|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
 |
|
... สบายใจอยู่ที่ ไม่สบายใจ... |
|
เมื่อวันก่อนฉันชวนเพื่อนไปฟังพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เทศน์ แต่จู่ๆ เพื่อนก็ติดภารกิจแม่พิมพ์ของชาติ เลยส่งเสียงตามสายมาว่า ฝากฟัง แล้วกลับมาเขียนบลอกให้อ่านด้วย
มีคนไทย 60 ล้านคน ทั่วโลกมีคน 7 พันล้านคน เราทุกคนอยากมีความสุข แต่ละคนก็มีการกระทำที่ต่างกัน แต่โดยมากคนเราแสวงหาความสุขที่เป็นไปไม่ได้
หลายๆ คนมีลาภ มียศ แต่ถามว่ามีความสุขไหม ความสำเร็จของชีวิตอยู่ที่ไหน ความสุขน่าจะอยู่ที่ความพอใจ เมื่อพบกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา แล้วทำใจได้ นั่นน่าจะถือว่าประสบความสำเร็จของชีวิต
เมื่อจะตายก็พิจารณาได้ว่า ชีวิตที่ผ่านมาได้ทำดีมากกว่าทำชั่ว ก็พอใจ
การแสวงหาความสำเร็จที่เป็นไปไม่ได้คือการแสวงหา ลาภ ยศ ตามกิเลส ตัณหา อุปทาน
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้า ต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ให้ดี มีกำลังใจดี คิดดี พูดดี ทำดี จึงจะมีความสุขได้
ถ้าจิตใจไม่ดีแล้ว ถึงแม้จะรวยขนาดไหน ได้ยศสรรเสริญ ขนาดไหน ก็หาความสุขไม่ได้ เพราะใจเรามักจะเสียใจ ใจเสีย ก็มีความสุขไม่ได้ ใจเสียที่เดียว เสียทั้งหมด

ลองพิจารณาดูว่า ชีวิตคืออะไรกันแน่ ชีวิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง วันคืนล่วงไปๆ เรากำลังทำอะไรอยู่
ชีวิตของเราประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ การกระทำส่วนใหญ่ของเราเป็นไปเพื่อร่างกาย การแสวงหาปัจจัย ๔ เมื่อเจ็บป่วยก็รีบรักษา เป็นไปตามสัญชาติญาณของสัตว์ที่อยากจะมีชีวิต
แล้วจิตใจของเราเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพจิตใจดีใหม่ พระพุทธองค์ตรัสว่า ใจเป็นหัวหน้า หัวหน้าของเราเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับมนุษย์ทุกคน ควรจะมีสภาพจิตใจที่ดี ถ้าสุขภาพจิตใจไม่ดีแล้วก็หาความสุขไม่ได้
พิจารณาดู ขี้เกียจไหม ขี้น้อยใจ ขี้กลัว ขี้ฟุ้งซ่าน ขี้เหนียว ขี้อวด ขี้คุย ถ้านำด้วยขี้ ก็แสดงว่า การกระทำของเรานั้นไม่สวยงาม ใช้ไม่ได้ไม่ดี ทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นจากจิตใจของเรา ใจเป็นหัวหน้า ใจเป็นประธาน เมื่อสุขภาพจิตใจไม่ดี สิ่งเหล่านี้ก็ออกจากใจของเรา
ใจ ใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้า
แล้วเรามีความรู้สึกไหมว่าสิ่งเหล่านี้คือสุขภาพจิตใจที่ไม่ดี เมื่อเราไม่รู้สึก ไม่สนใจ ก็ไม่สามารถจะแก้ไขได้
เรามักสนใจแต่เรื่องภายนอก บางคนก็คิดว่าความสุขซื้อด้วยเงินทองได้ เมื่อร่างกายไม่ดีเราก็ไม่สบายใจ
พิจารณาดูชีวิตของเรา สุขภาพจิตใจดีเป็นอย่างไร สภาพจิตของเรามีสภาพผ่องใสประภัสสรโดยธรรมชาติ แต่ทุกวันนี้จิตใจของเราก็ไม่ใช่อย่างนั้น
จิตใจของเราเปรียบเหมือนน้ำบริสุทธิ์
แต่ปัจจุบันจิตของเราไม่ใช่น้ำบริสุทธิ์ อาจจะเป็นน้ำชา กาแฟ น้ำผลไม้ บางครั้งเราก็พอใจแสวงหาน้ำเหล่านี้ น้ำจากทะเล น้ำในห้องสุขา น้ำล้างจาน
แต่ เมื่อเราต้องการน้ำบริสุทธิ์ เราก็แสวงหาน้ำ น้ำอะไรก็ได้ ขอให้เป็นน้ำ น้ำจากทะเล น้ำจากห้องสุขา น้ำอะไรก็ได้ ปนๆ กันก็ได้ และเมื่อเราเข้าใจเหตุผลของน้ำ เราก็หาหม้อ หาภาชนะอะไรก็ได้ แล้วก็ทำให้มันเดือด แล้วเราก็เก็บไอน้ำ ทำให้เย็นลง แล้วก็ได้น้ำบริสุทธิ์
น้ำบริสุทธิ์ อยู่ที่ไหน น้ำบริสุทธิ์ อยู่ที่น้ำไม่บริสุทธิ์ อยู่ที่น้ำไม่สะอาด
สบายใจ อยู่ที่ไหน สบายใจ อยู่ที่ไม่สบายใจ ความสุขใจ อยู่ที่ไหน ความสุขใจ อยู่ที่ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ
เมื่อเราต้องการความสุขใจ เราก็โอปนยิโก น้อมเข้ามาสังเกตความรู้สึกนึกคิดของเรา ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง บางทีก็ง่วงนอน บางทีก็เบื่อหน่าย บางทีก็หงุดหงิด ทั้งหมดนี้รวมกันก็เรียกว่าไม่สบายใจ
ยกตัวอย่างเช่น มีใครนินทา ด่า ดูหมิ่นเรา เราก็ไม่สบายใจ ความรู้สึกน้อยใจ ไม่สบายใจ โกรธ
กำหนดรู้ที่ความไม่สบายใจนี้เป็นสำคัญ ใครนินทา ไม่สำคัญ คนนี้ คนนั้น ไม่สำคัญ
ถ้าเราไม่ศึกษาธรรมะ เราจะติดว่า "ใคร" คิดคนนี้คนนั้น จิตใจก็ฟุ้งซ่านคิดสารพัดอย่าง
ถ้าอยากได้ความสุขจริงๆ แล้ว "เขา" ไม่สำคัญ "คนนี้ คนนั้น" ไม่สำคัญ
มีใครนินทาเรา ทำไมเขานินทา เพราะเราสร้างเหตุในอดีต เขาจึงนินทาเรา ถ้าหน้าตาคนที่นินทาเรา เปลี่ยนเป็นหน้าตาของตัวเอง เท่ากับว่าเรานินทาเรา

อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เสื่อมลาภ เสื่อมยศ โลกธรรม ๘ เปรียบเหมือนดินฟ้าอากาศ มีฝนตก ไม่มีฝนตก มีพายุ มีลมพัด ปกติ เราก็ดีใจเสียใจกับเรื่องโลกธรรม ๘ เราสังเกตดูว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จิตใจ ความคิด การพูด การกระทำของท่านก็บริสุทธิ์ ตั้งแต่ที่ท่านตริสรู้ จนปรินิพานเป็นเวลา ๔๕ พรรษา อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็หนีไม่พ้นจากการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ บางครั้งก็ถูกนินทาจากทั้งเมือง ไม่มีใครยอมรับเป็นอาจารย์ บางครั้งก็เกือบจะถูกทำร้ายร่างกาย
ทำไม ในเมื่อท่านเป็นจิตบริสุทธิ์ มีปัญญา มีเมตตากรุณา แล้วยังต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้ นี่ก็คือวิบากกรรม อดีตเป็นเหตุให้เกิด ห้ามไม่ได้ ชีวิตของเรา เราก็พยายาม อย่างน้อยก็รักษาศีล คือ รักษาขนบธรรมเนียม กฎหมายบ้านเมือง กติกาของสังคม พยายามสำรวมกาย วาจา จิตใจ ให้เรียบร้อย จิตใจก็รักษาให้เป็นปกติ หนักแน่น ไม่ยินดียินร้าย พยายามรักษาเจตนาความคิดที่จะไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ในฐานะชาวพุทธ เราก็รักษาศีล เราก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยอิทธิบาท ๔ ฉันทะวิริยะจิตตะวิงมังสา พูดง่ายๆ ก็คือ เอาใจใส่ในหน้าที่ของตัวเอง แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ก็ปล่อยให้เกิด
โลกธรรม ๘ ก็เหมือนธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ มันห้ามไม่ได้ สิ่งที่ห้ามไม่ได้ก็ห้ามไม่ได้
เมื่อเราปรับปรุงชีวิต ให้อยู่ในศีลธรรม หลังจากนั้นก็
ไม่ต้องหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นวิบากกรรมกันทั้งนั้น อย่าติดกับ "คนนี้ คนนั้น"
ถ้าศึกษาประวัติพระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า ในช่วงปลายของชีวิต มีโจร ๕๐๐ คน จะมาเอาชีวิตของท่าน หลังจากใช้ฤทธิ์ หลบหนีจากโจร ๕๐๐ คนหลายครั้ง ที่สุดท่านก็พิจารณาดูว่า โจร ๕๐๐ คนนี้มาจากอุปกรรม การกระทำในอดีตของท่านที่ทำร้ายพ่อแม่ ในที่สุดท่านก็ต้องปล่อยให้โจร ๕๐๐ คนทำร้ายท่าน
โจร ๕๐๐ คนนี้ จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่โจร ๕๐๐ คน โจร ๕๐๐ คนที่เข้ามาก็คือตัวเอง ดังนี้ จิตใจของพระอรหันต์ก็ไม่หวั่นไหว
เรากินข้าวทุกวัน เราก็ต้องเข้าห้องน้ำทุกวันเป็นธรรมดา แต่ถามนิดหนึ่งว่า สิ่งที่ออกมานั้นเป็นอย่างไรบ้าง เป็นปฏิกูล เป็นสิ่งที่น่าละอาย เราจึงเข้าห้องน้ำ ปิดประตูอยู่คนเดียว เสร็จแล้ว ทำความสะอาดแล้วจึงกลับสู่สังคม
ก็เหมือนกัน เมื่อเรายังมีกิเลสความโลภ ความหลง เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ขี้เกียจ ขี้โมโห ขี้น้อยใจ ขี้อวด ฯลฯ ต่างก็เกิดขึ้นจากจิตใจของเรา เป็นธรรมดา ถามตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่น่าอวดไหม มันเป็นสิ่งน่าละอาย แต่ก็เป็นธรรมดา ไม่ต้องห้าม
ก็เหมือนเราเข้าห้องน้ำ ปวดท้องครั้งหนึ่งก็เข้าครั้งหนึ่ง ปวด ๓๐ ครั้ง ก็เข้า ๓๐ ครั้ง เมื่อความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นก็ปล่อยมัน มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่เป็นอะไร แต่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องชำระตั้งแต่ต้น อย่าให้กระจายออกมาเป็น มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม
ความรู้สึกน้อยใจ ความรู้สึกโกรธอย่าไปคิด ถ้าคิดก็เป็นการกระจายในสมอง ถ้าเราพูดออกมา คนก็รำคาญ ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ถ้าเราแสดงออกมาทางกายแล้ว เหตุการณ์ก็ยิ่งไปกันใหญ่
ถ้าไม่สบายใจเกิดขึ้น เราก็ต้องรีบชำระ โดยการปฏิบัติธรรม
เหมือนการสร้างห้องสุขาให้จิตใจของเราคนละห้อง
ห้องน้ำสะอาดสร้างด้วยอะไร ต้องมี สติ ระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว หิริโอตัปปะ ความละอาย ปัญญารอบรู้ ว่าไม่สบายใจนี้เปรียบเหมือนอุจจาระ ต้องรีบชำระ
เมื่อขี้เกียจเกิดขึ้น เราต้องไม่ตามขี้เกียจไป อาการขี้เกียจเกิดขึ้น เราก็รู้ แล้วก็คิดตรงข้าม คิดขยัน
น้อยใจเกิดขึ้น เราก็รู้ แต่ไม่คิดไปตามน้อยใจ
กิเลสตัณหาอุปทานเกิดขึ้น เราก็รู้ แต่ไม่ตามสิ่งเหล่านั้นไป

อาณาปนสติเบื้องต้น
ให้เข้าใจว่า อาณาปาณสติคือลมหายใจออก ลมหายใจเข้า
ร่างกายประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ก็เป็นส่วนหนึ่งของกาย
จะยืน จะเดิน จะนั่งจะนอน
พยายามมีความรู้สึกตัวอยู่ที่กาย ความรู้สึกอยู่ที่ไหน จิตก็อยู่ที่นั่น ถ้าเรามีความรู้สึกตัวอยู่ที่กายแล้ว ขณะนั้นเราก็ไม่ได้คิดฟุ้งซ่าน ไม่ได้คิดไปตาม เสียใจ น้อยใจ กลัว โกรธ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ให้มีความรู้สึกตัวติดต่อกัน ต่อเนื่องกัน จิตใจของเราก็เป็นปกติ มีสติ มีสัมปชัญญะ ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไปตามกิเลสตัณหา อุปาทาน
เมื่อเรามีชีวิตอยู่ ก็มีลมหายใจอยู่ ขณะที่เห็นรูป ได้ยินเสียง ดมกลิ่น ชิมรส กายสัมผัส หรือเกิดความรู้สึกขึ้นที่ใจ ก็พยายามระลึกถึงลมหายใจออกลมหายใจเข้า ความรู้สึกก็จะหายไป เมื่อเรามีสติระลึกรู้ลมหายใจ ไม่สบายใจนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้
บางสิ่งบางอย่างเราก็เห็นโทษ บางสิ่งบางอย่างเราก็ไม่เห็นโทษ มีความสุข มีความพอใจ เช่นขี้เกียจ
เราก็ว่าเราฉลาด ไม่ต้องทำงาน
ถ้าเราไม่เห็นโทษ เราก็ไม่สามารถแก้ไขได้
เราก็เข้าไปดูความคิดความรู้สึกของเราอย่างต่อเนื่อง แล้วเราจะเห็นโทษของความไม่สบายใจ
เห็นอะไร ได้ยินอะไร รู้อะไร ไม่ถูกใจ หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ จนจิตสงบ
ถ้าเราเห็นโทษของสิ่งใด การปฏิบัติในขั้นต่อไป ก็ไม่ยากอะไร
เมื่อเราต้องการความสุขแล้ว เราก็มองเห็นว่า ไม่สบายใจนี้เป็นปฏิกูลทางจิตใจต้องชำระเสีย
เบื้องต้น ไม่ให้คิดไปตามอารมณ์ความรู้สึก
ถ้าเราต้องการความสุขจริงๆ แล้ว ขอให้เห็นชัดเจนว่า สบายใจ อยู่ที่ไม่สบายใจ ไม่สบายใจผุดขึ้น เราก็โอปนยิโก
อุบายหยาบๆ คือ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ใครๆ ก็ทำได้ ถ้าระลึกได้
อุบายอย่างอื่นก็คือ เมื่อความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้น ก็ให้นึกถึงความรู้สึกที่ดี ใช้เมตตาภาวนา
อีกอุบายหนึ่งคือ ถ้าใครเจริญจิตตานุปัสสนา เมื่อจิตปฏิคะเกิดขึ้น ก็เข้าไปดูจิตปฏิคะ แล้วจิตก็จะปรับปรุงได้
ใช้อารมณ์วิปัสนาเข้าไปดูอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คนนี้คนนั้นไม่สำคัญ ไม่สบายใจสำคัญ
ถ้านึกถึงอริยสัจสี่ก็เป็น ทุกข์นี้ควรกำหนดรู้ เมื่อรู้สึกตัวเกิดขึ้น ไม่สบายใจก็หายไป ไม่สบายใจก็เหมือนมืด สบายใจก็เหมือนสว่าง เมื่อมืดหายไป สว่างก็เข้ามาแทน
ไม่สบายใจเกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องส่งจิตคิดไป คนนี้คนนั้น ไม่สบายใจเกิดขึ้น กำหนดรู้ ไม่สบายใจก็หายไป

  
Create Date : 14 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 14 สิงหาคม 2550 8:43:37 น. |
|
54 comments
|
Counter : 1702 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: hunjang วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:41:41 น. |
|
|
|
โดย: patji IP: 203.155.181.188 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:53:59 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:54:07 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:58:59 น. |
|
|
|
โดย: juriojung วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:23:07 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:35:45 น. |
|
|
|
โดย: merf1970 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:21:31:04 น. |
|
|
|
โดย: bua ja วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:23:23:57 น. |
|
|
|
โดย: Malee30 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:1:14:09 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:6:01:48 น. |
|
|
|
โดย: rebel IP: 125.24.65.179 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:7:30:46 น. |
|
|
|
โดย: err_or วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:9:01:34 น. |
|
|
|
โดย: สะเทื้อน วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:14:04:23 น. |
|
|
|
โดย: ประมุขขวัญ IP: 125.25.212.121 วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:22:30:07 น. |
|
|
|
โดย: whitespace วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:23:45:39 น. |
|
|
|
โดย: คุณย่า วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:5:54:11 น. |
|
|
|
โดย: =) (hunjang ) วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:8:07:47 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:9:43:58 น. |
|
|
|
โดย: ahiruno007 IP: 58.9.17.131 วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:11:59:32 น. |
|
|
|
โดย: keyzer วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:14:35:16 น. |
|
|
|
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:21:11:51 น. |
|
|
|
โดย: PANDIN วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:10:33:29 น. |
|
|
|
โดย: ดา ดา วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:18:56:50 น. |
|
|
|
โดย: ดา ดา วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:18:57:35 น. |
|
|
|
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:21:27:29 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 17 สิงหาคม 2550 เวลา:21:44:21 น. |
|
|
|
โดย: juriojung วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:13:50:10 น. |
|
|
|
โดย: prncess วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:14:27:22 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:23:28:22 น. |
|
|
|
โดย: =) (hunjang ) วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:7:50:15 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:11:37:51 น. |
|
|
|
โดย: yuttipung วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:14:05:56 น. |
|
|
|
โดย: juriojung วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:18:29:05 น. |
|
|
|
โดย: =) (hunjang ) วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:7:44:12 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:16:05:30 น. |
|
|
|
โดย: largeface วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:23:05:40 น. |
|
|
|
โดย: ประกายดาว วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:9:53:55 น. |
|
|
|
โดย: พ่อบู (be-oct4 ) วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:15:49:37 น. |
|
|
|
โดย: The White Rider IP: 124.121.235.19 วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:21:19:20 น. |
|
|
|
โดย: yadegari วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:6:20:25 น. |
|
|
|
โดย: juriojung วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:11:36:36 น. |
|
|
|
โดย: 罗远鸣 IP: 219.232.64.251, 219.232.72.42 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:19:35:55 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:20:49:18 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
|
|
 |
|
ยิ่งไม่สบายใจ...
-- ดอกบัวคุ้นๆ
=)