หนาวนี้ที่ทับเบิก สัมผัสไอหมอก ไร่กะหล่ำ ... เพชรบูรณ์
4 - 5 พ.ย. 55 หนาวนี้ไปไหนดี ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีวันหยุดติดกันหลายวัน เป็นช่วงที่ทางภาคเหนือและอีสานเริ่มหนาวแล้ว กลิ่นอายของลมหนาวเริ่มเข้ามา แม้ว่าทางภาคกลางอย่างเราจะร้อนเต็มที ขอไปสัมผัสความหนาวบนภูดีกว่า ครั้งนี้เราจะไปทับเบิกกัน "ภูทับเบิก" ชื่อนี้คุ้นตั้งแต่ละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง และก็เห็นรีวิวของหลายคนที่ไปมา ทำให้รู้สึกอยากขึ้นมาตะหงิด ๆ เตรียมพร้อมเพื่อไปกางเต้นท์ท่ามกลางสายหมอกและความเย็นยะเยือกหวังไว้เช่นนั้น ไม่ได้นอนบรรยากาศแบบเต้นท์มานานมาก ลงทุนไปซื้อก่อนไปเห็นกำลังลดราคาพอดี คงได้ใช้อีกหลายครั้ง ^^ เจ็ดโมงเช้าวันอาทิตย์ ล้อหมุน วันนั้นเราใช้เส้นทางวงแหวนกาญจนาภิเษกตะวันออก บางนา - บางปะอิน เริ่มมีหมอกอากาศเย็นนิด ๆ ระหว่างทางเก็บบรรยากาศรอบ ๆ ถนนหนทาง รวมถึงป้ายบอกทางด้วย อาหารมื้อเช้าฝากท้องไว้ที่ "ร้านข้าวแกงบ้านสวน" เช่นเคย เตรียมเสบียงเป็นเค้กบ้านสวน 2 กล่อง ก่อนจะถึงแยกไปวิเชียรบุรี เห็นร้านกาแฟน่ารัก ๆ อยู่ด้านซ้ายมือ "COFFEE ME" เป็นร้านเล็ก ๆ แต่แต่งน่ารักดี บรรยากาศน่านั่ง มีอาหารเช้า สเต๊ก สปาเก็ตตี้ และเครื่องดื่ม บรรยากาศภายในร้าน coffee me เราสั่งกาแฟคาปูชิโน่เย็น และชามะนาว กันคนละแก้ว นั่งเล่นซักพักก็เดินทางต่อ ทัวร์นกขมิ้น แวะตลอดทาง ได้เวลามื้อกลางวันอีกแล้ว มาเพชรบูรณ์ อาหารที่ขึ้นชื่ออีกอย่างคือ ขนมจีน 7 สี เราผ่านร้านขนมจีนโบราณ "บ้านคุณตา" อยู่ริมเส้นทางสาย 21 ทางมุ่งหน้าไปทางหล่มสัก - เขาค้อ เลยจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ไปประมาณ 9 กม. เปิดเมนูแล้วอยากกินไปซะทุกอย่าง สรุปสั่งเป็นแบบชุดมาราคา 190 บาท มีขนมจีน 1 กระจาด ประกอบไปด้วยน้ำยากะทิ แกงเขียวหวาน น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว น้ำพริก ทั้งหมด 5 อย่างใน 1 ชุด แถมไข่ 4 ฟอง และผักเครื่องเคียง 1 กระจาด ตบท้ายด้วยน้ำดอกอัญชัญสีสวยอีก 1 แก้ว ถึงทางเข้าทับเบิก ป้ายบอกทาง อีก 33 กม. ผ่านร้านสะดวกซื้อตุนน้ำแข็งใส่กระติกไป 2 ถุง โค้ก น้ำเปล่า ระหว่างทางสวนกับรถบรรทุกกะหล่ำเป็นระยะ ๆ ได้กลิ่นของกะหล่ำมาแล้วสิอย่าตัดกันหมดสวนละกัน ^^ เส้นทางเคี้ยวคดลดเลี้ยว มองเบื้องล่างเห็นรถที่กำลังตามเรามา แสงแดดผ่านมาไม่เท่าไหร่ ฟ้าเริ่มมืดครึ้มและแล้วฝนก็ตก ค่อย ๆ ขับกันไป ยิ่งสูงยิ่งหนาว ใกล้จะถึงมองอุณหภูมิในรถ ณ เวลานั้น 17 องศา เราไปถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ ฝนยังพรำ ๆ ใส่เสื้อกันหนาวมีฮูดช่วยกันฝนและกันหนาวไปพร้อมกัน มองไปเบื้องล่าง ถนนสวยอยู่ด้านล่าง ล้อมรอบไปด้วยทิวเขา ไปถึงขอเข้าห้องน้ำก่อนเลย เสร็จแล้วก็เช็คอิน ไปชำระค่าบำรุงสถานที่ของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก เราเอาเต้นท์ไปกางเองเสียคนละ 50 บาท รับใบเสร็จมาเจ้าหน้าที่ให้เก็บไว้เพราะจะมีคนไปตรวจตอนค่ำ ๆ แต่ถ้าเช่าเต้นท์ก็มีบริการให้ สำหรับเต้นท์ 2 คน ราคา 400 บาท / คืน เต้นท์ 4 คน ราคา 650 บาท / คืน และมีค่าประกันที่จะคืนให้ภายหลัง มีบริการให้เช่าผ้าห่ม หมอน เสื่อ ผ้าใบ เตาถ่าน ตะแกรง ฯลฯ ตามราคาที่กำหนดไว้ ก่อนจะไปถึงที่จอดรถมีร้านรวงของชาวเขาขายตลอดแนว เลือกซื้อได้ตามชอบใจ กลิ่นปลาหมึกปิ้งหอมโชยติดจมูกเลย ไก่ปิ้งบนภูนี่อร่อยสุด ๆ จริงแล้วรสชาดธรรมดา แต่ด้วยบรรยากาศและอากาศหนาวทำให้อร่อยขึ้นเป็นกอง สินค้าที่เราเห็นโดยทั่วไปมีพร้อม เสื้อผ้า ผ้าพันคอ หมวก เป็นต้น จะเห็นชาวเขานั่งปักผ้าใช้เวลาว่างระหว่างขายของด้วย เด็กดอยไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ... น่ารักดีจัง ตาแป๋ว ใส่ซื่อ บริสุทธิ์ มาที่นี่จะเห็นเด็ก ๆ ชาวเขาเดินกันตามถนน ลูกของพ่อค้าแม่ค้า เลี้ยงกันง่าย ๆ ปล่อยให้เดินตามดินกินกลางทราย อยู่กับธรรมชาติ ดูแข็งแรงดี บางทีก็ได้ยินเสียงร้องเป็นภาษาชาวเขา เป็นเรื่องปกติของเด็ก บางทีก็โดนป้าบ ๆ ถูกทำโทษแล้วสิ เจอเด็กผู้หญิงชาวเขาอยู่คนนึง นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเธอ เหมือนรู้หน้าที่ โพสท่าให้ มีหลายท่าด้วย อิอิ ใครที่ติดกาแฟไม่มีอด มีกาแฟสดให้บริการ ผักผลไม้ถูกจัดวางขายอยู่หน้าร้าน มัน ฟักทอง ส้ม สตรอเบอรี่ ซดน้ำขิงร้อน ๆ ก็เข้ากับบรรยากาศมิใช่น้อย ไม่สะดวกนอนเต้นท์ ก็สามารถเลือกนอนบ้านพักได้เช่นกัน มีรีสอร์ทหลายแห่งรวมถึงลานกางเต้นท์ตามรีสอร์ทซึ่งอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับที่ของวิสาหกิจชุมชน สามารถมองเห็นวิวทิวเขา ไร่กะหล่ำได้เหมือนกัน เรากำลังเดินไปอีกมุมหนึ่งของทับเบิก เจอดอกไม้สีสวย จด ๆ จ้อง ๆ ว่า มันคือดอกอะไร ชาวเขาแถวนั้นเห็นเรารำพึงรำพัน เลยช่วยตอบข้อสงสัยว่ามันคือ "ดอกกระดาษ" และก็บอกอีกว่า ถ่ายรูปได้นะคร๊า น่ารักเสียจริง ลมหนาวและดาวเดือน คืนนี้จะเห็นมั๊ยหนอ ... ฝนยังมาเป็นพัก ๆ ต่างคนก็ต่างกางเต้นท์ของตัวเอง ด้านนี้เป็นที่ของรีสอร์ทจำชื่อไม่ได้ สวยดีเวลาตื่นขึ้นมาถ้าพระอาทิตย์โผล่มาให้เห็นหรือมีทะเลหมอกคงสวยมาก แต่ข้อเสียคงเป็นเรื่องลม ไม่มีอะไรบัง ยังกางไม่ทันเสร็จเต้นท์ก็ปลิวซะแล้ว Unseen Thailand เส้นทางที่เป็นถนนคดเคี้ยวมองจากมุมสูง ใครมาต่างก็ชื่นชมและเก็บภาพตรงนี้ไว้ เราได้มายืนตรงนี้เหมือนกัน ^^ กอดอกไม้สีเหลืองขึ้นอยู่ตามไหล่เขา เห็นแล้วสดชื่นจัง ดอกไม้ ทิวเขา หมอกจาง ๆ ... อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ชมวิว 360 องศา ไม่ว่าจะมาหน้าฝน หน้าหนาว หน้าร้อน คงได้ความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป เรามาช่วงนี้ได้ครบทุกฤดู ทั้งฝนตก ร้อน และหนาว จุดกางเต้นท์ของรีสอร์ทหนึ่งมีดอกกระดาษเป็นโฟร์กราวด์ จุดกางเต้นท์เยอะดี สำหรับข้อห้ามของการมาเที่ยวที่นี่มีไม่กี่ข้อเท่าที่จำได้ คือ ไม่ส่งเสียงดังหลัง 22.00 น. ไม่นำสารเสพติดเข้ามา ช่วงเวลาของหน้าหนาวมืดเร็ว สิ่งที่ต้องเตรียมอีกอย่างคือไฟฉาย ไว้ใช้ในเต้นท์เวลาหยิบข้าวของ ฝั่งทุ่งกะหล่ำ นักท่องเที่ยวต่างก็พากันไปสัมผัสทุ่งกะหล่ำแบบใกล้ชิด เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท เผอิญไปเจอป้ายตอนออกพอดี แต่ไม่มีใครเก็บตังค์ จุดชมวิวสูงสุด อาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ ความสูง 1768 เมตรจากน้ำทะเล แต่ ณ เวลานั้นที่วัดอุณหภูมิเสีย ฟ้าเปิดได้ซักพัก เริ่มมีเมฆทะมึนมาเป็นระลอก บริเวณที่เรากางเต้นท์กัน มีทั้งที่ทางวิสาหกิจชุมชนเค้ากางไว้แล้ว ส่วนคนที่เอาเต้นท์มาเองก็หาทำเลเหมาะ ๆ กางกันเอง ลักษณะเป็นขั้น ๆ มีห้องน้ำจัดไว้รองรับนักท่องเที่ยว เดินไปทางด้านหลัง ใครที่เอาอุปกรณ์สำหรับทำครัวมาทำเอง มีที่ล้างจานให้โดยเฉพาะด้วย ได้กลิ่นไข่เจียวหอมม๊าก มื้อเย็นนี้เมนูที่คิดถึงจึงต้องมีไข่เจียวด้วย หลังฝนตก มีหมอกฟุ้งเริ่มลอยตัวผ่านทิวเขา เดินถ่ายภาพเก็บแทนความทรงจำที่แสนอบอุ่นนี้ไปพลาง ขอมาเที่ยวแบบนี้ สัมผัสบรรยากาศดีดี สูดอากาศบริสุทธิ์ ซักปีละครั้งก็คงพอ บรรยากาศชิลล์ ๆ แฮ้ปปี้มาก เดินขึ้น ๆ ลง ๆ ดูมุมโน้นมุมนี้ไปเรื่อย ถนนเปียก ลื่น แฉะ ๆ หน่อย ไม่วายที่จะขอลงไปดูไร่กะหล่ำอีก ตรงข้ามจะเห็น Heaven Hill เด่นมาแต่ไกล เย็นวันนั้นเราฝากท้องไว้ที่ "ครัวทับเบิก" ร้านอาหารตามสั่งบนภูทับเบิกอยู่ใกล้ ๆ ที่พัก สั่งกันเต็มอิ่ม ผัดผักแขนงกะหล่ำน้ำมันหอย ต้มยำรวมมิตร และก็ไข่เจียว ข้าวร้อน ๆ เตรียมเสิร์ฟบวกกับความหิว กินอะไรก็อร่อยไปซะหมด แสงเริ่มริบหรี่ ไฟทางเดินมีเป็นระยะ ยุงเริ่มมา ดีที่เตรียมยาทากันยุงไว้ ตอนกินข้าวเลยไม่ได้โดนดูดเลือดเลย เสียดายค่ำคืนนั้นมองไม่เห็นดวงดาว เมฆบดบัง เสียงผู้คนกำลังสนทนา บ้างก็กำลังทำอาหารกันหน้าเต้นท์ ส่วนเราก็หาของขบเคี้ยวที่เตรียมมา น้ำแข็งที่ใส่กระติกมายังไม่ละลายเลย ได้โค้กใส่น้ำแข็งเย็น ๆ กับอากาศหนาวเย็น เลยเย็นกันเข้าไปใหญ่ นอนเล่นคุยกันหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัวน่าจะประมาณทุ่มนึงเอง ด้วยความที่มันมืดเร็ว อากาศข้างนอกก็ชื้น ๆ ตื่นอีกทีได้ยินเสียงคนคุยกันด้วยความเงียบทำให้ได้ยินเสียงเค้าคุยกันชัดเจนมาก กฎที่ตั้งไว้ก่อนสี่ทุ่มไม่สามารถใช้ได้ อากาศหนาวเย็น เลยชวนกันเข้าห้องน้ำกันดีกว่า กลับมามีเสียงกรนของเต้นท์ข้างหน้าอีก หุหุ หลับได้หลับดี เราตื่นแต่เช้าไม่ต้องมีเสียงนาฬิกาปลุก วาดฝันไว้ว่าน่าจะมีทะเลหมอกเพราะฝนตก แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ได้แสงยามเช้ามาแทน ดวงดาวกับดวงจันทร์ผุดขึ้นมาให้ได้เห็น ต่างคนต่างก็รอชมพระอาทิตย์ยามเช้า แสงแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ แสงอุ่น ๆ ยามเช้า น้ำค้างเกาะยอดหญ้า ดอกไม้ เมื่อคืนผลจากฝนตก น้ำค้างลงสะดุ้งตื่นมามีน้ำหยดลงหน้าผากหนึ่งแหมะ พลังของน้ำค้างนี่ยิ่งกว่าน้ำฝนอีก เวลาผ่านไปสงสัยจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เผลอแป๊บเดียว อุ๊ยอะไรนั่น เริ่มโผล่มาให้ยลโฉม ว๊าว กลับลำแทบไม่ทัน อิอิ เต็มดวงเลย ^____^ พระอาทิตย์ยิ้มให้ มาเร็วไปเร็ว เป็นช่วงเวลาที่มีค่าเพียงไม่กี่นาที สาย ๆ เริ่มมีฟ้าด้านหอดูดาว สายหมอกที่เห็นแต่ไกล เริ่มลอยเข้ามาปกคลุมพื้นที่และดอกกระดาษ ได้อารมณ์ดี หมอกปกคลุมหนาตา บางช่วงมองถนนไม่เห็นเลย ต้นนี้ดูรูปทรงน่าจะเป็นพญาเสือโคร่ง ถ้ามาช่วงที่ออกดอกก็คงจะสวยไปอีกแบบ แดดอ่อน ๆ และสายหมอกที่ปกคลุมไร่กะหล่ำ ดูกันใกล้ ๆ ต้นกะหล่ำกำลังเจริญเติบโต ยังไม่เป็นหัว รับความสดชื่นจากน้ำฝน ... ใครสนใจสามารถซื้อได้ ถุงใหญ่มากน่าจะเกิน 10 หัว ราคาแค่ 60 บาท เท่านั้น 2 วัน กับ 1 คืน ที่ภูทับเบิก ประทับใจเหมือนหลาย ๆ คนที่มาเยือน ได้เห็นกะหล่ำเต็มทุ่ง ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น ได้อยู่กับธรรมชาติที่สวยงามรอบ ๆ ตัว ^_____^
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 19:40:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 15609 Pageviews. |
|
|