<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
17 ธันวาคม 2551

เที่ยวเมืองลาวม่วนหลาย ไปที่ไหนก็ "สะบายดี" (เวียงจันทน์ -วังเวียง) ภาค 1

..

สายน้ำซองในฤดูหนาวไหลเอื่อยระเรื่อยล่อง

เบื้องหลังนั้น เป็นขุนเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลลิบ

หลายคนใช้เมืองเล็กๆแห่งนี้เป็นทางผ่านของการเดินทาง

แต่สำหรับผม ขอเลือกเป็นจุดหมายในครั้งนี้

.
.

"สะบายดี วังเวียง"

..



..

"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า เที่ยวบินรอบเช้าวันพรุ่งนี้ ไปอุดรธานี ให้บริการตามปกติหรือเปล่าครับ"

"ต้องขออภัยด้วยค่ะ พรุ่งนี้ อุดรธานี รอบเช้า ถูกยกเลิกค่ะ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...." เสียงใสๆจากปลายสาย ตอบกลับมาอย่างละเอียด

.
.

คืนเดียวกัน ผมเสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า ... นั่ง Taxi ไปลงหมอชิต แล้วก็ได้ตั๋ว กรุงเทพ - หนองคาย มา 1 ใบ

เมื่อรถมาถึงขนส่ง จังหวัดหนองคาย ปรากฏว่า รถบัสเข้าเวียงจันทน์ รอบ 7.30 น. เต็มซะแล้ว จึงได้ตั๋วรอบ 9.30 น.มาแทน

เอาน่ะ ถือซะว่า มีเวลาไปหาอะไรรองท้องซักหน่อยแล้วกัน นั่งรถมาทั้งคืน หิวจะแย่อยู่แล้ว

.
.

* ราคาตั๋ว หนองคาย - เวียงจันทน์ ราคา 55 บาท ในวันธรรมดา แต่ในวันหยุด ราคา 60 บาท ครับ *

..



อากาศเช้าๆที่หนองคาย เย็นสบาย อยู่ที่ราว 20 องศา

เดินออกจาก ขนส่ง เลี้ยวขวา ก็ไปเจอร้านไข่กระทะ พอดี

แล้วก็ได้เจอเพื่อนใหม่ เป็นชาวญี่ปุ่น ชื่อ มาสะยูกิ มาร่วมโต๊ะเดียวกัน ... สงสัยผมจะมีดวงสมพงษ์กับคนญี่ปุ่นแฮะ เพราะไปเชียงใหม่เมื่อเดือนตุลาคม ผมก็ได้เพื่อนชาวญี่ปุ่น ชื่อ มาสะ ที่บ้านอ้ายหล้า - -"

มาสะยูกิ เป็นคุณพ่อลูกอ่อน วัย 3 เดือน แต่ด้วยภารกิจเรื่องงาน ทำให้ต้องเดินทางมาเวียงจันทน์คนเดียว เพื่อไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ "แคน"

เนื่องจากธุรกิจที่เขาทำอยู่ คือ เปิดร้านเครื่องดนตรี นั่นเอง

..



..

รถวิ่งจากขนส่งหนองคายราว 30 นาที ก็ถึงด่าน ต.ม.ไทย ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการเข้าคิว ตรวจเอกสาร

จากนั้นก็ถึงด่านลาว และต้องเสียเวลาอีกประมาณ 20 นาที - -"

สาเหตุที่ใช้เวลามาก เพราะเป็นวันหยุดนั่นเองครับ พี่น้องคนไทย คนลาว ต่อแถวกันเพียบ

*เข้าเมืองลาว เสียตังค์ 10 บาทนะครับ*

..

*ที่ด่านลาว มีจุดแลกเงินกีบ อัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่างกับในเวียงจันทน์นักครับ แพงกว่ากันไม่เกิน 2 บาท ถ้ารีบมาก แลกไว้หน่อยก็ได้ แต่ถ้าไม่รีบร้อน ก็ค่อยมาแลกในเมืองครับ ประหยัดเวลากว่าหลายเท่า*



รถมาถึงตลาดเช้า ผมหาตั๋วไปวังเวียง เจอคนปล่อยคิวรถตู้พอดี คิดราคา 300 บาท เป็นรถตู้ผู้โดยสาร 11 คน ... อืมมม ราคาพอรับได้ เพราะไปรถบัสคงไม่ไหว กลัวช้าไป

กว่ารถตู้จะมา ยังเหลือเวลาอีกราว ชั่วโมงเศษ ผมเดินข้ามฟากไป ตลาดเช้าชอปปิ้งมอลล์ แลกเงินกีบมาได้เกือบล้าน >_<

อัตรา 1 บาท ได้ 241.xx กีบ (ในวันที่ 5 ธันวาคม 2551)


รถตู้มาช้ากว่าเวลานัดประมาณ 30 นาที ผมจึงต่อรองราคา เป็นเงินกีบ บอกว่า จะจ่ายแค่ 70000 กีบ ประมาณ 290 บาท (ได้ค่าน้ำมาขวดนึงก็ยังดี หุ หุ)

แต่การเดินทางไปวังเวียง ก็เจออุปสรรคตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้น เพราะคนขับรถตู้ดันไปจอดแวะซื้อของก่อน ในเขตห้ามจอด - -"

ยังโชคดีที่มาต่อรองกับตำรวจทัน ไม่งั้นคงช้ากว่านี้


การเดินทางด้วยรถตู้ กระเป๋าใบใหญ่ๆจะตั้งบนหลังคา ผูกติดเรียบร้อยดีครับ ไม่มีหล่น

เพียงแต่ระหว่างทาง อาจจะเจอฝุ่น จนกระเป๋าเปลี่ยนสีได้เหมือนกัน เหอๆ

ผมมีเพียงกระเป๋ากล้อง กับเป้ใบเล็กๆ จึงไม่มีปัญหาครับ

.



ระหว่างที่คนขับจัดกระเป๋า ผมก็ลงมาเดินยืดเส้นยืดสาย เพราะนั่งข้างคนขับ ขึ้นลงสะดวก ^^

เห็นรถตุ๊ก ตุ๊ก จอดอยู่ข้างๆ ลายสวยดี ก็ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย
.


พี่คนขับ ขับไปเรื่อยๆครับ ค่อนข้างช้า ทำให้กินเวลาเกือบ 4 ชั่วโมงแน่ะ

รวมเข้ากับถนนหนทางไปวังเวียง ที่กำลังซ่อมแซมอยู่พอดี

หรือบางครั้ง เราก็ต้องรอให้เจ้าถิ่นเดินข้ามผ่านไปก่อน


การเดินทางของผมในครั้งนี้ ไม่ค่อยวางแผนอะไรล่วงหน้า ซึ่งก็เป็นความตั้งใจแล้วล่ะครับ เพราะอยากเจออุปสรรค ปัญหาอะไรให้ได้แก้บ้าง สนุกไปอีกแบบ

เมื่อรถตู้มาถึงวังเวียง ก็ขับไปสอบถามตามเกสต์เฮ้าส์ ต่างๆบริเวณริมน้ำ ซึ่งได้คำตอบว่า เต็มหมด

บังเอิญว่าที่ท่ารถตลาดเช้า ผมมีเพื่อนใหม่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน เป็นคู่หวานแหววชาวไทย ชื่อ โอ และวิ ซึ่งทั้งคู่ก็หาที่พักแบบ walk-in เช่นกัน

เราจึงชวนกัน walk -in หากันเองอีกรอบ (ซึ่งก็เต็มหมดจริงๆ ส่วนที่ไม่เต็มก็แพงเหลือหลาย สู้ไม่ไหว - -"

แต่แล้วเราก็ได้จอง บังกะโล สวนทำมะชาด (สวนธรรมชาติ) ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ เลอ จาร์ดีน

แต่ว่า เป็นการจองสำหรับคืนถัดไปครับ เพราะคืนแรก คงต้องไปหาในเมือง



เราจอง สวนธรรมชาติ (ติดแม่น้ำซอง) สำหรับคืนที่สอง

ส่วนคืนแรก ผม กับเพื่อนใหม่รุ่นน้อง เดินย้อนกลับมาราว 300 เมตร มาพักที่ โทนี่ เกสต์เฮ้าส์

ราคา 300 บาท สภาพห้องธรรมดาๆ ไม่หรูหรา

.
.

ขอแทรกกันที่เรื่องโทรศัพท์ซักหน่อยดีกว่าครับ

ซิมลาว มี 4 ค่ายใหญ่ คือ ETL , Star Phone , M Fone และ Tigo

ผมเลือกซื้อ Tigo เพราะต้องใช้ติดต่อกับน้องสาวชาวลาว ซึ่งใช้ Tigo เหมือนกัน (จะมาปรากฏตัวในตอนที่ 3)

ราคาซิม 20000 กีบ จะมีมูลค่า โทรได้ทันที 10000 กีบ

สำหรับ Tigo โทรในค่ายเดียวกัน นาทีละ 300 กีบ โทรข้ามค่าย 600 กีบ และโทรกลับไทย 2000 กีบ ครับ

..

ค่ำคืนแรกที่วังเวียง อุณหภูมิ 20 องศา

ผมเดินสำรวจร้านรวงไปเรื่อย คนไทย และฝรั่งมีพอๆกัน

บรรยากาศทั่วไป คล้ายๆข้าวสาร แต่เงียบกว่าครับ

เดินไป เดินมา ก็ไปเจอ เจ้าโอ และหนูวิ อีกรอบ คืนนั้นเรา 3 คนเลย จกข้าวเหนียว ต้มยำ ไข่เจียวหมูสับ กันเพลิน เป็นมื้อค่ำ



แล้วก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความประทับใจ

.
.

หลังจากทานอาหารกันเสร็จสรรพ ผมจึงปลีกตัวออกมาเดินโต๋เต๋คนเดียว ปล่อยให้น้องๆเค้าสวีทกันบ้าง

อุณหภมิ เริ่มต่ำลงอีกนิด ผมเริ่มหนาวขึ้นมาบ้าง เพราะสวมเสื้อยืดตัวเดียว - -" .. เดินเล่นไปเรื่อย จนไปเจอร้านขายของร้านหนึ่ง ก็ตั้งใจว่าจะหาซื้อบัตรเติมเงินเพิ่มอีกซักหน่อย

คนเฝ้าหน้าร้าน เป็นสาวลาวคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม

ผมซื้อบัตรเติมเงินเสร็จ ก็ถามไถ่เค้าว่า ต้องทำยังไงต่อไป เค้าก็แนะนำเป็นอย่างดี .. จังหวะนั้น ด้วยความเหนื่อย + หนาว ผมจึงซื้อน้ำแล้วนั่งพักตรงหน้า

เราจึงได้พูดคุยกันไปเรื่อยตรงหน้าร้าน เมื่อมีลูกค้ามาซื้อของ เธอก็เดินไปขาย แล้วเราก็กลับมานั่งคุยกันต่อ

จากนาที เป็นสิบนาที .. จากสิบนาที เป็นชั่วโมง

พูดคุยกันสารพัด ทั้งเรื่องลาว เรื่องไทย ... จนผมแทบจะพูดลาวตามได้

.
.

เธอคนนี้ ชื่อ ตานิด เป็นนักศึกษาภาคค่ำ วิทยาลัยในเมืองวังเวียง

เป็นมิตรภาพเล็กๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองชาติ ในค่ำคืนแห่งลมหนาวที่วังเวียง

.
.


ก่อนนอนคืนนั้น ผมโทรศัพท์ไปบอกเธอสั้นๆว่า

"ตานิด หลับฝันดีนะ"



เช้าวันใหม่ ผมตื่นซะ 7 โมงกว่า - -"

check out ออกจากโทนี จากนั้นก็มาถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อย



เดินย้อนกลับมา ริมแม่น้ำครับ บังกะโลสวนธรรมชาติ จะเดินลงเนินไปหน่อย

สังเกตง่ายๆว่า ตรงทางลง จะมีร้านขายพระพุทธรูป ของตกแต่งเก่าๆ


ผมมาถึงสวนธรรมชาติ ราว 9 โมง

เจอกับ คุณวรรณ ซึ่งเป็นพนักงานดูแล คุณวรรณบอกว่า ยังทำห้องไม่เสร็จเลย

ผมจึงเดินไปถ่ายรูปริมน้ำพลางๆ


.



มีแนวโน้มว่า การจัดห้อง คงใช้เวลาอีกนาน ผมจึงฝากข้าวของกับคุณวรรณเอาไว้ แล้วก็ไปหาเช่าจักรยาน ปั่นไปเที่ยวดีกว่า ... วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวถ้ำ

ว่าแล้วก็ปั่นจักรยาน ซึ่งคนลาวเรียกว่า รถถีบ ไปที่สะพานข้ามแม่น้ำ

ราคาผ่านทาง ใช้ตั๋วรวมกันทั้ง ขาไป - ขากลับ

เดินข้าม 4000 กีบ

จักรยาน 6000 กีบ

มอเตอร์ไซค์ 10000 กีบ


แต่รถยนต์ ผมไม่เห็นในตั๋วบอกไว้


.


ข้ามฝั่งมาแล้ว ผมใช้เวลาเดินเล่นริมแม่น้ำ จนไปเจอเด็กๆกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่

อ๋อ... กำลังปั้นดินนี่เอง ผมจึงเข้าไปทักทาย

"นี่ๆ อ้ายเคยเล่นแบบนี้สมัยเด็กๆด้วยล่ะ ขอถ่ายรูปได้บ่"


แต่เด็กๆลาวบางกลุ่ม (เฉพาะเด็กตัวเล็กๆ) ขอถ่ายรูปเมื่อไหร่ ขอตังค์เมื่อนั้นครับ - -"

ผมก็ให้เศษเงิน 500 กีบไป มูลค่าประมาณ 2 บาท ได้ล่ะมั้ง ... ที่ไม่อยากให้ ไม่ใช่ว่าขี้เหนียว แต่ไม่อยากให้เด็กติดนิสัยมากกว่า

อีกอย่าง การขอเงินง่ายๆจากนักท่องเที่ยว มองในแง่ลบ มันอาจเป็นภัยต่อเด็กเองด้วย เพราะเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพแฝงตัวมาได้ง่ายๆ ด้วยเงินล่อใจไม่กี่กีบ



จากนั้น ผมเลือกปั่นจักรยานเข้าไปในตัวหมู่บ้าน ตามถนนสายเล็กๆที่แสนจะขรุขระ ซึ่งความจริงแล้ว มันไม่ใช่แหล่งน่าสนใจ หรือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

แต่นั่นล่ะ ที่ผมต้องการ เพราะจะได้สัมผัสชีวิตในมุมที่แตกต่างกว่าคนอื่นบ้าง

ปั่นไปเรื่อย จนไปพบโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่ง กลุ่มเด็กๆกำลังจับกลุ่มทำอะไรกันสักอย่าง



แล้วก็ได้คำตอบ

เด็กๆ เรียกว่า ข่าง หรือลูกข่างนั่นแหละ

เป็นของเล่นทำมือ ที่เด็กๆ ทำกันเอง เอาไม้มาเหลา จนได้ ข่าง มาประลองกัน ในเช้าวันหยุด


หลังจากดูเด็กๆ เล่นประลอง ข่าง กันได้สักพัก ผมก็ขอตัวเดินทางต่อ

เด็กๆบอกว่า ถ้าจะไปถ้ำจัง สถานที่ยอดฮิต ต้องย้อนกลับไปอีกฝั่ง แต่ถ้ามาฝั่งนี้ มีถ้ำภูคำ (ปูคำ)

ผมขี้เกียจปั่นไปปั่นมา จึงเดินทางต่อไปถ้ำภูคำ

.
.

ระหว่างทางไม่ต้องทาแป้ง หน้าก็ขาวได้ดั่งใจ



ระหว่างการเดินทาง ผมปั่นจักรยานไป ก็หยุดถ่ายรูปไปเรื่อยครับ

ทำให้ได้ภาพวิถีชีวิตชาวบ้านมาบ้าง



ทิวทัศน์ระหว่างทาง ทำให้ผมตื่นเต้นได้เสมอ จนปั่นจักรยาน ออกมานอกถนนอยู่บ่อยๆ

แม้แดดจะเจิดจ้า แต่ลมเย็นๆ ช่วยให้ผมไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด




ผมไปเจอเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ปั่นจักรยานลัดทุ่งนาผ่านไป จึงถามไปว่า มีอะไรให้ดูบ้าง

เด็กคนนั้นตอบว่า มีถ้ำเล็กๆ ชื่อว่า ถ้ำจินนะลี หรือชื่ออื่น แต่ออกเสียงคล้ายๆแบบนี้ครับ

เมื่อไปถึง ก็พักเหนื่อย ด้วยการถ่ายบรรยากาศภูเขาตรงนั้นซักหน่อย



ก่อนเข้าถ้ำ ก็ตามสูตรของประเทศลาว จ่าย จ่าย และจ่าย - -"

ค่าเข้าถ้ำ 10000 กีบ

แถมต้องจ่ายค่าเด็กนำทางอีก 2 คน คนละ 20 บาท (ดีที่ผมหลบเลี่ยง ค่าเฝ้ารถถีบมาได้ ไม่งั้นโดนอีก 20 - -")

.
.

ระหว่างทางเข้าถ้ำ ก็เดินลุยป่ากันนิดนึง



ถามว่า ถ้ำนี้ มีความน่าสนใจไหม ว่ากันตามตรง ก็ไม่ใช่ถ้ำที่อลังการ สวยงามมากมายครับ เป็นถ้ำมืดๆ(มากๆ) และไม่ได้กว้างใหญ่นัก

แต่ เรื่องของเรื่อง คือ ผมไม่เคยไปเที่ยวถ้ำ ตามภูเขามาก่อนเลย

ดังนั้น จึงไม่รู้สึกว่า เป็นเรื่องเสียเวลา แต่อย่างใด

ก็ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ดีครับ


ภายในถ้ำนั้น มืดมากกกก ผมต้องให้เด็กๆทั้งสองคน ช่วยกันส่องไฟฉาย เพื่อให้กล้องสามารถหาจุดโฟกัสได้

ในรูป มีฝรั่งมือบอนหลายคน ทำสัญลักษณ์ ขีดเขียน ด้วยดินโคลนเอาไว้ จนลายพร้อยไปหมด



.
เด็กน้อย ชี้ให้ผมดูว่า อีกไม่กี่สิบปี หินตรงด้านบน จะงอกมาอีก




.

เด็กที่เป็นไกด์ให้ผม มีสองคนเป็นพี่น้องกันครับ

นี่เป็นเด็กผู้หญิง ที่อุตส่าห์ไปหลบในหลุม เพื่อแกล้งผม

.

ใช้เวลาประมาณ 10 -15 นาที ก็เสร็จสิ้น การชมถ้ำครับ

ตรงนี้เป็นทางเข้า - ออก
.


เด็กสองคน เป็นพี่น้องกัน

พี่ชาย ชื่อ หล้า

น้องสาว ชื่อ กบ (ผมแซวเธอ ด้วยการเรียกว่า กบ สุวนันทน์ ทุกครั้ง เพราะเธอ ชื่นชอบดาราไทยคนนี้มาก)

ผมถามหล้าว่า "แล้วหล้า ล่ะ ชอบดาราไทยคนไหน"

"ชอบนักร้องครับ"

"ใครล่ะ"

"ชอบ แคลด"

"ใครนะ ?"

"วงแคลด"

"อ๋อๆๆ.... บอกรักเท่าไหร่ก็คงไม่พอสำหรับฉัน จะให้หันมองใครไม่มีใครดีเสมือนเธอ ... แม่นบ่"

"แม่นครับ" ^^

..


หลังจากร่ำลาสองศรีพี่น้องมาแล้ว

ผมเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จักรยานสำหรับแม่บ้านจ่ายตลาด (ไม่มีเกียร์) ช่างปวดน่องได้ใจจริงๆ

.


.

ปั่นไปเรื่อยๆ ชักจะหิว โชคดีที่มี 7-11 อยู่ตลอดระหว่างทาง

.


ผมซื้อขนมปัง กับนม พอให้หายหิว เพราะ 7-11 ที่แวะไป ไม่มีอาหารหลักอย่างอื่น

เจ้าหมาน้อย เดินมาฟุดฟิดๆ เผื่อว่า ผมจะมีอะไรให้มันกินบ้าง

.
.

หยุดนั่งพัก นานไปนิด ผมจึงเริ่มรู้ตัวเองทันทีว่า การปั่นจักรยานแม่บ้าน ในระยะทางอีกกว่า 6 กิโลเมตร ด้วยสภาพถนนลูกรังตะปุ่มตะปั่ม แถมมีช่วงที่ต้องปั่นขึ้นเนิน

ผมคงไม่ไหวแน่นอน

เอาล่ะ กลับตัวตอนนี้ยังทัน ผมจึงตัดสินใจปั่นจักรยานกลับไปตั้งหลักในเมืองก่อนดีกว่า

..
.



ผมตัดใจ ปั่นจักรยานกลับเข้าเมือง ก่อนจะน่องหลุดกลางทาง - -"

กลับมายัง สวนธรรมชาติ ...ห้องจัดเสร็จเรียบร้อย

.

ห้องพักที่ได้ ความจริงแล้ว ราคา 600 บาท แต่ผมต่อรองจนเหลือ 500 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า พักแค่คนเดียว ขอลดหน่อย

.


สภาพในห้องพัก ก็ได้อารมณ์บ้านสวนริมแม่น้ำดีครับ

แต่ขอเตือนอย่างหนึ่งว่า .....

อย่าหาว่าผมทะลึ่งเลยครับ ห้องพักที่ผมได้ มันเป็นรูปแบบกระท่อมติดกัน 2 หลัง .. ชนิดที่ไม่เก็บเสียงเอาซะเลย

ดังนั้น ใครไปพักแล้วกลางค่ำกลางคืน จะทำอะไรก็เก็บเสียงด้วยนะครับ เหอๆๆๆ



ผมได้ห้องหมายเลข 1 อยู่ริมสุด และติดริมแม่น้ำ

รูปนี้เป็นทิวทัศน์ ตรงด้านหน้าห้อง (เดินออกมา 5 ก้าว)

.

.

หลังจากจัดแจงสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเดินขึ้นมาที่ถนน หาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ซึ่ง คนลาวเรียกว่า รถจักร (มาจากจักรยานยนต์)

ผมเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ในราคา 50000 กีบ (ประมาณ 200 บาท)


แต่หากใครไม่อยากเหนื่อย สามารถเหมารถตุ๊กตุ๊ก แถวๆนั้นได้ครับ แต่ผมไม่ทราบราคา

.
.

ใครที่เคยอ่านรีวิวเชียงใหม่ คงทราบว่า ผมไม่ขับรถไม่มีคลัทช์ เพราะมีประวัติไม่ค่อยดี เรื่องอุบัติเหตุ

แต่การจะหารถเช่าแบบมีคลัทช์ในวังเวียง คงเป็นเรื่องยากมากกกก ผมจึงตัดสินใจเช่ารถฮอนด้า ดรีม หรือ เวฟ นี่แหละ

ในใจก็คิดว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะรถในวังเวียงไม่ได้มีมากมาย และก็เน้นขับกินลมชมวิวซะมากกว่า

.
.

ก่อนออกเดินทาง ก็ขับไปทางสนามบินเก่า เติมน้ำมันซะก่อน 20000 กีบ ..ได้มาเกือบเต็มถัง มานึกได้ทีหลังว่า ต้องคืนรถช่วง 3 ทุ่ม จะเติมมาทำไมมากมายเนี่ย - -"

.

.

น้ำมันพร้อม รถพร้อม คนพร้อม

ผมขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่สะพานอีกครั้ง คนเก็บเงินจำหน้าได้ ว่าปั่นจักรยานมาแล้วรอบหนึ่ง จึงลดราคาเหลือแค่ 4000 กีบ

แล้วการเดินทาง สู่ถ้ำปูคำ ก็เริ่มต้นอีกครั้ง

.


โปรดติดตามตอนต่อไป



Create Date : 17 ธันวาคม 2551
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 17:59:16 น. 3 comments
Counter : 3599 Pageviews.  

 
รูปสวย ถ่ายได้อารมณ์และบรรยากาศมากๆ

เนื้อเรื่องก็ดีมากๆๆ เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ดเลยครับ

อ่านแล้วสนุกเหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลย

อยากไปลาวเหมือนกันแต่ยังหาเวลาไม่ได้เลย

ปล.ขอแอดเพื่อนด้วยนะครับ


Photobucket


โดย: chalawanman วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:17:58:12 น.  

 
อ่านและดูภาพแล้ว ได้บรรยากาศของความสงบเงียบ น่าไปพักผ่อนสักระยะคงหายเหนื่อยครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:20:24:06 น.  

 
เพิ่งกลับจากลาวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว

หลังจากไปเที่ยวมาสามครั้ง

ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง

:D


โดย: Rabbito IP: 58.9.126.83 วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:40:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

POGGHI
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




..

บทความ และผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog นี้
สงวนลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗

ห้ามผู้ใดละเมิด ด้วยการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความ และ ผลงานภาพถ่าย โดย เจ้าของ Blog ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


POGGHI

..
[Add POGGHI's blog to your web]