Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
นี่สังคมไทยเปลี่ยนไป หรือฉันคิดไปเอง

รำเพยไม่ได้อยู่เมืองไทยมานานแล้วนะคะ มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนไทยก็มองแค่ผ่านทางเวปพันทิป หรือมองเห็นเวลาที่กลับเมืองไทยบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่เรื่องราวในอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ทำให้มองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกัน

เมื่อวานคุยกับนักศึกษาวิทยาศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์คนนึง (คนแถวนี้แหละ) ถามเค้าว่าไอ้เรื่องการลอกงานกันแล้วเอามาอ้างว่าเป็นของตัวเองเนี่ย มันกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในสังคมไทยกันไปแล้วเหรอ คำตอบที่ได้มาคือ "ธรรมดาพี่ ผมยังโดนลอกงานบ่อยๆ ผมไม่ลอกใครแต่คนอื่นมันลอกผมประจำ ห้ามกันไม่ได้แล้วพี่ อย่าคิดมากเดี๋ยวแก่เร็ว" (แก่แล้วเว้ยยย ไม่ต้องรอแล้ว มันแก่แล้วไอ้น้อง....รำเพย) เออแฮะ เดี๋ยวนี้คนไทยมีแนวคิดเห็นแก่ได้และคำว่าควรไม่ควร หรือ มารยาท มันหายไปหมดแล้วหรือไรกัน ความคิดประจำชาติที่ว่า ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ มันระบาดออกมาและมิวเตทกลายไปเป็นความมักง่าย และไร้มารยาทกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คนไทยในอดีตต่อให้จะทำอะไรตามใจคือไทยแท้ แต่ความมีเกียรติ และถือเรื่องการให้เกียรติคนอื่นก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ เดี๋ยวนี้มันกลายพันธุ์เป็นความมักง่ายไปเสียแล้วหรือ



สิบกว่าปีมาแล้วตอนที่ยายยังมีชีวิตอยู่ รำเพยยังจำได้ว่า คุณปรีชา แก้วบ่อ เจ้าของสำนักพิมพ์ แม่คำผาง มาที่บ้านขออนุญาตรวมงานของยาย เอาไปพิมพ์เป็นเล่มขาย จำได้ว่าตอนที่คุณปรีชากลับไปแล้ว รำเพยก็ไปคุยกับยายว่าเค้ามาทำอะไร ยายบอกว่าเค้ามาขอพิมพ์รวมงานของยาย รำเพยยังดีใจว่า เย้ ยายได้เงินอีกแล้ว แต่เปล่าเลย ยายบอกว่ายายไม่เอาค่าลิขสิทธิหรอก เค้าสำนักพิมพ์เล็กๆเพิ่งเริ่มพิมพ์ ก็ให้เค้ารวมไปแล้วเอาหนังสือที่พิมพ์แล้วมาให้ยายก็พอ นั่นคือความใจดีของยาย และความมีมารยาทของคุณปรีชา ซึ่งอันที่จริงถ้าเค้าเอาเรื่องของยายไปรวมเล่ม ยายก็คงแค่บ่นๆในบ้านให้หลานฟังจนหูชา แต่ด้วยความเป็นยายก็ขี้เกียจเอาเรื่องแน่ๆ เพราะยายถือคติว่าเขียนแล้ว ได้เงินค่าเขียนแล้วก็พอ นั่นคือความคิดของยาย คนสมัยก่อนไม่ต้องนานมากนักหรอก แค่สิบปีที่แล้ว ความมีมารยาท และ ความรู้สำนึกถึงความควรไม่ควรก็ยังมีอยู่

ที่มาบ่นเรื่องนี้เพราะว่าช่วงนี้เห็นพฤติกรรมมักง่ายของคนมากขึ้นจนน่าตกใจ ไปเจอ เรื่องที่คุณแดร็กคิวล่าคุงโดนเพื่อนเอางานไปขาย หรือเรื่องที่มีคนปลอมตัวอยากได้ชื่อว่าเป็นเด็กคณะสถาปัตย์จุฬา แต่งเรื่องว่าคนนั้นคนนี้มาชอบตัวเอง พอคนจับได้ก็ปิด blog แต่ไม่มีการขอโทษอะไรใน blog ของตัว กลับไปบอกที่อื่นว่าโดนคนรุมด่า ไม่เห็นใจกันบ้างญาติพี่น้องเพิ่งตาย (มันเกี่ยวกันที่ไหนละนั่น) ที่แย่กว่านั้นคือ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คนกลับเห็นใจคนที่ทำผิด บอกว่านิดๆหน่อยๆน่า ไม่เป็นไร นี่คนเรา concept ของความควรไม่ควร มันเพี้ยนไปแล้วเหรอ คนทำผิดพอโดนจับได้ แล้วพาลใส่คนอื่น ดันกลายเป็นว่าคนที่ไปจับผิดเค้าได้กลายเป็นยักษ์เป็นมาร ไม่เห็นใจเค้าไป

กรรม

ทำไมสังคมเปี๋ยนไป๋ จะเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นไม่ได้หรือไงกัน สามัญสำนึกที่ดีของคนมันหายไปไหนกันหมด จากสังคมที่ให้เกียรติกัน รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตน ไหงกาลเวลาผ่านไปทำให้คนกลายเป็นคนสิ้นคิดเห็นแก่ได้ไปได้เนี่ย

เฮ้อ คนแก่ขอบ่นหน่อยเถอะ (ย้ำ แก่แล้วน่ะ ไม่ต้องบอกว่าอย่าคิดมากเดี๋ยวแก่เร็วหรอก เพราะว่าแก่แล้วเรียบร้อย)


Create Date : 25 กรกฎาคม 2548
Last Update : 25 กรกฎาคม 2548 7:22:37 น. 34 comments
Counter : 1285 Pageviews.

 
บอกแล้วคิดมากเด๋วผอม....


โดย: ยาจก IP: 202.44.135.35 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:32:38 น.  

 
เดี๋ยวนี้ทำจนบางครั้งกลายเป็นค่านิยมที่ผิดๆ ค่ะ

ทำผิดจนกลายเป็นสังคมรับได้ก็เยอะ




...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:44:17 น.  

 
นั่นน่ะสิ คุณ blueberry ยิ่งเรื่องเจอเด็กที่พยายามทำตัวเป็นคนอื่น เอาเรื่องเอารูปเอางานของคนอื่นมาเขียนเลยทั้ง blog เรื่องของคนอื่นทั้งนั้นน่ะ เจอแบบนี้รำเพยก็อึ้งว่าทำไมถึงต้องอยากเป็นคนอื่นขนาดนั้น

พอจับผิดได้ก็พาลพะโลบอกว่าไม่ได้ทำ ไม่รู้เรื่อง ปิด blog หนีไปพร้อมกับบอกว่าพี่ๆไม่เห็นใจ รุมด่ากัน เอ้อ นะ กลายเป็นเราผิดที่ไปจับผิดเค้าได้อีก เวรกรรมจริงๆ

หรือค่านิยมมันจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:48:58 น.  

 
ปล. คุณ blueberry รำเพยพยายามเข้าไปที่ blog ของคุณหลายรอบแล้วค่ะ เข้าไม่ได้เลยอะ โหลดทิ้งไว้ครึ่งชมก็ยังไม่มาเลย ใส่รูปใส่คำสั่งไว้เยอะรึเปล่าคะ เพราะว่าคอมรำเพยถ้าเจอรูปกระพริบๆหรือ คำสั่งจาวาเยอะๆ บางทีมันโหลดไม่มาเอาเลย บ้าใบ้ไปเลยน่ะ

อยากเข้าไปเขียน แต่เข้าไม่ได้สักที


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:50:53 น.  

 
แวะเยี่ยมคับ ยิ่งอ่านแล้วก็ยิ่งน่าเห็นใจ(ตัวเอง)คับ

ส่วนเพลงผมก้อลองเข้าไปฟังกันได้คับ ที่ blog มีให้ฟัง(ควรใช้ asdl ในการฟัง)

ถ้าใครเห็นศิลปินคนใดออกเพลงทำนองนี้ ก้อพึงคิดไว้เลยว่าเป็นเพลงผมเองอ่ะ...


โดย: แดร็กคิวล่าคุง วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:54:17 น.  

 
โอ้... มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอคะ? นาวตกข่าวอ่ะ

เรื่องแบบนี้คงไม่ได้เป็นที่ค่านิยมมั้งคะ แต่เป็นที่จิตสำนึกมากกว่า

นาวว่ามันจะมี 2 แบบนะคะ คือจงใจก๊อปปี้งานคนอื่น เพราะความสามารถตัวเองไม่ถึง ไอเดียไม่มี แต่อยากได้ผลงานดีๆแบบเค้า ก็ก๊อปปี้เอา ง่ายดี แบบนี้เรียกว่า "เห็นแก่ตัว"

กับอีกแบบคือ ไปเอางานเค้ามาเผยแพร่ ไม่ได้ตั้งใจจะก๊อปปี้หรอก แต่ไม่เห็นความสำคัญของการให้เครดิต ไม่ได้คำนึงว่าคนที่ผลิตงานเค้าต้องใช้สมองมากมายขนาดไหน แบบนี้เรียกว่า"มักง่าย"

ตอนนี้ประเทศไทยรณรงค์เรื่องทรัพย์สินทางปัญญากันมากขึ้น มีการเคลื่อนไหวหลายอย่าง (รวมไปถึงการที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ PCT) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่เห็นผลมากนัก อย่างในกรณีสิทธิบัตร คนทียื่นจดสิทธิบัตรในประเทศไทยเป็นชาวต่างชาติมากกว่า 70%... ไม่ใช่เพราะว่าคนไทยไม่เก่ง แต่คนไทยอีกจำนวนมากยังไม่เห็นความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญานะคะ

แต่การปลูกจิตสำนึกเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ซึ่งหวังว่าจะเห็นผลในเร็ววันนะคะ

สาธู๊......


โดย: ~nawo~ วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:08:54 น.  

 
เอ่อออ เรื่องของแต่ละคนฮะมีดีและเลวปะปนกันไป อยู่ที่ว่าเจ้าของจริงๆจะออกมาพิทักษ์สิทธิ์ของตัวเองแค่ไหน

ทุกวันนี้ที่พวกงักง่ายและพวกเห็นแก่ตัว(เอามาจากคนข้างบน) มันมีกันมากมายเพราะเจ้าของจริงๆไม่อยากเอาเรื่อง หรือไม่ก้อเจอนิสัยที่เล๊ว-เลว แบบว่าบีบน้ำตาหาว่าโดนกลั่นแกล้งนั่นหละฮะ

อยากจริง-จริ๊ง ให้เจ้าของตัวจริงเอาเรื่องขึ้นมาบ้าง คนพวกนี้จะได้ลดๆลงไปหน่อย


โดย: err_or วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:28:20 น.  

 
มีสิน้องนาว

สำหรับพี่นะ ถ้าใครทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด เรื่องก็จบ ไม่ว่าและไม่เอ่ยถึง

แต่พวกที่ขโมยงานคนอื่นไปขาย หรือว่าเอางานคนอื่นมาใช้แล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ พอโดนจับได้ก็ปิดเวปหนีเนี่ย พี่ว่าน่ารังเกียจมากกว่าน่ะ เพราะว่านอกจากไม่มีความภูมิใจในตัวเอง ต้องปลอมตัวเป็นคนอื่น แล้วยังไม่มีความกล้าอีก ผิดแล้วไม่กล้ารับผิด แต่ว่าวิ่งหนีไปเลย

เรื่องนี้มีจริง แต่ที่ยังไม่เอามาโพสต์ให้ดูเพราะให้เวลาเค้าก่อน ที่ผานมามันวันหยุดนิ ให้เวลาเค้าสักวัน แต่ยืนยันว่ามีน่ะ เรื่องแบบนี้พี่ไม่เขียนเล่นหรอกนาว


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:36:14 น.  

 
การลอกไม่ใช่สิ่งปกติค่ะ
การหลอกลวงก็ไม่ใช่สิ่งปกติ
เพียงแต่ว่ามันทำได้ง่าย และบางคนก็มักง่ายมั้งคะ


โดย: rebel วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:44:04 น.  

 
ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร เพราะเห็นด้วยทุกอย่างเลย
ทั้งในเนื้อหา ทั้งในที่ตอบ


โดย: กึ่งยิงกึ่งผ่าน วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:8:59:12 น.  

 
เห็นด้วยทุกประการเลยค่ะ

นอกจากเรื่องนี้แล้วก็มีหลายอย่าง


อย่างเรื่อง "รักเดียวใจเดียว" นี่ก็กลายเป็นของประหลาด หายากไปแล้ว


สงสัยเราจะแก่ไปแล้วจริงๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:13:59 น.  

 
เห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้นะค่ะ หลายๆ เรื่องบ้านเราเมืองเราเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือซึ่งก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

หลายอย่างที่เป็นเรื่องผิดแต่คนกลับเห็นเป็นเรื่องชอบเพราะมักง่าย อยากได้อยากมี อยากให้คนอื่นดูดีถึงกับต้องทำสิ่งผิดเพื่อต้องการแลกแค่ความต้องการผิดๆ นั้นให้กับตัวเอง แบบนี้คิดว่าสังคมคนเห็นแก่ตัวมากขึ้นนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:44:21 น.  

 
เมื่อกี้ไปอ่านในบล๊อกคุณแดร็กคิวล่า มาเหมือนกันเลยตามมาบล๊อกนี้ .. เห็นด้วยทุกอย่างเลยคับ ...

คือจริง ๆ แล้วมันน่าจะเป็นสามัญสำนึกส่วนบุคคลที่พึงมี .. ว่าอย่างน้อยเราไม่ได้คิดเองก็น่าจะให้เครดิตเค้าบ้าง หรืออย่างน้อยบอกก่อนแล้วถึงค่อยเอามา ส่วนจะบอกในที่สาธารณะรึป่าวว่าเอามาจากไหนก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ที่แน่ ๆ ไม่ควร "แอบอ้าง" ว่าเป็นของตัวเอง .. เพื่ออะไรอ่ะคับ หาความภูมิใจยังไม่เจอเลย ...

ก็เงี้ยแหล่ะคับ .. สมัยนี้อยากเด่นอยากดัง เอาผลงานคนอื่นมาทำเป็นของตัวเอง .. ทำแล้วดัง แต่ถามหน่อยเถอะคับ ไอ่ลึก ๆ แล้วเนี่ย .. ภูมิใจกับมันมากหรอ .. พอวันนึงถูกเปิดเผย ก็ตีโพยตีพาย ทำไมไม่เห็นใจกันบ้างอย่างโน้นอย่างนี้ คิดสิ คิดสิคับ ก่อนทำ ทำไมไม่คิด ...

ส่วนตัวเป็นคนอย่างทำอะไรถ้าไปก๊อบของ ๆ ใครมาค่อนข้างจะบอก แต่ถ้าไม่แน่ใจ ก็จะไม่ได้ใส่ชื่อ หรือให้ credit เค้า เพราะไม่แน่ใจ .. แต่ถ้ามีโอกาสได้บอกต่อ ๆ กันไป จะเป็นคนที่ค่อนข้างออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่ของเราคิดเองนะ .. เอามาอีกที .. แต่ก็มีมาดัดแปลงเล็กน้อย ... เฮ้อออ ...


โดย: eZii วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:22:59 น.  

 
เอางี้ดีป่ะคับ เรา สร้างเมืองประชากรนักลอกขึ้นมาเพื่อคนประมาณนี้โดยเฉพาะ คัดเฉพาะเหล่ามารสะหมองเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ และก็ไม่ต้องให้เค้าทำอะไร นอกจากลอกอย่างเดียวเลย และเราก็เก็บข้อมูลจากตัวอย่างประชากร เพื่อทำการวิจัยของเราเพื่อศึกษาบางเรื่องเกี่ยวการพัฒนาเมืองที่แวดล้อมไปด้วยประชากรนักลอกระดับมารสะหมองเหล่านี้ ข้อมูลการวิจัยนี่ก็ใช้ประชากรนักลอกนี่แหละครับเก็บกันเอง นักวิจัยก็เป็นประชากรพวกนี้แหละครับ วิเคราะห์ข้อมูลที่ลอกๆ กันมา ผมเชื่อว่า อาจจะเกิดวิชา สถิติแนวใหม่ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของนักสถิติยุคใหม่โดยสิ้นเชิงก็ได้ เพราะต้องตะลึงและแทบไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่า มันมีหลักการทางสังคมเข้ามาเอี่ยวเมื่อศึกษาพัฒนาการทางสมองของประชากรในเมืองนี้ ที่มีการเติบโตอย่างไม่มีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มีนัยสำคัญและมีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบที่ซับซ้อนกับวัฒนทำการคิดของพวกเค้าเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึง วิวัฒนาเกินของมนุษยชาติที่ผ่าเหล่าได้อย่างแนบเนียนและกระจายตัวได้อย่างลอยนวล นี่ไม่ต้องคิดไปถึง ดุนบันชีรายจ่ายของประชากรทั้งหมดในเมืองนี้ที่ต้องลงทุนไปเพื่อการศึกษาในการพัฒนาเมืองนะครับมันสมเหตุสมผลอย่างไร้ที่ติ เรื่องอื่นยิ่งไม่ต้องห่วง ทีมเศรษฐกิจในเมืองนี้ พวกท่านไม่มีเรื่องให้หนักใจอะไรเลย เพราะข้อมูลเรื่องอื่นที่ศึกษา ล้วนแน่นและเอียดพร้อมชี้แจง และโปร่งทะลุ และ นี่ยังไม่รวม นักวิชาเกินชั้นนำในเมืองนี้ที่พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหา ร่วมกับทีมนักกรรมเมืองระดับแนวหน้าของเมืองนี้ที่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำและทันเวลา อนาคดเมืองสดสัย? จนน่าเป็นห่วงแน่ๆ
*ข้อคิดเห็นนี่ก็ลอกเค้ามาอีกทีนึงครับ จบมาแบบลอกๆ ซากดถูกชัวร์ๆ ต้นฉบับลอกมาจากนอกเมืองเชียวนะครับ ข้อมูลอ้างอิงได้ครับจากสถาบันนักลอกแห่งเมืองประชากรคนลอก* //www.copytocopy.aซี.t เอ๊ช


โดย: นาย พ.เพี๊ยน IP: 202.28.38.253 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:57:23 น.  

 
เห็นด้วยกับคุณหนูรำเพยครับ




โดย: คุณเบ๊สะพานขาว วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:10:02 น.  

 
>สำหรับพี่นะ ถ้าใครทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด เรื่องก็จบ ไม่ว่าและไม่เอ่ยถึง

พี่รำเพยยังไม่เจอพวกแบบ...
พอมีใครจับได้ว่าผิดที ก็ออกมายอมรับผิดที


โดย: นู๋เองง่ะ วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:14:01 น.  

 
เจอแล้วนู๋เองง่ะ เจอแล้ว แบบตอนแรกไม่ได้ให้ดูว่ามีหลักฐานเธอก็ไหลๆๆๆๆ พอรู้ว่ามีหลักฐานก็ออกมางอแงๆๆ มี๊ เจอแล้ว

เหมือนผู้ต้องหาโดนตำรวจสอบปากคำเลยแหละ ตอนแรกก็ไม่จริง ไม่ได้ทำ ไม่รู้ไม่ชี้ เอารูปวงจรปิดให้ดู ตัวเองไล่ยิงคนทีละคนๆ แล้วก็นั่งจิบกาแฟก่อนหนีออกไป ไอ้ที่พูดๆมาว่าไม่จริงไม่รู้ไม่ได้ทำเนี่ย ยอมรับกันหมด เค้าเรียกว่ายอมจำนนด้วยหลักฐานไง

แบบนี้เค้าเรียกความโกงฝังจนเกิดเป็นสัน... แก้ไม่หายหรอก


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:25:12 น.  

 
ยังมีเรื่องที่แย่ๆ กว่านี้อีกเยอะคะ


โดย: วัดชิ IP: 61.91.75.46 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:27:59 น.  

 
จริงค่ะ สังคมแย่ลง ค่านิยมเปลี่ยนไป
บางเรื่องเห็นชัดๆว่าผิด ก็เบี่ยงเบนให้กลายเป็นถูก บางทีก็เป็นประเภท พวกมากลากไป
คนที่อยากจะทำอะไรให้ถูกต้องก็กลายเป็นคนโง่ไป สู้เขาไม่ได้ค่ะ


โดย: แครอทเค้ก วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:05:58 น.  

 
ปิดบล็อกไปแระเหรอคะ น้องถาปัดจุฬาคนนั้น แฮ่ะๆ อ่านแล้วขำๆดีนะ

เราปลอมเป็นเด็กถาปัดลาดกะบังมั่งดีก่า


โอยย..ยังยุ่งไม่พอนะเรา ...เฮ้อ


โดย: เกือกซ่าสีชมพู วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:19:08 น.  

 
ทำมาแทบตาย... สุดท้ายโดนคนอื่นเอางานที่เราทำไปทำให้ตัวเองก้าวหน้า... แต่เรากลับย่ำต๊อกต๋อยอยู่กับที่...

เจอมาบ่อยแล้วครับ... กำลังคิดอยู่เลยว่า..คนไทยคนไหนไม่เคยเจอแบบนี้บ้าง..


โดย: star_hunt วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:20:35 น.  

 
มันเป็นเรื่องที่เกิดจนเป็นปกติแล้วมังคะคุณ star_hunt แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะยอมรับให้มันเป็นปกติ

เพราะว่าถ้าสังคมมีพื้นฐานอยู่ที่ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้อีกหน่อยลูกหลานเราก็จะเหลือแต่ความเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักคำว่าพอ มันอันตรายนะนั่น

เรื่องนี้ที่รำเพยสนใจน่ะ ไม่ใช่ว่ารำเพยเป็นคนดีมีศีลธรรมอะไรหนักหนาหรอก แต่ค่อนข้างเป็นห่วงเพราะว่ามองเห็นว่าถ้าทั้งสังคมยอมรับการขโมยว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วละก็ อีกหน่อยคนที่คิดจะผลิตอะไรออกมาก็จะมีน้อยลง เหลือแต่คนที่คอยจ้องจะขโมยเท่านั้น สังคมมันจะค่อยๆถอยหลังลงคลองน่ะสิคะ


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:55:31 น.  

 
เคยเจอแต่เอาเรื่องที่เราเขียนในหนังสือไปลงเวปแล้วบอกว่าเขียนเอง - -' อายุเด็กคนนั้นแค่สิบสามเองค่ะ เซ็งมาก พอเมล์ไปต่อว่าเขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าจะเจอ...กรรม

แต่ที่แย่กว่านั้นคือ หนังสือที่ขายดีๆตอนนี้ส่วนมากถูกเด็กมัธยมเอาไปซีร้อกขายเพื่อนในราคาที่ถูกกว่าซื้อหนังสือเป็นเล่มๆ (ยืมกันอ่านยังจะดีซะกว่า)

เห็นใจเด็กนะที่ยังขอเงินพ่อแม่ซื้อของอยู่ แต่นิสัยแบบนี้มันจะติดตัวไปจนโตน่ะสิ...เฮ้อ อยากชมว่ารู้จักหาเงิน แต่ว่าจะต่างอะไรกับการขโมยของเขากินล่ะเนาะคุณรำเพย


โดย: นรกขุมสุดท้ายของชายเจ้าชู้ IP: 61.91.139.136 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:22:51 น.  

 
มานั่งนึกๆดูก็คิดว่าที่รำเพยค่อนข้างจะซีเรียสเรื่องนี้ก็เพราะว่าเกิดมาในวงการนักเขียนละมัง เห็นยายกับตาเขียนหนังสือมาตั้งแต่เรารู้เรื่อง นั่งเล่นบ้านยาย ยายเขียนหนังสือ เรานั่งอ่านหนังสือขลุกอยู่กับกองหนังสือ มันก็น่าอยู่หรอกที่ทำให้รำเพยเห็นค่าของสมองและความคิดของคนที่กลั่นกรองผ่านตัวหนังสือออกมา

อย่างที่บอกว่าเด็กเอาหนังสือที่เขียนไปลงแล้วบอกว่าเขียนเองน่ะ ที่จริงโทษเด็กก็ไม่ถูกสักทีเดียว ต้องโทษพ่อแม่ว่าไม่รู้จักสั่งสอนลูก

ชอบสอนลูกให้เป็นขอทาน พิลึกแท้


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:54:47 น.  

 
หวัดดีคับคุณรำเพย

แวะมาทักทายด้วยคนนะ

แหะๆ เรื่องก๊อป เค้าไม่กล้าออกความเห็นอะ เพราะเข้าตัว แป่วๆ

แต่ตอนนี้ก็ลดๆ ลงบ้างอะนะ คิดว่างั้น


โดย: ลองตอบ วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:15:39 น.  

 
จริง ๆ ก็มีมานานและครับ มีทุกวงการ แต่ว่าปัจจุบันโลกมันแคบลง สื่อมากขึ้น ก็เลยตรวจจับได้มากขึ้น

สำหรับ plagiarism นี่วงการศึกษากำลังให้ความสำคัญมากครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ database เดี๋ยวนี้แทบจะ online กันหมด จะเขียนบทความทางวิชาการที่ดีจริง ๆ ต้องอ้างอิง มีเลขยกกำลังจนจะกลายเป็นบทความทางคณิตศาสตร์ไปแล้ว ใครไม่อ้างก็มีปํญหา แถมเขียนบทความทีก็ยุ่งยาก ต้องอาศัยลูกล่อลูกชนน่าดู...

คนในเนตที่เป็นแบบนี้ก็แยะครับ แต่ก่อนเราไม่รู้ เดี๋ยวนี้เรารู้มากขึ้นครับ เลยรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไป จริง ๆ ก็เหมือนเดิม เพียงแต่เจ้าของสิทธิ์รู้จักโวยวายมากขึ้น ระบบตรวจสอบง่ายขึ้นเท่านั้นล่ะครับ...


โดย: dont no IP: 210.246.75.147 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:19:07 น.  

 
คุณลองตอบคะ

ไอ้เรื่องการ copy งานคนอื่นน่ะ มันมีวิธีลอกแบบไม่น่าเกลียดคือถ้าเอามาทั้งอัน ก็เขียนไว้เลยว่าใครเขียนใครแต่งแล้วลงไว้เลยว่าไม่ได้คิดเองแต่ลอกมาให้อ่าน ลงบอกว่าใครคิดใครเขียนก็พอแล้วค่ะ

แต่ไอ้ที่เป็นปัญหาเนี่ย เพราะว่ามันมีบางคนไงคะที่ลอกงานเค้ามาแบบลอกมาทำเป็น blog ของตัวเองเลย แล้วก็ทำเป็นว่าตัวเองเล่าเองทั้งหมด ลงชื่อว่าเป็นสิ่งที่ตัวเองเขียนทั้งหมด พอโดนคนจับได้ก็ปิดบอร์ดหนีไป แถมยังว่าคนอื่นว่ามารุมด่าว่าเค้าอีก

ถ้าลอกแล้วเขียน citation หรือมี reference บอกไว้ว่าไปหาอ่านต่อได้ที่ไหน หรือเอามาจากไหน แบบนั้นไม่มีใครว่าค่ะ แต่ลอกมาแล้วมั่วว่าเป็นงานตัวเองเนี่ยน่ะ รับบ่ได้เด้อ


โดย: รำเพย วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:46:20 น.  

 


โดย: หมาร่าหมาหรอด วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:43:56 น.  

 
เรื่องแบบนี้....เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้แล้วเหรอเนี่ย...สังคมไทย.....น่าเป็นห่วงนะคะ....
เมื่อไหร่....การยอมรับในสิ่งดี ๆ จะมีมากขึ้นนะคะ.....เดี๋ยวนี้....เริ่มหมดสมรรถภาพทางปัญญากันแล้วเหรอเนี่ย.....
เห็นใจคคนที่ถูกCopy นะคะ.....คนที่จงใจ Coopy ก็น่าละอายใจบ้าง.....
คน...หนอ...คน.....


โดย: tukata001 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:22:03:09 น.  

 
อืม..เรื่องอย่างเงี้ยนะ..ยังไงล่ะ..เราว่ามันเป็นกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ..อย่างลอกการบ้านอ่ะ..มันก้อเป็นตัวส่งเสริมให้เด็กมันคิดว่าไม่ผิดใช่ป่ะ..พัฒนามาเป็นลอกรายงาน..วิทยานิพนธ์...สารพัดที่จะทำอ่ะค่ะ..แล้วดูผู้ใหญ่สมัยนี้ดิ..ลูกน้องคิดแทบตาย หัวหน้าไปเสนอแล้วก้อเอาเครดิตไปซะงั้น... ผู้ใหญ่ที่ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดียังเป็นซะอย่างนี้..แล้วเด็กมันจะเอาตัวอย่างดีๆที่ไหนดูคะ...ยิ่งสมัยนี้ไม่เห็นจะสนใจเรื่องสิทธิ์กันเท่าไหร่...อย่างการแต่งเพลงของคุณแดร็กคิวล่าคุงอ่ะค่ะ...เค้าไม่สนหรอกว่าคุณแต่งรึเปล่า..เค้าสนแค่เพลงที่เอามาให้น่ะ มันทำเงินรึเปล่าเท่านั้นเอง
คนที่เค้าทำผิดแต่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ซะขนาดนี้น่ะ..คงเลิกยากอ่ะค่ะ..แล้วก้อคาดว่ามันยังคงมีต่อไป และต่อไปอีกนานนนเลยล่ะ
อยากให้เค้าหันมาสนใจเรื่องนี้เหมือนกันนะ..แต่เราว่ายากแหละ..ยิ่งกว่างมเข็มในทะเลอีกเนี่ย แล้วถ้ามีแต่คนอย่างนี้..เมืองไทยไม่ต้องพัฒนากันพอดี ได้แต่ย่ำอยู่กับที่แล้วรอต่างชาติมาเทคโอเวอร์นั่นแหละ


โดย: SnowBelL (snowbellstitch ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:1:45:45 น.  

 
กำลังพิจารณาข้อเขียนของคุณรำเพยค่ะ


โดย: ป้ามด วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:10:57 น.  

 
อ่านแล้วก็เห็นด้วยกับพี่รำเพยนะคะ ว่าทำไมสมัยนี้เค้าเป็นอย่างนี้กันหมด

ตอนสมัยเรียนหนูบีเคยมีเพื่อนขอลอกข้อสอบค่ะ แล้วก็ไม่ให้ พอออกจากห้องสอบกลายเป็นโดนรุมเลย หาว่า"แค่นี้ทำงกไปได้ แค่ให้ลอกหน่อยเดียว" หลังจากนั้นก็เซ็งไปเลย ทำไมเรากลายเป็นคนผิดไปได้เนี่ย


โดย: be good girl วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:46:06 น.  

 
ก๊า เพิ่งจะมีคนมาบอกเหมือนกัน ทำให้รู้ว่าโดนกับตัวเหมือนกันครับ แต่ว่า ไม่ได้ serious อะไร

รู้สึกแปลก ๆ (ไม่ได้ลอกชื่อเจ้าของ blog มานะครับ รู้สึกแปลก ๆ จริง ๆ)



โดย: dont wanna no วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:0:29:32 น.  

 
ง่ะ.. เพิ่งได้มาอ่าน
ผมก็ copy code php / javascript จากคนอื่นใน net มาเยอะแยะเลยง่ะ.. แฮ่ะๆ
แถมเอามาดัดแปลงด้วย

แฮ่ะๆ แต่ว่าเป็น code / script ที่เค้าทำแจกกันนะ คงไม่ผิดมากมั้ง..


โดย: Koppy IP: 221.128.109.200 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:23:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รำเพย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add รำเพย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.