กระจกอีกด้าน ของเพื่อนคนหนึ่ง
เนื่องจากว่า รถมอเตอร์ไซของเราเสีย อายุอานามคันนี้ก็เกิน 10 ปีแล้ว
รถสตาร์ทไม่ติด ร้อง แอ๊ดๆๆๆ แอด ดดดด ...... พอกดสตาร์ทอีก
ก็ แอ๊ดๆๆๆๆ แอดด ดดดดด ..... ก็ดับไป ก็เลยคิดว่า แบตคงไปแล้ว

แฟนก็เอาแบตไปเช็ก ก็ใช่จริงๆ แบตมันหมดแล้ว เสื่อมแล้ว 5555+
จริงๆ คือ เราใช้งานเกินอายุแบตไปมากเลย ประมาณ 5 ปีได้แล้ว
เพิ่งจะมาทราบอายุแบตก็ตอนที่เอารถไปซ่อมที่ร้านบ้านเพื่อน
ว่าจริงๆ แล้ว แบตรถ ก็เหมือนแบตโทรศัพท์มือถือ คือ 2-3 ปี
ก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว เราก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วย
และเช็กสภาพรถไปด้วยเลย

สรุปเปลี่ยนทั้งแบต เปลี่ยนทั้งน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทั้งแผ่นกรองฝุ่น
ของรถ แล้วเหลืออีกอย่างที่ยังซ่อมไม่ได้ คือ ตรงเบรกมือ
มันหมดอายุการใช้งานแล้ว สนิมขึ้น แต่เพราะว่า ไปค่ำเกิน
มันมืดมากแล้ว และยังต้องใช้เวลาแงะอีกสักพัก พ่อแม่เพื่อน
เลยบอกว่า ไว้มาซ่อมใหม่ละกัน

พอซ่อมส่วนใหญ่เสร็จหมดแล้ว ก็เลยชวนกันกับเพื่อน ไปกินข้าวกัน
ตอนแรกก็ไม่รู้จะไปร้านไหน สรุปสุดท้ายเพื่อนเลยพาไปร้านบุฟเฟ่
ไปกัน 3 คนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ อายุ และเรื่องเหนือความคาดหมาย

เพื่อนเราจบ โท จากญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ใช่โทไดนะ เสียดายอยู่
แต่เพื่อนบอกว่า ไม่ชอบโตเกียว เลยขอไปอยู่เมืองหนาวๆ เลย
ใจจริงคือ อยากเที่ยว มากกว่าอยากทำวิจัย 5555555555555
โท วิศวะ จากญี่ปุ่น ดีกรีก็ไม่ธรรมดานะ งานวิจัยเขา ปัจจุบัน
ถูกนำออกมาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดที่เปิดตัว
ปีนี้ ของยี่ห้อหนึ่ง งานเมื่อ 3 ปีก่อน ถูกนำมาใช้งานจริงแล้ว

ถามว่า จบโท แล้วไม่ต่อเอกหรอ? คือเอาจริงๆ ก็เพิ่งจะรู้นี่แหละ
ว่า นำเสนออะไรพวก ป.เอก ผ่านหมดแล้ว เหลือแค่กลับเข้า
ไปเรียนต่อแค่นั้น แต่รีบกลับมาก่อน ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเพื่อน
มีปัญหาอะไรมา เข้าใจไปว่า homesick ซึ่งเอาจริงๆ มันไม่ใช่
มันมีอะไรมากกว่านั้น

คือที่เรากับแฟนสงสัยกันมาตลอดว่า เพื่อนเราแปลกๆ ไปนะ
เพราะว่า จากคนที่กินข้าวมื้อละ 4-5 จานตลอด กินเยอะมาก
กลายเป็นคนกินข้าวได้ไม่ถึงจาน คือ อาการหนักมากๆๆ
ก็มาถึงบางอ้อ ในวันนี้ ว่าจริงๆ แล้ว เพื่อนเรากลายเป็น
โรคซึมเศร้า และมีสาเหตุมาจากเพื่อนร่วมสถาบัน

เหตุเกิดจากการที่ คนที่ไปเรียน ป.เอก ทำงานวิจัยอยู่
ห้องข้างๆ กัน ขอให้เพื่อนช่วยแปลจดหมายเชิญให้กับ
ทางมหาวิทยาลัยที่เพื่อนเราไปทำงานเป็น TA อยู่ที่นั่น
เพื่อนเราก็แปลจากไทยเป็นญี่ปุ่นให้ ด้วยความที่ยังไม่ได้
สอบ N1(ภาษาญี่ปุ่นระดับสูงสุด) ยังอยู่ N2 ก็เลยไม่ชัวร์
ว่า ข้อความที่พิมพ์โอเคไหม ก็เลยไปขอให้ อ.ชาวญี่ปุ่น
ช่วยเกลาภาษาให้อีกที จริงๆ มันควรมีค่าใช้จ่ายในการแปล
แต่ด้วยความที่รุ่นพี่คนไทย พูดและอ่านญี่ปุ่นไม่ออก
และแน่นอน อ้างรุ่นพี่รุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ช่วยๆ กันหน่อย ก็ทำพิษใส่เพื่อนเราจนได้

พอเพื่อนแปลให้เสร็จ และต้องการส่งต่อให้แต่เจ้าตัว
มัวแต่ไปเที่ยวอยู่ เพื่อนเราก็เลยถือวิสาสะว่า เออ
ไหนๆ ก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แล้วเราก็มีสอน
ในมหาวิทยาลัยนั้นพอดี งั้นเราก็เลยเอาจดหมายไปส่ง
ต่อให้เลยก็แล้วกัน พูดง่ายๆ ว่า งานตัวเองก็ไม่ใช่
แต่ก็เสือกช่วยไปแบบไม่ได้ตั้งใจ 555555555555

สุดท้ายแล้ว กลายเป็นรุ่นพี่คนนั้นโมโหมาก จนประกาศ
ด่าเพื่อนเรากลางเฟส ไม่พอก็เตะเพื่อนเราออกจากกลุ่มแชท
คนไทยที่เรียนในมหาวิทยาลัยนั้นทิ้ง แล้วเริ่มสุมไฟเผา
เพื่อนเรา และผลของมันก็คือ เพื่อนเรากลายเป็นหมาหัวเน่า
คนไทยทั้งมหาวิทยาลัยเกลียดขี้หน้าไปซะเฉยๆ แบบงงๆ
พอบวกกับเห็นที่ด่ากลางเฟสปุ๊บ ก็เลยเปลี่ยนจากคนที่ชอบ
สังสรรค์ กลายไปเป็นคนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง วันๆ ไม่ทำอะไร
นอกจากงานวิจัย จนเรียนจบ ก็รีบกลับมาที่ไทย

จนรุ่นพี่คนนั้น ปัจจุบันนี้ ก็เป็นอาจารย์ ดร. สอนมหาวิทยาลัย
แห่งหนึ่ง แต่บอกเลย เอกสารแค่นี้ ถ้าไม่อยากให้มีปัญหามาก
จนต้องมาด่าเพื่อนเราลับหลัง ก็ไปจ้างแปล ไม่ใช่มาขอร้อง
คนอื่นเขา แล้วเอาเขามาด่าเผาเสียๆ หายๆ แบบนี้ เหมือนจงใจ
สร้างเรื่องให้เพื่อนเรา แล้วเตะตัดขาให้มันกลับมาไทย
ซึ่งมันได้ผลแบบนั้น แล้วเพื่อนเราเสียคนไปเลย

แต่ อ.ดร. สันดารแบบนี้ บอกคำเดียว เหี้ยมาก เรื่องเท่าขี้หมา
ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แทนที่จะขอบคุณที่เพื่อนเราอุตส่าห์
แปลให้ อุตส่าห์ไปติดต่อ อ.คนญี่ปุ่นให้ช่วยเกลาเอกสารให้
กลับเอาเขาไปด่า แถมยังพาคนอื่นมาเกลียดเพื่อนเราอีก
เพราะแค่ตัวเองไม่ได้หน้า เรื่องกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น
จนทุกวันนี้ เพื่อนเราไม่เอาอะไรกับชีวิตไปเลย เสียคนไปเลย
ถามว่าทุกวันนี้ทำอะไร ซ่อมรถอย่างเดียว จบ โท ญี่ปุ่นนะ
แต่มานั่งซ่อมรถทุกวัน พูดตรงๆ เราก็เสียดายความสามารถ
ของเพื่อนเรามากๆ แฟนเราก็รู้สึกอย่างนั้น

และหลังจากนั้น เพื่อนก็เล่าเรื่องเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดต่ออีก
คือเป็นช่วงหายนะของชีวิตเพื่อนเราเลยก็ว่าได้ หลังจากที่
โดนแทงข้างหลัง โดย อ.ดร. คนนึง จนหนีกลับมาไทยหลังจบ
ก็มาจะสอบเข้าที่ทำงาน ซึ่งก็เป็นงานเงินเดือนเริ่มต้นที่ 150K
ช่วงจะสอบก็เตรียมตัวสอบ และเห็นว่ามีเพื่อนสนิทของตัวเอง
ที่สอบเข้าได้ ก็เลยไปขอคำแนะนำ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร
และเพื่อนก็ขอยืมเอกสารคู่มือสอบที่เคยให้เพื่อนคนนั้นยืมไป
คืน ก็กลายเป็นว่า ไม่ได้คืน เขาไม่ยอมคืน เบี้ยวไปซะงั้น
และไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรใดๆ แต่เพื่อนเราก็สอบผ่าน
แต่ไปตกสัมภาษณ์ เพื่อนเราเป็นประเภทพูดจาขวานผ่าซาก
ก็เลยทำให้ตกสัมภาษณ์ทุกที่ สอบผ่านทั้งหมด 3 ที่ ผ่านทุกด่าน
ยกเว้นสัมภาษณ์

แต่ก่อนที่จะสอบสัมภาษณ์ก็มีเรื่องให้เพื่อนเราร้องไห้
เพราะคนที่โทรมาให้กำลังใจ และให้คำแนะนำกลับไม่ใช่
เพื่อนสนิทของตัวเอง แต่เป็นเพื่อนผู้หญิงจากโรงเรียนเก่า
ที่สอบผ่านไปก่อนหน้าเขาแล้ว พูดคุยและบอกทุกเรื่อง
ทุกขั้นตอน เขาก็บอกว่า ซึ้งใจมาก เพื่อนสนิทที่คิดว่าดี
กลับไม่ดี เพื่อนที่ไม่เคยคุยกันเลย กลับโทรมาให้คำแนะนำ
ให้ความช่วยเหลืออย่างดี (เห้ย แม่งเอาจริงๆ พวกกรู
ก็ยังอยู่ข้างมึงนะ นั่งกินข้าวกะมึงแม่งตั้งกะยังไม่ได้
เป็นแฟนกัน ยันคบกันมาหลายปีแล้วเนี่ย 555555555)

พอนั่งฟังเพื่อนเล่าไปเรื่อยๆ ก็เลยเข้าใจว่า เออ จริงๆ แล้ว
เพื่อนเรายังไร้เดียงสามาก เพิ่งจะเคยโดนทำร้ายจิตใจแบบนี้ครั้งแรก
ซึ่งเราก็บอกเขาไปแบบนั้นเหมือนกัน ยังเด็กที่ความคิดไง
เรากับแฟนเรา ต่างคนต่างเจออะไรมาเยอะมากๆ ตั้งแต่เล็กๆ
นิสัยเลยเป็นประเภท กร้านโลก แก่เกินตัว อายุไม่มาก
แต่อายุจิตวิญญาณปาไปเท่าคนอายุ 50-60 ปีเข้าไปแล้ว
และนิสัยเรากับแฟนจะค่อนไปทางฝรั่ง ไม่ใช่นิสัยไทยแท้ๆ
ที่จะไม่ด่าไม่ว่าอะไรตรงๆ จะพูดจาอ้อมโลกไปซัก 3600 รอบ
ไม่ เรากับแฟนเป็นพวกปากปีจอ ด่าไม่เลี้ยงแม้กระทั่งผู้ใหญ่

คือ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่โตแต่อายุ แต่ IQ EQ ต่ำ รับรอง มีกระชาก
หงอกแน่นอน เรากับแฟนใช้ชีวิตแบบฝรั่ง ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบไทย
คือ ผู้ใหญ่ที่หัวโบราณมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะไม่ชอบนิสัยแบบแฟน
เมื่อก่อนเราเป็นพวกหัวอ่อนมาก มากจนชีวิตแทบจะบรรลัยเอา
พอใช้ชีวิตแบบแฟน บอกเลย ชีวิตเราไม่เครียดอะไรอีกเลย
ขัดใจผู้ใหญ่ แต่เราสบายใจในชีวิตทุกเรื่องมากขึ้น
อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น เราก็สบายใจมากขึ้นด้วย

ซึ่งก็จะผิดกับเพื่อนเรา ที่ก็ยังคงไร้เดียงสาอยู่มากๆ
แต่เท่าที่พูดคุยมาวันนี้ เขาก็ดูจะโอเคขึ้นนะ เรากับแฟนก็ไม่รู้
จะไปด่าอะไรเพื่อนเหมือนกัน เรื่องมันช่วยไม่ได้
เรื่องมันผ่านมาแล้ว แต่เพื่อนเรายังคงเอาเรื่องพวกนั้นตาม
หลอกตามหลอนตัวเองอยู่ ชีวิตก็เลยยังไม่ไปไหนซักที
ซึ่งมันจะเหมือนเมื่อตอนที่เรามีปัญหากับแม่ของตัวเอง
ชีวิตแม่งก็ไม่ไปไหนจริงๆ ทั้งที่มันควรไปไกลกว่านี้ได้แล้ว

แม่เอาปัญหา 108 ของคนทุกคนในชีวิตแม่ มากองที่เรา
ทั้งงานของแม่ งานของชมรมของแม่ ญาติพี่น้องของแม่
บ่นด่าเราทุกวัน งานการไม่เห็นมันไปถึงไหนซักที ทำอะไร
อยู่ก็ไม่รู้ เราหมดความอดทน ก็สาธยายทุกสิ่งอย่างที่แม่
ประเคนเข้ามาในชีวิตเรา แล้วเราก็ถามคืนไปว่า เราจะ
เหลือเวลาอะไรในชีวิตให้ตัวเองบ้าง ถ้าเวลาทั้งหมดของเรา
มันไปกองอยู่ที่ปัญหาทั้งหมดของชีวิตแม่ ที่ไปเสือกเขา
แล้วเอามากองไว้ที่เรา แตกหักระเบิดกันไป เลือดสาดกันไป
ชีวิตเรามันก็มี side effect จากผลงานหายนะของแม่

ถามว่าทุกวันนี้ดีขึ้นไหม ก็ดีขึ้นกว่าช่วงแรกๆ มากๆๆ แล้ว
เราเคยเป็นมากถึงขั้นทิ้งงานวิจัยกลางทางเหมือนกัน
วันๆ เอาแต่นอนเบื่อโลก แล้วก็คิดถึงแต่ว่า ทำไมชีวิตตัวเอง
มีแต่ปัญหาวะ แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาของตัวเองด้วยนะ
ปัญหาของแม่ ของญาติแม่ ของคนอื่นทั้งนั้น ทำไมต้องไปช่วย
ทำไมแม่ชอบบังคับเราวะ ทำไมแม่งต้องเสียเวลาชีวิตไปช่วย
ทั้งที่แม่งสุดท้าย เขาเหล่านั้นก็วกกลับมาด่าเรากับครอบครัว
คือ ทำคุณบูชาโทษ ช่วยเหลือเขาไป เขาก็ด่าเรากลับคืน
ไม่มีอะไรคุ้มค่าเลย บุญคุณหรอ? คนอย่างนั้นเขารู้จักด้วยหรอ?
มีแต่ได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา ได้วาเอาเป็นกิโลโน่น

และช่วงที่เราเรียน โท เราบอกเลย เราเป็นที่รังเกียจของคนทั้งรุ่น
เพราะแค่เราไปด่ารุ่นพี่คนนึง ที่มันไม่ยอมทำงานกลุ่ม
แล้วชอบโทรมาให้เราทำแทน ตอนตี 1 ของวันที่จะต้องส่งงาน
ตอนเช้า 8 โมง คือมันเป็นแบบนี้ไง เราถึงไม่ทนและเราก็ด่ามัน
สุดท้ายคือมันเอาเราไปด่าลับหลัง จนคนเกลียดเราทั้งรุ่น
แต่เราก็ไม่สนใจ ไม่รู้จะสนทำไม เพราะท้ายที่สุด 1 ปีให้หลัง
ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น เขาเข้าใจและรู้ดีว่า คนที่เอาเราไปด่า
มันเป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ งานการไม่รู้จักทำ
วันๆ เอาแต่ปะแป้ง ทาลิปสติก แต่งหน้า แต่งตัวทาปากสวยๆ
และที่เขาโดนหนักคือ คนนินทาเขาทั้งรุ่น และด่าเขาทั้งรุ่น
ส่วนเรา เพื่อนๆ ในรุ่น กลับรักเรา และเข้าใจในสิ่งที่เราเจอ
เพราะทุกๆ คน ก็เจอมาเหมือนกัน ก็เลยเข้าใจว่าทำไมเราถึงด่าเขา

ชีวิตเราถ้าไม่มีแฟนเรา เราก็คงไม่น่าจะรอดมาจนถึงทุกวันนี้
น่าจะเป็นผีเฝ้าหอพักนักศึกษาไปนานแล้ว เบื่อชีวิตมากตอนนั้น
แต่พอผ่านมาได้ และแน่นอน เราเปลี่ยนไป สำหรับคนอื่นเราแย่ลง
แต่สำหรับเรา จิตใจเราดีขึ้น สุขภาพจิตเราดีขึ้น เราถึงเข้าใจ
ในสิ่งที่เพื่อนเราเป็น ถึงแม้สิ่งที่เพื่อนเจอ กับสิ่งที่เราเจอมันต่างกัน
เขาเจอแต่สังคมภายนอก เราเจอทั้งสังคมภายนอกและครอบครัว
ซึ่งหนักหนาสาหัสทุกด้านจริงๆ เอาจริงๆ ก็จนแทบไม่เหลือใคร
ในชีวิตที่เราจะพูดคุยได้นอกจากแฟนและพ่อที่เข้าใจตลอดมา

ก็หวังว่าเพื่อนเราเขาจะดีขึ้น และก็หวังว่าใครก็ตามที่เจอปัญหา
คล้ายๆ เรา หรือเพื่อนของเรา อย่าด่วนตัดสินใจทำอะไรที่ร้ายแรง
ชีวิตคุณมีค่ามากกว่านั้นเยอะ โลกนี้ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ
เอาจริงๆ นะ ชีวิตหลังจากที่ผ่านจุดนั้นมาแล้ว มันดีมากๆๆ
เราจะเข้มแข็งขึ้น เติบโตขึ้น เข้าใจโลกและธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้น
มองโลก เข้าใจโลกตามความเป็นจริงมากขึ้น และใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ได้อย่างมีภูมิต้านทานมากขึ้น เราจะปวดหัวกับปัญหาต่างๆ น้อยลง
และสบายใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น เราคนหนึ่งขอเป็นกำลังใจ
ให้ทุกคนที่มีปัญหาในชีวิต ถึงแม้ไม่รู้จักกัน แต่ก็ขอเป็นหนึ่งคน
ที่อยู่ข้างทุกๆ คนที่เจอปัญหาหนักๆ ในชีวิตมาเหมือนกัน
ให้สามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นให้พ้นค่ะ

ปัญหามีไว้ให้แก้ ชีวิตมีไว้ให้เรียนรู้ อุปสรรคมีไว้ให้ฟันฝ่า
ระยะทางพิสูจน์ม้าฉันใด กาลเวลาย่อมพิสูจน์คนฉันนั้น



Create Date : 30 มีนาคม 2562
Last Update : 30 มีนาคม 2562 4:03:50 น.
Counter : 614 Pageviews.

4 comments
  
โรคซึมเศร้าเป็นกันมากขึ้น
แสดงว่าปัญหาเชิงสังคมมันเพิ่มขึ้น

ภูมิต้านทานความทุกข์เ)็นสิ่งสำคัญจริงๆครับ
เวลาเจอปัญหา
วิธีการตอบสนองต่อปัญหา
ทำให้แต่ละคนมีวิธีผ่านปัญหาไปได้ไม่เหมือนกันจริงๆ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2562 เวลา:6:20:31 น.
  
เพื่อนพี่ก๋าช่วยกันแชร์ในเฟซบุ๊คแล้วล่ะคัรบ
เจ้าหน้าที่ที่เชียงดาวขาดแคลนอุปกรณ์
ในขณะที่มีข้อมูลแจ้งมาว่า
ขาดงบประมาณสนับสนุนจากทางจังหวัดและภาครัฐ
คนที่ให้ข้อมูลคือ เจ้าหน้าที่ส่วนราชการ

ฟังแล้วน่าเศร้ามากๆครับ
เรามีงบซื้ออะไรเยอะแยะมากมายเกี่ยวกับทหาร
แต่ไม่มีงบสำหรับชีวิตและสุขภาพของประชาชน


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2562 เวลา:16:46:07 น.
  
เรื่องงบประมาณทหารนั่น
พี่ก๋าไม่รู้เรื่องลึกๆหรอกครับว่าเขาแบ่งกันยังไง
แต่งบก็สูงมากจนน่าตกใจ
ในสภาวะที่ประเทศไม่ได้มีภาวะสงคราม

ถ้าจะมีคำถามในใจ
พี่ก๋าคิดว่าคงมีคนสงสัยนะ
ว่าจะซื้อเรือดำน้ำมาทำไม
แล้วคนที่ขายให้เราก็ถูกจับที่จีน
ในข้อหาคอรัปชั่น
รวมถึงอาวุธอื่นๆด้วย

แต่สิ่งที่ประชาชนสงสัย
คือทำไมเจ้าหน้าที่ถึงต้องเปิดรับบริจาค
ทำไมอุปกรณ์ขาดแคลน
ทั้งชุดทำงาน อุปกรณ์ หน้ากากอนามัย
ฯลฯ
แสดงว่าไม่มีการเตรียมการณ์อะไรเลย
ต้องรอให้เกิดภัยพิบัติก่อน
จึงจะคิดแก้ไข

งบประมาณในสภาวะฉุกเฉินน่าจะต้องมีเตรียมไว้
ถูกดึงไปไว้ที่ใด หรือว่าไม่มีจริงๆแบบถังแตก

ในฐานะรัฐบาลทหาร
ก็ยากนะครับที่จะปัดปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศ
รวมถึงผู้ว่าราชการฯ
ถ้าท่านอ่านคอมเม้นท์ในเพจของท่านให้ดี
มันคือเสียงสะท้อนความรู้สึกที่แท้จริงของประชาชน
(ส่วนที่ด่าด้วยอารมณ์ก็มี แต่คนที่ให้ข้อมูลก็เเยอะ)
และท่านก็คงต้องรับฟังให้มาก

ความเป็นผู้นำ
จะถูกทดสอบในสภาวการณ์ที่เลวร้าย

พี่ก๋าก็หวังว่าทั้งนายกฯ และผู้ว่าฯ จะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้
ไม่ได้รอซ้ำเติมหรอกครับ
รู้ว่าท่านเหนื่อย
แต่ก็เป็นหน้าที่ที่ท่านต้องทำ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2562 เวลา:22:35:35 น.
  

สวัสดียามเช้าครับน้องเหม่ง

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2562 เวลา:6:29:57 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
มีนาคม 2562

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
18
19
21
22
23
24
26
27
28
29
 
 
All Blog