บันทึกสุดท้าย...ของชายผู้ไม่เคยละอบายมุข

เราคิดมาสักพักแล้ว ว่าควรจะเขียน หรือไม่เขียนเรื่องนี้ดี
แต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องเฉพาะในมุมที่เรามองเห็นเพียงเท่านั้น
ความคิดตีกันไปๆ มาๆ จวบจนตอนนี้ เราตัดสินใจว่า
เขียนดีกว่านะ...


...  บันทึกนี้ ขออุทิศให้แด่ ผู้เสียชีวิต ...
เราขอยกให้เขาเป็น... "ครูของผู้เสพอบายมุขทั้งปวง"

เมื่อเช้ามืดขณะที่เรากำลังเดินทางไปถวายสังฆทาน ทำบุญวันเกิดของเรา
เสียงไลน์ก็ดังขึ้น... มีคนแจ้งข่าวว่า ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งได้เสียชีวิตลงแล้ว
เราก็คิดว่า มันถึงเวลาของเขาจริงๆ แล้วล่ะ เห็นอาการไม่ดีมาสักระยะแล้ว

อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงจะ งง กันมิใช่น้อย ว่า เขาทำอะไร? ทำไมถึงเสียชีวิต?
งั้นเราจะเริ่มบรรยายเรื่องราวของชายผู้นี้ตั้งแต่สมัยเรายังเล็กๆ เลยก็ละกัน


ขอเท้าความก่อนว่า เราเกิดและโตมาในครอบครัวที่ฐานะปานกลาง ดีบ้างร้ายบ้าง
เราอยู่ในการเลี้ยงดูของยายเรามาตลอด พ่อแม่ทำงานตามเวลาราชการ
อาคนนี้ เรารู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ มีตัวตนอยู่ในวงเครือญาติ
เพียงแต่ว่าเราไม่ทราบว่า เขาทำงานอะไร มีบ้านอยู่ที่ไหน รู้แค่มีลูกสาว 2 คน
จนวันหนึ่ง... ยายก็หอบหิ้วเรานั่งรถไฟเดินทางไป จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง
เราก็ได้พบกับลูกพี่ลูกน้องของเรา ตัวเป็นๆ ครั้งแรก
เราขอใช้นามสมมุติ: บี

ความทรงจำตรงนี้เราเลือนลางมากๆ จำได้ว่าไปนอนบ้านเขาประมาณ 1-2 คืน
แล้วก็กลับ ส่วนสาเหตุที่ยายเดินทางไปนั้น เราไม่ทราบ
จน... เรามาทราบภายหลังว่า ยายเดินทางไปหาอาสะใภ้
เพื่อให้เขาย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านด้วยกัน มาดูแลสามีตัวเองใกล้ๆ
สามีจะได้ไม่ไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย

ค่ะ

หลังจากเหตุการณ์นั้น... อาสะใภ้ก็หอบลูกตามยายเรามาไม่กี่เดือนถัดมา
สมัยนั้น เราอยู่ชั้น ป.1 ลูกพี่ลูกน้องอายุเท่ากันกับเรา แต่ย้ายมาอยู่ ป.2
โดยที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเก่าของคุณลุง ลูกของยาย ซึ่งติดอยู่กับบ้านเรา
(บ้านหลังนี้ก็มีประวัติ ซึ่งไม่ขอเล่า แต่ก็มีเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นที่นี่
ต่อหน้าเรา ตอนที่เด็กกว่านี้อีก)

เหตุการณ์ผ่านเลยไป...จนกระทั่ง อาเรากับอาสะใภ้ทะเลาะกันเสียงดัง
มีปากมีเสียงกันหนักข้อขึ้นทุกวัน... ทุกวัน... ทุกวัน...
จนสุดท้าย เสียงปืน นัดหนึ่งก็ดังขึ้น ปั๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ยายเรา ตาลีตาเหลือก รีบวิ่งอย่างทุลักทุเลตรงดิ่งไปที่บ้านนั้น
แม่เราก็ตามไปด้วย ส่วนเรา(กองเผือก)ได้แต่ตามไปแอบมองที่หน้าบ้าน
ภาพที่เราเห็นก็คือ อาสะใภ้เอามือกุมท้อง มีเลือดไหลออกไม่หยุด
ยายเราร้องไห้ ไหว้อ้อนวอน กอดลูกชายตัวเอง อย่าทำร้ายเมีย
เราจำคำพูดไม่ได้ แต่เท่าที่พอจำคลับคล้ายคลับคลา
ว่า ไม่ให้ภรรยาไปยุ่งจุ้นจ้านบ้านเมียน้อยของเขาอีก


หลังจากนั้น...
ครอบครัวนี้ ก็ไหม้เป็นไฟ และวอดวายไฟลุกโชนอยู่ตลอดเวลา
เพื่อไม่ให้เสียค่าเช่าบ้าน เขาเลยตัดสินใจไปสร้างบ้านใหม่
โดยใช้ไม้ทั้งหมดที่เก็บไว้จากโรงไม้ของบ้านของเราเอง
พอบ้านสร้างเสร็จ ก็ย้ายออกกันไป

พออยู่ไกลหูไกลตาจากยายเรา เวลาเขามีปัญหากัน
ทะเลาะกันที ยายเราก็ไม่รู้อีกต่อไปแล้ว...
เวลาพ่อแม่ขับรถพาเราไปในตัวเมือง ก็จะผ่านบ้านเขาตลอด
ภาพที่เห็นก็ เป็นบ้านที่อุดมไปด้วย บุหรี่ และเหล้าเป็นลังๆ
กองอยู่รอบบ้านเต็มไปหมด

ยายเราแวะเวียนมาเยี่ยมหาบ้างเป็นครั้งคราว
พาเรากับพี่ชายเราแวะมาเยี่ยมหาด้วยบ้าง เล่นตามประสาเด็ก
และกินขนมไทยซึ่ง พี่สาวของบี ขอใช้นามสมมุติว่า เอ เป็นคนทำ
พี่เอทำขนมอร่อยมากๆ (จากใจเลย หาทานไม่ได้แล้ว)
ก็แวะไปเวียนมาอย่างนี้อยู่หลายปี จนเราก็ไม่ค่อยไป
ด้วยภาระหน้าที่นักเรียนของตัวเอง งานก็มากโข

เหตุการณ์ผ่านไป ก็มีเรื่องมีราวนึงเกิดขึ้น...ซึ่งเรามารับรู้ภายหลัง
จากการที่สะใภ้คนหนึ่งของยายมาปรับทุกข์กับเรา
เขาเป็นเหมือนแม่ของเราอีกคน เพราะเขาดูแลเราตลอด
เวลาพ่อแม่เราไม่สะดวกพาเราไปที่ไหนไกลๆ คนนี้ก็พาเราไปตลอด
เขาก็บอกว่า สมัยที่เราเรียน ม.ปลาย เอ ซึ่งทำอาชีพนางฟ้าหมวกขาว
มีนิสัยชอบดื่มเหล้า เที่ยวผับ อาชีพเสริม...เมียน้อย
ค่ะ อ่านไม่ผิด เอเป็นเมียน้อยของพนักงานระดับสูงรัฐวิสาหกิจคนหนึ่ง
เป็นมานานนมมีเรื่องตบตีกับเมียหลวงมาปีกว่าแล้ว
จนตั้งครรภ์... อาสะใภ้เลยขอร้องให้สะใภ้ท่านนี้ ช่วยพาไปทำแท้งที
สุดท้ายก็ทำแท้งสมใจ... แต่งานเมียน้อยก็ยังไม่จบ...
จนกระทั่งตัวพี่เอได้ย้ายออกไปอยู่ต่างประเทศ...
และ...งานเมียน้อยก็ยังไม่จบค่ะ...
พี่เอ เป็นเมียน้อยของสามีฝรั่งของคนไทยที่อยู่ที่โน่นอีกเช่นกัน
ไกลหูไกลตาแบบนี้... คนที่บ้านไม่มีใครติดตามได้แน่นอน

ในระหว่างเรียนนี้เอง อาเราก็ไปมาหาสู่เมียน้อยถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ไปถี่ไม่พอ เอารถไปขาย เอาโน่นเอานี่ไปขาย
โอนเงินให้เมียน้อยทั้งหมดด้วยจร้าาาาาาาาาาาาาาาาาา

ส่วนบี... บีเรียนที่เดียวกับเราตั้งแต่ ประถมจนถึงมหา'ลัย
เราขอเล่าก่อนนะ ว่า บีเนี่ยมีนิสัยแรดแต่เด็ก แรดอย่างไม่มีลิมิต
แรดตั้งแต่ย้ายโรงเรียนมาเลย...
ทุกครั้งที่แม่มารับเรา ก็ต้องรอรับบีกลับบ้านด้วยกัน
แต่มีวันนึงที่บีมัวแต่ไปแรด จนแม่เรารอเกิน 1 ชั่วโมง
แม่เดินตามหาทั่วโรงเรียน แล้วดึงหูลากมาขึ้นรถ
บีอาจจะไม่ชอบแม่เราที่ตรงนี้มั้ง คือแม่เราไม่เคยทำแบบนี้กับเรานะ
เพราะเราไม่เคยให้พ่อแม่รอนานแบบนี้ เราดูเวลาตลอด
หลังจากนั้น อาเราก็เลยรับส่งลูกเองเสียเลย
บางทีแม่เราไม่ว่าง ก็จะฝากเราไปด้วย

ระหว่างนั่งรถบางทีก็มีเสียวไส้เหมือนกัน
เพราะอาเราให้บีขับรถ... พอมีรถจะแซง
อาเราก็สั่งบีห้ามให้มันแซง เบียดมันไปเลย
เชรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
(ตอนนั้น...คิด... ชั้นจะตายไหม!!#$!%#!!$)
เราก็เล่าให้แม่ฟัง แล้วเราก็ไม่ได้ไปกับเขาอีกเลย 555


เรารู้ว่า บีมีแฟนตั้งแต่ ม.ต้น และคบกันจน มหาลัย
ตอนนั้นคิดว่า ดีจัง พ่อเจ้าชู้ แต่ลูกสาวคบแฟนคนเดียวยาวเลย
นางคงเข็ดที่พ่อนางเจ้าชู้มั้ง (เด็กอ่ะนะ เลยคิดไปแบบนั้น)
พอจนตอนเราอยู่ ปี 2 แฟนบีแวะมาที่หอเรา เราเห็นพอดี
เราเลยบอกบีว่า เห้ย แฟนบีมาทำไมไม่รู้ที่หอเรา
มาหาเพื่อนเขามั้ง ตอนบ่ายๆ ไรงี้
หลังจากนั้น บีก็ตามไปตบกิ๊กแฟนยันคณะ แล้วเลิกแฟนแบบตัดขาด
เรียกว่า ไม่เผาผีกันเลยก็ว่าได้นะ คือเราไม่รู้ว่า เราจุดประเด็นรึเปล่า
รู้แต่เห็นก็เลยบอกเฉยๆ ไรงี้

พอบีเรียนต่อ เราก็ช่วงทำงานละ ก็เรื่อยๆ ของเราไป
(บีจำเป็นต้องเรียน เพราะถ้าไม่เรียน อาเราเอาเงินให้เมียน้อย)
จนพอเรากลับไปอยู่บ้านช่วง วันแม่
อยู่ดีๆ แม่ก็ลงมาหาเราที่ห้อง ถามหาได้เจอบีบ้างไหม?
เราก็ว่า เจอครั้งสุดท้ายก็ตอนทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไง
สรุปทั้งตระกูลเจอนางวันสุดท้าย ตอนนั้น...
เราก็งง แม่ถามอะไร จน...
แม่บอกว่า เนี่ย มันเพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วันนี่เอง
อาสะใภ้รู้แล้วช็อค ก็เลยฝากมาถามว่ามีใครได้เจอไหม
ไม่รู้จริงไม่จริง... เพราะคนที่โทรมาก็คือเพื่อนสนิทของบี
เราก็เลยบอกแม่ว่า อาจจะจริง เพราะชวนกินข้าวแล้ว
บีไม่มากินด้วยกันเลย
แล้วแม่เราก็เล่าให้ฟัง ว่า เนี่ย เอก็เพิ่งคลอดลูกไป
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เอง แฟนเอก็บินไปดูหน้าลูก
แต่... ลูกหน้าฝรั่งจร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

จนวันที่เรากลับมาที่อยู่เรา ก็เลยแวะไปเยี่ยมดู
คือนางคลอดลูกจริงๆ เด็กตัวเป็นๆ ตัวแดงแป๊ดดดดดด
หนังเหี่ยวย่นมากๆ เด็กแรกคลอดคนแรกที่เราเห็นเลย
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องเป็นราวที่เราคอยช่วยแก้ปัญหาให้
อาเราคนนี้ก็ไล่บีออกจากบ้าน ไม่ให้เข้าบ้าน
จนเราช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ได้ บีก็เลยย้ายไปอยู่
ปัญหาหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าใครพ่อเด็ก?
อาเราก็บอกว่า ให้พ่อเด็กมาสู่ขอ แต่งงานแล้วค่อยเข้าบ้าน
มาทราบทีหลังว่า เป็นสามีของคนอื่น ซึ่งเขาไม่เอาบีแน่ๆ
งานเงิบมาเลย... เงิบยกตระกูลเลยนะงานนี้

พอเวลาผ่านไปบีเลี้ยงลูกไปจนลูกอายุ 1 ขวบนิดๆ
อาเรา(พ่อของบี) เลยให้บีกลับเข้าบ้าน
ติดหลานมากกว่าเมียและลูกอีก เท่าที่ได้ฟังมา
จนบีสามารถกลับมาเรียนต่อได้อีก ก็เทียวไปเทียวมา
บ้านกับมหาลัย

มีอยู่วันนึงที่บีมาขออยู่กับเรา 1 วัน... แต่บีอยู่ไป 1 สัปดาห์
กินอยู่กับเรา เอารถเราไปใช้ ใช้สบู่ใหม่ทั้งขวดลิตรครึ่งใช้จนหมด
เอาเสื้อกันหนาวเราไปใส่เล่น...ทุกวัน ทั้งวัน
คือ... บีขอมาทำงานต่อ... แล้วภาพที่เราเห็นก็คือ
บีเล่นเกมทั้งวัน... โทรคุยกับแฟนทั้งวัน และแชทกับหนุ่มคนใหม่ไปพร้อมกัน
เอารูปผู้ชายที่บีชอบมาให้ดู แล้วก็ทักเขาไปคุยเลย
บีบอกว่า ชอบผู้ชายที่ดูเลวๆ มันตื่นเต้น มันดีต่อใจ...
เรานี่แบบ... ... ... เอิ่ม...
และทุกวัน 2 ทุ่มจนถึง ตี 2 บีจะหายตัวไป
ไปอยู่ร้านผับร้านเหล้า กลับมาพร้อมกลิ่นบุหรี่และเหล้า
ถอดเสื้อผ้าโยนทิ้งไปทั่วห้อง...
คือสภาพห้องเราเละจนเรารับไม่ได้ เราเลยถามว่า
จะอยู่กับเราจนถึงเมื่อไหร่ ตกลงอยู่กี่วันกันแน่
พอไม่ยอมย้ายซักที แฟนเราก็เลยให้ไปนอนบ้านเขา
(ตอนนั้นแฟนกับเราเป็นเพื่อนกันอยู่)
นอนโซฟาในห้องรับแขกยันเช้า เขาดูแลเราอย่างดี
ไปนอนอยู่ 2 วัน... จนบีโทรมาบอกว่าจะกลับบ้านแล้ว
จะเอาของ เราก็เลยบอก โอเค เดี๋ยวจะแวะกลับไปเปิดห้อง
เปิดห้องเสร็จบีก็ขนของออกไปอยู่กับเพื่อนเลย ไม่กลับบ้าน


เรานี่มองอย่างเอือมระอา... คือระหว่างที่บีเรียนอยู่
แม่ของบี (อาสะใภ้) โทรมาขอยืมเงินเราหลายครั้ง
ให้เราเอาเงินให้บี เราก็บอกเลย เรามีแค่พอใช้ต่อเดือนเท่านั้น
เราให้ไม่ได้หรอก เราต้องกินต้องอยู่เหมือนกัน
บีได้เงินจากพ่อแม่ต่อเดือนมากกว่าที่แม่เราให้เราทุกเดือนตอนเรียน
บีให้แม่ซื้อเครื่องสำอางค์ ครีมต่างๆ ให้ทั้งหมดตลอด
ซึ่ง ตอนนั้นเราไม่เก็ท ว่า ทำไมถึงต้องเอาเงินให้อีก
ในเมื่อได้ทุกเดือนอยู่แล้ว แม่ก็ซื้อเครื่องสำอางค์ให้
แล้วบีใช้แต่เครื่องสำอางค์ที่แพงหูฉีก ทั้งที่แม่ก็รับจ้างทำไร่ทำนาเท่านั้น
เงินทุกบาททุกสตางค์ของอาสะใภ้ สามีไม่เคยให้เลยแม้แต่บาทเดียว
อาสะใภ้ต้องหากินเอง ต้องทำกับข้าวให้สามี ต้องส่งเงินให้บี
ต้องซื้อเครื่องสำอางค์ให้บีทุกเดือน และต้องเป็นของอย่างดี
ราคาแพง ใช้ของถูกไม่ได้ แพ้ง่าย บลาๆ อะไรก็ไม่รู้ของบี

และลูกของบี อาสะใภ้ก็เป็นคนเลี้ยง หาเงินเลี้ยงหลานเอง
บีไม่เคยส่งเงินให้แม้แต่บาทเดียว... มีแต่ขอเงินเพิ่มเรื่อยๆ

จน...ไม่นานมานี้ อาเราก็เข้าโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็ง
ก็เข้าๆ ออกๆ เวียนระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล
ระหว่างที่อาเราอยู่โรงพยาบาล บีเที่ยวเตร่ทุกวัน
โพสภาพเที่ยวอย่างมีความสุข สนุกสนาน...
เราก็คิดแบบ เห้ยยย พ่อแม่งจะตายห่าอยู่แล้ว เที่ยวอยู่นั่น
กว่าบีจะเสด็จมาเยี่ยมพ่อตัวเองก็ให้พ่อนอนโรงพยาบาลจนวันออก

อาเราเทียวเข้าออกบ่อยมาก อาสะใภ้ก็มาดูแลตลอด
ไร้วี่แววลูกสาวของเขาทั้ง 2 คน กว่าแต่ละคนจะมาได้
ก็ต้องผ่านไปหลายวัน คนนึงอยู่อีกซีกโลก อีกคนอยู่ใกล้
แต่ไม่อยากมา...

จนครั้งสุดท้ายที่มาในจังหวัดที่เราอยู่ พ่อแม่เราก็มาด้วย
ตอนแรกแม่ขอให้เราไปช่วยเลี้ยงหลานแทน
เราบอก เราไม่เอา เด็กมีโรค เราเคยป่วยเพราะเด็กนี่แล้ว
เราไม่เอาอีกแล้ว แม่เราก็อ้างสารพัดจะอ้าง อ้างบุญ อ้างไรไม่รู้
ซึ่งเราก็เคืองแม่เราไปนานเหมือนกัน
เพราะแม่เราไม่เคยสนใจความรู้สึกเรา รับปากก่อนถามทุกครั้ง
เสนอตัว แล้วเอาหายนะมาให้เราทุกครั้ง จนครั้งนี้ เราไม่เอาด้วย
เราบอกว่า เราจะแค่ไปเยี่ยม จะให้ไปดูแล เราไม่ไป
ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ เราไม่ดูแล เขามีลูก ให้ลูกเขามาดูแลเอง
แม่ก็คงโกรธเราอยู่ แต่เราก็ทำตามภาพที่เราเห็น

อาเราเขาอยากให้ลูกเขามาดูแลเขา ไม่ได้อยากให้เราไปอยู่ตรงนั้น
อันนี้เราเข้าใจ แต่แม่เราไม่เข้าใจ อ้างสารพัดบุญ
จนแม่เราโดนพระอาจารย์ตอกตอนทำบุญเรื่องนี้ไป
ช่วยเท่าที่ช่วยได้ แล้วไม่เดือดร้อนคนอื่น ถึงเป็นบุญ
ถ้าช่วยแล้วเดือดเนื้อร้อนใจมีแต่ทุกข์ ทำไปก็ไม่ได้บุญ

หลังจากนั้นแม่เราก็ไม่เอาเรื่องพวกนี้มาอ้างกับเราอีก
จนกระทั่งอาเราเสีย ภาพที่เห็นตอนเราไปเยี่ยมพร้อมพ่อแม่ครั้งสุดท้าย
ก็คือ อาเรานอนมีแต่สายระโยงระยาง ทั้งตัวเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก
มะเร็งลุกลามจนหลอดลมอุดตัน มะเร็งมันลามขยายบีบอัดในช่วงอก
ต่อท่อสายยางไปยังปอดโดนบีบจนท่อแบน จนเปลี่ยนเป็นท่อเหล็ก

สภาพอาเราตอนพี่ชายเราไปเยี่ยมครั้งสุดท้าย ก็คือ
นอนขอมอฟีนลดความเจ็บปวดจากหมอ แต่หมอให้ไม่ได้
มันถึงขีดจำกัดที่หมอให้ได้แล้ว

...เขาได้แต่ทรมานจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต...



ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวในมุมมองที่เราเห็นในชีวิตอาของเรา
สำหรับใครที่ชื่นชอบ "การมีเมียน้อย" "การมีกิ๊ก"
เราขอให้คุณหยุดคิดสักนิด...
คุณเห็นอะไรจากเรื่องที่เราเล่าไหม?
"การมีเมียน้อย" ภรรยาคุณจะทุกข์แสนสาหัส
"การมีเมียน้อย" ลูกของคุณจะจดจำทุกพฤติกรรมของคุณแล้วทำตาม
"การมีเมียน้อย" ครอบครัวคุณจะลุกเป็นไฟตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเริ่ม
และ "การมีเมียน้อย" ต่อให้คุณเจ็บป่วยแค่ไหน เมียน้อยก็ไม่เหลียวแลคุณ

เรายังไม่เห็นข้อดีของการมีเมียน้อยเลย ตั้งแต่รู้จักอาของเรามา
มันไม่ได้ดูเท่ แต่ดูทุเรศมากกว่า เมียปวดใจ ลูกเกลียดพ่อ และครอบครัวพังๆ

ส่วนการเสพอบายมุข... อาเราเหล้าบุหรี่จัดเต็มตั้งแต่หนุ่มๆ ทุกวัน
คุณมีความสุขกับสิ่งที่เสพติด... คุณลดความเครียดลงได้
แต่คุณเห็นไหม บั้นปลายของชีวิตคุณเป็นยังไง?
"ร่างกายภายนอก" คุณจะเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก
"ร่างกายภายใน" คุณจะถูกมะเร็งกัดกินอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
และ "ความเจ็บปวดทรมานที่ไม่สิ้นสุดจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต"

พี่เราเปรียบให้เราฟัง คนที่ชอบการเสพอบายมุข
เวลาตกนรก จะโดนเอาน้ำร้อนลวกปากจนกว่าจะสำนึก
ใช่... สิ่งที่อาเราเจอ คือ นรกบนดิน คุณแค่ชดใช้ในสิ่งที่คุณก่อ
คุณทรมานร่างกายของคุณจากการเสพอาหารมะเร็งพวกนั้น
บั้นปลายของคุณ ร่างกายของคุณก็ให้คุณเสพในสิ่งที่เขาได้รับคืนทั้งหมด
เสพความเจ็บปวดที่ร่างกายรับจากคุณ คืนคุณทั้งหมดทุกความรู้สึก


จนถึงตรงนี้... เราไม่ขอให้คุณมองเขาเป็น "คนเลว" คนหนึ่ง
แต่เราขอให้คุณมองเขาเป็น "ครู" คนหนึ่งของคุณ
เป็นคนที่คอยเตือนใจคุณเสมอๆ ในยามที่คุณกำลังจะหลงผิด



ด้วยรัก... จาก Matcha



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2560 16:32:43 น.
Counter : 1051 Pageviews.

2 comments
  
สวัสดีครับ

ยินดีที่กลับมาเขียนบล้อกอีกครั้งนะครับ
พี่ก๋านั่งอ่านเรื่องราวในบล็อก
อบายมุขสร้างปัญหาจริงๆครับ
แล้วมันก็นำไปสู่การหลงผิดคิดร้ายในเรื่องอื่นๆตามมา

พี่ก๋าเชื่อเรื่องกรรมครับ
กระทำอะไรกับใครไว้
ความผิดบาปทั้งหลายก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเองด้วยเช่นกัน

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:32:55 น.
  


สวัสดียามเช้าครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 พฤศจิกายน 2560 เวลา:6:31:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
พฤศจิกายน 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
29
 
 
All Blog