการประชานิยมในการหาเสียงให้ได้มากที่สุด แล้วเขากำลังเตรียมการที่คิดว่าชัยชนะในการเลือกตั้งจะได้มากกว่านี้ เพราะว่าได้ประชาชนทุกกลุ่มที่เป็นเป้าหมาย ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินภาษีที่เอาลงไปให้ เช่นกองทุนสตรี ก็จะได้แนวร่วมสตรีเพิ่มขึ้น ข้าวที่จำนำก็ได้ชาวนา 300บาทได้กลุ่มแรงงาน รถคันแรกได้กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ อะไรต่างๆ เขาคิดว่าเขาจะมีฐานเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า"นายสมชาย กล่าว