Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
ชาร์ลี 2 ตอน 09 สงครามที่ว่างเปล่า


คุยกันก่อนอัพ


ลุ้นกันต่อค่ะว่าชาร์ลีและอัสลันจะรอดจากสถานการณ์คับขันนี้ไปได้ไหม
พรุ่งนี้เดี๋ยวพลอยแวะมาอัพให้อีก 2 ตอนนะคะ

สวัสดีทุกท่านค่ะ ^----^

Ploy666.



**************

ชาร์ลี 2 [ภาค : มิตรสหายและศัตรู]
ตอนที่ 09 สงครามที่ว่างเปล่า

ผู้แต่ง RED (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



ไม่มีสตรีในพัตราภรณ์งดงามสง่า...

ไม่มีใครเลยที่พำนักอยู่ในถ้ำอันลึกลงมาภายในภูเขานอกไปจากแท่นสีดำสนิทอันเกิดจากหินภูเขาขนาดใหญ่ที่มีผิวเรียบเนียน หน้าตัดด้านบนยุบลงเป็นแอ่งมีหยดน้ำจากหินย้อยเบื้องบนรินลงมาหล่อเลี้ยงไข่ขนาดมหึมาฟองหนึ่งที่วางอยู่ เปลือกไข่ขรุขระดูหยาบกระด้าง กึ่งกลางนั้นกลับกลายเป็นใบหน้านูนออกมาของชีวิตหนึ่งที่อัสลันไม่อาจหาคำมาจำกัดความ

เขาค่อยๆวางร่างของชาร์ลีห่างออกมาอย่างระมัดระวัง...

“ท่านคือมาธาเกียร์งั้นรึ” เขาถามย้ำ

เปลือกตาที่ปรือน้อยๆราวกับอ่อนระโหยโรยแรงตอบอย่างแผ่วเบา

“ข้าคือสิ่งที่คนที่นี่เรียกขานว่ามาธาเกียร์...แต่นั่นสำคัญกับเจ้าด้วยหรืออัศวิน ในเมื่อไม่ว่าข้าจะเป็นสิ่งใดเจ้าก็ไม่ได้เคารพยำเกรงหรือศรัทธามากไปกว่าสิ่งของไร้ค่าที่พาพวกเจ้ามาลำบากอยู่ ณ ที่แห่งนี้”

ศรัทธาจะแข็งแกร่งได้ก็โดยจิตใจมนุษย์

สำหรับอัศวินที่ไม่ปรารถนาจะศรัทธาในสิ่งใดมากไปกว่าคมอาวุธของตนเองนั้น การจะให้หันเหมาคิดว่ามาธาเกียร์เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างเช่นที่ชาวเนียญ่าเชื่อมั่นศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตาย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

ไออุ่นระอุร้อนทั่วบริเวณทำให้อัสลันเฉลียวใจคิด

“ข้างหลังเจ้านั่น...”

“บ่อลาวาเดือด...อ๋อ...ไม่หรอก ข้าไม่ได้คิดหลอกพวกเจ้ามาตายที่นี่แน่ แต่ที่ข้ากำลังจะตายนั่นแหละเรื่องจริง!” เธอเน้นเสียงเชื่องช้า

ผลึกแก้วสีชมพูใสมีเหลี่ยมมุมแพรวพราวที่ฝังอยู่ตามผนังถ้ำเป็นที่มาของแสงสีชมพูส่องสว่างละมุนตา แสงเหล่านั้นน่าจะมีที่มาจากบ่อลาวาเดือดซึ่งอยู่ลึกลงไปมากมาย ความร้อนและแสงสะท้อนมาสู่ผลึกต่างๆก่อนจะถูกหักเหกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ

เห็นได้ชัดว่าสภาพของมาธาเกียร์กับชาร์ลีแทบไม่แตกต่างกันเลย ต่างฝ่ายต่างพยายามประคับประคองลมหายใจรวยรินของตนเองเอาไว้อย่างเต็มความสามารถแม้ไม่รู้ว่ามันจะจบลงที่ใดก็ตามที...

“ท่านเหมือนตำราพหูสูต”

“ข้าคือสิ่งเดียวกับตำราพหูสูต” เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มอย่างพึงพอใจ “แต่เอาไว้เล่าตอนที่ชาร์ลีฟื้นเถอะนะ เพราะถ้าเขาไม่หายจากสิ่งที่กำลังเป็นอยู่นี่ข้าก็มองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ต้องเท้าความถึงเรื่องราวในอดีต”

ประโยคนั้นจุดเอาความหวังอันริบหรี่ของคนฟังให้ลุกโพลงโชติช่วงอีกครั้ง

“ท่านมีวิธีช่วยชาร์ลีไหม”

“ไม่...ข้าช่วยเขาไม่ได้หรอก อย่ามองข้าด้วยสายตาตำหนิแบบนั้นเลย ถ้าข้าช่วยเขาได้ข้าคงทำไปนานแล้วก่อนที่เจ้าจะร้องขอจนถ้ำแทบถล่มน่ะ แต่อย่างน้อยข้าก็บอกได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับนูฟอย่างเขา”

“เขาเป็นอะไร” อัสลันถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนกระวนกระวายใจ

“การเปลี่ยนแปลงตามอายุไข...” มาธาเกียร์ถอนใจยาวราวกับเจตนาถ่วงเวลาหาคำอธิบาย “นูฟคือเผ่าพันธุ์บนเกาะที่มีการปรับสภาพตนเองให้แตกต่างไปจากคนบนเกาะใหญ่อย่างเซไลย์เพื่อความอยู่รอด และเมื่อนูฟอยู่ห่างไกลจากเกาะอื่นๆรวมไปถึงการที่พวกเขาออกจากเกาะมาปรากฏตัวน้อยมากทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าในรอบอายุครบสิบสี่ปีเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อร่างกาย...ข้าดีใจนะที่เจ้ารอบคอบพอจะเอาเชือกมาด้วยและมัดเขาไว้แบบนั้น”

“เขาจะทำร้ายข้ารึ”

“เขาจะทำลายทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเอง” เธอตอบชัดถ้อยชัดคำ

อัสลันอึ้งไปกับคำตอบที่ได้ยินมา เด็กหนุ่มควานหาเสียงของตัวเองจากในลำคออย่างยากเย็น

“มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อลมหายใจของเขาก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว”

“มันเป็นชะตากรรมที่เขาเลี่ยงไม่ได้ เจ้าแค่ต้องรอเวลา” เจ้าของถ้ำมองจับไปยังร่างที่ไร้สติบนพื้นอย่างเวทนา “หากเขาไม่อาจผ่านพ้นมันไปได้...เขาก็จะตาย ข้าคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะว่าทุกอย่างในออบิทจะเปลี่ยนไป!”

หากชาร์ลีเป็นอะไรไปนั่นย่อมหมายถึงไม่มีใครที่มาธาเกียร์จะไว้วางใจว่าสามารถช่วยเหลือเธอได้...เกาะเมิร์ฟเนียจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือแหล่งผลิตเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ในออบิทจะล่มสลายลงและปล่อยให้ทุกที่ตกอยู่ในกลียุคครั้งยิ่งใหญ่จากเศรษฐกิจที่พังครืนลงเมื่อผู้คนไม่อาจดำเนินชีวิตของตนเองได้ต่อไป

ทุกอย่างมันคือลูกโซ่…

และโซ่ทุกเส้นเหล่านั้นมันโยงมาหาคนๆเดียวที่นอนคอพับคออ่อนกองบนพื้นอย่างน่าสมเพชเวทนาในขณะนี้...

ใครคนนั้นคือชาร์ลี!



ในความมืดและเย็นยะเยือกจนร่างของเด็กชายสั่นสะท้าน ชาร์ลีมองไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากความหวาดกลัวที่กำลังเข้าครอบงำจิตใจ

“อัสลัน! เจ้าหญิงมีนาร์!” เสียงตะโกนสั่นพร่าและลอยหายไปในความว่างเปล่า

ริมฝีปากเริ่มสั่นกระทบกันระรัวเร็ว ชาร์ลียกแขนมากอดตัวเองเอาไว้เพื่ออาศัยไออุ่นบางเบาเหล่านั้นต่อสู้กับความหนาวเย็น

“อัสลัน...เจ้าหายไปไหนน่ะ!”

ความหวังที่เป็นเสมือนเปลวไฟไหววูบในอกริบหรี่ลงทีละน้อย

ชาร์ลียังคงเดินโซซัดโซเซไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย...เขาเหน็ดเหนื่อยและรับรู้ถึงความผะอืดผะอมที่ก่อตัวในช่องท้องแต่ยังคงฝืนข่มมันเอาไว้ ดวงตาของเขาราวกับมืดบอดลงไปจากความมืดดำที่ฉาบทาเอาไว้รอบตัวหนาทึบ

นี่ไม่ดีเลยสักนิด...เขาต้องตามหาใครบางคนที่จะพาเขาออกไปจากที่นี่ อันที่จริงเด็กชายไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคือที่ไหนหรือว่าตัวเขามาที่นี่ได้อย่างไร ทว่าชาร์ลีรู้ดีว่าไม่อาจระเหเร่ร่อนโดยไม่มีที่ไปแบบนี้ได้ตลอดกาล...

“มีใครอยู่บ้าง...โอ้ย!”

ประโยคท้ายเขาอุทานเมื่อรู้สึกว่าเท้าสะดุดกับอะไรบางอย่างจนล้มคว่ำลง

มันไม่ใช่พื้นดินอีกต่อไป...แวบแรกที่จิตใต้สำนึกบอกเขาเมื่อน้ำโคลนเหลวเละกระเซ็นเข้ามาในปากจนเด็กชายเผลอโก่งคออาเจียนอย่างหมดไส้หมดพุงออกมา ชาร์ลีคิดว่าในน้ำเฉอะแฉะที่จู่ๆก็มาแทนที่พื้นดินหนาเรียบแข็งซึ่งเขาย่างเหยียบนี้ถูกผสมด้วยอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นชวนคลื่นเหียนฉุนขึ้นจมูก

เหมือนของเน่าเหม็นที่ทิ้งค้างแรมคืนในถังขยะ...

จนกระทั่งสิ่งที่เขาสำรอกออกมาหมดสิ้น ชาร์ลีได้แต่ปล่อยตัวเองลงนั่งเกลือกน้ำปฏิกูลเหล่านั้นและหอบตัวโยนอย่างหมดเรี่ยวแรง

อะไรก็ตามที่นำเขามาที่นี่...พวกมันกำลังพยายามจะฆ่าเขาทั้งเป็น!

“อัสลันเจ้าอยู่ไหนกัน!”

เด็กชายพยายามฝืนเรียกหาความช่วยเหลืออีกหน

ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงฝีเท้าที่ย่ำมาตามน้ำพร้อมจุ๊ปากเป็นจังหวะอย่างเกียจคร้าน

“ไม่เอาน่าชาร์ลี...เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใครนะว่าเพื่อนแท้ของเจ้าคือข้า”

“ซีนาย!”

“ใช่...ข้าเอง”

อาการตอบรับอย่างอารมณ์ดีนั้นชาร์ลีไม่อาจตีความเป็นคนอื่นไปได้

เขารู้สึกถึงการหมุนวนที่เปลี่ยนไปของคลื่นเป็นวงกว้างจากการเคลื่อนไหวในเงามืดของอีกฝ่ายที่เดินรอบๆตัวแต่รักษาระยะห่างเอาไว้เกินกว่าจะเอื้อมถึง สุ้มเสียงของซีนายแทบจะเหมือนวันวานที่ไม่มีเรื่องของการทรยศมาเกี่ยวข้อง เพียงแต่กระแสเสียงนั้นเจือความเชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงผิดเป็นคนละคน

“น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้เรียกหาข้าบ้างเลย ดูเหมือนมิตรภาพของเราจะถูกลืม...หรือเจ้าคิดว่ายังไง”

“เจ้าเอาตำราพหูสูตไปให้วีซานด์!” เขาคำรามในลำคออย่างเกรี้ยวกราด

ซีนายหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง

“ข้าจำเป็นต้องทำ แต่ข้ายืนยันได้ว่าไม่เคยคิดร้ายกับเจ้าเลยชาร์ลี เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ข้ามี”

“ไม่มีเพื่อนที่ไหนทำกันแบบนี้หรอกนะซีนาย”

“ใจเย็นๆหน่อยชาร์ลี เจ้ามีเรื่องที่ต้องต่อสู้มากเกินกว่าจะมามัวสนใจตำราเล่มหนาเตอะนั่นในเวลานี้...มันกำลังมา...สัตว์ร้ายในใจเจ้า ข้าแค่มาอวยพรให้เจ้าโชคดีและผ่านพ้นมันไปได้แค่นั้นเอง”

“เจ้าจะไปไหน”

ชาร์ลีตะโกนเรียกหาคู่กรณีอีกสองสามหนแต่หูจับเพียงเสียงแห่งความเงียบงัน ราวกับว่าบุคคลที่เขาเพิ่งสนทนาด้วยนั้นหายวับไปอย่างฉับพลัน

บางทีเขาอาจจะเพ้อคลั่งไปเอง

ซีนายไม่มีทางเข้ามาอยู่ในนี้ได้หรอก...ชาร์ลีรวบรวมสติตั้งมั่นอีกหนอย่างใจเย็นขึ้นเมื่อรับรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด

ไม่มีซีนาย...มีเพียงแต่ตัวเขา เด็กชายย้ำบอกตัวเองซ้ำๆซาก

กระทั่งเสียงคำรามกระหึ่มก้องมาแต่ไกลจนชาร์ลีสะดุ้งโหยง เสียงลากตะกุยพื้นพาเอาร่างหนักๆเข้ามาหาในความมืด มันคืบร่นเข้ามาทีละน้อยแต่ทำให้ชาร์ลีขยับจะคว้าคันธนู...แต่ไหล่ของเขาว่างเปล่า

ไร้อาวุธก็คือไร้หนทางต่อสู้

ใจเย็นๆเข้าไว้...อย่างน้อยเขาต้องรู้ก่อนว่าเขากำลังจะสู้กับอะไร

ชาร์ลีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างช้าๆ

แต่นั่นเป็นอีกหนที่ชาร์ลีรู้ดีว่าเขาทำบางอย่างพลาดไป...

จู่ๆสายตาที่เบิกโพลงตรงหน้าราวกับจะรับภาพโครงร่างใหญ่มหึมาที่กำลังกระโจนพุ่งเข้ามาหาได้อย่างรวดเร็วจนไม่ทันแม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงร้อง!



“เขาหายใจแผ่วลงทุกทีแล้วนะมาธาเกียร์” อัสลันนั่งชิดร่างสหายสนิทพลางเอื้อมมือสำรวจลมหายใจที่เหมือนจะขาดห้วงหายไปเป็นครั้งคราวด้วยจิตใจที่ร้อนรน

สภาพของชาร์ลีย่ำแย่ลงเรื่อยๆในช่วงหลายชั่วโมงที่ผ่านมา...

เนื้อตัวเย็นเฉียบของชาร์ลีนั้นแม้จะอุ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่ออัสลันขยับร่างที่หมดสติมานอนใกล้บ่อลาวามากกว่าเก่า หากก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่อัสลันไม่ค่อยแน่ใจนักแม้จะจับสังเกตมาพักหนึ่งแล้วก็ตาม

“ผิวหนังชั้นนอกของเขาเริ่มเปื่อยยุ่ย ข้าคิดว่าคงอีกไม่นาน ทางที่ดีเจ้าควรถอยห่างออกไปจากเขาได้แล้วนะ” มาธาเกียร์เตือนอย่างเคร่งขรึมกว่าเดิม

ชะตากรรมของเธอถูกผูกติดไว้กับการคงอยู่ของชาร์ลี...

การรอคอยนี้โหดร้ายจนน่าชิงชังทีเดียว!

กระนั้นท่าทีระงับอารมณ์ได้เป็นอย่างดีก็ทำให้อัสลันต้องหันมาสำรวจตนเองบ้าง

เขาโกรธตัวเองที่ไม่อาจทำอะไรได้และทำให้จิตใจไม่ปลอดโปร่งจนพาลไปหมด เด็กหนุ่มยอมล่าถอยออกมาห่างร่างของชาร์ลีเล็กน้อย

ความเงียบเป็นอะไรที่เขาไม่คุ้นเคยนักในเวลานี้

อัสลันเพลีย...เหนื่อยอ่อน...กระวนกระวายใจ ร่างกายของเขาเริ่มส่งสัญญาณว่าต้องการการพักผ่อนให้พอเพียงกับช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างยากลำบาก แต่ยังก่อน...เขารู้ดีว่าไม่อาจข่มตาหลับลงได้ตราบเท่าที่สิ่งรบกวนต่างๆยังคงอึมครึมเหมือนม่านหมอกสีเทาหนักอึ้งแบบนี้

ทุกคนในถ้ำแห่งนี้ต่างรอคอยด้วยความคิดคำนึงที่แตกต่างกัน

มาธาเกียร์เลื่อนปากถ้ำปิดสนิทลงอีกครั้ง อัสลันไม่แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งดีหรือไม่ทว่าเขาเองก็ยากจะทักท้วงเพราะในสถานการณ์นี้ดูเหมือนมาธาเกียร์จะรู้ดีว่าเธอทำอะไรอยู่ในขณะที่ตัวเขาเองต่างหากไม่รู้อะไรเลย เขาเพิ่งมีเวลาเพ่งพิศดวงหน้าซีดเผือดของชาร์ลีอย่างมีสติเป็นหนแรก แวบหนึ่งอัสลันคิดว่าเขาอาจจะตาฝาด จนมองจ้องเขม็งเต็มสองตานั่นแหละที่เขาพบว่าใบหน้าขาวๆของคนป่วยบัดนี้มีแดงจางๆเป็นหย่อมๆซ้อนขึ้นมาละม้ายปานที่ซ่อนเกลื่อนใต้ผิวหนัง

แต่อัสลันเข้าใจไม่ผิด...

ปานสีแดงนั้นค่อยๆทวีความชัดเจนขึ้นทุกขณะ

มันเหมือนลวดลายที่สักลงบนผิวเนื้อเป็นขั้นตอนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์มากกว่าจะเป็นเพียงผื่นที่ไร้ความหมาย นอกจากใบหน้าแล้วตามหลังมือและเนื้อตัวส่วนอื่นๆที่พอมองเห็นก็ราวกับจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันนั้นอย่างช้าๆ

ยิ่งลายชัดความกังวลของอัสลันก็ทวีเติบกล้าทุกที...

“ปานนั่น...อะไรกัน” เด็กหนุ่มพึมพำ

มาธาเกียร์มองตามสายตากังขาของอัสลัน ท่าทีปริวิตกของเธอแทบไม่ต่างกัน

“ข้าไม่รู้...” มารดาผู้ให้กำเนิดแห่งเกาะเมิร์ฟเนียบอกตามตรงว่า “ข้าคิดว่ามันอาจเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดของชาวนูฟ อย่างที่บอกว่าคนพวกนี้ออกจากเกาะน้อยมากจนแทบไม่มีใครคุ้นเคย พวกเขาอาจมีหลายๆอย่างที่เกินกว่าเราจะคาดเดา”

“มันจะเป็นอันตรายกับชาร์ลีหรือเปล่า”

“คิดว่าไม่นะ”

“แต่มันชัดขึ้น คล้ายๆลายสักมากกว่าปานเสียอีก” อัสลันขยับเข้าไปหา

ทว่ายังไม่ทันถึงตัว แสงสีแดงเจิดจ้าที่สว่างจนดวงตาพร่าพรายก็หยุดเขาเอาไว้

“ระวังอัสลัน! ขั้นตอนกำลังจะเริ่มแล้ว!” เสียงตะโกนเตือนของมาเกียร์ช้าไปเสี้ยววินาที

พลังบางอย่างที่มองไม่เห็นผลักดันออกมาจากร่างของชาร์ลีและซัดเข้าใส่อัสลันจนเด็กหนุ่มกระเด็นตัวลอยเมื่อปะทะเข้ากับผนังถ้ำที่ห่างออกไป ความจุกแน่นระบมทั่วร่างไม่อาจข่มเอาความตระหนกและตื่นกลัวที่เกิดขึ้นกับภาพตรงหน้าให้หายไปได้

“ชาร์ลี!”

ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปสำหรับการเรียกขานด้วยชื่อนั้น ร่างที่นอนหายใจผะแผ่วบนลานหินถูกคลี่คลุมด้วยประกายแสงสีแดงฉานราวกับดวงอาทิตย์แผดร้อนจัดจ้า แผ่นหลังที่กระตุกขึ้นมาเพราะการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทำให้เสื้อปริขาดจนมองเห็นแนวกระดูกสันหลังที่ขยายขนาดปูดโปนถนัดตาน่ากลัวจนขนลุก กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างตึงปริออกราวกับกำลังขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งบัดนี้แปรเปลี่ยนเค้าโครงจนไม่เหลือภาพเดิมอีกต่อไป โหนกแก้มที่นูนชัดกับปากที่แยกแสยะ ผิวหนังชั้นนอกที่เปื่อยยุ่ยเริ่มล่อนหลุดออกปรากฏเป็นลวดลายสีแดงชัดทั่วร่างละม้ายอักขระปะปนกับรูปวาดทำให้ชาร์ลีแลดูไม่ต่างจากอสุรกายจากหล่มโคลน...

นัยน์ตาสีเขียวมรกตเคยสดใสบัดนี้กลายเป็นสีแดงขุ่นคลั่กเหมือนไม่ใช่ดวงตามนุษย์อีกต่อไป

อะไรบางอย่างกำลังมีอำนาจเหนือชาร์ลี!

“อัสลันอย่าใช้ดาบ!”

อีกหนที่เสียงของมาธาเกียร์ดังแทรกเข้ามาเมื่อแลเห็นเชือกที่รัดรึงเอาไว้ถูกชาร์ลีกระชากขาดออก

ความเคยชินที่ฝึกฝนมาทำให้อัศวินหนุ่มแห่งไฮแลนด์วางมือแตะที่ดาบกระทั่งเขานึกได้ว่าการทำร้ายชาร์ลี...หรืออะไรก็ตามที่กำลังคืบเท้าใกล้เข้ามาอย่างคุกคาม ไม่เป็นผลดีแก่ชาร์ลีแน่ๆ

แค่พริบตาเดียวที่เขาใคร่ครวญอย่างลังเลอัสลันก็พบว่าตนเองพลาดโอกาสรอดหลุดจากกำปั้นแกร่งที่ซัดเข้าหาใบหน้าจนผงะเริดเจ็บปวด

เสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายจากลำคอหนาที่ดังกระหึ่มนั้นมีวี่แววของความกระหายเลือด

ปีศาจตนนั้นไม่รอให้อัสลันมีเวลามากพอจะตั้งหลัก มันปรี่เข้ามาอีกหนพลางจับเขาเหวี่ยงไปปะทะโขดหินงอกที่อยู่ใกล้เคียงจนก้อนหินแตกกระจุยฝุ่นฟุ้งตลบ

มาธาเกียร์หวีดร้องอย่างตกใจ และนั่นทำให้ปีศาจในร่างของเด็กชายชาวนูฟหันขวับละทิ้งเป้าหมายเดิมเพื่อจัดการเหยื่อรายใหม่ที่มันมองเห็น

“ชาร์ลีเจ้าต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง...อย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้” น้ำเสียงโหยหวนของเธอราวกับจมอยู่ในก้นบึ้งของความสิ้นหวัง

อัสลันพยายามขยับลุกมาอีกครั้งอย่างยากเย็นเมื่อปีศาจหันเหความสนใจไปทางอื่น

คงต้องขอบคุณผู้เป็นบิดาที่เคี่ยวกรำเขามาอย่างโชกโชนกับการศึก เรี่ยวแรงของปีศาจที่บงการชาร์ลีอยู่นั้นไม่ธรรมดาเลย หากโดนจุดอ่อนบางแห่งเข้าเขารู้ดีว่าคงไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีก อัสลันกัดฟันข่มความเจ็บกระโจนเข้าไปล็อกคอคู่ต่อสู้ทางด้านหลัง

ความสูงทำให้เขาได้เปรียบไม่น้อย

“เจ้าจะบ้าไปแล้วรึชาร์ลี...หยุด! ข้าสั่งให้หยุดได้ยินไหม!” อัสลันตะโกนกรอกหูอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง

เขาไม่อาจปล่อยมือออกได้เพราะไม่เช่นนั้นความเสียหายครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นหากมาธาเกียร์ถูกทำลาย แต่กรงเล็บคบกริบที่จิกลงกับท่อนแขนของเขาทำให้อัสลันส่งเสียงร้องลั่นออกมา เลือดจากรอยแผลที่เล็บยังคงกดลึกนั้นรินไหลลงมาจนได้กลิ่นคาว

มัน...จะเป็นอะไรก็ตามแต่ บัดนี้มันจารจำด้วยกลิ่นเลือดและรอยแผลที่ฝากไว้ว่าอัสลันคือศัตรูตัวฉกาจ!

ปีศาจพยายามจะสะบัดอัสลันให้หลุดทว่าเด็กหนุ่มยังคงฝืนกอดล็อกคอเอาไว้ทางเบื้อหลังจนมันทำสิ่งใดไม่ได้ถนัดถนี่

“อัสลันระวัง!” มาธาเกียร์เบิกตากว้างเมื่อเห็นปีศาจหมุนกายใช้แรงสลับของขาผลักเอาร่างอัสลันชนโครมเข้ากับแท่นหินอีกแห่งใกล้ๆนั้นจนร่างอัศวินหนุ่มหลุดร่วงลงมาอย่างรวดเร็วด้วยความบอบช้ำทั่วร่าง เท่านั้นดูเหมือนจะยังไม่สาแกใจพอ มันคำรามก้องก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งอย่างรุนแรง

เมื่อหมดทางเลือกอัสลันจึงจำเป็นต้องใช้ความชำนาญเฉพาะตัว เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่ปีศาจร้ายพุ่งตรงมาหาเด็กหนุ่มก็ฉวยตวัดหมุนเอาดาบมาถือไว้ในมือด้วยท่าเตรียมพร้อมทั้งที่ยังนั่งชันเข่ากับพื้น เขารอจังหวะเพียงระยะห่างใกล้มือเอื้อม อัสลันก็ใช้แรงจากข้อเท้าพลิกตัวออกด้านข้างแต่ไม่ก่อนจะกรีดดาบเป็นวงกว้างเรียกโลหิตสดๆให้กระเซ็นซ่านจากร่างมหึมาที่ถลาร่อนราวนกเสียหลัก!

“พอทีชาร์ลีข้าไม่อยากฆ่าเจ้า!” น้ำเสียงเขาแหบแห้งเหมือนผ่านสมรภูมิรบที่แห้งแล้งดุจทะเลทราย

อัสลันหน่วงหนักในอกอย่างอธิบายไม่ได้ ความเสียดร้าวราวกับรอยแผลที่เพิ่งกรีดไปนั้นวางคมดาบบนหัวใจเขาเองทำให้เด็กหนุ่มอยากร้องไห้

เขายังจำวันที่รบเร้าบิดาขอฝึกดาบได้ดี ข้ออ้างที่เขามีคือการจับดาบเพื่อปกป้องครอบครัว

แต่นี่มันอะไรกัน...

อัสลันถามตัวเองซ้ำๆขณะถอยร่นจากการจู่โจมอีกระลอกของชาร์ลีในร่างที่น่าสะพรึงกลัว อีกหน...และอีกหนที่เขาต้องตวัดดาบขึ้นปกป้องตัวเองและสร้างบาดแผลให้แก่ชาร์ลีจนร่างของสหายสนิทบัดนี้โซมชโลมด้วยเลือดที่ไหลรินและเริ่มเซไปมาหยัดยืนโดยไร้ความมั่นคง

“อัสลันหยุด! นั่นชาร์ลีนะ!” มาธาเกียร์ครางครวญในอกมาจากที่แสนไกล

ไม่มีความฮึกเหิมเหมือนออกศึก

ปราศจากความยินดีในชัยชนะเมื่อคมดาบสีเงินปลาบตวัดลงดื่มกินเลือดเนื้อ

ครู่หนึ่งที่อัสลันนิ่งงันเมื่อรับรู้ถึงหยดน้ำที่ร่วงรินจากหัวตาสู่หลังมือที่จับดาบ...เขากระพริบตาถี่ๆคล้ายไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังร้องไห้

เขาร้องไห้ให้กับการต่อสู้ครั้งนี้...

หยดน้ำตาใสๆที่ไหลรินต่อไปราวกับว่ามันกำลังนำพาความเย็นเยียบเข้าสู่เนื้อหัวใจของเขาเอง!

ภาพต่างๆรอบกายของอัสลันเคลื่อนไปอย่างแช่มช้า เขาอยากจะหยุดวินาทีแห่งความทรมานเหล่านี้ลงแต่ทำไม่ได้...น้ำหนักของดาบในอุ้งมืออันเย็บเฉียบยังตระหนักแน่แก่ใจ ทุกครั้งที่เขายกเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองเขาก็กำลังสร้างความบาดเจ็บให้แก่ชาร์ลี

เสียงคมอาวุธที่เฉือนลึกลงไปในผิวเนื้อกายอีกฝ่ายกลับแปลบปลาบในหัวใจเขาเอง

มันเป็นวิถีแห่งอัศวินที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยประจักษ์มา...แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะยุติเรื่องราวเหล่านี้ลงได้ตราบเท่าที่ชาร์ลีเองก็ยังไม่ยินยอมเลิกราการมุ่งร้ายโหมรุกราวกับไร้สติแบบนี้

มันจะเป็นตัวอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ...

แต่ตอนนี้มันได้ทำร้ายชาร์ลีและเขาไปพร้อมๆกัน!

เด็กหนุ่มยังคงยกดาบขึ้นฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงปะทะของโลหะแข็งกล้ากับกรงเล็บแหลมคมลั่นอยู่ในโสตประสาทจนสองหูอื้ออึง นัยน์ตาเขาพร่าเลือนและนั่นทำให้อีกฝ่ายโต้ตอบเรียกเลือดกลับได้เป็นครั้งคราว น่าแปลกที่อัสลันไม่แค้นเคืองหรือเกรี้ยวกราด

แวบหนึ่งที่ใจเขาอดคิดไม่ได้ว่า...หรือมันจะดีกว่าหากเขาตายไปด้วยน้ำมือเพื่อนสนิทแทนที่จะต้องฆ่าเพื่อนด้วยเงื้อมมือของตัวเอง

และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ชาร์ลีคว้าได้เศษหินบนพื้นขว้างใส่มาก่อนที่จะพุ่งหาอย่างอาฆาตมาดร้าย!



เด็กชายสัมผัสได้ถึงความปวดร้าวอันล้ำลึก...

ไม่ใช่ที่ร่างกาย...แต่เป็นจิตใจ

ชาร์ลีสลัดศีรษะเพื่อหวังขับไล่ความมึนงงให้จางหายไป อีกครั้งที่ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาเสียดแทงจิตใจเขา

น่าแปลกที่ความทุกข์ทรมานอันหนักอึ้งเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้น เขาตระหนักว่ามันมิได้ก่อเกิดกับตัวเขา

แล้วใครกันที่กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้โดยไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนของความรวดร้าวไปจนถึงก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณได้...

ใครกัน...

ความคุ้นเคยที่วาบผ่านมาก่อนถูกไอมืดรอบตัวกลืนกินจนรางเลือนไปนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เด็กชายชาวนูฟลุกเดินโซซัดโซเซเพื่อมองหาทางออกไปจากที่นี่อีกครั้ง

ปีศาจร้ายนั่นหายไปแล้ว เขาอดโล่งอกไม่ได้ที่ร่างกายยังไม่มีรอยแผลใดๆเกิดขึ้น

“ว้า...นี่มันไม่เจ๋งอย่างที่ข้าคิดไว้แฮะ”

น้ำเสียงก่อกวนนิดๆนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากซีนาย

ร่างที่ดูมั่นอกมั่นใจในการก้าวตรงมาหาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆมุมปากทำให้ชาร์ลียากจะแยกแยะได้ว่าความอ่อนแอก่อนหน้านี้ที่เขาพบในตัวซีนายเป็นเรื่องจริงหรือแค่การลวงหลอกอย่างผู้ชำนาญ

“ข้านึกว่าเจ้าจะเอาชนะใจตัวเองแล้วออกไปได้ในทันที เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนิดๆนะนี่ชาร์ลี...แต่ก็ช่างมันเถอะ ถึงยังไงเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนจริงไหม”


“ความเป็นเพื่อนของเรามันจบไปแล้วซีนาย” ชาร์ลีจ้องไม่ละวางสายตา

อีกฝ่ายกลับทำเพียงแค่โบกมือราวกับว่าไม่ปรารถนาจะใส่ใจฟัง

“มันน่าเบื่อทุกครั้งเวลาที่ข้าได้ยินคำว่าเพื่อนแท้ แต่ตอนนี้ข้ากลับพอใจที่จะให้เจ้าเป็นเพื่อนแท้ของข้า เอาล่ะ...อย่ามัวเยิ่นเย้อเสียเวลา เจ้าคงอยากรู้เต็มทีแล้วว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแค่ไหน มันช่วยไม่ได้นะชาร์ลีที่เจ้าต้องรีบตั้งสติไวๆแล้วคิดหาทางออกไปจากที่นี่เองให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่อัสลันอาจจะพลั้งมือฆ่าเจ้าจนตาย!”

ชื่อตอนท้ายที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ชาร์ลีชะงัก

ซีนายไม่พูดพล่ามทำเพลงขณะยกมือสองข้างวาดออกไปเบื้องหน้าบนความว่างเปล่า จอแสงสว่างไสวพลันกำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมภาพอะไรบางสิ่งวูบวาบไปมา

นั่นเขานี่!...

ชาร์ลีเผลอกลั้นหายใจอย่างตะลึง

แม้จะเปลี่ยนแปลงมากเพียงใดไม่มีวันที่เด็กชายจะจดจำตัวเองไม่ได้ แต่เลือดที่อาบชุ่มร่างกายและแววตามุ่งร้ายนั่นคืออะไรกัน!

อัสลันล้มลงเพราะแรงกระแทกมหาศาลจากร่างปีศาจร้าย เด็กหนุ่มพยายามปัดเอาเศษดินเศษฝุ่นที่เข้าตาออกขณะพลิกกายกลิ้งหลบการปะทะครั้งใหม่ อัศวินหนุ่มตั้งหลักยืนขึ้นได้อีกครั้งเพื่อการประจันหน้าที่เท่าเทียม

ชาร์ลีใจหายวูบเมื่อเห็นว่าปีศาจในร่างตนเองเผ่นโผนเข้าไปหาสหายสนิทอีกหนและอัสลันตั้งรับด้วยคมดาบสีเงินที่เรียกเลือดพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง

“เขาจะหยุดมือ...ใช่ไหม” น้ำเสียงในตอนท้ายเบาลงอย่างหวั่นใจ

“เขาจะหยุดได้ยังไงชาร์ลีในเมื่อเจ้าเองก็ไม่ยอมหยุดน่ะ”

คำตอบของซีนายดูจะเบื่อหน่ายในทีเมื่อสองตาของเขามองเห็นว่าอัสลันเองก็สู้สุดวิถีดาบอย่างจนตรอกแล้วในตอนนี้ เพราะจะฆ่าชาร์ลีก็ทำไม่ลงและจะปล่อยให้อีกฝ่ายเข่นฆ่าทำลายทุกสิ่งตามอำเภอใจก็ใช่ที่...มันน่าจะเป็นจุดดับของอัศวินผู้กล้าที่มองว่าสหายน้ำมิตรมีค่าควรแก่การเทใจให้

ผู้ใช้เวทตัวน้อยวาดมือกลับอีกครั้งทำให้มายาภาพนั้นสลายไปสู่ความมืดเช่นเดิมอย่างง่ายดาย

“ใครอยู่ในร่างข้า” ชาร์ลีเฉลียวใจคิด

เพิ่งมีรอยยิ้มจริงใจหนแรกจากใบหน้าคร้ามคมของเด็กชายผิวคล้ำจากกิซาบา

“คำถามที่ถูกต้องนะชาร์ลี...ทำไม-เจ้า-ถึงมาอยู่นี่!” นัยน์ตาสีเทาที่เพ่งมองราวกับจะท้าทายในที “กลับไปเสียทีชาร์ลี ไปยังที่ๆเจ้าจากมาและทำทุกอย่างให้ถูกต้องอย่างที่มันควรจะเป็น ข้าบอกเจ้าได้แค่นี้เพราะวิถีชีวิตแห่งนูฟลึกลับเกินกว่าที่ข้าจะข้องเกี่ยวอีก”

“เจ้ากำลังจะไปไหนน่ะซีนาย”

“กลับ...และไปรอเจ้าอยู่อีกฟากทาง โชคดีชาร์ลี!”

ซีนายถอยหลังช้าๆก่อนจะลับหายไปโดยไม่อาจทัดทานได้

ชาร์ลีไม่มีความรู้สึกอยากตามไป เหมือนกับสัญชาตญาณของเขาบอกว่านั่นไม่ใช่ทางออกเดียวที่เขาต้องการ สิ่งต่างๆเริ่มชัดเจนแจ่มแจ้ง ตัวตนของเขาไม่ได้ถูกขโมยไปใช้...มันยังอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์

ที่นี่...ตรงนี้...

เด็กชายสูดลมหายใจลึกขจัดความลังเลออกไปจนหมดสิ้น

เขาเป็นนูฟ...และนูฟควรเชื่อมั่นในสัญชาตญาณตัวเองมิใช่หรือ...

เด็กชายหยุดยืนนิ่งหลับตาลงและค่อยๆผ่อนลมหายใจยาวนาน...

สองแขนของเขาค่อยๆกางออกไปด้านข้างอย่างช้าๆ น้ำหนักของชีวิตกำลังไหลรินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อย ความอึดอัดค่อยๆทวีเข้าหาทุกสัดส่วนของร่างกายราวกับว่าตัวเขาเองกำลังจมดิ่งลงไปในห้วงลึกแห่งทะเลออบิท ชาร์ลีเริ่มสำลักความว่างเปล่าราวกับคนที่สำลักน้ำ ร่างของเขาซวนเซไร้ทิศทางเหมือนถูกถ่วงให้จมลงด้วยวัตถุที่มองไม่เห็น

ใช่แล้ว! เขากำลังเชื่อมต่อเข้าสู่ร่างกายตัวเองอีกหนหนึ่ง...

วูบหนึ่งแห่งสติสัมปชัญญะเขามองเห็นอัสลันยืนอยู่ต่อหน้า ชาร์ลีดิ้นทุรนทุรายอยู่ภายในร่างกายของเขาเอง

“อัสลันพอเถอะ!” ชาร์ลีตะโกนก้องอื้ออึง

แต่อัสลันไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้ จังหวะการสืบเท้าประวิงเวลาพร้อมดาบที่กุมมั่นนั้นไม่อาจตีความเป็นอื่น

ชาร์ลีเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจเมื่อมองเห็นนัยน์ตาเพื่อนสนิทเต็มไปด้วยความทรมานลึกเร้น อัสลันจับดาบทั้งที่น้ำตายังไหลเป็นสายแต่เด็กหนุ่มกัดฟันข่มเอาเสียงสะอื้นเก็บงำไว้ในอก

“พอเถอะ...หยุดเสียที...ข้าขอร้อง” เขาวิงวอนอย่างจุกแน่นไปหมด

ครั้งสุดท้ายที่มองเห็นคมดาบตวัดลงมานั้น ชาร์ลีใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่เขามีพยายามตรึงแขนตัวเองที่เจตนาจะยกขึ้นเพื่อป้องกันให้ติดแนบข้างตัว เขารู้ว่าการแบกรับภาระชิ้นใหญ่นี้จะทำให้เรื่องเลวร้ายระงับลง

ความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจนร่างกายชาดิกทำให้เขารู้ว่าทุกสิ่งยุติแล้ว!












Create Date : 08 มีนาคม 2554
Last Update : 8 มีนาคม 2554 17:33:12 น. 2 comments
Counter : 667 Pageviews.

 
คุณพลอยคะ มีข้อสงสัย คือตอนนี้ย้อนกลับไปอ่านเล่มหนึ่ง เลยมีคำถามขึ้นมาค่ะว่า ทำไมท่านผู้เฒ่าที่เกาะถึงเลือกชาร์ลีให้เป็นผู้ออกมาจากเกาะค่ะ ทั้ง ๆ ที่ หนูลียังเป็นเด็กอยู่เลย


โดย: nana IP: unknown, 202.32.8.238 วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:11:46:55 น.  

 
เด็กมักปรับตัวที่ใหม่ได้ดีกว่าผู้ใหญ่ค่ะ โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ชีวิตในที่ที่แตกต่าง

คุณสมบัติหลายอย่างในนิสัยของชาร์ลีทำให้เห็นว่าเขาน่าจะมีโอกาสทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เลยถูกส่งออกมาค่ะ

ขนาดภาคนี้ถึงชาร์ลีจะคิดมากตามประสาวัยรุ่นไปนิด
โกรธอัสลันไปบ้าง ชาร์ลีก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายอีกฝ่ายเป็นการโต้ตอบค่ะแต่กลับพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด

ชาร์ลีอาจขาดคุณสมบัติด้านความสามารถหลายอย่างไปบ้าง
แต่ในเรื่องของจิตใจที่ยึดถือความถูกต้องดีงาม
...วัยไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับการทำสิ่งดีๆของใครสักคนค่ะคุณ nana


โดย: ploy666 IP: 124.121.223.234 วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:18:03:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.