1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
กฐินวัดสุนันทวนาราม ตุลาคม ๒๕๕๓
ไปกฐินมาเลยมาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย ฉันไปกฐินที่วัดป่าสุนันทวนาราม ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีมา ถ้าพูดชื่อวัดคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันแต่ถ้าบอกว่าวัดหลวงพ่อมิตซูโอะ ก็อาจจะร้องอ๋อกันบ้าง ช่วงหลังๆ ตั้งแต่เริ่มเรียนสัปดาห์ละ ๖ วัน ฉันไปวัดค่อนข้างบ่อย ถ้าเทียบกับเวลาอันมีจำกัด ปีนี้ไปวัด ๓-๔ ครั้งแล้ว รวมๆ แล้ว อยู่วัด ๑๐ กว่าวัน ฉันว่า ถ้าฉันว่างๆ อยากทำอะไรก็ทำได้แบบเมื่อก่อน ก็คงไม่ขวนขวายไปวัดเยอะและบ่อยขนาดนี้ แต่พอดีว่ามันไม่ว่างนี่แหละเลยต้องรีบไป เพราะกลัวว่าวันหนึ่งมันจะไม่ว่างยิ่งกว่านี้อีก เข้าเรื่อง เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดป่า สาขาวัดหนองป่าพง ซึ่งมีวัตรปฏิบัติประการหนึ่งคือทุกคืนวันพระ จะปฏิบัติตลอดคืนที่เรียกกันว่าเนสัชชิก ฉันเองแม้จะไปมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เนื่องจากเป็นวันออกพรรษาด้วย จึงมีความพิเศษที่เป็นทำเนียมปฏิบัติของสาขาวัดหนองป่าพงอีกเช่นกัน คือ เป็นวันที่พระนวกะจะได้ขึ้นเทศน์ให้ญาติโยมฟัง ถ้าบวชเพียงพรรษาเดียว นี่ก็จะเป็นโอกาสครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตก็ว่าได้ เนื่องจากส่วนมากพระจะเล่าถึงสาเหตุที่มาบวชและประสบการณ์การเป็นพระเสียมาก ประมาณร้อยละ ๙๐ ฉันจึงแบ่งการมาบวชของพระได้ดังนี้ (ไม่รู้ทำไมเขียนแล้วมันรู้สึกวิชาการๆ ชอบกล สงสัยทำข้อสอบมากไป) ๑ พระที่มาบวชตามประเพณีทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจ ๒ พระที่มาบวชเพราะเชื่อว่าเมื่อบวชแล้วจะเข้าใจชีวิตดีขึ้นและจะทำให้รู้ว่าอนาคตควรจะเป็นอย่างไร ๓ พระที่ประสบปัญหาในการดำเนินชีวิตและเชื่อว่าการบวชอาจทำให้สามารถจัดการกับปัญหานั้นได้ ๔ พระที่อยากบวชมานานแล้ว แต่ติดขัดด้วยสาเหตุทางครอบครัวบางประการ เมื่อเหตุนั้นหมดไปแล้วจึงได้มาบวชเมื่ออายุมากแล้ว ในเทศนาของพระนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจน คือสิ่งสำคัญที่หล่อเลี้ยงและเป็นกำลังให้พระในการครองสมณเพศนั้น คือข้าวสวยร้อนๆ ที่โยมนำมาใส่บาตรนั่นเอง อาจเพราะฉันเป็นคนกรุงเทพ ซึ่งทั้งพระทั้งโยมก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย จึงไม่เคยสังเกตเห็นสายสัมพันธ์นี้ การเดินไปบิณฑบาตรในระยะทางราว ๒๐ กิโลเมตร วินาทีที่ข้าวสวยร้อนๆ ตกลงในบาตร ในตอนแรกอาตมานึกเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่ออยู่กรุงเทพ เวลาเราใส่บาตรเราต้องใส่ครบทั้งอาหารน้ำ แต่มาที่นี่ได้แต่ข้าว แต่เมื่อมองไปที่บ้านของโยมแล้ว อาตมาก็ตกใจ เพราะสภาพบ้านของโยมนั้น อาตมาเชื่อว่า แม้แต่การหาข้าวสารมาเลี้ยงครอบครัวก็เป็นเรื่องยาก แล้วทำไม ทำไมโยมจึงต้องตื่นแต่ตี๔ ตี๕ เพื่อมาหุงข้าว มาใส่บาตรให้อาตมาด้วย อาตมามีคุณความดีอะไร ที่สมควรแก่ข้าวทัพพีนี้หรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่พระนวกะแทบทุกรูปพูดถึงในคืนนั้น และเป็นครั้งแรกที่ฉันมองเห็นสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของพุทธบริษัท ๔ นอกจากนั้นยังมีหลายๆ เรื่องราวที่กระทบใจของฉันอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องนี้ พระรูปหนึ่งเล่าถึงชีวิตของท่านเองว่า ท่านเรียนจบมาจากเมืองนอก ทำงานและเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วจนได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการตั้งแต่อายุยังไม่ขึ้นเลข ๔ แต่ท่านเองก็มีด้านไม่ดี และวันหนึ่งท่านก็พบว่าด้านไม่ดีของท่านนั้นได้ก่อปัญหาที่ตัวท่านเองไม่อาจจะรับมือได้ ท่านจึงมาทดลองบวช ทั้งที่เดิมทีนั้นท่านไม่ศรัทธาในศาสนาและไม่ยกมือไหว้พระ ท่านได้ทดลองบวชภาคฤดูร้อน ๑ เดือนเมื่อเดือนเมษาก่อนที่จะกลับมาบวชอีกครั้งในพรรษาหลังจากที่ได้ลาออกจากงานแล้ว ในตอนที่ท่านสึกกลับไปอยู่ที่บ้านนั้น พี่สาวของท่านได้พูดว่า การไปบวชของท่านนั้นเป็นแค่หินทับหญ้า เพราะตอนที่สึกกลับมาแล้วท่านก็ยังมีอารมณ์หงุดหงิดอยู่อย่างเดิม หากการบวชของอาตมาเป็นหินทับหญ้าดังที่พี่สาวกล่าว อาตมาจะขอทับหญ้านั้นด้วยหินที่หนัก ๒๒๗ และจะไม่ขอยกหินก้อนนั้นออกตลอดชีวิต นี่คือหนทางที่อาตมากำลังจะก้าวเดินต่อไป สาธุ สาธุ สาธุ นอกจากนั้นก็มีพระอีกหลายๆ รูปที่ได้ปวารณาข้อวัตรในพรรษาซึ่งทำได้ไม่ง่ายนัก อาทิ ปวารณาสละรองเท้าตลอดพรรษา ปวารณาฉันตกบาตร – ฉันเฉพาะอาหารที่บิณฑบาตรได้ ปวารณาฉันไม่เกิน ๕ ช้อน เมื่อฟังแล้วทำให้รู้สึกว่าความลำบากเพื่อตัวเองของเรานั้น มันก็เท่านั้น แล้วเราก็ยังบ่นยังโอดครวญ การต่อสู้ที่แท้จริงมิใช่การต่อสู้เพื่อให้ได้อะไรมา แต่เป็นการต่อสู้เพื่อให้รู้จักตัวเอง ทำให้นึกถึงคำกล่าวที่เคยได้ยินมา ว่าการเดินทางไม่ใช่เพื่อการไปให้ถึง แต่การเดินทาง คือการก้าวไปทีละก้าว เพียงเท่านั้น หลังจากพระเทศน์ไปเรื่อยๆ จนครบ ก็ ๗ โมงเช้าพอดี รวมแล้วเป็นเวลา ๑๐ ชั่วโมงพอดี ปกติแล้วเนสัชชิกอย่างมากก็ไม่เคยเกินตี ๔ ตี ๕ คราวนี้ ๗ โมงเช้า และเนื่องจากฉันเป็นพวกนอนยากนอนเย็น ก็เลยตัดสินใจไม่กลับไปนอน ตรงไปกินอาหารเช้าเลย เพราะเป็นวันกฐิน จึงมีโรงทานตั้งแต่เช้า วันรุ่งขึ้นมีกฐินที่สำนักสงฆ์แม่น้ำน้อยซึ่งเป็นสาขาของวัด เนื่องจากคราวนี้มากับพ่อ จึงคิดว่าพ่อคงอยากไปดูอะไรๆ มากกว่าจะมานั่งอยู่วัด ก็เลยไปอีกงาน ขาไป นั่งรถตู้ของคนที่มาวัดไปลงที่วังนกแก้วรีสอร์ท ซึ่งเอื้อเฟื้อแพพาล่องแม่น้ำผ่านน้ำตกไทรโยคใหญ่ไปลงปากแม่น้ำน้อย จากนั้นก็ต้องเดินเท้าผ่านสะพาน (ซึ่งเดินไปก็แกว่งไป) และเดินขึ้นเนินอีกระยะหนึ่ง เพื่อไปต่อรถกระบะวิ่งผ่านป่าไป ก่อนที่จะไปต่อเรือหางยาว (ที่นี่เรียกว่าเรือหาง) หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวเช้าตอน ๑๐ โมงครึ่ง (บอกเวลาเพราะหิวมาก) ขาไปว่าน่าสนใจแล้วขากลับยิ่งหนักกว่าเดิมเพราะเปลี่ยนเส้นทาง นั่งเรือหางยาวกลับออกมาแล้วไปยืนบนรถกระบะวิ่งผ่านป่า แต่คราวนี้ต้องคอยก้มหลบกิ่งไม้กันเป็นระยะ สนุกยิ่งกว่าเล่นเกมอีก เผลอสติปุ๊บโดนกิ่งไม้เคาะหัวกันเอาจริงๆ แต่วิ่งในป่ายังไม่เท่าไหร่เพราะไปได้ไม่เร็วมากแต่พอมาถึงถนนใหญ่ (๓๒๓) รถก็วิ่งด้วยความเร็วประมาณ ๑๒๐ จะมีอะไรระทึกใจกว่านี้อีก เมื่อมาถึงวัดโดยสวัสดิภาพ คนก็เริ่มทยอยกันกลับ เหลือคนอยู่อีกไม่มากและเมื่อฉันกลับมาที่เรือนนอนซึ่งเมื่อคืนก่อนๆ นอนกันประมาณ ๕๐ คน ก็พบว่า คืนนี้เหลือฉันคนเดียว ใจหนึ่งก็คิดๆ อยู่ ว่าจะไปขอย้ายที่นอนดีไหม แต่เนื่องจากได้กำลังใจจากการฟังเทศน์มาราธอนเมือคืนแรก ก็เลยคิดว่าลองนอนคนเดียวดูคงไม่เป็นไรมั้ง แต่เพอความสบายใจก็ไปเอาไฟฉายมานอนกอด ก่อนนอนก็อ่านหนังสือธรรมะสักหน่อยเพื่อความสบายใจ ไม่มีของขลังภายนอกก็ขอทำใจให้สบายๆ ยิ้มน้อยๆ ก่อนนอน (ตามชื่อหนังสือที่หลวงพ่อให้เมื่อมาถึง) จริงๆ ก็แอบหวาดๆ เพราะใจไปนึกถึงเรื่องที่คนอื่นเล่าให้ฟังแต่อาจจะเพราะจำอะไรไม่ค่อยได้ ความหวาดเลยไม่พัฒนาเป็นความกลัว - ขี้ลืมก็ดีเหมือนกันนะ ตอนเช้ากินข้าววัดแล้วก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
Create Date : 31 ตุลาคม 2553
Last Update : 31 ตุลาคม 2553 21:27:09 น.
17 comments
Counter : 13051 Pageviews.
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 61.7.139.78 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:21:32:25 น.
โดย: บุษ IP: 119.234.65.132, 220.255.7.187 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:21:43:42 น.
โดย: ป่ามืด IP: 124.120.51.244 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:22:01:47 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:1:25:57 น.
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:33:48 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2554 เวลา:5:04:03 น.
โดย: ป่ามืด วันที่: 2 มกราคม 2554 เวลา:11:50:33 น.
โดย: ป่ามืด วันที่: 2 มกราคม 2556 เวลา:0:56:33 น.
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 9 กันยายน 2560 เวลา:6:44:02 น.
โดย: ป้ามด วันที่: 29 กันยายน 2564 เวลา:11:58:50 น.
โดย: DJCharlesSyday IP: 92.119.179.84 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:15:03:33 น.
โดย: Richardsaisa IP: 213.159.38.90 วันที่: 15 พฤษภาคม 2565 เวลา:9:18:49 น.
โดย: VirgilBlago IP: 165.231.182.146 วันที่: 23 กันยายน 2566 เวลา:21:07:23 น.
โดย: MatthewhulsE IP: 45.132.194.17 วันที่: 2 ธันวาคม 2566 เวลา:3:17:34 น.
โดย: Jamesdob IP: 57.129.53.187 วันที่: 22 ธันวาคม 2567 เวลา:4:41:42 น.
โดย: Zacharytaddy IP: 79.137.89.102 วันที่: 28 มกราคม 2568 เวลา:17:50:28 น.
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
Five Precepts For Kids I promise to try not to take the life of any animal, bug, fish or bird. I promise to try not to take anything which is not given to me. I promise to try not to be greedy or disrespectful with regard to what I eat, see, feel and listen to. I promise to try not to lie or speak harmfully to anyone. I promise to try not to consume any foods, drinks or drugs which make me stupid or crazy.