สวัสดี ณ สีชัง
"เกาะสีชัง" และแล้วเราก็มาถึงจนได้ หลังจากแพลนกันมาหลายครั้ง ตรงกับวันหยุดพอดี หาเรื่องคลายเครียดโดยการเที่ยวเปิดหูเปิดตาสู่โลกกว้าง ๆ ใบนี้ต่อละกัน เราเดินทางกันในสาย ๆ ของวันหนึ่งไปถึงท่าเรือเกาะลอยราวเที่ยงเห็นจะได้ จัดการจอดรถไว้บริเวณสวนสาธารณะเกาะลอย คุ้นว่าเคยมาเกาะลอยแต่คงนานมากจนจำไม่ค่อยได้ ว่าแต่เก่าก่อนเคยเป็นเช่นที่เห็นหรือไม่ ฝนเริ่มพรำ ๆ แล้วสิ เห็นเจ้านกสีขาว (ไม่รู้จักชื่อ) เยอะมากกำลังหาอาหารการกินอยู่ริมฝั่ง เสียดายไม่ได้เก็บภาพเอาไว้ เรือใกล้จะออกพอดี ผู้โดยสารเต็มลำ ฝนเริ่มตกเยอะขึ้น ยังมีผู้คนทยอยกันเดินทางมาเรื่อย ๆ จับจองหาที่นั่งบนเรือ เราเลือกที่จะนั่งข้างบนเพื่อซึมซับสัมผัสกับบรรยากาศรอบ ๆ ขณะเดินทาง ระหว่างทางเห็นเรือสินค้าลำใหญ่ ๆ จอดเรียงราย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที เป็นครั้งแรกสำหรับที่นี่ เคยเห็นแต่ในภาพ อยากลองมาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบวังเวียงบนเกาะ ดูบ้างว่าจะเป็นเช่นไร :) เราเลือกการท่องเที่ยวบนเกาะด้วยการเช่ามอเตอร์ไซด์กัน 1 วัน 1 คืน ตอนแรกกะว่าจะไปสกายแลปแต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและจะได้มีเวลาในการจอดในจุดต่าง ๆ ด้วย ไม่ได้จองที่พักไว้ก่อน คิดว่าเป็นวันธรรมดาที่พักคงไม่เต็ม มีที่พักให้เลือกมากมาย แต่เลือกพักที่ "สีชังรีสอร์ท" เนื่องจากพระอาทิตย์จะตกบริเวณช่องเขาขาด สามารถเดินไปชมได้ใกล้ ๆ พอเก็บข้าวของเสร็จลองเดินไปชมบรรยากาศช่วงบ่าย ๆ ท้องฟ้า ทะเล คลื่นกระทบฝั่ง สายลม แสงแดด ... "แหลมวชิราวุธ" เล็ง ๆ ไว้ช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกบริเวณนี้คงจะสวยดี มีโขดหินด้านล่าง เห็นคนมาตกปลาอยู่สองคน ตกกันคนละมุม ชิล ๆ กันเชียว บ่าย ๆ ฝนเริ่มโปรยปราย เอาล่ะหว่างานนี้สงสัยพระอาทิตย์ไม่ตกให้เห็นเป็นแน่แท้ ไม่เป็นไร ได้บรรยากาศแบบฝน ๆ แทน ^^ มีศาลาชมวิวอยู่ด้านบน เดินขึ้นไปดูวิว สูดบรรยากาศดี ๆ ตอนเย็น ๆ ฟ้าหลังฝนก็สดชื่นไปอีกแบบ สะพานวชิราวุธ ทอดยาวลงไป มีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนยังทำไม่เสร็จให้เกะกะสายตาบ้าง คาดว่าคงทำเป็นจุดชมวิว เสียดายถ้าไม่มีคงจะสวยกว่านี้ กวาดสายตามาทางด้านซ้าย จะเห็นวิวอีกด้านและต้นไม้ต้นหนึ่งเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล แถวนี้เป็นแนวหินโดยรอบ เหมาะกับการชมอย่างเดียวเล่นน้ำไม่ได้ สำหรับวันว่างกับสถานที่ใกล้ ๆ บรรยากาศการมาเที่ยวเกาะสะดวกสบาย ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค เกาะสีชังถือว่าเหมาะมาก ๆ ตกเย็นเราวนไปในตลาดซึ่งก็อยู่ใกล้ ๆ กับท่าเรือที่เราขึ้นมานั่นเอง เกาะสีชังวนแป๊บเดียวก็กลับมาที่เดิมแล้ว อาหารแบบชาวบ้าน อร่อยดีค่ะ ราคาแบบมิตรรักแฟนเพลงเลยที่เดียว ไม่ได้ไปลิ้มลองอาหารทะเลกะเค้าหรอก อิอิ ประหยัดงบ เช้าของอีกวัน เราเข้าไปในเขตของ "พระจุฑาธุชราชฐาน" ที่นี่ต่างจากพระราชวังทั่วไป ด้วยอนาเขตอันกว้างขวาง พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยต้นลีลาวดีน้อยใหญ่ มีสีส้ม ๆ แดง ๆ ของหางนกยูงสลับสับเปลี่ยนกันไป ก่อนเราจะเข้าไปในอนาเขตวัง ด้านหน้ามีเจ้าหน้าที่แจกโบชัวร์แผนที่การเดินชมภายในวัง และก็อาสาสมัครเด็ก ๆ พาชมวัง แต่ด้วยความที่อยากใช้เวลาในการถ่ายรูปด้วยเลยไม่ได้ใช้บริการจากน้อง ๆ เค้า พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางค์นิมิตร พระอุโบสถแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นไกล ๆ จากริมทะเลด้านล่าง พระอุโบสถอยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ส่วนตัวพระอุโบสถสร้างแบบสถาปัตยกรรมโกธิค เลยจากพระอุโบสถขึ้นไปสามารถขึ้นไปชมวิวสวย ๆ รอบพระราชฐานและทะเลนั่งพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยลงมา ^^ หลังจากขึ้นไปชมวิวด้านบนมาแล้ว มาชมด้านล่างกันต่อ เดินมาเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงนกร้อง หันไปตามเสียงมันกำลังย่องหาอาหาร แล้วก็บินโฉบไป เดินไปตรงไหนก็เจอเจ้าต้นลีลาวดี ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว มีสีชมพูมาแซม ๆ บ้าง รูปทรงสวยแตกต่างกันไป บ้างก็อายุเป็นร้อยปี บ้างก็คงอายุไม่กี่ปี จับเจ้าดอกที่ร่วงหล่นลงพื้นมาเรียง ๆ ก็สวยดี :) ธรรมชาติของที่นี่ยังพบสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ๆ ทั่วไป มด กิ้งก่า กิ้งกือ นก และตัวอะไรไม่รู้สีแดง ๆ คงเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ เดินไปเดินมาเดี๋ยวก็เจอ ป้ายบอกทางและระยะทาง เดินไปตามป้ายได้เลย ต้นไม้ปลูกเรียงรายมองออกไปด้านหน้าของริมทะเล มีเก้าอี้จัดวางให้นั่งพักผ่อนตลอดแนว บรรยากาศรอบ ๆ สีสันของดอกไม้ ประภาคาร เรือนสีเขียว ใต้ร่มไม้ใหญ่ สะพานอัษฎางค์ ทางเดินสู่ชายหาด ฟ้าครึ้มมาอีกแล้ว มาเอาหน้าฝนก็ต้องเจอฝนเป็นธรรมดา คิดในทางที่ดีคือ อากาศไม่ร้อน อาศัยที่หลบฝนบริเวณสะพานอัษฎางค์ พอฝนเริ่มหยุด เราก็ออกเดินทางกันต่อ เรือสินค้า ที่พบเห็นเสมอ ๆ ระหว่างการเดินทาง อยู่บนเกาะก็จะเห็นเหมือนกัน เวลามองจากมุมสูงจะเห็นจอดเรียงราย บ่อเก็บน้ำด้านหน้าเรือนวัฒนา สมัยก่อนไว้เก็บน้ำฝนไว้ใช้ เดินไปเรื่อย ๆ จะพบบ่อแบบนี้อีก ขนาดแตกต่างกันไป สถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งของที่นี่ ภายในเรือนผ่องศรี สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยพระราชทานนามตามพระนามของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ปัจจุบัน ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติ และประวัติบุคคลผู้มีบทบาทกับเกาะสีชังในอดีต จุดชมวิวตรงศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศข้างบน เงียบ สงบ มีผู้คนขึ้นมากราบไหว้เป็นระยะ ๆ ทำบุญ แล้วก็ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นศิริมงคลกันซักนิด เป็นการจบทริปใกล้ ๆ ที่สีชัง แบบอิ่มอก อิ่มใจ ^_____^
Create Date : 12 มิถุนายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2555 22:30:28 น. |
Counter : 3133 Pageviews. |
|
|
|