Last Life in the Universe(2003) :Ruang rak noi nid mahasan
Last Life in the Universe : เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล, Ruang rak noi nid mahasan เรื่องนี้ขอโชว์โง่งะ ขอตีความตามใจตัวเอง งะ กับเสน่ห์ของFilm อยู่ที่คิด หนังไม่ได้ บอกโจ๊ะโจ๊ะ ตรงนี้ ตรงนี้ เป็นอย่างงี้ อะ .....
หนังเรื่องนี้อุปการะคุณMr.cozyงะ
Last Life in the Universe Trailer
"The Last Lizard" จิ้งจกตัวสุดท้าย เรียกอย่างงี้ได้อะปะ หนังสือนิทานสำหรับเด็กญึ่ปุ่นที่เคนจิพกติดตัวเป็ฯประจำ
"The lizard wakes up and finds he's the last lizard alive. จิ้งจกกะตื่นขึ้นมาและพบว่าเค้าคือจิ้งจกตัวสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่ His family and friends are all gone. ครอบครัวและเพื่อนของเค้า ไปเรียบร้อยแล้วววว (ตายแหง๋มๆๆ) Those he didn't like, เค้าไม่ชอบพวกเหล่านั้นเลย those who picked on him in school, are also gone. พวกเขาเหล่านั้นชอบหาเรื่องเค้าในโรงเรียน The lizard is all alone. จี้งจกกะโดดเดี่ยว He misses his family and friends. เค้าคิดถึงครอบครัวและเพื่อนๆๆ Even his enemies. คิดถึงแม้กระทั้งศตรูของเค้า It's better being with your enemies than being alone. มันดีกว่ามีชีวิตอยู่กับศตรูมากกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว That's what he thought. นั้นคือ เค้าคิดอะไรอยู่ Staring at the sunset, he thinks. จ้องมองไปที่พระอาทิตย์ตกดิน เค้าคิด "What is the point in living... อะไรคือประเด็นของการมีชีวิตอยู่ If I don't have anyone to talk to?" ถ้าไม่มีใครๆๆที่จะเสวนาด้วย But even that thought doesn't mean anything... แต่ถึงแม้ว่านั้นคือความคิดที่ไม่ได้มีความหมายอะไร when you're the last lizard." เมื่อเธอคือ จิ้งจกตัวสุดท้าย
เรื่องของเคนจิ ที่หมกมุ่นคิดอยู่กับการฆ่าตัวตาย Why do I want to kill myself? I don't know... เหตุผลของเคนจิไม่ได้เหมือนคนทั่วไป ที่อกหัก เรื่องเงินหรือผิดหวัง คุณรู้มั๊ยหนังสือหลายๆๆเล่มบอกว่า "Death is relaxing. ความตายคือความผ่อนคลาย"..... Before waking up refreshed and ready to begin your next life. That's what they say. "This is bliss." ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวาและเริ่มต้นกะชีวิตหน้า พวกเขากะบอกว่า "นี้คือความผาสุข"
ตอนเช้ากลับกลายเป็นว่า น้อยใส่ชุดนักเรียนญึ่ปุ่นจุดธูป เอาชุดนักเรียนญุ่ปุ่นของนิดไปเผา และบอกเคนจิว่า เฮ๊ย You need woman น๊ะ
กับอีกซีนที่หลอน น้อยทำกับข้าวให้เคนจิกิน และมันกลายเป็นนิด นิด :I give you my car. Why? I'm not taking it to Japan. But I cannot... lt's your car. But I give it to you.
นิดลุกออกไป กลับมาอีกทีกลายเป็นน้อย น้อย : I give you license too. You look strange. It doesn't look like you. Don't laugh... lt's yours now. You drive me to airport on Monday, okay? OK.
ปราบดาได้รับรางวัลซีไรต์ในปีพ.ศ. 2545 เมื่อเขามีอายุได้29ปี จากเรื่องความน่าจะเป็น ได้รับรางวัลจากคณะกรรมการศิลปะและวัฒนธรรม จากการเขียนเรื่องWhere We Feel: A Tsunami Memoir by An Outsider.
[แก้] เรื่องสั้น เมืองมุมฉาก (2543) (City of Right-Angles, 2000) ความน่าจะเป็น (2543) (Probability, 2000) อุทกภัยในดวงตา (2544) (Flood in the Eyes, 2001) ส่วนที่เคลื่อนไหว (2544) (The Parts That Move, 2001) เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง (2545) (The Story Really Happened, 2002) กระทบไหล่เขา (2547) (Crashing Into Shoulders of Mountains, 2004) ความสะอาดของผู้ตาย (2548) (Cleaning the Dead, 2005)
[แก้] รวมบทความและความเรียง (เปิดไป) หน้าศูนย์ (2549) ภาพไม่นิ่ง (2544) (Unstill Pictures, 2001) น้ำใส่กะโหลก (2545) (Water For the Skull, 2002) อย่าอ่านเลย ก็แล้วกัน (2545) (Please Don't Read, Carefully, 2002) เป็น: เรียงความว่าด้วยลมหายใจในตัวหนังสือ (2546) (Be: About the Breath of Words, 2003) สมมุติสถาน (2548) (Imagined Landscape, 2005) ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 1 (กับ วินทร์ เลียววาริณ) (2545) (Parallel Probability Vol. 1, with Win Leowarin, 2002) ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 2 (กับ วินทร์ เลียววาริณ) (2547) (Parallel Probability Vol. 2, with Win Leowarin, 2004) ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 3 (กับ วินทร์ เลียววาริณ) (2548) (Parallel Probability Vol. 3, with Win Leowarin, 2005) ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 4 (กับ วินทร์ เลียววาริณ) (2549) (Parallel Probability Vol. 3, with Win Leowarin, 2006) ความน่าจะเป็นบนเส้นขนาน 5 (กับ วินทร์ เลียววาริณ) (2550) (Parallel Probability Vol. 3, with Win Leowarin, 2007)
[แก้] บทภาพยนตร์ เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล (2546) (Last Life in the Universe, with Pen-ek Rattanaruang, 2003) คำพิพากษาของมหาสมุทร (2549) (Invisible Waves, 2006)
[แก้] หนังสือแปล คนหัวหมา (2546) (Dogwalker, by Arthur Bradford, 2003)
Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...
ที่เข้าไปถามเรื่องดีเจ นะครับ คือ dj booboo จะเปิดเพลงประเภท House (ตอนนี้ไม่ได้เป็นดีเจแล้วนะ) ก็จะเปิดอย่างเดียวครับใช้เอฟเฟกท์บ้างแต่จะไม่สแกรชแผ่นเหมือนฮิปฮอป แต่พยายามจะศึกษาเหมือนกัน อาจจะเอามาเล่าให้ฟังภายในสองปีนี้แหละ พี่ดีเจเคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องดีเจในบล๊อคเก่า ๆ นิดหน่อยเหมือนกันลองขุดลงไปดูได้ บล๊อคเราจะง่ายมีแค่ห้องเดียวไม่ได้แบ่ง