ธรรมดาคือธรรมดาที่แสนจะธรรมดา ธรรมดาคือธรรมดาที่ยิ่งกว่าธรรมดา ธรรมชาติคือธรรมดา ที่แสนจะธรรมดาและยิ่งกว่าธรรมดา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

บุญและอนุโมทนาบุญ

บุญ
“บุญคืออะไร?”
บุญคือความดี
“แล้วหน้าตาความดีมันเป็นอย่างไร?”
นั่นสินะอยากเห็นเหมือนกัน
“ไหนลองเดินไปหาดูที่ตู้เสื้อผ้าสิมีหรือเปล่า?”
หรือ
“ลองเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง หาเจอหรือยัง?”
“ถ้างั้นเดินเข้าไปให้ห้องน้ำสิ เจอมั๊ย?”
สงสัยละสิให้เดินไปโน้นมานี่
“เรากำลังหาอะไรกันแน่?”
ก็หาตัวบุญตัวความดีกันยังไงล่ะ
ลักษณะของบุญของความดี
หน้าตาจะยิ้มๆ ใจก็ยิ้มแย้ม ปิติสุข ยินดี อิ่มเอมใจ
“เจอหรือเปล่าหน้าตาแบบนี้น่ะ?”
“แล้วที่เราเดินๆหากันนี่มีกระจกมั๊ย?”
ไปยืนหน้ากระจกสิ ส่องดูสิ
“เห็นหรือยัง?”


บุญความดีคือการกระทำและหมายรวมถึงความคิด
ที่ไม่ทำให้ตัวเราและผู้อื่นเดือนร้อน
และยังเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเราและผู้อื่นด้วย
มาดูตัวอย่างการทำความดีกันสักหน่อยดีกว่า
เช่น การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
การตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ
การช่วยทำนุบำรุงพระศาสนา
การช่วยงานสาธารณะประโยชน์




ในส่วนของความคิดดี
ตัวอย่างที่เห็นกันเช่น
การยินดีในความดีของผู้อื่น
การไม่ผูกพยาบาท
ไม่อาฆาต
ไม่โกรธ
ไม่แค้น
ไม่ชิงชัง
ไม่อิจฉาริษยา
ไม่คิดทำร้ายตนเองและผู้อื่น
การยึดมั่นในศีลธรรม
แค่นี้เองง่ายมั๊ยล่ะ
แค่คิดก็ได้บุญแล้ว

ในความเป็นจริงการทำบุญทุกอย่างต้องใช้แรง
“อ้าว...ไหนบอกว่าแค่คิดก็ได้บุญแล้วไงล่ะ?”
ก็ใช่...แค่คิดก็ได้บุญแล้ว
แต่ต้องคิดด้วยแรง
งั้นเรามาทำความเข้าใจเรื่องการใช้แรงในการทำบุญกัน
ให้ซึมซาบซึมลึกกันเข้าไปอีกนิดดีกว่า




แรงในที่นี้หมายถึงกำลัง
ความสามารถที่เราทำได้
และจิตที่ตั้งใจ
“เราใช้อะไรทำบุญกันบ้างล่ะ?” เงินไงเห็นชัดที่สุด ช่วยด้วยเงิน
ถวายปัจจัยทำบุญ
ถวายทองคำทองเหลืองหล่อพระ
นี่ไงล่ะแรงกำลัง
เราเรียกว่ากำลังทรัพย์
เราใช้ทรัพย์สินที่เรามี
ที่มีเหลือ มีเกิน
เอาออกไปช่วย
ให้ออกไป
แบ่งปันออกไป


ในส่วนการเอาตัวเข้าไปช่วยงาน
ช่วยทำความสะอาดสาธารณะสถาน
ช่วยปัดกวาดลานวัด
เช็ดถูประตูโบสถ์
ช่วยเก็บขยะ
ช่วยล้างจาน
นี่ก็แรงกำลังกาย


ในส่วนการคิดจะช่วยทำโน้นทำนี่
เพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์
เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะชน
คิดสิ่งที่เป็นบุญสิ่งที่เป็นกุศล
ครองใจ ดึงจิต ตั้งมั่นให้อยู่ในศีลในธรรม
อธิษฐานจิตตั้งมั่นในความดี
ก็ถือได้ว่าใช้กำลังความคิด
เห็นมั๊ยล่ะทำบุญต้องใช้กำลังใช้แรงกำลังด้วยกันทั้งนั้น
แรงแบบนี้ไม่มีวันหมด
ยิ่งใช้ยิ่งสะสม
ยิ่งใช้มากกำลังบุญยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ




ไหนๆก็ไหนๆ
เราเรามาเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดของบุญกันอีกหน่อยดีกว่า
จะได้รู้กันว่า
ทำอย่างไรถึงจะได้บุญ?
มีการทำบุญแบบไหนบ้าง?


ในทางพุทธศาสนาการทำบุญมี ๑๐ ประการ
เรียกว่า บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ได้แก่
๑. ทานมัย การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ผู้รับ
๒. สีลมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา
และวิปัสสนาภาวนา
๔. อปจายนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน
ต่อผู้ที่ควรเคารพนบนอบ (คุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ)
๕. เวยยาวัจจะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานที่ชอบ
๖. ปัตติทานะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น
(การแผ่เมตตา)
๗. ปัตตานุโมทนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมสวนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกรรม บุญที่สำเร็จได้ด้วย
การทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

รู้กันแล้วนะว่าเราสามารถทำบุญกันได้อย่างไรบ้าง
ตอนนี้เราจะเน้นที่บุญกริยาวัตถุในข้อ ๗.
เอ้า...ย้อนกลับขึ้นไปดูสิข้อ ๗. เขาว่ายังไงลืมหรือยัง?
ปัตตานุโมทนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ




อนุโมทนาบุญ
“อนุโมทนาแปลว่าอะไร?”
แปลว่าอะไรก็ไม่รู้
เขาว่ามาก็ว่าไป
ผู้เฒ่าผู้แก่บอกให้ทำก็ทำไป
บอกให้อนุโมทนาก็อนุโมทนาไป
เขาสาธุ ก็สาธุกันไป
สาธุ สาธุ สาธุ

ยกมือไหว้อนุโมทนากันปะหลกๆ
ปากก็ว่าสาธุ สาธุ สาธุ
“แล้วรู้ความหมายกันจริงๆ หรือยัง?”
“ใจเรานั่นแหละ จิตเรานั่นไง
รู้ความหมายที่ชัดเจนถูกต้องกันหรือยัง?”


ถ้าเอาความหมายแบบถูกต้องตามหลักภาษาไทยเป๊ะๆ
ก็ขอยกเอาความหมายตามพจนานุกรม
ฉบับราชบัณฑิตยสถานสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
มาอธิบายให้ฟังก็แล้วกันนะ
เอ้า...จะรีบไปไหน อย่าเพิ่งไปไหนสิ
มาฟังกันก่อน
เอาน่าฟังๆ กันหน่อยอุตส่าห์ไปรื้อไปค้นมาแล้ว




ขอแปลให้ฟังแบบง่ายๆ ตามสไตล์ผู้เขียนเองก็แล้วกัน
อนุโมทนา แปลว่า ยินดีตาม,
ยินดีด้วย,
พลอยยินดี
ใครทำดีก็ยินดีปลื้มใจไปกับเข้าด้วย
พลอยยิ้ม พลอยปลื้มไปกับเขาด้วย
“แล้วสาธุล่ะแปลว่าอะไร?” สาธุ ถ้าตามแบบที่พูดกัน
สาธุจะหมายถึงการยืนยันด้วยการพูด
แสดงความเห็นว่าชอบแล้ว เห็นด้วย
หรืออนุโมทนาด้วย
ถ้าพระสงฆ์กล่าวว่าสาธุจะหมายถึงการยืนยัน
หรือรับรองพิธีทางศาสนาที่กระทำไป

การมีจิตร่วมอนุโมทนากับผู้ทำความดีผู้ทำบุญ
นอกจากจะได้บุญร่วมด้วยแล้ว
เรายังได้ลดตัวมานะทิฐิในจิตเราลงไปอีกด้วย
“ลดอย่างไร?”
เราไม่อิจฉาไม่ริษยา คนที่เก่งกว่า ดีกว่า มีความสามารถกว่า
แถมยังยินดี และปลื้มปิติไปกับเขาด้วยความจริงใจ
ลดความยึดมั่น ถือมั่นว่าเราต้องเก่งกว่าเขา
ดีกว่าเขาลงไปได้มากมาย
เมื่อเราลดมานะทิฐิในใจเราลงได้
ใจเราก็จะเบา จิตเราก็เบา
จิตเราก็แย้มยิ้มด้วยความสุข




เอาล่ะ...ต่อจากนี้เรามาใช้แรงในการทำบุญ
ด้วยการตั้งใจอ่านบทความที่เหล่าเพื่อนธรรมได้ถ่ายทอดไว้กันดีกว่า
เริ่มกันที่
คุณpiromsuparp ได้นำบทสนทนาของ
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี มาถ่ายทอดไว้
ซึ่งท่านแสดงธรรมเรื่องปัตตานุโมทนามัย
...อนุโมทนากับคนที่ทำบุญ เราก็ได้บุญด้วย


ผู้ถาม...มีคนฝากให้มาถามหลวงพ่อว่า
พ่อแม่ไม่ค่อยทำบุญแต่เป็นคนดีคนซื่อ
ถ้าบุตรหลานทำให้แล้วจะใส่ชื่อเขาด้วย
อยากทราบว่าท่านจะได้หรือไม่ครับ


หลวงพ่อ...เขาโมทนาด้วยหรือเปล่า
ถ้าลูกไปบอกว่า "พ่อ(หรือแม่) ฉันทำบุญให้แล้ว
ถ้าท่านยินดีด้วย ท่านได้แน่นอน
ถ้าบอก กูไม่รูโว้ย ด่าตะเพิด อันนี้ไม่ได้แน่


ผู้ถาม...อย่างเวลาเลิกพระกรรมฐานแล้วก็มีคนไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ
แต่หนูไม่มีของก็ยกมืออนุโมทนาด้วย
อย่างนี้จะมีอานิสงส์ไหมคะ...?


หลวงพ่อ...อานิสงส์ที่จะพึงได้ก็คือ
ปัตตานุ โมทนามัย เป็นผลกำไรจากการเจริญพระกรรมฐานไม่ต้องลงทุน
ถ้าตั้งใจจริงถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์
เจ้าของ ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
เราได้ครั้งละ ๙๐
ผ่านไป ๑๐ คน
เราได้ ๙๐๐ มากกว่าเจ้าของ
เอ้า! เยอะจริงๆ มันทำบารมีให้เต็มเร็ว เร็วมาก
การโมทนา เขาแปลว่า ยินดีด้วย
ต้องยินดีด้วยความจริงใจนะ
สักแต่ว่า สาธุ มันไม่ได้อะไร
คำว่า “สาธุ” ไม่จำเป็นต้องออกเสียง
ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ก็ได้
เอาใจยินดีใช้ได้เลย
และการแสดงความยินดีมันก็คือ มุทิตา
เป็นตัวหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ นี่บุญตัวใหญ่
ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า "จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา"
ถ้าก่อนตายจิตผ่องใสก็ไปสู่สุคติ
หมายถึง สวรรค์ก็ได้ พรหมก็ได้ นิพพานก็ได้
สุดแล้วแต่กำลังใจเรา
และการโมทนานี่ทำให้ชุ่มชื่นใจใช่ไหม...
เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีกับความดีของเขา
ไม่ช้าเราก็ดีตามเขาเพราะ เราเห็นเขาดี เราก็ชอบดีใช่ไหม
...แต่อย่าไปชอบดีเฉยๆนะ ต้องทำดีด้วยนะ
ทำบุญด้วยตนเองบ้าง


ผู้ถาม...หลวงพ่อครับ ปัตตานุโมทนามัย กับ
ไวยาวัจมัยนี่เหมือนกันไหมครับ


หลวงพ่อ...ไวยาวัจมัย เขาแปลว่า ขวนขวายในกิจการงาน
เช่น เขาส่งสตางค์มาทำบุญ เราช่วยส่งต่อ
หรือพวกที่ช่วยขนสังฆทานนี่ ก็พลอยได้บุญไปด้วย
มีอานิสงส์ต่ำกว่าบวรเณรนิดหนึ่ง ไม่เบานะ
แต่ปัตตานุโมทนามัย ไม่ต้องลงทุน
แต่พวกถือมานี่ ยังต้องออกแรงนะ
พวกโมทนานี่ไม่ต้องออกแรงเลย
แต่อย่าลืมนะ เอาแต่โมทนาอย่างเดียวไม่ดีนะ
ต้องอาศัยคนต้นตลอด
ถ้าไม่ได้อาศัยคนต้นจริงๆ
จะสำเร็จมรรคผลไม่ได้เช่นเดียวกับพระนางพิมพาต้องอาศัยพระพุทธเจ้าตลอด




เป็นอย่างไรล่ะ ซาบซึ้งถึงความหมายของการอนุโมทนา
ตามที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านได้แสดงไว้แล้วนะ
เรายังมีคุณตปสีโล จากเว็บไซต์วัดถ้ำเมืองนะ
ได้ถ่ายทอดคำสอนของหลวงปู่ดู่ วัดถ้ำเมืองนะ เชียงใหม่ ให้เราได้ศึกษาเพิ่มเติมอีก


“หลวงปู่สอนไว้ในหนังสือ พระผู้จุดประทีปฯ ว่า
เมื่อใดก็ตามที่จิตจะรับบุญให้นึกน้อมกระแสบุญนั้นๆ เข้ามาที่ตัวเรา
แล้วนึกอธิษฐานว่า ขอให้บุญ หรือ พร ที่เกิดขึ้นนี้
จงติด ตัวข้าพเจ้าตลอดไปทั้งชาตินี้และชาติต่อๆไป
ตราบเข้านิพพาน (...อันนี้ผมเติมเอง) แล้วสัพเพน้อมนำพระเข้าตัว
ถ้าขนลุกซู่ซ่า ปิติแล่นทั่วตัว ล่ะโป๊ะเช้ะ”




ยังไม่หมดเรามาต่อกันด้วยคุณปราณยาม
จากเว็บไซต์วัดถ้ำเมืองนะ ซึ่งนำคำสอนของหลวงปู่ดูมาเสริมให้อีก



“อนุโมทนาด้วยครับ
ตรงนี้มีครูเคยสอนด้วยครับว่าเวลาเราไปทำบุญที่ไหนมา
เมื่อกลับถึงบ้านแล้วให้เราบอกกล่าวที่บ้านด้วย
เทวดาหรือเจ้าที่จะได้ร่วมอนุโมทนากับเรา บ้านเราก็จะได้สงบสุขครับ”


ตามมาติดๆ ด้วยบทความของคุณช้างจากเว็บไซด์พรครูบา

“หลวงปู่ดู่ท่านก็มีกลวิธีที่แยบคายในการสอนให้เราระลึกถึงคุณพระอยู่เสมอ
ท่านก็เคยสอนวิธีการทำบุญโดยไม่เสียกะตังอยู่เหมือนกัน
คล้ายๆกับการอนุโมทนาที่ไม่ต้องใช้กะตังเช่นกัน เช่น
เวลาเปิดไฟฟ้าที่บ้านท่านก็ให้ภาวนาว่า
"โอมอัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา"
หรือเวลาที่เรานั่งรถผ่านตลาดแล้วเห็นแม่ค้าขายดอกไม้
หรือเห็นบัวกลางสระน้ำก็ให้นึกนำดอกไม้นั้นไปบูชาพระ
เสร็จแล้วท่านก็ให้แผ่เมตตาแก่เจ้าของดอกไม้
หรือเทวดาที่รักษาสระบัวนั้นนั้นด้วย”




โอ้โห...เห็นมั๊ยล่ะทำบุญง่ายนิดเดียว
แค่เราตั้งใจ มีเจตนาที่เป็นบุญเราก็ได้บุญแล้ว
แถมยังส่งบุญต่อให้ผู้ที่สามารถทำให้เราได้บุญอีกด้วย
เป็นไง...รู้สึกสนุก ยินดี เป็นสุขกับการทำบุญขึ้นมาบ้างหรือยัง
เรามาสะสมบุญกันให้เยอะๆ เลยดีกว่า

เอาล่ะเรามาถึงช่วงปิดท้ายกันสักที
เราจะปิดภาคบุญและอนุโมทนาบุญกันด้วยการกล่าวคำอธิษฐานจิต
ตามอาจารย์คณานันท์
ตั้งใจอธิษฐานกันดีๆ นะ


ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน
ระลึกถึงบุญกุศล บุญบารมี คุณงามความดี
และจิตใจที่ดีงาม ของพระพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระมหาโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์อริยสงฆ์
ทุกๆพระองค์ ทุกๆท่าน
เทพพรหม เทวาทั้งหลาย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ตลอดจนความดีของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ทั่วมหาอนันตจักรวาล
ที่ได้บำเพ็ญมานับตั้งแต่อดีตปัจจุบันและที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ภาวนา
สัมมาทิฐิ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ
ข้าพเจ้าขอกราบมหาโมทนาในบุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้
ด้วยความจริงใจ
ขอให้อำนาจแห่งการมหาโมทนามัยนี้
จงส่งผลเป็นกระแสบุญอันบริสุทธิ์หลั่งไหลสู่ดวงจิตของข้าพเจ้า
นับแต่บัดนี้และตลอดไปด้วยเถิด”


อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ สาธุ





 

Create Date : 05 มกราคม 2552
2 comments
Last Update : 31 มกราคม 2552 15:18:27 น.
Counter : 1705 Pageviews.

 

แวะมาอ่าน เป็นความรู้ดีมาก ขอบคุณมากเลยค่ะ อนุโมทนาค่ะ

 

โดย: ไอ้หัวบุบ IP: 203.159.97.3, 203.159.12.200 8 ตุลาคม 2552 10:37:32 น.  

 

จะปฎิบัติให้ได้ตามนี้คะ ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 

โดย: คุณเปิ้ล IP: 125.27.44.240 20 สิงหาคม 2553 13:05:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไอฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ธรรมชาติคือความสวยงาม
ธรรมชาติคือความเรียบง่าย
ธรรมชาติคือความสุข
ธรรมชาติคือความรัก
...แค่เราเปิดใจให้ธรรมชาติ
เราก็จะรับรู้และซึมซับ
ความสวยงามที่เรียบง่าย
ที่ส่งมอบความรักให้เราตลอดไป
...ธรรมชาติ
Friends' blogs
[Add ไอฟ้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.