ธรรมดาคือธรรมดาที่แสนจะธรรมดา ธรรมดาคือธรรมดาที่ยิ่งกว่าธรรมดา ธรรมชาติคือธรรมดา ที่แสนจะธรรมดาและยิ่งกว่าธรรมดา
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

ถอนมิจฉาทิฐิอธิษฐานและวางกำลังใจให้ถูกต้อง

ถอนมิจฉาทิฐิอธิษฐาน
ถอนมิจฉาทิฐิอธิษฐาน
ก็คือการเพิกถอน การยกเลิก การระงับ การหยุด
คำอธิษฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิ ที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ที่เราเคยทำไว้นั่นเอง


นั่นแน่มีคนสงสัยอีกแล้ว
“มีการถอนคำอธิษฐานกันได้ด้วยเหรอ?”
มีสิ ตรงนี้ถือได้ว่าเป็นการยกจิตให้ขึ้นสูง
หยุดแรงอธิษฐานที่ผิดๆ
หยุดแรงโกรธแค้นอาฆาต
หยุดแรงของความลุ่มหลง


จะว่าไปการถอนคำอธิษฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิ
ก็คล้ายกับการ ขอขมา และขอตัดกรรม
ซึ่งเทียบได้กับการสารภาพบาปอย่างหนึ่งเลย
นั่นคือเรายอมรับในสิ่งที่เราเข้าใจผิด หลงผิดไป
แต่ไม่ใช่การล้างบาปนะ
คนละเรื่องกัน
เรื่องของบาปของกรรมล้างกันไม่ได้
แต่ทำให้เจือจางได้



“แล้วทำอย่างไรกรรมจึงจะเจือจาง?”
ชดใช้ ขอบอกเลยว่าชดใช้อย่างเดียว
ถ้ากรรมที่พูดถึงหมายถึงผลของกรรมดี
เราคงไม่คิดว่าต้องชดใช้
เมื่อเราได้รับผลแห่งกรรมดี
ก็มีแต่ความยินดี อิ่มเอม เป็นสุข
ซึ่งเราก็ไม่ควรประมาท
หลงระเริง
ว่าเราดี
เราเก่ง
เรามีบุญ
บุญมีได้ก็หมดได้
ฉะนั้นสิ่งที่เราควรทำ
คือควรจะเร่งหมั่นสร้างกรรมดีให้มากยิ่งๆ ขึ้น
นั่นคือเราก็จะได้รับผลบุญมากขึ้น
แต่ที่เน้นไม่ใช่ให้เราคาดหวังว่า
ทำบุญอย่างนี้ต้องได้อย่างนั้น
ทำบุญอย่างนั้นต้องได้อย่างโน้น
นั่นก็ผิดวัตถุประสงค์
เพราะบุญคือการแบ่งปัน
บุญคือการให้
เมื่อให้แล้วเรามีความสุข
นั่นคือบุญได้เกิดขึ้นแล้ว
ส่วนผลพลอยได้ที่จะได้อย่างไรนั้น
เป็นสิ่งที่ตามมาจากใจเราที่เป็นสุขนั่นต่างหาก



แต่หากผลกรรมที่เราได้รับ
เป็นผลของกรรมไม่ดี
ซึ่งทุกคนไม่อยากได้
ไม่อยากให้เกิดกับตนเลย
แต่จะหนีไปไหนพ้นล่ะ
ดังนั้นการชดใช้ถือว่าเป็นความยุติธรรมของโลก
“แล้วเราต้องตั้งหน้าตั้งตารอผลกรรมชั่วที่เราทำไปแล้วงั้นเหรอ?”
“นั่นสิเราต้องรอกรรมชั่วมาสนองเหรอ?”
“เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”

แน่นอนเราทำได้
อย่างน้อยก็เป็นการผ่อนหนักให้เป็นเบา
เป็นการเจือจางให้ผลกรรมบรรเทาลงไป
ด้วยการสร้างกรรมดีทุกอย่าง
หยุดกรรมชั่วทุกชนิด
ทำสิ่งใดมาก ก็ได้สิ่งนั้นมาก
ฉะนั้นใครทำกรรมใดย่อมรับผลแห่งกรรมนั้น
ซึ่งเป็นกฎของธรรมดา



“เราเกิดมาวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนานเท่าไหร่แล้ว?”
ส่วนใหญ่ไม่อาจจะรู้ได้
เราเกิดมาหลายภพ หลายภูมิ หลายชาติ
การพลาด การหลงผิดย่อมมีแน่นอน
เราก็ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ได้ว่า
“เราเคยสาปแช่งใคร เราเคยจองล้างจองผลาญใครไว้บ้าง?”
“เราเคยผูกใจเจ็บโกรธแค้นใครข้ามภพข้ามชาติบ้างหรือเปล่า?”


เมื่อเราสำนึกได้
และต้องการถอนจิตออกจากสิ่งที่ไม่ดี
ที่จิตเรากำหนดไว้หลายภพชาติ
เพื่อไม่ให้เกิดกรรมผูกพันกันต่อไปอีก
ให้กรรมที่เกิดจากความหลงผิดมันจบสิ้นกันไป
ดังนั้นเรามาอธิษฐานจิตถอนคำอธิษฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิ
ตาม
อาจารย์คณานันท์ กันเลย



“เรามาเริ่มกันเลยครับ
เริ่มต้นให้ทุกท่านอาบน้ำให้สะอาด
และเข้าห้องพระสวดมนต์
หรือจะเข้าไปอธิษฐานต่อพระประธานในโบสถ์ก็ได้ครับ
เมื่อสวดมนต์ไหว้พระ จนจิตใจเราสงบดีแล้ว
ก็เริ่มเข้าสมาธิภาวนา
จับลมสบาย จนใจสงบ
พบลมหายใจละเอียด
ใจสบาย
จากนั้นวางกำลังใจว่า
ขณะนี้เราตั้งใจอยู่ในความดี
ขณะนี้ศีลของเราบริสุทธิ์
เรามีความเคารพในพระรัตนไตย
เรามีความเข้าใจในความไม่เที่ยงของขันธ์ห้า
ไม่ประมาทในความตาย
เรามีพรหมวิหารสี่
มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ไม่มีที่สุด
ไม่มีประมาณ
จากนั้นให้เข้าอารมณ์ใจที่สบายสูงสุด
ตามที่กำลังใจเราของเราจะพึงทำได้
ท่านที่ได้มโนมยิทธิ
ก็จงขอบารมีพระท่านยกจิตอาทิสมานกาย
ขึ้นไปอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน
ส่วนท่านที่ไม่ได้มโนก็ขอได้ทำกำลังใจต่อหน้าพระพุทธรูป
ประหนึ่งอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธองค์เช่นกัน
จากนั้นตั้งจิตถอนคำอธิษฐานในมิจฉาทิฐิออกไปจากจิตใจของเรา
โดยเข้าอารมณ์ใจที่สบาย เปล่งวาจาว่า”



“ข้าพเจ้าขอตั้งจิตถอนคำอธิษฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิ
อันข้าพเจ้าได้ทำไปด้วยอำนาจกิเลส
อันมีความโลภความโกรธ อาฆาต
พยาบาทจองเวรแก่ท่านผู้ใดก็ดี
ความหลงในสังสารวัฏ ภพภูมิต่างๆก็ดี
ความยึดติดในบุคคลด้วยความรักความหลงก็ดี
ที่หลงผิดเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผู้หนึ่งผู้ใดก็ดี
การตั้งจิตอธิษฐานเหล่านี้จะด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี
ด้วยอารมณ์ชั่ววูบก็ดี
และล้วนแล้วที่ได้อธิษฐาน
มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี
จะระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี
ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐานเหล่านี้ออกไปจากดวงจิตของข้าพเจ้า
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
กรรมใดที่บังเกิดจากการอธิษฐานเหล่านั้น
ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาในอกุศลกรรมความพลั้งพลาด
ต่อท่านทั้งหลายด้วยเทอญ
และข้าพเจ้าขอน้อมจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา
นับแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ และอนาคตชาติ
อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
เทพพรหมเทวดาที่ประจำรักษาข้าพเจ้า
ขอให้ได้อโหสิกรรม เลิกแล้วต่อกัน
เป็นโมฆะกรรมตราบเท่าที่ข้าพเจ้าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ”


“จากนั้นทำกำลังใจให้ถึงอารมณ์ใจสบาย
ลมหายใจหายไปได้ยิ่งดี
ท่านที่ได้สมาบัติแปด ก็เข้าให้ถึงความว่าง
สลายคำอธิษฐานที่เป็นมิจฉาทิฐิออกไปจากจิตใจให้หมดสิ้น
จนใจเข้าถึงความสุข ความปลอดโปร่ง
แล้วจึงแผ่เมตตาอัปปมาณฌานออกไป
ยังทิศทั้งปวงทั้ง ๓ ไตรภูมิ ๑ นิพพาน
จนใจสบายในปิติสุข
เป็นอันจบพิธีการถอนอธิษฐาน”




อธิษฐานจิตวางกำลังใจให้ถูกต้อง
“ทำไมต้องมีการวางกำลังใจ?”
หลายคนมีคำถามนี้อยู่ในใจ
“กำลังใจมีเยอะแยะเลยไม่ต้องวางหรอก
มั่นคงอยู่แล้ว
สบายใจได้
มีพระอยู่กับตัวตลอดกลัวอะไร?”
“ถือศีล กินเจ อยู่ทุกวันแบบนี้ยังต้องวางกำลังใจอีกเหรอ?”
“อยู่ในเพศบรรพชิตต้องวางกำลังใจอีกมั๊ย?”
“กำลังใจวางอย่างไร?”


กำลังใจคือ แรงฮึด แรงพยุง แรงผลัก แรงดัน
ให้เราก้าวไปในทิศทางที่เราต้องการ
รวมถึงไปในทิศทางที่ถูกต้องด้วย

“แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราไปถูกทางแล้ว?”
ก็นั่นน่ะสิ
“เราจะรู้ได้อย่างไร?”
หลายคนยังไม่เข้าใจถึงการวางกำลังใจที่ถูกต้องนัก
คิดง่ายๆ ว่า

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่
ทำบุญ ทำบุญ ทำบุญ แล้วก็ทำบุญ
ทำบุญเยอะๆ แค่นี้ก็วางกำลังใจถูกแล้ว”

ถ้าเช่นนั้นขอถาม “ทำบุญเพื่ออะไร?”
คำตอบที่ได้ “ทำบุญก็เพื่อได้บุญมากๆ”
“ทำบุญเพื่อจะได้รวยๆ”
“ทำบุญเพื่อจะได้สวยๆ”
“ทำบุญไว้จะได้ไม่ลำบาก”
“ทำบุญแล้วจะได้โชคดี”

มีใครจะตอบอะไรอีกหรือเปล่า
“ทำบุญจะได้พบเจอแต่คนดี”
“ทำบุญเพื่อจะได้เนื้อคู่เป็นคนดี”

สรุปทำบุญหวังผลด้วยกันทั้งนั้น
ส่วนใหญ่ก็หวังผลเพื่อตนเองนั่นแหละ
ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ที่จะทำบุญแล้วหวังผล
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกอย่างแท้จริงนัก

“ทำบุญเพื่ออะไร?”
ที่ถูกคือ ทำบุญเพื่อให้เรารู้จักการแบ่งปันในสิ่งที่เรามี
ให้เรารู้จักรักรู้จักเมตตาต่อเพื่อน
ทุกจิตวิญญาณที่ร่วมอยู่ในสังสารวัฏ
ให้เรารู้จักการละวางในสิ่งที่ทำให้เรา
ยึดติด
ยึดถือ
ยึดมั่น
ให้เราหลุดพ้นจากวังวนแห่งวัฏสงสาร
มุ่งตรงสู่พระนิพพาน




เนื่องจากเรายังเป็นผู้ที่วนเวียนอยู่ในวัฏจักร
แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
จิตเรายังไม่นิ่ง ไม่สงบ ไม่เที่ยง ไม่มั่นคงนัก
ฉะนั้นหลายสิ่งที่มากระทบกับจิตเราก็มีอยู่ไม่ขาด
ไม่ว่าจะเป็นความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้
ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
กิเลส ตัณหา ราคะ ยังมีอยู่จิตใจเราอยู่เนืองๆ
ฉะนั้นเราต้องคอยเตือนตัวเราอยู่เสมอว่า

“เรากำลังทำอะไร?”
“เพื่ออะไร?”

เป็นการทำให้เรามั่นคงในเส้นทางที่เราก้าวเข้ามา
เพื่อนำพาจิตเราให้หลุดพ้นวงเวียนแห่งการเกิด-ดับนี้
เรามาตั้งกำลังใจ วางกำลังใจที่ถูกต้อง
ตาม
อาจารย์คณานันท์ “กันเถอะ

“มวลหมู่สัตว์ผู้แหวกว่ายในทะเลทุกข์นั้นมากมายมหาศาล
ขณะนี้จิตของข้าพเจ้าเปี่ยมไปด้วยมหาเมตตา
ไม่มีประมาณต่อมวลหมู่สัตว์ทั้งหลาย
ข้าพเจ้าขอตั้งกำลังใจใหม่
ละมานะทิฐิ
ที่สำคัญตนว่าดี
สำคัญตนว่าเลิศ
สำคัญว่าตนประเสริฐกว่าผู้ใด
มุ่งบำเพ็ญพระโพธิญาณเพื่อตนเอง
มาเป็นสัมมาทิฐิ
ข้าพเจ้าขอสละร่างกาย
สละชีวิต
สร้างบารมีด้วยเมตตา
หวังเพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากสังสารวัฏ
เข้าสู่พระนิพพานอันเป็นบรมสุขด้วยเถิด”




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2551
0 comments
Last Update : 31 มกราคม 2552 15:18:05 น.
Counter : 809 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไอฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ธรรมชาติคือความสวยงาม
ธรรมชาติคือความเรียบง่าย
ธรรมชาติคือความสุข
ธรรมชาติคือความรัก
...แค่เราเปิดใจให้ธรรมชาติ
เราก็จะรับรู้และซึมซับ
ความสวยงามที่เรียบง่าย
ที่ส่งมอบความรักให้เราตลอดไป
...ธรรมชาติ
Friends' blogs
[Add ไอฟ้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.