Bloggang.com : : Bernadette : Electric shadows : Meng ying tong nian ,"dian ying" (電影) (2004): Nuovo cinema Paradiso (1988)

Electric shadows : Meng ying tong nian ,"dian ying" (電影) (2004): Nuovo cinema Paradiso (1988)

กับความทรงจำที่งดงามของใครหลายๆๆคน ของหนังกลางแปลง (วงเล็บ...ที่เกิดทันงะ) มันคือความทรงจำที่งดงามของเราเช่นกัน......มันน่าทึ่งม๊ากก ...กับการได้ดูหนังกลางแปลง.....วันเฉลิมฉลองสำคัญ....กรุงเทพเหรอ..ปิดถนนย่านบางลำภูแถวๆๆนั้นงะ.......หนังร้อยจอ...อลังการม๊ากก(สำหรับเรา)...หรือตรุษจีน เยาวราช........ปิดถนน(ตามซอย)หนังกลางแปลงงะ....

ตอนเด็กๆ น้าๆอาๆๆกะพาเราไปดูหนังกลางแปลง แถวบางลำภู เราไม่เคยได้ปูเสื่อดูข้างหน้า เพราะน้าๆอาๆดันอุ้ม (อ้างเอาเด็กไปด้วย ..จีบกันอยู่งะ) เราเป็นเด็กกะสะบายเพราะถูกอุ้ม บริเวณรอบๆหนังกลางแปลง มี แพ็ทเทริน ลูกโป่งสวรรค์ สายไหม ลูกชิ้นปิ้ง ขายป๋องแป๋งเสียบไม้ ขนมเสียบไม้ เป็นน้ำตาล รูปการ์ตูนย์ต่างๆๆ เราจาขี้แงบ่อยๆเวลาไปดูหนังกลางแปลง เพราะ หนึ่งละ ง่วง สอง โดนดึงแกะ เพราะ น้าเราดันอุ้ม เรากะถือลูกโป่งสวรรค์เป็นที่ลำคาญแก่คนดูข้างๆๆ โดนดึงแกะที ร้องจ๊ากกกกเลยอะ ....

กับหนังกลางแปลง เราไม่เคยดูจบเรื่องซ๊ะที ที่ติดตาเรา ไตเติ้ลหนังอย่างเดียวเล๊ยยย...แต่นแตนแต๊น ละโว้ภาพยนต์ (มือปืน),อิสระภาพของทองพูน โคกโพธิ์ ...หรือไม่ก็ตัวหนังเอียงๆสีขาวๆๆมาแหละทีละตัว.....เปี๊ยกโปสเตอร์.... หรือไม่ก็ ค๊อปเตอร์มาเลย มีคนนั่งริม ค๊อปเตอร์กำลังแพนกล้อง.....ฉลอง ภักดีวิจิตร ภูมิใจเสนอ.....(ทอง... หลายๆภาค).....หรือไม่ก็เชิด ทรงศรี (เลือดสุพรรณ)......ดอกดิน กัลยามารณ์.......มาดามยี่หุบ...และกะมาแหละ รูปโลก ตามด้วยดาวทีละดวง.......ไฟล์สตาร์ โปรดักชั่นภูมิใจเสนอ.......หรือ ใบโพธิ์ ยังมีอยู่งะ....สหมงคลฟิลม์......หรือยุทธนา มุกดาสนิท ....ผีเสื้อกับดอกไม้... มันคือความทรงจำของเรา แค่นี้จริงๆ

เพราะน้าๆอาๆเรา......โน้นนนนน หนังจีน กระบี่ฟันกัน โฉ๊ะ ฉิบ ฉับ เหาะ ต่อสู้ วาดลวดลายกระบี่ ดารา กะ ตี้หลุง...เดวิดเจียง...ฉีเส้าเฉียน ...เอ๋อตงเซิน และซีน หนังกลางแปลง ที่ติดตาบ่อยๆๆคือ ซีนของเฉินหลง ......ไอ้หนุมพันมือ ....ติว ติ๊ว ติว ติ๋ว ติว ติ่ว ติวววววว
โชว์ร่ายรำ มวยหมัดเมา...เป็นที่นิยมมากในสมัยนั้น อะ

สำหรับ Electric shadow หรือ Meng ying tong nian หรือ,"dian ying" (電影).มันคือความทรงจำที่งดงามประทับใจของเด็กๆๆ ที่ไม่เคยลืม กับหนังกลางแปลง ที่ในหมู่บ้านเปิดฉายให้ดู ...ทั้งที่เป็นหนัง แบบเรียกว่า คอมมิวนิตย์นิยม หรือได้ดูหนังต่างประเทศที กะจากประเทศที่สังคมนิยมเดียวกัน กะคือ หนังของประเทศอัลบาเนีย

ตอนเด็กๆๆถึงแม้สองคนจะแยกจากกัน แต่เค้าทั้งสองคน ยังมีความรักหนังเหมือนกัน โตขึ้นมากะชอบดูหนังเหมือนเดิม อีกคนมีอาชีพที่แสนจะธรรมดา แค่เด็กส่งน้ำเปล่า เก็บตังค์ได้ กะเอาไปดูหนัง กับอีกคน ที่โตขึ้นมาหูหนวก ...มีสตูดิโอดูหนังส่วนตัว ...และเค้าทั้งสองคนกะได้มาเจอกันอีกครั้งตอนโตงะ

Memorias de China - Tr?iler espa?ol

source ://image2.sina.com.cn/ent/d/2005-05-10/U105P28T3D719660F326DT20050524091130.jpg

Film สื่อถึง

หลายๆระยะเวลา๑๐ปีของอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับยุคประวัติศาสตร์ใหม่ของพี่น้องชาวจีน ทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็นสังคม และ การที่ภาพยนต์สมัยนั้นสื่อออกมา Filmนี้ สื่อความหลงใหล ความคิดแบบซื่อๆของเด็กๆ กับจินตนาการของFilm ที่ครอบงำจิตใจพวกเค้าโดยที่พวกเค้าไม่รู้ตัว

แม้แต่ในประเทศจีนในชนบทช่วงระหว่างปฏิวัติเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภาพยนต์เป็นศิลปะที่แสดงออก นั้นเข้มงวดเป็นส่วนมาก รัฐบาลกับการโฆษณาชวนเชื่อ ที่ค่อยๆใส่เข้าไปในโลกของภาพยนต์ มันรวมถึงกับการเผชิญหน้าการปฎิวัติของFilm (ไม่มีใครสนใจหนังกลางแปลงแหละ ...มีทีวีแล้วอะ) เช่นเดียวกับ ที่นำมาเปรียบเทียบกับ ภาพยนต์ในหมู่บ้านเล็กๆของอิตาลี่ เรื่อง "Cinema Paradiso."

ในFilm สื่อระลึกถึง นักร้องนักแสดง ในยุคปี 1930 Zhou Xuan เค้าเป็น Idolแม่แบบของแม่หลิงหลิง แม่หลิงๆเป็นผู้ประกาศเปิดเพลงสถานีวิทยุในชุมชนหมู่บ้าน และ Film ของ Zhou Xuan มันเป็นที่ถูกห้ามของรัฐบาล แม่ของหลิงอยากเป็นดารา แต่กะมีหลิงหลิงออกมาซ๊ะก่อนอะ

Golden Voices of the 1930's - Zhou
Zhou Xuan as the singsong girl Xiao Hong in Street Angel

?? (1953) Singing Under the Moon - ??????

กับการจินตนาการของ แม่ของหลิงหลิงซูหัว Xuehua กะสิ้นสลายเพราะคนรักของแม่หลิงหลิงได้ทิ้งแม่หลิงหลิงไป ตอนหลิงหลิง อยู่ในท้องขณะ 7เดือน แม่หลิงเจ็บท้องเกือบคลอดหลิงหลิง กลางหนังกางแปลง ขณะที่แม่หลิงหลิงกำลังดูหนัง ต่างประเทศอัลบาเนียเรื่อง "Victory Over Death ชัยชนะเหนือความตาย" หนังวีระสตรีอัลเบียเนียอะ แม่โดนคณะปฎิวัติวัฒนธรรม ต่อว่า ชาวบ้านประนาม แม่หลิงหลิง ออกจากงาน ทำงานซักผ้าปูที่นอน ส่งโรงพยาบาล และหลิงหลิงตอนเป็นทารกกะเห็นจอหนังขาวๆๆตั้งแต่ยังแบะเบาะ เมื่อหลิงหลิงโตขึ้นมาหน่อย หลิงหลิง ถามหาพ่อของเธอ ขณะกำลังดูหนัง แม่หลิงหลิง บอกว่า คนที่อยู่ในจอภาพยนต์ไง คือพ่อของหนู

และลุงปิง กะได้ ตัดฟิลม์เล็กๆใส่กล่องกระจกน่ารักๆ ให้หลิงหลิง ...นี่ไงพ่อของหนูเก็บไว้น๊ะ

กับเด็กชายอีกคน เหมาเสี่ยวปิง Filmสื่อตอนโตก่อน เค้าทำงานเป็นเด็กส่งน้ำดื่ม คลั่งไคล้ภาพยนต์ วันดูแต่หนังสี่เรื่องควบเลย เค้าชอบหนังบู๊ เพราะค่าตั๋วดูหนัง เท่ากับค่าแรงของเหมาที่เก็บไว้ถึง 3 วันเลยอะ

Source ://image2.sina.com.cn/ent/d/2005-05-10/U105P28T3D719652F326DT20050510144900.jpg

และวันหนึ่งเหมาไม่ได้ตั้งใจ ขี่จักรยายชนกองอิฐ มีผู้หญิง หน้าหน้าตาโมโหสุดขีด เอาอิฐปาหัวเหมา และเอาอิฐทุบจักรยานของเหมา จนพังเลยอะ เหมาฟื้นขึ้นมา ไปเอาเรื่องที่โรงพัก ปรากฎว่าผู้หญิงคนนี้หูหนวก ...เธอเขียนในกระดาษ ดูแลปลาทองของเธอด้วย เธอก็ให้กุณแจห้องแก่เหมา

เหมาเข้าไปในห้องของเธอ ...มันคือสตูดิโอดูหนัง ดีดีนี้เอง มีรูปดาราในอดีต หนังเก่าๆตริม ...และมันก็เป็ฯสิ่งที่เหมารักด้วยเช่นกัน เหมากะดูหนัง ...เหมาเปิดอ่านไดอารี่ของเธอ ....และเหมากะรู้ว่าเธอคือใคร...ทำไมเธอถึงหูหนวก ....และเหมากะได้พบกล้องส่องทางไกลของเหมาที่เคยให้หลิงหลิงตอนเด็กๆไว้ อยู่ตรงระเบียงดาดฟ้า...เหมาส่องดู ..เหมาเห็นบ้านลุงปิง และแม่ของหลิงๆๆ กำลังอยู่ด้วยกัน แก่แล้วอะ ...และเหมาเริ่มเข้าใจ

มันคือความทรงจำประทับใจตอนเด็กๆของเหมาและหลิงหลิง เหมาย้ายมาจากเมืองอื่น เป็ฯเด็กซ้ำชั้น ชอบแกล้งหลิงหลิง และขโมย กล่องฟิลม์เล็กๆน่ารักๆ(ที่หลิงหลิงนึกว่าเป็นพ่อของเธอ)ไป หลิงหลิงกะตามไปทวงคืน แต่เหมาก็ไม่ให้ เหมาแกล้งหลิงหลิง จนหลิงหลิง ร้องไห้ ...ไปฟ้องพ่อเหมา ...พ่อเหมา ไล่ตีเหมา อย่างโหดโหด เลยอะ ...หลิงกะสงสาร อย่าทำเหมา อย่าทำเหมา

Source : //image2.sina.com.cn/ent/d/2005-05-10/U105P28T3D719647F326DT20050510144818.jpg

หลิงหลิงกะพาเหมาไปหาแม่หลิงหลิง ทำแผลให้เหมา เหมาเล่าว่า เวลาเค้าถูกพ่อตี เค้าจะนึกถีงในหนัง โอ๊ยเจ็บ โอ๊ย สลบ ...มันคือการมองโลกในแง่ดีของเหมา
เหมากะขออยู่บ้านแม่หลิงหลิง ตอนนี้เหมาไม่อยากกลับบ้านกลัวพ่อตีอะ จากเหมาเป็นเด็กสกปรกมอมแมม แม่หลิงหลิงกะเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้เหมา พาเหมาไปดูหนังกางแปลง หรือไปหาลุงปิงคนเปิดหนังในหมู่บ้าน ที่ชอบแม่หลิงหลิงอะ หรือบางที พาเหมากะหลิงหลิงขึ้นรถบัสเข้าไปในเมือง เพื่อซื้อตั๋วดูหนังโรง ....ตั๋วกะดันเต็มซ๊ะก่อน

บางทีเหมากะหลิง เล่นกันสองคน มีเด็กอันธพาล มาก่อกวน ...หลิงหลิงไม่ยอม เธอพร้อมจะสู้ แต่เหมา... เอาเหอะ หลิงหลิงช่างเหอะ ไปเล่นที่อื่นเหอะ ..หลิงหลิงกะไม่ยอม ชั้นมาเล่นก่อน...เหมากะโดนเด็กอันธพาลรุมทำร้าย เหมาได้โอกาส รีบพาหลิงหลิงหนีไป เด็กอันธพาลกะตะโกนด่าเหมา เด็กไม่สู้คน เอาเปรียบผู้หญิง ....เหมาบอกกับหลิงหลิง เอาน่า อย่าไปใส่ใจ อย่าไปสนใจเลย ...หลิงหลิงมาดูนี้ดีกว่า ...เหมาพาหลิงๆปีนไปบนดาดฟ้า เอากล้องส่องทางไกลให้หลิงหลิงดูหนัง ตั้งแต่นั้นมามันเป็นมุมดูหนังสุดโปรด ที่ดีที่สุดของเด็กทั้งสองคน

และพ่อของเหมากะมาตามเหมากลับบ้าน เหมาไม่อยากไป มีการยื้อฉุดกระชากเหมา ระหว่างพ่อเหมากะแม่หลิงหลิง ...เหมาถึงกับกอดเอวแม่หลิงหลิง และบอกว่า แม่ครับช่วยผมด้วย แต่ในที่สุดเหมากะไปกับพ่อครับ เอาละครับผมจะไปกินเกี้ยวกะพ่อที่บ้านแต่โดยดี ..และพ่อเหมากะไม่ตีเหมาอะ

และเหมากะถูกย้ายไปอยู่ที่อื่นไกลไกล เหมาได้ให้กล้องส่องทางไกลดูหนังแก่หลิงหลิง หลิงหลิงและแม่หลิงหลิง รีบไปตามเหมาที่สถานนีรถไฟแต่ก็ไม่ทันแล้วอะ

Source ://image2.sina.com.cn/ent/d/2005-05-10/U105P28T3D719648F326DT20050510144828.jpg

แม่หลิงหลิง กะแต่งงานกับลุงปิง หลิงๆๆกะไม่ชอบ บอกว่าพ่อของหลิงหลิงคือ ดาราภาพยนต์ ไม่นานหลิงหลิงกะมีน้องชายขึ้นมา มันเป็ฯเรื่องธรรมดา สำหรับพี่น้องชาวจีนโบราณ ที่ให้ความสำคัญมากกว่าลูกสาว ...หลิงหลิงมองว่าตัวเองหมดความสำคัญไป เพราะไปเรียนการแสดงมันคือความฝันอันสูงสุดของแม่หลิงหลิง แม่กะเลยให้น้องชายเข้าเรียนที่นี้ก่อน เพราะตังค์ไม่พอ ...หลิงหลิง กะพาน้องชายของเธอไปปล่อยตามถนน ลุงปิงกะตามหา และเจอน้องชายหลิงหลิง จนดึกเลยอะ

น้องชายหลิงหลิงกลับบอกว่า ผมไปเที่ยวเองแหละครับและหลงทางกะพี่เค้า....และมันเป็นครั้งแรก ที่หลิงหลิง ได้สัมผัส ใกล้ชิดกันมากขึ้นกับน้องชายของเธอ

และทีวีกะเข้ามาแทนที่ หนังกลางแปลง คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้าย ของการฉายหนังกางแปลงในหมู่บ้าน แม่หลิงหลิงไม่ให้หลิงหลิงไป เพราะพรุ่งนี้จะสอบ และน้องชายหลิงหลิง กะบอกแม่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ กะเอากุญแจ ไขเข้าบ้าน พาหลิงหลิง ออกมาดูหนังกลางแปลง

เด็กทั้งสองคน ดัน ไปดูบนดาดฟ้า ที่ที่หลิงหลิง และเหมาเคยดูด้วยกัน....น้องของหลิงหลิงพลัดตกดาดฟ้าลงมาตาย ...ลุงปิง โกรธมาก ตบหลิงหลิงจนหูหนวก และหลิงหลิงกะหนีออกจากบ้านไป

Film ตัดมาที่ หลิงหลิงอยู่ในอาการช๊อคอยู่โรงพยาบาลประสาท ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว และเหมาก็ไปตามลุงปิง แม่หลิงหลิงเพื่อไปหาหลิงหลิง ลุงปิงบอกว่า ช่วงหลังมีคนส่งตังค์มาให้ลุงปิงกะแม่หลิงหลิงใช้บ่อยๆๆ และ น้องหมาให้มาเลี้ยงด้วย จู่ๆน้องหมากะได้ตายอะ

หลิงหลิงให้การกับตำรวจว่า เหมาขับจักรยานชนกองอิฐล้มทับ น้องหมาของเธอตาย เธอเลยโมโห เอาอิฐตีหัวเหมา และเอาอิฐทุบจักรยานอะ

Source ://image2.sina.com.cn/ent/d/2005-05-10/U105P28T3D719649F326DT20050510144831.jpg

ลุงปิงและแม่หลิงหลิง เตรียมเครื่องฉายหนังกลางแปลงไปให้หลิงหลิงดู และความทรงจำ ความรู้สึกดีดี ก็ได้เกิดขึ้นกับใครหลายๆๆคน ....พร้อมทั้งเหมาได้มอบ กล่องฟิลม์เล็กๆๆน่ารักๆๆคืนแก่หลิงหลิง

อันนี้เอามาจาก Siamzone อะ
source ://www.siamzone.com/movie/m/2924/trivia
เซียวเจี้ยง ผู้กำกับหญิงไฟแรง เกิดทางตอนเหนือของจีนในปี 1972 ท่ามกลางการปฎิวัติทางวัฒนธรรม เธอเลือกเรียนทางด้านการละคร และกะสถานบันด้านภาพยนต์ของปักกิ่ง ก่อนที่ทำงานในวงการโทรทัศน์

เรื่องนี้เป็นFilm เรื่องแรกของเธอ

ที่นี้ลองดูกับ CLASSIC MOVIE: Cinema Paradiso (1988)

ขอยกบทความรีวิว ของ cinemagonline //www.cinemagonline.com/ticket_detail_new.php?id=222 ดูอะ เค้าให้ 5 ดาวเลยอะ เรื่องนี้อะ

อิตาลีถือเป็นประเทศหัวแถวในวงการหนังระดับโลก...

Trailer - Cinema Paradiso

ผู้อำนวยการสร้างอย่าง Carlo Ponti, Dino De Laurentiis, Alberto Grimaldi เป็นผู้นำหนังเมืองมะกะโรนีสู่ระดับอินเตอร์ เช่นเดียวกันกับที่คนดูหนังรู้จักผู้กำกับดังอย่าง Federico Fellini, Luchino Visconti, Roberto Rossellini หรือที่ร่วมสมัยหน่อยก็ Bernardo Bertolucci

นางเอก Sophia Loren ก็เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ทั้งความสวยและฝีมือทางการแสดง แม้กระทั่งโรงถ่าย Cinecitta Studios ที่ตั้งอยู่นอกกรุง Rome ก็โด่งดังเพราะเป็นสถานที่สร้างฉากสนามแข่งรถม้ามโหฬารในหนัง 11 ตุ๊กตาทอง Ben-Hur (1959)

เมื่อสิ้นยุคของนักสร้างหนังเหล่านี้ ความรุ่งเรืองของวงการหนังอิตาเลียนพลอยสิ้นสุดตามด้วย

แต่เมื่อผู้กำกับ Giuseppe Tornatore ทำหนัง Cinema Paradiso (1988) วงการหนังอิตาเลียนกลับสว่างไสวอีกครั้ง หนังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม คว้ารางวัลตุ๊กตาทองภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ทำเงินรายได้เกิน $10 ล้านในสหรัฐอเมริกา ถือว่ามากไม่ใช่น้อยในตลาดที่ไม่นิยมดูหนังไม่พูดภาษาอังกฤษ

แต่กว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ หนัง Cinema Paradiso ที่อำนวยการสร้างโดย Franco Cristaldi ผ่านวิบากกรรมมาเยอะ หนังฉบับที่ฉายในอิตาลีมีตั้ง 3 เวอร์ชัน!!

พล็อตหลักของ Cinema Paradiso เป็นเรื่องราวความผูกพันระหว่างตาเฒ่า Alfredo นักฉายหนังประจำโรงหนังในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งบนเกาะ Sicily กับเด็กชาย Salvatore (Toto) ผู้หลงใหลหนังเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านนานแค่ไหน ความผูกพันของทั้งคู่ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

แต่นักดูหนังไม่น้อยกลับประทับใจในรายละเอียดเกี่ยวกับอารมณ์และประวัติศาสตร์เกี่ยวกับหนัง ที่เป็นแบ็กกราวด์ของเรื่อง

หนังเปิดเรื่องด้วยอารมณ์เหงาหงอย กระถางต้นไม้ใบเขื่องแต่ว่างเปล่าตั้งบนริมระเบียง หันหน้าไปยังท้องทะเลสงบเงียบปราศจากคลื่นลม กล้องถอยออกมาช้าๆจนเห็นหญิงชราพยายามต่อโทรศัพท์หา Salvotore บุตรชายที่อยู่ที่กรุง Rome

หนังตัดกลับมาที่ Rome ยามค่ำคืน Salvatore ชายหนุ่มวัยกลางคนกำลังขับรถกลับบ้าน เมื่อถึงห้องพักใหญ่โตหรูหรา ผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยบอกว่า แม่ของเขาโทรศัพท์มาหา บอกว่าคนชื่อ Alfredo เสียชีวิต พิธีศพจะจัดในวันรุ่งขึ้น

Salvatore อึ้งเมื่อทราบข่าว จะข่มตาอย่างไรก็ไม่หลับ ทำไมข่าวการจากไปของ Alfredo กระทบความรู้สึกของเขามากขนาดนั้น!?

หนังย้อนเวลากลับไปยังช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งสงบหมาดๆ ณ เมืองเล็กๆบนเกาะ Sicily ที่ขาดแคลนแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค รวมไปถึงชายฉกรรจ์ ที่ส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปทำสงคราม มีเพียงโรงหนังชื่อ Cinema Paradiso ให้บริการความบันเทิงผู้คน โดยมี Alfredo เป็นคนฉายหนัง...เพียงคนเดียว!!

ขณะที่เด็กชาย Toto ที่ทั้งน่ารัก ฉลาดแบบเจ้าเล่ห์ ชนิดที่ผู้ใหญ่อย่าง Alfredo บางครั้งตามแทบไม่ทัน แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่า เด็กชาย Toto รักหนังเป็นชีวิตจิตใจ

ความที่รักหนังเหมือนกัน สุขที่ได้ขลุกอยู่ในโรงหนังเหมือนกัน ดูหนังเรื่องเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้เบื่อเหมือนกัน ทำให้มิตรต่างวัยคู่นี้เจอกัน ต่างเติมชีวิตกันและกันให้เต็ม

Alfredo แม้มีภรรยา แต่ไม่มีลูก ขณะที่พ่อของ Toto ถูกส่งไปรบในรัสเซียตั้งแต่เจ้าหนูน้อยยังไม่รู้ความ ลึกลงไปในหัวใจของ Alfredo เขารู้สึกตัวเองเหมือนเป็นพ่อ Toto พยายามส่งเสริมเด็กให้มีอนาคตมั่นคง ไม่ดักดานไร้ความก้าวหน้าในเมืองบ้านนอกคอกนาเหมือนเขา

คืนวันหนึ่ง ขณะที่ Alfredo ใช้ภาพมายาบนแผ่นฟิล์มสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมทั้งในและนอกโรงหนัง เกิดไฟไหม้ห้องฉาย เนื่องจากฟิล์มหนังสมัยก่อนไวไฟ พระเพลิงนอกจากจะเผาผลาญโรงหนัง Cinema Paradiso จนราบเรียบ Alfredo ยังสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างขณะพยายามดับไฟ ดีที่ Toto ช่วยชีวิตเขาได้ทัน

ความพิการทางสายตาทำให้ Alfredo ไม่สามารถทำหน้าที่คนฉายหนังได้อย่างสมบูรณ์เหมือนเคย เด็กชาย Toto ที่เรียนรู้วิธีการร้อยฟิล์มเข้าเครื่องฉายแบบครูพักลักจำจาก Alfredo เข้ารับหน้าที่แทน

ตำแหน่งคนฉายหนังหนึ่งเดียวประจำเมืองสร้างความพึงพอใจอย่างมากให้กับเด็กน้อยผู้รักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ
เวลาผ่านไป Toto เติบใหญ่จากเด็กเป็นหนุ่มรูปหล่อ แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน เขายังเป็นคนฉายหนังที่โรงหนัง Nuovo Cinema Paradiso ซึ่งสร้างใหม่หลังเพลิงไหม้ และเฒ่า Alfredo ก็ยังแวะเวียนไปพูดคุยเป็นเพื่อน Toto ที่ห้องฉายเช่นเดิม

แม้มองไม่เห็นด้วยดวงตา แต่หัวใจของ Alfredo รู้ว่า หนุ่ม Toto กำลังมีความรัก...

แล้วก็มาถึงวันที่ Toto กับ Alfredo ต้องพลัดพรากจากกันก็มาถึง ชายหนุ่มถูกเกณฑ์ทหาร นี่คือจุดเริ่มต้นความเจ็บปวดครั้งยิ่งใหญ่ของ Alfredo และเป็นจุดหักเหสำคัญของชีวิตที่ Toto ไม่เคยคิดมาก่อน!!

หลังปลดประจำการ Toto กลับบ้าน เพื่อมาพบว่าสาวคนรักจากไปแล้ว ตัวเขาเองกลายเป็นส่วนเกินของเมือง คนรู้จักมักคุ้นหายหน้า ห้องฉายหนังถูกคนอื่นยึดครอง

Alfredo คนที่เคยเล่าเรื่องอัศวินพิสูจน์รัก 100 วันใต้หน้าต่างสาวคนรักรู้ว่าต้องทำหน้าที่พ่อ Toto อีกครั้ง แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มรักที่จะสร้างความสุขให้กับผู้คนด้วยการเป็นคนฉายหนัง แต่เพราะไม่ต้องการให้ Toto ใช้ชีวิตจมปลักตลอดชาติในห้องฉายแคบเช่นเขา Alfredo ขอให้ Toto ทิ้งเมืองบ้านเกิด ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า ไม่ต้องเขียนจดหมายกลับมา ไม่ต้องคิดถวิลหาอดีต มองแต่อนาคตรุ่งโรจน์ข้างหน้า

Toto ทำตามที่ Alfredo บอกอย่างเคร่งครัด เขาเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่กรุง Rome กลายเป็นนักสร้างหนังชื่อดัง ไม่คิดถึงความหลัง จนกระทั่ง รู้ว่า Alfredo ตายแล้ว!!

ความสำเร็จของหนัง Cinema Paradiso คือความสำเร็จของผู้กำกับ Giuseppe Tornatore บทหนังที่เขาเขียนเล่าเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม ถ่ายทอดอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนต่างวัยได้อย่างซาบซึ้งประทับใจ

Philippe Noiret ดารารุ่นเก๋าชาวฝรั่งเศสแสดงเป็น Alfredo ได้อย่างเหมาะเจาะ Alfredo เป็นคนแก่ใจดี รัก Toto เหมือนลูก ทำทุกอย่างให้ชีวิตลูกเจริญก้าวหน้า ผลักดันลูกให้ก้าวเดินตามแนวทางของตัวเอง คอยให้กำลังใจ ให้ลูกกล้ายืนหยัดด้วยขาของตัวเอง

Salvatore Cascio ที่แสดงเป็น Toto วัยเด็ก สร้างสีสันและความน่ารักให้กับหนังได้มากโข ชีวิตในวัยเด็กของ Toto เต็มไปด้วยชีวิตชีวา สดใส แม้สภาพรอบข้างช่วง

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเป็นอะไรที่ตรงกันข้าม Toto วัยเด็กทั้งน่ารักน่าชัง และน่าหยิกเพราะความเจ้าเล่ห์ สาเหตุที่ Toto หรือเด็กอีกมากมายเป็นเช่นนี้มาจากสงคราม พ่อถูกส่งไปเป็นทหาร แม่ต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงครอบครัว เด็กต้องรู้จักดูแลตัวเอง ขืนรอความช่วยเหลือจากคนอื่น มีหวังอดตาย

แม้วัยจะต่างกันมาก แต่ทั้ง Noiret และ Cascio กลับเล่นเข้าคู่กันอย่างวิเศษ!

สารพัดรายละเอียดมีมากมายในหนัง ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายถึงสภาพสังคมอิตาเลียนในช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 ความขาดแคลนปัจจัยทุกด้าน การไม่รู้หนังสือ สุขอนามัยติดลบ เด็กถูกจับโกนหัวกันเหา ถูกจับอาบน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผู้หญิงรอคอยคนรักกลับจากสงคราม แม้จะรู้ว่าอาจเป็นการรอคอยลมๆแล้งๆ ความบีบคั้นยากแค้นให้กายและใจทำให้หลายครั้งต้องหันไประบายกับลูก ผู้ใหญ่หลายคนต้องกระมิดกระเมี้ยนเดินเข้าห้องสอบร่วมกับเด็กเล็กๆ

ความขัดแย้งทางความคิดการเมืองก็มีให้เห็น ไม่มีที่ว่างสำหรับพวกสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ ความบาดหมางระหว่างคนอิตาเลียนทางเหนือกับทางใต้มีให้เห็นเป็นกระสาย ชาวบ้านที่ถูกลอตเตอรีจนกลายเป็นเศรษฐี แล้วเอาเงินมาลงทุนทำโรงหนัง Nuovo Cinema Paradiso มาจากเมือง Naple ขณะที่ชาวบ้านยากจนเป็นชาว Sicilian ทางใต้

และที่ไม่รู้ ก็ได้รู้จาก Cinema Paradiso คือธุรกิจหนังในอิตาลีช่วงหลังสงคราม คริสตจักรโรมันคาทอลิกมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โรงหนังเป็นของวัด เพราะวัดมีสตางค์ สภาพโรงหนังจึงคล้ายวัดกลายๆ เจ้าอาวาสนอกจากประกอบพิธีทางศาสนา ยังทำหน้าที่เซ็นเซอร์หนังด้วย ฉากชายหญิงจูบกันเป็นสิ่งต้องห้าม มีโทษตัดสถานเดียว

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยนตาม เมื่อโรงหนังเดิมถูกไฟใหม้ เอกชนเข้ามาลงทุนสร้างโรงใหม่ อำนาจการเซ็นเซอร์เปลี่ยนมือจากวัดมาอยู่กับฆราวาส การเซ็นเซอร์ฉากชายหญิงจูบกันจึงถึงแก่กาลอวสาน

คนดูหนังได้ดูสิ่งที่อยากดูมานานซะที!!

Cinema Paradiso ยังแสดงให้เห็นวิวัฒนาการของโรงหนังและการฉายหนังในอิตาลี เริ่มจากสภาพโรงที่มีแค่พัดลมดังหึ่งก็ถือว่าสุดหรู เมื่อคนดูหนังมากขึ้น ต้องฉายพร้อมกันมากกว่า 1 โรง ระบบการวิ่งหนังได้แจ้งเกิด ฟิล์มจากโรงที่ฉายเสร็จถูกส่งขึ้นรถจักรยานปั่นไปส่งอีกโรงที่รออยู่ วันไหนหนังวิ่งไม่ทัน จอหนังต้องปล่อยขาว วันนั้นเป็นเรื่อง เมื่อเข้าหน้าร้อน เจ้าของโรงก็ยกจอยกเครื่องฉายมาฉายหนังกลางแปลง รับลมเย็นนอกโรง

ครั้งหนึ่ง บ้านเราก็ไม่ต่างจากที่เห็นในหนัง!?

จุดร่วมระหว่างผู้กำกับ Tornatore, Cinema Paradiso และผู้ชมทั่วโลกคือ หนังเปรียบเหมือนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หนังคือทุกอย่างของชีวิต แม้ Toto ก็รับรู้ชะตากรรมของพ่อบังเกิดเกล้าจากหนังข่าว โรงหนังคือศูนย์กลางของชาวบ้าน มาพบปะสังสรรค์ มาสนุกสนาน เป็นที่ชายหญิงพบรัก เป็นที่ซึ่งผู้คนเรียนรู้สัจธรรมของชีวิต คอหนังเจ้าประจำกับเก้าอี้ตัวเดิม แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาเสียชีวิต เก้าอี้ตัวเดิมว่างเปล่า มีเพียงช่อดอกไม้รำลึกถึงผู้ที่จากไปวางอยู่

Tornatore ทำหนังด้วยอารมณ์ขัน มองทุกอย่างในแง่ดี จึงไม่ประหลาดใจที่เมื่อดูหนังจบ บางที...ความรู้สึกในแง่ลบที่เคยมีกับคนดูไปเล่าไป คู่รักที่เข้าไปจู๋จี๋ในโรง หรือคนที่อุ้มลูกจูงหลานเข้าไปกระจองอแง อาจเปลี่ยนไป?

เพราะโรงหนังคือสวรรค์หลากรูปแบบที่ต่างคนต่างแสวงหา

Toto ตัดสินใจละเมิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับ Alfredo เขารีบกลับบ้านเพื่อร่วมพิธีศพคนที่เขาทั้งรักและเคารพ

Source ://dearcinema.com/wp-content/uploads/2008/01/nuovo_cinema_paradiso.jpg

เมืองเล็กบ้านเกิดของ Toto เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จตุรัสใจกลางเมืองที่เคยเป็นท่าว่างโล่งแออัดจอแจด้วยสารพัดรถยนต์ โรงหนังเก่า Nuovo Cinema Paradiso ที่เคยเป็นสวรรค์ของชุมชนปิดร้างเลิกกิจการ รอเวลาถูกระเบิดทิ้งเพื่อทำที่จอดรถ สภาพของมันไม่ต่างกับ Alfredo ที่ไร้ลมหายใจ เหลือเพียงผู้สูงวัยแค่หยิบมือที่รู้จัก

ท่ามกลางซากปรักหักพังจากอดีต Toto สัมผัสถึงสารพัดความสุขที่ผ่านมา แม่ยังคงเก็บสมบัติบ้าทั้งหลายของเขาไว้ เมื่อกลับมานั่งดูหนัง 8 มม.ที่แอบถ่ายภาพสาวคนรัก ความตื้นตันกลับมาเกาะกุมหัวใจ

และเมื่อรู้จากความจริงจากภรรยาของ Alfredo ว่า ตาเฒ่าไม่ต้องการให้แจ้งข่าวการตายของเขาให้ Toto รู้ เพราะกลัวเขาจะกลับมาบ้านเกิด หนุ่มใหญ่ Toto อึ้ง

ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ Alfredo ฝากไว้ ทำให้ Toto น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสุข เมื่อรู้ว่า Alfredo รักเขามากเพียงใด

สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย มนุษย์ไม่อาจขัดฝืน อย่างเก่งก็แค่เก็บเกี่ยวความทรงจำไว้ในหัวใจ กลับไประลึกถึงบ้างบางครั้ง ไม่ให้อดีตถ่วงรั้งปัจจุบัน นี่คือสิ่งที่ Alfredo พยายามบอก Toto

เพราะมีแต่คนเสียสติที่อยู่ติดกับสิ่งเดิม ไม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลง!!

Marco Leonardi รับบท Toto วัยหนุ่ม ที่มองชีวิตด้วยความสดใส และ Jacques Perrin รับบท Toto วัยผู้ใหญ่ที่มีแต่ความเคร่งขรึม ปราศจากรอยยิ้ม สะท้อนภาพชีวิตที่เหงาหงอยว้าเหว่ในกรุง Rome แม้จะมีหญิงเคียงข้าง แต่น้ำเสียงของเธอไม่ปรากฏความห่วงใยจริงใจต่อ Toto ตรงตามที่แม่ของเขาพูดไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม

ดาราประกอบยอดเยี่ยมทุกตัว: Leopoldo Trieste แสดงเป็นบาทหลวง Adelfio ที่แม้ออกอาการเอือมระอากับความดื้อความเจ้าเล่ห์ของเด็กชาย Toto แต่ลึกลงไปในหัวใจ ท่านให้ความรักความเมตตากับเด็กวัดคนนี้อย่างมาก, แม่ของ Toto ที่วัยสาวแสดงโดย Antonella Attili และวัยชราแสดงโดย Pupella Maggio หน้าตาของทั้งคู่คล้ายกันมากยังกับเป็นคนเดียวกันแต่ต่างวัย แฟนสาววัยรุ่นของ Toto ก็สวยจนชายต้องเก็บไปฝัน รวมไปถึงชาวบ้านชาวช่องที่มาร่วมแสดง ต่างมีแคแรกเตอร์เฉพาะ ช่วยสร้างสีสันหลากหลายให้หนัง

cinema paradiso

องค์ประกอบของหนังกลั่นกรองจากมันสมองของทีมงานฝีมือระดับเทพ ดนตรีประกอบของ Ennio Morricone ทิ้งความตึงตังแบบหนังแอ็กชั่นมาเป็นนุ่มหูโรแมนติก แล้วก็ทำได้ดีจนเป็นดนตรีประกอบแคลสสิกอีกชิ้นของเขา, love theme ชวนฝัน ให้ทั้งอารมณ์เศร้าเหงาและตื้นตันประทับใจ เป็นผลงานของ Andrea Morricone บูตรชายของ Ennio, ผู้กำกับภาพ Blasgo Giurato แสดงตัวตนความเป็นหนังยุโรปให้เห็นผ่านภาพ ตั้งกล้องนิ่ง ถ่ายคัตยาว ปล่อยให้กล้องจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ลีลาการถ่ายหนังแบบนี้ นอกจากต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการจัดแสงเลือกมุมกล้อง ยังต้องประณีตบรรจงกับฉากหลังซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของภาพ

และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ Mario Morra คนตัดต่อ ที่ผสานเรื่องราวในปัจจุบันเข้ากับอดีตอย่างนุ่มนวล โดยอาศัยองค์ประกอบเล็กๆน้อยๆรอบข้างเป็นตัวเชื่อม

Cinema Paradiso เป็นหนังหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ย้อนกลับดูได้หลายเที่ยวไม่เบื่อ ไม่ถูกจำกัดด้วยการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา

Source :
://movies.nytimes.com/2005/12/16/movies/16shad.html
//ent.sina.com.cn/m/f/f/dyws/
//en.wikipedia.org/wiki/Electric_Shadows

Create Date : 04 มกราคม 2552

Last Update : 4 มกราคม 2552 20:53:30 น.

4 comments

Counter : 2286 Pageviews.

โดย: Shallow Grave

วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:9:02:17 น.

Cinema Paradiso เกิดทันค่ะ แบบทันแบบฉิวเฉียด แต่ยังไงก็ทันช่อง 7 ที่มาฉายแล้วฉายอีกแหล่ะค่ะ

ดูกันอ่วมเลยค่ะ ช่อง 7 ฉายแล้ว ฉายอีก อิ อิ อิ

ส่วน Electric shadows ไม่เคยได้ยินเลยค่ะ เพิ่งทราบจากบล็อคคุณ Bernadette นี่แหล่ะค่ะ แหม มีเวอร์ชั่น เด็กผู้หญิงด้วย น่ารักจริงๆ

วันนี้มาสวัสดีปีใหม่กับคุณ Bernadette ด้วยค่ะ
ขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่ีปีนี้นะคะ
ขอให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงค่ะ
ขอให้รวยๆ เฮงๆ ไม่เจ็บ ไม่จน ด้วยนะคะ

สวัสดีปีวัวค่ะ

โดย: Shallow Grave วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:9:02:17 น.

ตอบ Cinema Paradiso อยากดูงะ เราคงได้เขียนอีกมุมมองหนึ่งอ่า บางคนกะบอกว่า มันเป็นยุคเซ็นเซอร์หนังกะมี เรามองว่า มันคือ การคาบเกี่ยวการเปลี่ยนแปลงแห่งยุควัฒนธรรมอ่า

Electric shadows ดูแล้วรับรองชอบแน่งะ ใสใส ซื่อๆๆ น่ารักน่ารัก แบบตะวันออกจีนจีน เราชอบงะ

ได้ดูหนังจีนยุคต้นๆๆที่เค้า เอามาตัดต่อ ตอนเด็กสองคนดูหนังงะ น่ารักม๊ากกกก

ปีใหม่ขอให้คุณ: Shallow Grave ได้รับพร จ้า พรซื้อกานนมะได้ ขอให้
ขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่ีปีนี้นะคะ
ขอให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงค่ะ
ขอให้รวยๆ เฮงๆ ไม่เจ็บ ไม่จน ด้วยนะคะ

สวัสดีปีวัวค่ะ

เช่นกานนจ้า

โดย: Bernadette

วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:11:17:16 น.

เจอบล็อกนี้โดยบังเอิญค่ะ
ชอบอ่าน โดยเฉพาะเกี่ยวกับศิลปะ
ไว้แวะมาใหม่ค่ะ

โดย: ostojska

วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:7:46:54 น.

เจอบล็อกนี้โดยบังเอิญค่ะ
ชอบอ่าน โดยเฉพาะเกี่ยวกับศิลปะ
ไว้แวะมาใหม่ค่ะ

โดย: ostojska วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:7:46:54 น.

ตอบ ชอบชอบ ศิลปะ งั๊บบบบ ศิลปะ ไม่มีพรมแดน งั๊บบบ

โดย: Bernadette

วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:9:55:04 น.