<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
1 เมษายน 2554

[ความเรียง] 7 สิ่งมหัศจรรย์จากการท่องเที่ยว

..

มีเรื่องหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ 2-3 ปีที่ผ่านมา คือ บางอย่างในชีวิต หรือบางสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา ซึ่งเป็นเพียงสิ่งปกติ ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ

.

มองเห็น - หยิบใช้ - พบเจอ ... ในชีวิตประจำวันจนเป็นเรื่องธรรมดา

.


แต่ทว่า เมื่อผมตัดสินใจเริ่มต้นออกเดินทางสู่ ... “โลกแห่งการท่องเที่ยว”


“สิ่งธรรมดาใกล้ตัว” ก็กลายเป็น “สิ่งมหัศจรรย์”

..



..


-1-



ในวันที่เรานอนเอกเขนกอยู่ในบ้าน หากลองมองไปรอบๆ จะพบว่าสมบัติพัสถานรอบตัว มีหลายสิ่งอย่างเหลือเกิน ... (ยกเว้น ใครที่ในบ้านมีเพียงเสื่อผืนหมอนใบ)


บางอย่างเป็นความจำเป็น ... แต่ในความจำเป็น ก็มีความต้องการทับซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง

เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น แต่เรายังต้องการเสื้อผ้าที่หลากสไตล์หลายสีสันเพื่อไม่ให้จำเจ รองเท้าหลายคู่ตามกาลเทศะ กางเกง-กระโปรงหลายตัวเพื่อความทันสมัย หรือชุดชั้นในหลายรูปแบบเพื่อคนที่คุณรัก

ส่วนบางอย่างซึ่งเป็นความต้องการนั้น คงนับกันไม่หวาดไม่ไหวตามความต้องการที่มากน้อยของแต่ละคน

.

แต่ในการเดินทางท่องเที่ยว หากเราไม่ได้ใช้วิธีเดินทางแบบ “คุณปู่ Carl Fredricksen” ในภาพยนตร์เรื่อง “Up” ที่ยกบ้านลอยไปทั้งหลังแล้วล่ะก็


... เราก็ต้องเลือก “สิ่งที่จำเป็น” และ “สิ่งที่ต้องการ” รวมกันทั้งหมดลงไปใน “กระเป๋าเดินทาง”


..



..

“กระเป๋าเดินทาง” เป็นสิ่งคู่นักท่องเที่ยว ซึ่งผมคิดว่า มันมีความพิเศษบางอย่าง เพราะไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางใบเล็ก หรือใบใหญ่แค่ไหน มันก็สามารถรองรับตามความจำเป็น และความต้องการ ของผู้เป็นเจ้าของ



แน่นอนว่า อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด

... แต่นักเดินทางท่องเที่ยว จำต้องตัดใจ นึกถึงความสำคัญมากน้อย – ก่อนหลัง แล้วตัดสินใจเลือกหยิบเอาเฉพาะสมบัติที่สามารถพกพาไปได้

.

กระเป๋าเดินทาง จึงเสมือนเป็นเครื่องมือที่ดีในการเริ่มต้นสร้างนิสัย “ตัดใจ” สิ่งที่ล้นเกินสำหรับชีวิต ... อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาที่เดินทางไปท่องเที่ยว



กระเป๋าเดินทาง ยังเป็นเครื่องมือจัดระบบความคิด การวางแผน ฝึกความรอบคอบ ว่าในสถานที่ที่เราจะเดินทางไปท่องเที่ยวนั้น ... สิ่งใดควรจะร่วมเดินทางไปในกระเป๋าบ้าง



เช่น ถ้าเดินทางไปพักโรงแรม-รีสอร์ท ผ้าขนหนู สบู่ แชมพู ก็ดูจะเปลืองพื้นที่ในกระเป๋า ... แต่หากไปท่องเที่ยวแนวลุยป่าปีนเขา จะแบ่งพื้นที่ให้มาม่า-ปลากระป๋องไว้สักหน่อยคงไม่เสียหาย

.
.

สำคัญยิ่งกว่านั้น กระเป๋าเดินทางยังมีคุณสมบัติประหลาดตรงที่ว่า ... ก่อนเดินทาง ผมมักคิดกันว่ามันแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ใส่อะไรลงไปได้อีกแล้ว




... แต่เอาเข้าจริง ในการเดินทางขากลับ ผมก็ยัดของฝากกลับมาจนกระเป๋าขยายใหญ่กว่าเดิมได้ทุกครั้ง

..




..

-2-


เราย่อมไม่มีวันรู้เลยว่า “หนังสือคู่มือ หรือแผนที่” ซึ่งตั้งกองบนหัวเตียงที่บ้าน มีประสิทธิภาพเพียงใด ในการนำทางไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย


.


แต่หาก “หนังสือคู่มือ หรือแผนที่” อยู่ในมือของนักเดินทาง

จากกระดาษธรรมดาๆ ก็สามารถกลายเป็น เครื่องมือที่สร้างความสนุก ลุ้นระทึก ไม่ต่างไปจากลายแทงขุมทรัพย์ ... แถมบางครั้ง ยังทำให้เราค้นพบข้อคิดดีๆในชีวิต

.

ในยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีทันสมัย ในรูปแบบต่างๆ มาช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาทิศทางมากขึ้น .. แต่สำหรับคนโลว์เทคแบบผม ยังถนัดที่จะใช้หนังสือคู่มือการท่องเที่ยวกับแผนที่กระดาษธรรมดาๆ ในการนำทางมากกว่า

... (เสียงคลี่แผนที่กระดาษ กับรอยยับนั้นช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก)

.
.


แล้วเสน่ห์ของเครื่องมือนำทางรูปแบบนี้ อยู่ที่มันไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับเราแบบหมดจด ตรงความต้องการเป๊ะๆ


แต่ผู้ใช้ ต้องอาศัยการวิเคราะห์ ทักษะการคำนวณ การวัดใจ จินตนาการ คาดคะเน เดาสุ่ม ตลอดจนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ... ผสมผสานรวมกัน ให้เกิดประสิทธิผลในการนำทางเอาเอง

.
.

ในขณะเดียวกันหากเกิดความผิดพลาดจากกระบวนการข้างต้น คู่มือ หรือแผนที่ อาจทำให้เราหลงทางได้เช่นกัน .. แต่กระนั้นแล้ว นั่นเป็นความสนุกตื่นเต้น และอาจเป็นความผิดพลาด ที่อาจนำเราไปสู่ความแปลกใหม่ เส้นทางใหม่


ผมจึงคิดว่าการหลงทิศ หลงทางไม่ใช่เรื่องใหญ่ ... เพราะเปรียบไปย่อมไม่ต่างจาก “ชีวิต” ที่แม้จะมีคู่มือการใช้ชีวิตวางขายกันเกร่อ หรือบางคนเขียนแผน(ที่)ชีวิตไว้อย่างดิบดี




แต่หากชีวิต และการเดินทางยังต้องดำเนินไป ... สิ่งใหม่ๆไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับเราได้ทุกนาที มิใช่หรือ ?

..





..

-3-



เพื่อนที่เราสนิทสนมผ่านตัวอักษรบนหน้าเว็บบอร์ด เพื่อนร่วมสถาบัน หรือเพื่อนร่วมชาติ … ซึ่งไม่เคยเห็นหน้ากันแบบตัวเป็นๆมาก่อนนั้น

เมื่อถึงเวลาเดินทางไปพบเจอกันในสถานที่ท่องเที่ยวต่างถิ่น คงระบุความคุ้นเคยนั้นได้ลำบาก

.

แต่ความยากในการแยกแยะนั้น ทำได้ง่ายขึ้นหากคนใดคนหนึ่งมี “Tag หรือสัญลักษณ์” อะไรสักอย่างที่บ่งบอกสถานะความเป็นตัวตนของบุคคลนั้น


.
.


ด้วยเหตุที่กลุ่มชมรม กลุ่มสมาชิก กลุ่มเว็บบอร์ด หรือกลุ่มสถาบัน-องค์กรใดๆ นิยมชมชอบกับการสร้างสิ่งแทนสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ พวงกุญแจ แหวน สายรัดข้อมือ ฯลฯ


การเดินทางท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ จึงไม่ยากที่เราอาจจะได้เจอคนที่เป็นกลุ่มสังคมเดียวกัน ร่วมสถาบันเดียวกัน หรือสัญชาติเดียวกัน แม้ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนเลยก็ตาม


โดยเฉพาะในสังคมโลกออนไลน์ เช่น เว็บบอร์ดด้านท่องเที่ยว (Blueplanet) หรือเว็บบอร์ดการถ่ายภาพ ... ที่มี Tag ไว้ติดสอยห้อยตามกระเป๋าเดินทาง หรือกระเป๋ากล้อง

.

จึงเป็นเหตุอันน่ามหัศจรรย์ว่า

... แม้โลกจะแสนกว้างใหญ่ ผู้คนแปลกหน้ามากมายเพียงใด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคนบางคนอาจใกล้ชิดกันอย่างคุ้นเคย


ขอเพียงแค่มี Tag หรือสัญลักษณ์ร่วมกัน สายสัมพันธ์ก็เปิดประตูรอทักทาย





** ข้อมูลภาพประกอบ **

โดย คุณ tiger's nest + คุณ Coffee Blended

..




..

-4-



แม้ภาษาอังกฤษ คือ ภาษาสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับในปัจจุบัน แต่ทว่าหากเราต้องเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ซึ่งภาษาอังกฤษไร้ความหมาย



... “ภาษากาย” ย่อมกลายเป็นภาษาที่สำคัญที่สุด

.
.


รอยยิ้ม ยักคิ้ว ชี้นิ้ว โบกมือโบกไม้ พยักหน้า ส่ายหน้า ผายมือ สีหน้า แววตา น้ำเสียงสูงต่ำ ฯลฯ

ล้วนเป็นภาษากายที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน จนเป็นเรื่องธรรมดา ... แต่สำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะใน หรือนอกประเทศ กิริยาอาการดังกล่าวจะสามารถกลายเป็นภาษาที่สาม ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าภาษาหลักที่เอ่ยออกจากปาก

.

แม้กระทั่งการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เราใช้ภาษาเดียวกันการสื่อสารกับเจ้าถิ่นที่ได้

แต่ผมเรียนรู้ว่า... ภาษากายอย่าง “รอยยิ้ม” กลับเป็นใบเบิกทางชั้นเยี่ยมในการสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และนำไปสัมผัสวิถีชีวิตของบุคคลได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น

..



..

ผมเคยได้ยิน ได้ฟังความกังวลใจของใครหลายคน เกี่ยวกับทักษะด้านภาษาว่าเป็นอุปสรรคในการ(อยาก)เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ



ฟังแล้วก็ต้องแนะนำผู้อื่นเสมอ ว่าทักษะด้านภาษาสำหรับการท่องเที่ยวนั้น มีความจำเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่ง ... แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง ขอเพียงแค่ รู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานเล็กๆน้อยๆบ้าง รับรองว่าไม่อดตายในต่างแดน


(การท่องเที่ยว แตกต่างจากการสอบ TOEFL อย่าจำสับสนกัน)


.
.

โดยเฉพาะ หากเราไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อการศึกษา เสวนาวิชาการ ติดต่อธุรกิจ กล่าวปาฐกถาปัญหาโลกร้อน ขึ้นแถลงการณ์บนเวทีสหประชาชาติ หรือตั้งใจจะไปหาแฟนเมืองนอก


... คงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ หรือภาษาท้องถิ่นในประเทศนั้นชนิดครบเครื่อง ฟัง พูด อ่าน เขียน

.

ตรงกันข้าม ผมมองว่าเมื่อเวลาเดินทางท่องเที่ยว แล้วต้องเจอปัญหาเล็กๆน้อยๆจากการสื่อสารไม่เข้าใจ เผลอทำอะไรโก๊ะๆ นับเป็นประสบการณ์ที่ดีด้วยซ้ำ ... เพราะมันฝึกทักษะการแก้ปัญหา การตีความ และการเอาตัวรอด ที่เราไม่สามารถหาได้จากห้องเรียน หรือตำราเล่มไหน



ดังนั้น ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน ใกล้หรือไกล ... ขอให้พก “ภาษากาย” ติดตัวเอาไว้ รับรองว่าใช้ได้ในทุกประเทศ ทุกสถานการณ์

..



..

-5-



“หนาวนี้ เราจะไปเที่ยวเหนือล่ะ ซื้อฟิล์มไปซัก 2 ม้วนก็พอเนอะ ”


“นี่เธอ ... ชั้นเพิ่งกลับจากปารีส ถ่ายรูปกระจายเลย หมดฟิล์มไปตั้ง 10 ม้วน”


“ว้าว ... ได้รูปสวยๆจากงานลอยกระทงมาตั้ง 30 รูปแน่ะ ม้วนนี้ถ่ายเสียไปแค่ 6 รูปเอง”

.
.


ประโยคสมมติข้างต้น อาจเป็นประโยคที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อหลายปีก่อน ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีการถ่ายภาพด้วยฟิล์มยังผูกขาดอยู่รูปแบบเดียว


... แต่แล้ววงการถ่ายภาพก็พลิกโฉมหน้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อ “กล้องดิจิตอล” ถือกำเนิดขึ้น

.
.

ความจริงแล้วในแวดวงเทคโนโลยีของโลกในรอบทศวรรษที่ผ่านมา กล้องดิจิตอล เป็นสิ่งมหัศจรรย์โดยตัวของมันเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็ได้


อย่างไรก็ดี เมื่อผนวกกล้องดิจิตอลกับการท่องเที่ยว ย่อมส่งผลทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้ ทวีความมหัศจรรย์เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์พกพาที่นักเดินทางแทบทุกคนต้องนำติดตัวไปด้วย

.
.


กล้องดิจิตอล ปฏิวัติวงการท่องเที่ยวในแง่ของการบันทึก และนำเสนอข้อมูล ... จากสมัยก่อน เมื่อมีแผนไปเที่ยวทั้งที ก็ต้องกระเบียดกระเสียรซื้อฟิล์มอย่างพอดีๆ โดยเฉพาะคนที่มีงบประมาณจำกัด


หากใครไม่ได้ถ่ายภาพเพื่อการทำงาน เพื่อธุรกิจ หรือมีความจำเป็นจริงๆ ... นักเดินทางท่องเที่ยวทั่วไป คงต้องพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบต่อการจะเก็บภาพแต่ละครั้ง

หรือแย่ไปกว่านั้นสำหรับมือใหม่ หรือนานๆจับกล้องที เพราะอุตส่าห์ถ่ายน้อยๆแล้ว ภาพที่ได้มากลับยังมืดไปบ้าง สว่างไปหน่อย มุมไม่ดี เบลอทั้งภาพ หน้าตาดูตลก ปิดตา ฯลฯ ... เต็มไปด้วยข้อบกพร่องสารพัด


หนักที่สุด คือ ใส่ฟิล์มผิด หรือเปิดฝากล้องขณะยังไม่กรอฟิล์ม ... แบบนั้นเป็นอันจบข่าว

..



..

แต่เมื่อ กล้องดิจิตอล มาพลิกโฉมโลกแห่งการท่องเที่ยว

คนธรรมดาๆอย่างเราๆ ที่ไม่ได้เป็นช่างภาพมือโปร ก็กล้าที่จะถ่ายภาพมากขึ้น - เก็บรายละเอียดของทุกสิ่งในการเดินทางมามากขึ้น

... ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์รอบตัว อาหารการกินทุกจาน ทุกซอกมุมของสถานที่พัก ไปจนกระทั่งความงามของโถส้วม



กล้องดิจิตอล จึงเป็นความมหัศจรรย์ควบคู่การท่องเที่ยว เพราะมันทำให้คนธรรมดาที่รักในการท่องเที่ยวมีโอกาสได้ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก มุมมองผ่านสายตา มากขึ้นกว่าเดิม
.
.

เมื่อเก็บมาเพิ่มขึ้น ... ก็แบ่งปันได้มากขึ้น ... แลกเปลี่ยนข้อมูลได้กว้างขึ้น


จนสุดท้าย ... โลกใบใหญ่ ก็แคบลงด้วยปลายนิ้วมือที่เรากดชัตเตอร์

..



..

-6-



ในยุคที่อินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์เคลื่อนที่ กลายเป็นเครื่องมือด้านการสื่อสารที่รวดเร็วฉับไว และทรงประสิทธิภาพ

... การส่งจดหมาย ก็กลายเป็นเรื่องไกลตัวจากมนุษย์มากขึ้นทุกที

.


โดยเฉพาะหากมองในมุมของการท่องเที่ยว ... สมัยก่อนหากใครไปเที่ยวไหน แล้วอยากส่งเรื่องราว และรูปถ่าย ไปให้ผู้อื่นได้รับรู้

เราต้องนั่งเขียนจดหมาย เรียบเรียงถ้อยคำลงแผ่นกระดาษ เอาฟิล์มไปล้าง-อัดรูป ใส่ซอง ปิดแสตมป์ หย่อนลงตู้

... แล้วก็รอสักวันให้มันไปถึงจุดหมายปลายทาง

.
.


แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสื่อสาร ทำให้เราสามารถส่งเรื่องและภาพการท่องเที่ยว ไปยังเพื่อนฝูงคนรู้จักได้อย่างรวดเร็ว ... ไม่ว่าจะเป็นด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่อันทันสมัย , อีเมล , เว็บบอร์ด หรือสุดยอดความฮิตอย่าง เฟซ-บุค


.
.

ต่อให้เรานั่งจิบกาแฟอุ่นๆอยู่บนดอยที่เชียงราย ... ระบบสื่อสารข้างต้น ก็ทำให้เพื่อนที่เดินตากฝนอยู่ที่ชุมพร รับรู้ความอุ่นของกาแฟในถ้วยได้อย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน

หรือ

เรากำลังนอนอาบแดด ท่ามกลางน้ำทะเลใสแจ๋วอยู่ที่มัลดีฟส์ ... เพียงแค่อัพโหลดรูปถ่ายลงไปในเว็บไซต์ยอดนิยม แล้วก็ tag ต่อๆกันไป

เพื่อนๆทุกคนที่อยู่เมืองไทย ก็พร้อมใจกันกด like ได้อย่างพร้อมเพรียง


.
.


แต่ ... ทุกสิ่งที่ว่าด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารอันแสนทันสมัยนี้ หาใช่ความมหัศจรรย์จากการท่องเที่ยวในสายตาของผมในยุคปัจจุบัน




สิ่งมหัศจรรย์ กลับกลายเป็นกระดาษแข็งขนาด 4 คูณ 6 นิ้ว ที่เราเรียกว่า “โปสการ์ด”

..



..

จริงอยู่ที่ว่า จดหมาย กลายเป็นสิ่งไกลตัวสำหรับคนยุคนี้

แต่ท่ามกลางความทันสมัยของโลกไร้พรมแดน การสื่อสารไร้ขีดจำกัด ... กระดาษใบเล็กๆอย่างโปสการ์ด กลับยังอยู่ยงคงกระพัน และมีความหมายต่อการท่องเที่ยวเสมอ

.

.


เราอาจเคยได้รับ sms - mms มีเพื่อนส่งรูป - tag รูปท่องเที่ยว หรืออีกหลายช่องทางในรูปแบบของการสื่อสารสมัยใหม่

... แต่ผมเชื่อว่า โปสการ์ดกระดาษธรรมดาๆ ยังมีเสน่ห์ และน่าจดจำ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปเพียงใด


มองในแง่ปัจเจก “โปสการ์ด” อาจเป็นตัวแทนของที่ระลึกที่แสดงน้ำใจและความรู้สึกดีๆของผู้ส่ง ที่มอบแด่ผู้รับ

... หรือหากมองในภาพรวม “โปสการ์ด” อาจเป็นตัวแทนของการดำรงอยู่ซึ่งความเรียบง่ายของมนุษย์


.
.


ผมจึงเชื่อว่า ใครที่คุ้นเคยกับการส่ง หรือได้รับโปสการ์ดจากการท่องเที่ยว คงรับรู้เสน่ห์ได้ดี เพราะกระดาษเล็กๆนั้นเป็นความรู้สึก และความทรงจำที่จับต้องได้



แต่หากใครไม่เคยส่ง และไม่รู้ว่ากระดาษธรรมดาๆมันน่ามหัศจรรย์ตรงไหน

... ไปเที่ยวครั้งหน้า ลองหาโปสการ์ดจากสถานที่ท่องเที่ยว แล้วส่งไปให้เพื่อนฝูง คนรู้จัก หรือคนพิเศษ

ถ้าไม่รู้จะเขียนอะไร ลองเริ่มต้นเขียนสั้นๆ ง่ายๆ เช่นคำว่า “คิดถึง” ก็ได้




เพียงเท่านี้ “ตัวอักษรคำว่า คิดถึง” ของคุณบนกระดาษเล็กๆใบนั้น ก็แตกต่างจากคนทั้งโลก



..


-7-


จุดมุ่งหมายลำดับต้นๆของการท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่เรามักคาดหวังถึงความประทับใจที่จะมีต่อบรรยากาศ หรือสถานที่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง


เช่น ...



ถ้าจะเดินทางไปแอ่วเมืองเหนือในช่วงปลายปี เราคงอยากไปสัมผัสอากาศหนาวๆ เย็นสบาย ดอกไม้บานสดใส ใบไม้ผลัดใบเปลี่ยนสี หรือทะเลหมอกปกคลุมยอดดอย


ถ้าจะตะลุยไปสุดแดนอีสาน จุดหมายอาจเป็นการได้นั่งปล่อยใจ ชมความงามของพระอาทิตย์ตกริมโขง ท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่ายของวิถีชีวิตริมน้ำระหว่างสองประเทศ


ถ้าจะลงใต้ไปตะลอนฝั่งอันดามันในช่วงหน้าร้อน อะไรจะดีไปกว่า หาดทรายขาว น้ำทะเลใสกว้างไกลสุดสายตา ไอแดดส่องกระทบเกลียวคลื่นเป็นประกายระยิบระยับ

.
.


นอกจากนั้น จุดมุ่งหมายก็อาจเป็นเรื่องของการได้เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิต บันทึกเอาไว้ว่าเราก็เคยไปเห็นด้วยตา ตัวเองมาแล้ว แตกต่างกันไปตามสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ


เช่น …


ไปเชียงราย ฉันก็ไปวัดร่องขุ่นมาแล้วนะ , เที่ยวกรุงโรม เราขอไปกระโดดหน้าโคลิเซียมหน่อย , เที่ยวอุบลฯ หนูจะไปเดินเล่นแบบป๋าเบิร์ดที่สามพันโบก หรือ ไปโตเกียว ผมตั้งใจจะไปถ่ายรูปโตเกียวทาวเวอร์ (และสาว Maid Cafe) เป็นต้น

.
.

แต่การเดินทางท่องเที่ยว ยังมีจุดมุ่งหมายอย่างหนึ่ง ที่บางครั้งเราไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าจะได้เจอะเจอ แถมยังกำหนดล่วงหน้าก็ไม่ได้

... ทว่ากลับเป็นความประทับใจ ไม่น้อยไปกว่าสถานที่




สิ่งนั้นคือ “มิตรภาพใหม่” จากการเดินทาง

..



..

ความจริงแล้ว มิตรภาพใหม่ หรือเพื่อนใหม่ เป็นสิ่งที่เราพบเจอได้ทั่วไปจากหน้าที่การงาน การศึกษา หรือกิจกรรมต่างๆ


... แต่มิตรภาพเหล่านั้น ก็มีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างจาก “มิตรภาพใหม่จากการท่องเที่ยว”

.

ความต่างนั้น คือ มิตรภาพใหม่จากการท่องเที่ยว มีระยะเวลาให้เราในการสื่อสารทำความรู้จักกันอย่างจำกัด จนอาจเรียกได้ว่า "ต่างคนต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกันโดยสมบูรณ์".
.

แต่ทว่าในข้อจำกัดเรื่องเวลา ... สถานะของความเป็น “นักท่องเที่ยว” ก็สามารถทำให้มิตรภาพใหม่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน

ชนิดที่บางครั้งเราเจอกันเพียงไม่กี่นาที คุยกันเพียงไม่กี่ประโยค เราต่างก็ยกสถานะของ “คนแปลกหน้า” ให้เป็น “เพื่อนใหม่” ได้ทันที


.
.


ตัวอย่างหนึ่ง ครั้งเมื่อเดินทางไปเที่ยวดอยวาวี จังหวัดเชียงราย


... ผมได้รับการเชื้อเชิญจากชาวเขาในหมู่บ้าน ไปนั่งจิบชา พูดคุยกันภายในบ้านมุงจากอันแสนอบอุ่น เพียงแค่พบหน้า และเอ่ยคำทักทายไปไม่กี่ประโยค


รวมถึงในวันเดินทางกลับ ที่ผมเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพในไร่ชาอูหลง จนกระทั่งเวลาล่วงเลย พลาดรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายของวัน

... แต่แล้วเด็กสาววัยรุ่น 3 คน ที่ผมเพิ่งจะพูดคุย ขอคำแนะนำไปเพียงไม่กี่นาที กลับอาสาขับมอเตอร์ไซค์ลงมาส่งผู้ชายแปลกหน้า (หน้าโหดๆ) ที่เชิงดอย


.
.


เหตุการณ์น่าประทับใจทั้งหมดนี้ ล้วนมีเหตุผลมาจากสถานะของ “ความเป็นนักท่องเที่ยว” ที่เป็นกุญแจไขประตูสู่ “มิตรภาพใหม่” ให้เกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

..





..

“คุณจะรักชั้นได้ยังไง เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ชื่อชั้นคุณยังไม่รู้เลย”


ประโยคทองของนางเอกจากภาพยนตร์ไทยร้อยล้านเรื่อง “กวน มึน โฮ” อาจเป็นประโยคคำถาม ที่คนซึ่งไม่เคยเดินทางท่องเที่ยว อาจรู้สึกเห็นด้วยว่า มันจะรักกันได้จริงเร้อ ?

... ก็แค่เรื่องโรแมนติกที่มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ


.


แต่ในโลกแห่งความจริง เรื่องราวในภาพยนตร์ดัง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน หรือเป็นไปไม่ได้เลย

โดยเฉพาะความรัก หรือความรู้สึกดีๆ อันเกิดมาจากการท่องเที่ยว ... เพราะสถานะของนักท่องเที่ยวนั้น มีความพิเศษบางอย่างที่สามารถสร้างมิตรภาพใหม่ให้เกิดขึ้นได้ โดยที่เวลาไม่ใช่ตัวแปรสำคัญ

(รักไม่ต้องการเวลา ... ฮริ้ววว)


.
.





มิตรภาพใหม่ๆ ซึ่งเกิดจากการเดินทางจึงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างง่ายดาย

ไม่ว่าจะเป็น ... เพื่อนร่วมทางที่นั่งข้างๆบนเครื่องบิน , ผู้หญิงที่นั่งติดกันในร้านกาแฟ , เด็กน้อยที่ยืนชมวิวในมุมเดียวกัน , คุณยายที่ร้านขายของที่ระลึก หรือ ครอบครัวที่มาขอให้เราช่วยถ่ายภาพ



หากมีโอกาส มีจังหวะ และไม่เป็นการรบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ... สถานะพิเศษของนักท่องเที่ยวที่เรามีติดตัว สามารถใช้เพิ่มปริมาณเพื่อนใหม่ได้โดยไม่จำกัด






ขอเพียงในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้ง ... อย่ามุ่งสนใจแค่ความต้องการของตัวเอง หรือสนใจแค่สถานที่ท่องเที่ยวเบื้องหน้า



แต่ลองเปิดหู เปิดตา เปิดหัวใจ ... เราจะพบว่า “มิตรภาพใหม่” รายล้อมอยู่รอบตัว


..




 

Create Date : 01 เมษายน 2554
6 comments
Last Update : 1 เมษายน 2554 15:31:34 น.
Counter : 2212 Pageviews.

 

แวะมาชมด้วยคน แหม มีทุก Tag เลยน้า ยังขาด Tag 5 นะเนี่ย อิอิ

 

โดย: patthanid 1 เมษายน 2554 18:06:33 น.  

 

แวะมาอ่านจร้าขออนุญาตฝากเว็บไว้ในอ้อมกอดน้อยๆด้วยนะครับ|เข้าชมเว็บ บิ๊กอายขอบคุณครับ

 

โดย: bigeye (tewtor ) 16 เมษายน 2554 17:20:10 น.  

 

เขียนดีจริง

 

โดย: mcayenne94 28 เมษายน 2554 16:45:17 น.  

 

อ่านจากพันทิพย์แล้ว ตามมาอ่านในบล็อกด้วยคะ

มุมมองเยี่ยมไปเลยคะ

 

โดย: strawberry banana&cream 8 พฤษภาคม 2554 23:13:12 น.  

 

=ชอบและตรงกับความคิดจริงๆๆ.....เห็นด้วยสุดๆ.....เพราะราเองก็ชอบใช้ภาษา0.....กายเหมือนกัน...คนชอบเดินทาง..และชอบธรรมชาติ...ชอบอาหาร..และทุกๆๆอย่างแม็แต่เสียง..ว่างั้นเถอะ..บอกจริงๆๆว่า...OK...ถูกใจทุกอณู...คะ....

 

โดย: inny@2505hotmail.com IP: 192.168.12.94, 110.77.146.17 13 พฤษภาคม 2554 19:53:25 น.  

 

คุณจะเป็นอีกคนหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉ้นในการใช้ชีวิต อย่างเรียบง่ายแต่มืความสุข

 

โดย: ทับทิม IP: 125.27.14.205 27 สิงหาคม 2558 20:30:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


POGGHI
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




..

บทความ และผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog นี้
สงวนลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิด ด้วยการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความ และ ผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


POGGHI

..
[Add POGGHI's blog to your web]