|
ชาร์ลี 2 ตอน 09 สงครามที่ว่างเปล่า
คุยกันก่อนอัพ
ลุ้นกันต่อค่ะว่าชาร์ลีและอัสลันจะรอดจากสถานการณ์คับขันนี้ไปได้ไหม พรุ่งนี้เดี๋ยวพลอยแวะมาอัพให้อีก 2 ตอนนะคะ
สวัสดีทุกท่านค่ะ ^----^
Ploy666.
**************
ชาร์ลี 2 [ภาค : มิตรสหายและศัตรู] ตอนที่ 09 สงครามที่ว่างเปล่า
ผู้แต่ง RED (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)
ไม่มีสตรีในพัตราภรณ์งดงามสง่า...
ไม่มีใครเลยที่พำนักอยู่ในถ้ำอันลึกลงมาภายในภูเขานอกไปจากแท่นสีดำสนิทอันเกิดจากหินภูเขาขนาดใหญ่ที่มีผิวเรียบเนียน หน้าตัดด้านบนยุบลงเป็นแอ่งมีหยดน้ำจากหินย้อยเบื้องบนรินลงมาหล่อเลี้ยงไข่ขนาดมหึมาฟองหนึ่งที่วางอยู่ เปลือกไข่ขรุขระดูหยาบกระด้าง กึ่งกลางนั้นกลับกลายเป็นใบหน้านูนออกมาของชีวิตหนึ่งที่อัสลันไม่อาจหาคำมาจำกัดความ
เขาค่อยๆวางร่างของชาร์ลีห่างออกมาอย่างระมัดระวัง...
ท่านคือมาธาเกียร์งั้นรึ เขาถามย้ำ
เปลือกตาที่ปรือน้อยๆราวกับอ่อนระโหยโรยแรงตอบอย่างแผ่วเบา
ข้าคือสิ่งที่คนที่นี่เรียกขานว่ามาธาเกียร์...แต่นั่นสำคัญกับเจ้าด้วยหรืออัศวิน ในเมื่อไม่ว่าข้าจะเป็นสิ่งใดเจ้าก็ไม่ได้เคารพยำเกรงหรือศรัทธามากไปกว่าสิ่งของไร้ค่าที่พาพวกเจ้ามาลำบากอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ศรัทธาจะแข็งแกร่งได้ก็โดยจิตใจมนุษย์
สำหรับอัศวินที่ไม่ปรารถนาจะศรัทธาในสิ่งใดมากไปกว่าคมอาวุธของตนเองนั้น การจะให้หันเหมาคิดว่ามาธาเกียร์เป็นสิ่งล้ำค่าอย่างเช่นที่ชาวเนียญ่าเชื่อมั่นศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตาย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ไออุ่นระอุร้อนทั่วบริเวณทำให้อัสลันเฉลียวใจคิด
ข้างหลังเจ้านั่น...
บ่อลาวาเดือด...อ๋อ...ไม่หรอก ข้าไม่ได้คิดหลอกพวกเจ้ามาตายที่นี่แน่ แต่ที่ข้ากำลังจะตายนั่นแหละเรื่องจริง! เธอเน้นเสียงเชื่องช้า
ผลึกแก้วสีชมพูใสมีเหลี่ยมมุมแพรวพราวที่ฝังอยู่ตามผนังถ้ำเป็นที่มาของแสงสีชมพูส่องสว่างละมุนตา แสงเหล่านั้นน่าจะมีที่มาจากบ่อลาวาเดือดซึ่งอยู่ลึกลงไปมากมาย ความร้อนและแสงสะท้อนมาสู่ผลึกต่างๆก่อนจะถูกหักเหกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
เห็นได้ชัดว่าสภาพของมาธาเกียร์กับชาร์ลีแทบไม่แตกต่างกันเลย ต่างฝ่ายต่างพยายามประคับประคองลมหายใจรวยรินของตนเองเอาไว้อย่างเต็มความสามารถแม้ไม่รู้ว่ามันจะจบลงที่ใดก็ตามที...
ท่านเหมือนตำราพหูสูต
ข้าคือสิ่งเดียวกับตำราพหูสูต เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่เอาไว้เล่าตอนที่ชาร์ลีฟื้นเถอะนะ เพราะถ้าเขาไม่หายจากสิ่งที่กำลังเป็นอยู่นี่ข้าก็มองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ต้องเท้าความถึงเรื่องราวในอดีต
ประโยคนั้นจุดเอาความหวังอันริบหรี่ของคนฟังให้ลุกโพลงโชติช่วงอีกครั้ง
ท่านมีวิธีช่วยชาร์ลีไหม
ไม่...ข้าช่วยเขาไม่ได้หรอก อย่ามองข้าด้วยสายตาตำหนิแบบนั้นเลย ถ้าข้าช่วยเขาได้ข้าคงทำไปนานแล้วก่อนที่เจ้าจะร้องขอจนถ้ำแทบถล่มน่ะ แต่อย่างน้อยข้าก็บอกได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับนูฟอย่างเขา
เขาเป็นอะไร อัสลันถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนกระวนกระวายใจ
การเปลี่ยนแปลงตามอายุไข... มาธาเกียร์ถอนใจยาวราวกับเจตนาถ่วงเวลาหาคำอธิบาย นูฟคือเผ่าพันธุ์บนเกาะที่มีการปรับสภาพตนเองให้แตกต่างไปจากคนบนเกาะใหญ่อย่างเซไลย์เพื่อความอยู่รอด และเมื่อนูฟอยู่ห่างไกลจากเกาะอื่นๆรวมไปถึงการที่พวกเขาออกจากเกาะมาปรากฏตัวน้อยมากทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าในรอบอายุครบสิบสี่ปีเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อร่างกาย...ข้าดีใจนะที่เจ้ารอบคอบพอจะเอาเชือกมาด้วยและมัดเขาไว้แบบนั้น
เขาจะทำร้ายข้ารึ
เขาจะทำลายทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเอง เธอตอบชัดถ้อยชัดคำ
อัสลันอึ้งไปกับคำตอบที่ได้ยินมา เด็กหนุ่มควานหาเสียงของตัวเองจากในลำคออย่างยากเย็น
มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อลมหายใจของเขาก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว
มันเป็นชะตากรรมที่เขาเลี่ยงไม่ได้ เจ้าแค่ต้องรอเวลา เจ้าของถ้ำมองจับไปยังร่างที่ไร้สติบนพื้นอย่างเวทนา หากเขาไม่อาจผ่านพ้นมันไปได้...เขาก็จะตาย ข้าคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะว่าทุกอย่างในออบิทจะเปลี่ยนไป!
หากชาร์ลีเป็นอะไรไปนั่นย่อมหมายถึงไม่มีใครที่มาธาเกียร์จะไว้วางใจว่าสามารถช่วยเหลือเธอได้...เกาะเมิร์ฟเนียจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือแหล่งผลิตเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ในออบิทจะล่มสลายลงและปล่อยให้ทุกที่ตกอยู่ในกลียุคครั้งยิ่งใหญ่จากเศรษฐกิจที่พังครืนลงเมื่อผู้คนไม่อาจดำเนินชีวิตของตนเองได้ต่อไป
ทุกอย่างมันคือลูกโซ่
และโซ่ทุกเส้นเหล่านั้นมันโยงมาหาคนๆเดียวที่นอนคอพับคออ่อนกองบนพื้นอย่างน่าสมเพชเวทนาในขณะนี้...
ใครคนนั้นคือชาร์ลี!
ในความมืดและเย็นยะเยือกจนร่างของเด็กชายสั่นสะท้าน ชาร์ลีมองไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากความหวาดกลัวที่กำลังเข้าครอบงำจิตใจ
อัสลัน! เจ้าหญิงมีนาร์! เสียงตะโกนสั่นพร่าและลอยหายไปในความว่างเปล่า
ริมฝีปากเริ่มสั่นกระทบกันระรัวเร็ว ชาร์ลียกแขนมากอดตัวเองเอาไว้เพื่ออาศัยไออุ่นบางเบาเหล่านั้นต่อสู้กับความหนาวเย็น
อัสลัน...เจ้าหายไปไหนน่ะ!
ความหวังที่เป็นเสมือนเปลวไฟไหววูบในอกริบหรี่ลงทีละน้อย
ชาร์ลียังคงเดินโซซัดโซเซไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย...เขาเหน็ดเหนื่อยและรับรู้ถึงความผะอืดผะอมที่ก่อตัวในช่องท้องแต่ยังคงฝืนข่มมันเอาไว้ ดวงตาของเขาราวกับมืดบอดลงไปจากความมืดดำที่ฉาบทาเอาไว้รอบตัวหนาทึบ
นี่ไม่ดีเลยสักนิด...เขาต้องตามหาใครบางคนที่จะพาเขาออกไปจากที่นี่ อันที่จริงเด็กชายไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคือที่ไหนหรือว่าตัวเขามาที่นี่ได้อย่างไร ทว่าชาร์ลีรู้ดีว่าไม่อาจระเหเร่ร่อนโดยไม่มีที่ไปแบบนี้ได้ตลอดกาล...
มีใครอยู่บ้าง...โอ้ย!
ประโยคท้ายเขาอุทานเมื่อรู้สึกว่าเท้าสะดุดกับอะไรบางอย่างจนล้มคว่ำลง
มันไม่ใช่พื้นดินอีกต่อไป...แวบแรกที่จิตใต้สำนึกบอกเขาเมื่อน้ำโคลนเหลวเละกระเซ็นเข้ามาในปากจนเด็กชายเผลอโก่งคออาเจียนอย่างหมดไส้หมดพุงออกมา ชาร์ลีคิดว่าในน้ำเฉอะแฉะที่จู่ๆก็มาแทนที่พื้นดินหนาเรียบแข็งซึ่งเขาย่างเหยียบนี้ถูกผสมด้วยอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นชวนคลื่นเหียนฉุนขึ้นจมูก
เหมือนของเน่าเหม็นที่ทิ้งค้างแรมคืนในถังขยะ...
จนกระทั่งสิ่งที่เขาสำรอกออกมาหมดสิ้น ชาร์ลีได้แต่ปล่อยตัวเองลงนั่งเกลือกน้ำปฏิกูลเหล่านั้นและหอบตัวโยนอย่างหมดเรี่ยวแรง
อะไรก็ตามที่นำเขามาที่นี่...พวกมันกำลังพยายามจะฆ่าเขาทั้งเป็น!
อัสลันเจ้าอยู่ไหนกัน!
เด็กชายพยายามฝืนเรียกหาความช่วยเหลืออีกหน
ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงฝีเท้าที่ย่ำมาตามน้ำพร้อมจุ๊ปากเป็นจังหวะอย่างเกียจคร้าน
ไม่เอาน่าชาร์ลี...เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใครนะว่าเพื่อนแท้ของเจ้าคือข้า
ซีนาย!
ใช่...ข้าเอง
อาการตอบรับอย่างอารมณ์ดีนั้นชาร์ลีไม่อาจตีความเป็นคนอื่นไปได้
เขารู้สึกถึงการหมุนวนที่เปลี่ยนไปของคลื่นเป็นวงกว้างจากการเคลื่อนไหวในเงามืดของอีกฝ่ายที่เดินรอบๆตัวแต่รักษาระยะห่างเอาไว้เกินกว่าจะเอื้อมถึง สุ้มเสียงของซีนายแทบจะเหมือนวันวานที่ไม่มีเรื่องของการทรยศมาเกี่ยวข้อง เพียงแต่กระแสเสียงนั้นเจือความเชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงผิดเป็นคนละคน
น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้เรียกหาข้าบ้างเลย ดูเหมือนมิตรภาพของเราจะถูกลืม...หรือเจ้าคิดว่ายังไง
เจ้าเอาตำราพหูสูตไปให้วีซานด์! เขาคำรามในลำคออย่างเกรี้ยวกราด
ซีนายหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง
ข้าจำเป็นต้องทำ แต่ข้ายืนยันได้ว่าไม่เคยคิดร้ายกับเจ้าเลยชาร์ลี เจ้าเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ข้ามี
ไม่มีเพื่อนที่ไหนทำกันแบบนี้หรอกนะซีนาย
ใจเย็นๆหน่อยชาร์ลี เจ้ามีเรื่องที่ต้องต่อสู้มากเกินกว่าจะมามัวสนใจตำราเล่มหนาเตอะนั่นในเวลานี้...มันกำลังมา...สัตว์ร้ายในใจเจ้า ข้าแค่มาอวยพรให้เจ้าโชคดีและผ่านพ้นมันไปได้แค่นั้นเอง
เจ้าจะไปไหน
ชาร์ลีตะโกนเรียกหาคู่กรณีอีกสองสามหนแต่หูจับเพียงเสียงแห่งความเงียบงัน ราวกับว่าบุคคลที่เขาเพิ่งสนทนาด้วยนั้นหายวับไปอย่างฉับพลัน
บางทีเขาอาจจะเพ้อคลั่งไปเอง
ซีนายไม่มีทางเข้ามาอยู่ในนี้ได้หรอก...ชาร์ลีรวบรวมสติตั้งมั่นอีกหนอย่างใจเย็นขึ้นเมื่อรับรู้ว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด
ไม่มีซีนาย...มีเพียงแต่ตัวเขา เด็กชายย้ำบอกตัวเองซ้ำๆซาก
กระทั่งเสียงคำรามกระหึ่มก้องมาแต่ไกลจนชาร์ลีสะดุ้งโหยง เสียงลากตะกุยพื้นพาเอาร่างหนักๆเข้ามาหาในความมืด มันคืบร่นเข้ามาทีละน้อยแต่ทำให้ชาร์ลีขยับจะคว้าคันธนู...แต่ไหล่ของเขาว่างเปล่า
ไร้อาวุธก็คือไร้หนทางต่อสู้
ใจเย็นๆเข้าไว้...อย่างน้อยเขาต้องรู้ก่อนว่าเขากำลังจะสู้กับอะไร
ชาร์ลีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างช้าๆ
แต่นั่นเป็นอีกหนที่ชาร์ลีรู้ดีว่าเขาทำบางอย่างพลาดไป...
จู่ๆสายตาที่เบิกโพลงตรงหน้าราวกับจะรับภาพโครงร่างใหญ่มหึมาที่กำลังกระโจนพุ่งเข้ามาหาได้อย่างรวดเร็วจนไม่ทันแม้แต่จะอ้าปากส่งเสียงร้อง!
เขาหายใจแผ่วลงทุกทีแล้วนะมาธาเกียร์ อัสลันนั่งชิดร่างสหายสนิทพลางเอื้อมมือสำรวจลมหายใจที่เหมือนจะขาดห้วงหายไปเป็นครั้งคราวด้วยจิตใจที่ร้อนรน
สภาพของชาร์ลีย่ำแย่ลงเรื่อยๆในช่วงหลายชั่วโมงที่ผ่านมา...
เนื้อตัวเย็นเฉียบของชาร์ลีนั้นแม้จะอุ่นขึ้นเล็กน้อยเมื่ออัสลันขยับร่างที่หมดสติมานอนใกล้บ่อลาวามากกว่าเก่า หากก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่อัสลันไม่ค่อยแน่ใจนักแม้จะจับสังเกตมาพักหนึ่งแล้วก็ตาม
ผิวหนังชั้นนอกของเขาเริ่มเปื่อยยุ่ย ข้าคิดว่าคงอีกไม่นาน ทางที่ดีเจ้าควรถอยห่างออกไปจากเขาได้แล้วนะ มาธาเกียร์เตือนอย่างเคร่งขรึมกว่าเดิม
ชะตากรรมของเธอถูกผูกติดไว้กับการคงอยู่ของชาร์ลี...
การรอคอยนี้โหดร้ายจนน่าชิงชังทีเดียว!
กระนั้นท่าทีระงับอารมณ์ได้เป็นอย่างดีก็ทำให้อัสลันต้องหันมาสำรวจตนเองบ้าง
เขาโกรธตัวเองที่ไม่อาจทำอะไรได้และทำให้จิตใจไม่ปลอดโปร่งจนพาลไปหมด เด็กหนุ่มยอมล่าถอยออกมาห่างร่างของชาร์ลีเล็กน้อย
ความเงียบเป็นอะไรที่เขาไม่คุ้นเคยนักในเวลานี้
อัสลันเพลีย...เหนื่อยอ่อน...กระวนกระวายใจ ร่างกายของเขาเริ่มส่งสัญญาณว่าต้องการการพักผ่อนให้พอเพียงกับช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างยากลำบาก แต่ยังก่อน...เขารู้ดีว่าไม่อาจข่มตาหลับลงได้ตราบเท่าที่สิ่งรบกวนต่างๆยังคงอึมครึมเหมือนม่านหมอกสีเทาหนักอึ้งแบบนี้
ทุกคนในถ้ำแห่งนี้ต่างรอคอยด้วยความคิดคำนึงที่แตกต่างกัน
มาธาเกียร์เลื่อนปากถ้ำปิดสนิทลงอีกครั้ง อัสลันไม่แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งดีหรือไม่ทว่าเขาเองก็ยากจะทักท้วงเพราะในสถานการณ์นี้ดูเหมือนมาธาเกียร์จะรู้ดีว่าเธอทำอะไรอยู่ในขณะที่ตัวเขาเองต่างหากไม่รู้อะไรเลย เขาเพิ่งมีเวลาเพ่งพิศดวงหน้าซีดเผือดของชาร์ลีอย่างมีสติเป็นหนแรก แวบหนึ่งอัสลันคิดว่าเขาอาจจะตาฝาด จนมองจ้องเขม็งเต็มสองตานั่นแหละที่เขาพบว่าใบหน้าขาวๆของคนป่วยบัดนี้มีแดงจางๆเป็นหย่อมๆซ้อนขึ้นมาละม้ายปานที่ซ่อนเกลื่อนใต้ผิวหนัง
แต่อัสลันเข้าใจไม่ผิด...
ปานสีแดงนั้นค่อยๆทวีความชัดเจนขึ้นทุกขณะ
มันเหมือนลวดลายที่สักลงบนผิวเนื้อเป็นขั้นตอนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์มากกว่าจะเป็นเพียงผื่นที่ไร้ความหมาย นอกจากใบหน้าแล้วตามหลังมือและเนื้อตัวส่วนอื่นๆที่พอมองเห็นก็ราวกับจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันนั้นอย่างช้าๆ
ยิ่งลายชัดความกังวลของอัสลันก็ทวีเติบกล้าทุกที...
ปานนั่น...อะไรกัน เด็กหนุ่มพึมพำ
มาธาเกียร์มองตามสายตากังขาของอัสลัน ท่าทีปริวิตกของเธอแทบไม่ต่างกัน
ข้าไม่รู้... มารดาผู้ให้กำเนิดแห่งเกาะเมิร์ฟเนียบอกตามตรงว่า ข้าคิดว่ามันอาจเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดของชาวนูฟ อย่างที่บอกว่าคนพวกนี้ออกจากเกาะน้อยมากจนแทบไม่มีใครคุ้นเคย พวกเขาอาจมีหลายๆอย่างที่เกินกว่าเราจะคาดเดา
มันจะเป็นอันตรายกับชาร์ลีหรือเปล่า
คิดว่าไม่นะ
แต่มันชัดขึ้น คล้ายๆลายสักมากกว่าปานเสียอีก อัสลันขยับเข้าไปหา
ทว่ายังไม่ทันถึงตัว แสงสีแดงเจิดจ้าที่สว่างจนดวงตาพร่าพรายก็หยุดเขาเอาไว้
ระวังอัสลัน! ขั้นตอนกำลังจะเริ่มแล้ว! เสียงตะโกนเตือนของมาเกียร์ช้าไปเสี้ยววินาที
พลังบางอย่างที่มองไม่เห็นผลักดันออกมาจากร่างของชาร์ลีและซัดเข้าใส่อัสลันจนเด็กหนุ่มกระเด็นตัวลอยเมื่อปะทะเข้ากับผนังถ้ำที่ห่างออกไป ความจุกแน่นระบมทั่วร่างไม่อาจข่มเอาความตระหนกและตื่นกลัวที่เกิดขึ้นกับภาพตรงหน้าให้หายไปได้
ชาร์ลี!
ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปสำหรับการเรียกขานด้วยชื่อนั้น ร่างที่นอนหายใจผะแผ่วบนลานหินถูกคลี่คลุมด้วยประกายแสงสีแดงฉานราวกับดวงอาทิตย์แผดร้อนจัดจ้า แผ่นหลังที่กระตุกขึ้นมาเพราะการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทำให้เสื้อปริขาดจนมองเห็นแนวกระดูกสันหลังที่ขยายขนาดปูดโปนถนัดตาน่ากลัวจนขนลุก กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างตึงปริออกราวกับกำลังขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งบัดนี้แปรเปลี่ยนเค้าโครงจนไม่เหลือภาพเดิมอีกต่อไป โหนกแก้มที่นูนชัดกับปากที่แยกแสยะ ผิวหนังชั้นนอกที่เปื่อยยุ่ยเริ่มล่อนหลุดออกปรากฏเป็นลวดลายสีแดงชัดทั่วร่างละม้ายอักขระปะปนกับรูปวาดทำให้ชาร์ลีแลดูไม่ต่างจากอสุรกายจากหล่มโคลน...
นัยน์ตาสีเขียวมรกตเคยสดใสบัดนี้กลายเป็นสีแดงขุ่นคลั่กเหมือนไม่ใช่ดวงตามนุษย์อีกต่อไป
อะไรบางอย่างกำลังมีอำนาจเหนือชาร์ลี!
อัสลันอย่าใช้ดาบ!
อีกหนที่เสียงของมาธาเกียร์ดังแทรกเข้ามาเมื่อแลเห็นเชือกที่รัดรึงเอาไว้ถูกชาร์ลีกระชากขาดออก
ความเคยชินที่ฝึกฝนมาทำให้อัศวินหนุ่มแห่งไฮแลนด์วางมือแตะที่ดาบกระทั่งเขานึกได้ว่าการทำร้ายชาร์ลี...หรืออะไรก็ตามที่กำลังคืบเท้าใกล้เข้ามาอย่างคุกคาม ไม่เป็นผลดีแก่ชาร์ลีแน่ๆ
แค่พริบตาเดียวที่เขาใคร่ครวญอย่างลังเลอัสลันก็พบว่าตนเองพลาดโอกาสรอดหลุดจากกำปั้นแกร่งที่ซัดเข้าหาใบหน้าจนผงะเริดเจ็บปวด
เสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายจากลำคอหนาที่ดังกระหึ่มนั้นมีวี่แววของความกระหายเลือด
ปีศาจตนนั้นไม่รอให้อัสลันมีเวลามากพอจะตั้งหลัก มันปรี่เข้ามาอีกหนพลางจับเขาเหวี่ยงไปปะทะโขดหินงอกที่อยู่ใกล้เคียงจนก้อนหินแตกกระจุยฝุ่นฟุ้งตลบ
มาธาเกียร์หวีดร้องอย่างตกใจ และนั่นทำให้ปีศาจในร่างของเด็กชายชาวนูฟหันขวับละทิ้งเป้าหมายเดิมเพื่อจัดการเหยื่อรายใหม่ที่มันมองเห็น
ชาร์ลีเจ้าต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง...อย่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ น้ำเสียงโหยหวนของเธอราวกับจมอยู่ในก้นบึ้งของความสิ้นหวัง
อัสลันพยายามขยับลุกมาอีกครั้งอย่างยากเย็นเมื่อปีศาจหันเหความสนใจไปทางอื่น
คงต้องขอบคุณผู้เป็นบิดาที่เคี่ยวกรำเขามาอย่างโชกโชนกับการศึก เรี่ยวแรงของปีศาจที่บงการชาร์ลีอยู่นั้นไม่ธรรมดาเลย หากโดนจุดอ่อนบางแห่งเข้าเขารู้ดีว่าคงไม่มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีก อัสลันกัดฟันข่มความเจ็บกระโจนเข้าไปล็อกคอคู่ต่อสู้ทางด้านหลัง
ความสูงทำให้เขาได้เปรียบไม่น้อย
เจ้าจะบ้าไปแล้วรึชาร์ลี...หยุด! ข้าสั่งให้หยุดได้ยินไหม! อัสลันตะโกนกรอกหูอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง
เขาไม่อาจปล่อยมือออกได้เพราะไม่เช่นนั้นความเสียหายครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นหากมาธาเกียร์ถูกทำลาย แต่กรงเล็บคบกริบที่จิกลงกับท่อนแขนของเขาทำให้อัสลันส่งเสียงร้องลั่นออกมา เลือดจากรอยแผลที่เล็บยังคงกดลึกนั้นรินไหลลงมาจนได้กลิ่นคาว
มัน...จะเป็นอะไรก็ตามแต่ บัดนี้มันจารจำด้วยกลิ่นเลือดและรอยแผลที่ฝากไว้ว่าอัสลันคือศัตรูตัวฉกาจ!
ปีศาจพยายามจะสะบัดอัสลันให้หลุดทว่าเด็กหนุ่มยังคงฝืนกอดล็อกคอเอาไว้ทางเบื้อหลังจนมันทำสิ่งใดไม่ได้ถนัดถนี่
อัสลันระวัง! มาธาเกียร์เบิกตากว้างเมื่อเห็นปีศาจหมุนกายใช้แรงสลับของขาผลักเอาร่างอัสลันชนโครมเข้ากับแท่นหินอีกแห่งใกล้ๆนั้นจนร่างอัศวินหนุ่มหลุดร่วงลงมาอย่างรวดเร็วด้วยความบอบช้ำทั่วร่าง เท่านั้นดูเหมือนจะยังไม่สาแกใจพอ มันคำรามก้องก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้งอย่างรุนแรง
เมื่อหมดทางเลือกอัสลันจึงจำเป็นต้องใช้ความชำนาญเฉพาะตัว เพียงแค่เสี้ยวนาทีที่ปีศาจร้ายพุ่งตรงมาหาเด็กหนุ่มก็ฉวยตวัดหมุนเอาดาบมาถือไว้ในมือด้วยท่าเตรียมพร้อมทั้งที่ยังนั่งชันเข่ากับพื้น เขารอจังหวะเพียงระยะห่างใกล้มือเอื้อม อัสลันก็ใช้แรงจากข้อเท้าพลิกตัวออกด้านข้างแต่ไม่ก่อนจะกรีดดาบเป็นวงกว้างเรียกโลหิตสดๆให้กระเซ็นซ่านจากร่างมหึมาที่ถลาร่อนราวนกเสียหลัก!
พอทีชาร์ลีข้าไม่อยากฆ่าเจ้า! น้ำเสียงเขาแหบแห้งเหมือนผ่านสมรภูมิรบที่แห้งแล้งดุจทะเลทราย
อัสลันหน่วงหนักในอกอย่างอธิบายไม่ได้ ความเสียดร้าวราวกับรอยแผลที่เพิ่งกรีดไปนั้นวางคมดาบบนหัวใจเขาเองทำให้เด็กหนุ่มอยากร้องไห้
เขายังจำวันที่รบเร้าบิดาขอฝึกดาบได้ดี ข้ออ้างที่เขามีคือการจับดาบเพื่อปกป้องครอบครัว
แต่นี่มันอะไรกัน...
อัสลันถามตัวเองซ้ำๆขณะถอยร่นจากการจู่โจมอีกระลอกของชาร์ลีในร่างที่น่าสะพรึงกลัว อีกหน...และอีกหนที่เขาต้องตวัดดาบขึ้นปกป้องตัวเองและสร้างบาดแผลให้แก่ชาร์ลีจนร่างของสหายสนิทบัดนี้โซมชโลมด้วยเลือดที่ไหลรินและเริ่มเซไปมาหยัดยืนโดยไร้ความมั่นคง
อัสลันหยุด! นั่นชาร์ลีนะ! มาธาเกียร์ครางครวญในอกมาจากที่แสนไกล
ไม่มีความฮึกเหิมเหมือนออกศึก
ปราศจากความยินดีในชัยชนะเมื่อคมดาบสีเงินปลาบตวัดลงดื่มกินเลือดเนื้อ
ครู่หนึ่งที่อัสลันนิ่งงันเมื่อรับรู้ถึงหยดน้ำที่ร่วงรินจากหัวตาสู่หลังมือที่จับดาบ...เขากระพริบตาถี่ๆคล้ายไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังร้องไห้
เขาร้องไห้ให้กับการต่อสู้ครั้งนี้...
หยดน้ำตาใสๆที่ไหลรินต่อไปราวกับว่ามันกำลังนำพาความเย็นเยียบเข้าสู่เนื้อหัวใจของเขาเอง!
ภาพต่างๆรอบกายของอัสลันเคลื่อนไปอย่างแช่มช้า เขาอยากจะหยุดวินาทีแห่งความทรมานเหล่านี้ลงแต่ทำไม่ได้...น้ำหนักของดาบในอุ้งมืออันเย็บเฉียบยังตระหนักแน่แก่ใจ ทุกครั้งที่เขายกเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองเขาก็กำลังสร้างความบาดเจ็บให้แก่ชาร์ลี
เสียงคมอาวุธที่เฉือนลึกลงไปในผิวเนื้อกายอีกฝ่ายกลับแปลบปลาบในหัวใจเขาเอง
มันเป็นวิถีแห่งอัศวินที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยประจักษ์มา...แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะยุติเรื่องราวเหล่านี้ลงได้ตราบเท่าที่ชาร์ลีเองก็ยังไม่ยินยอมเลิกราการมุ่งร้ายโหมรุกราวกับไร้สติแบบนี้
มันจะเป็นตัวอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ...
แต่ตอนนี้มันได้ทำร้ายชาร์ลีและเขาไปพร้อมๆกัน!
เด็กหนุ่มยังคงยกดาบขึ้นฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงปะทะของโลหะแข็งกล้ากับกรงเล็บแหลมคมลั่นอยู่ในโสตประสาทจนสองหูอื้ออึง นัยน์ตาเขาพร่าเลือนและนั่นทำให้อีกฝ่ายโต้ตอบเรียกเลือดกลับได้เป็นครั้งคราว น่าแปลกที่อัสลันไม่แค้นเคืองหรือเกรี้ยวกราด
แวบหนึ่งที่ใจเขาอดคิดไม่ได้ว่า...หรือมันจะดีกว่าหากเขาตายไปด้วยน้ำมือเพื่อนสนิทแทนที่จะต้องฆ่าเพื่อนด้วยเงื้อมมือของตัวเอง
และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ชาร์ลีคว้าได้เศษหินบนพื้นขว้างใส่มาก่อนที่จะพุ่งหาอย่างอาฆาตมาดร้าย!
เด็กชายสัมผัสได้ถึงความปวดร้าวอันล้ำลึก...
ไม่ใช่ที่ร่างกาย...แต่เป็นจิตใจ
ชาร์ลีสลัดศีรษะเพื่อหวังขับไล่ความมึนงงให้จางหายไป อีกครั้งที่ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาเสียดแทงจิตใจเขา
น่าแปลกที่ความทุกข์ทรมานอันหนักอึ้งเหน็ดเหนื่อยเหล่านั้น เขาตระหนักว่ามันมิได้ก่อเกิดกับตัวเขา
แล้วใครกันที่กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้โดยไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนของความรวดร้าวไปจนถึงก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณได้...
ใครกัน...
ความคุ้นเคยที่วาบผ่านมาก่อนถูกไอมืดรอบตัวกลืนกินจนรางเลือนไปนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เด็กชายชาวนูฟลุกเดินโซซัดโซเซเพื่อมองหาทางออกไปจากที่นี่อีกครั้ง
ปีศาจร้ายนั่นหายไปแล้ว เขาอดโล่งอกไม่ได้ที่ร่างกายยังไม่มีรอยแผลใดๆเกิดขึ้น
ว้า...นี่มันไม่เจ๋งอย่างที่ข้าคิดไว้แฮะ
น้ำเสียงก่อกวนนิดๆนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากซีนาย
ร่างที่ดูมั่นอกมั่นใจในการก้าวตรงมาหาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆมุมปากทำให้ชาร์ลียากจะแยกแยะได้ว่าความอ่อนแอก่อนหน้านี้ที่เขาพบในตัวซีนายเป็นเรื่องจริงหรือแค่การลวงหลอกอย่างผู้ชำนาญ
ข้านึกว่าเจ้าจะเอาชนะใจตัวเองแล้วออกไปได้ในทันที เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนิดๆนะนี่ชาร์ลี...แต่ก็ช่างมันเถอะ ถึงยังไงเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนจริงไหม
ความเป็นเพื่อนของเรามันจบไปแล้วซีนาย ชาร์ลีจ้องไม่ละวางสายตา
อีกฝ่ายกลับทำเพียงแค่โบกมือราวกับว่าไม่ปรารถนาจะใส่ใจฟัง
มันน่าเบื่อทุกครั้งเวลาที่ข้าได้ยินคำว่าเพื่อนแท้ แต่ตอนนี้ข้ากลับพอใจที่จะให้เจ้าเป็นเพื่อนแท้ของข้า เอาล่ะ...อย่ามัวเยิ่นเย้อเสียเวลา เจ้าคงอยากรู้เต็มทีแล้วว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแค่ไหน มันช่วยไม่ได้นะชาร์ลีที่เจ้าต้องรีบตั้งสติไวๆแล้วคิดหาทางออกไปจากที่นี่เองให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่อัสลันอาจจะพลั้งมือฆ่าเจ้าจนตาย!
ชื่อตอนท้ายที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ชาร์ลีชะงัก
ซีนายไม่พูดพล่ามทำเพลงขณะยกมือสองข้างวาดออกไปเบื้องหน้าบนความว่างเปล่า จอแสงสว่างไสวพลันกำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมภาพอะไรบางสิ่งวูบวาบไปมา
นั่นเขานี่!...
ชาร์ลีเผลอกลั้นหายใจอย่างตะลึง
แม้จะเปลี่ยนแปลงมากเพียงใดไม่มีวันที่เด็กชายจะจดจำตัวเองไม่ได้ แต่เลือดที่อาบชุ่มร่างกายและแววตามุ่งร้ายนั่นคืออะไรกัน!
อัสลันล้มลงเพราะแรงกระแทกมหาศาลจากร่างปีศาจร้าย เด็กหนุ่มพยายามปัดเอาเศษดินเศษฝุ่นที่เข้าตาออกขณะพลิกกายกลิ้งหลบการปะทะครั้งใหม่ อัศวินหนุ่มตั้งหลักยืนขึ้นได้อีกครั้งเพื่อการประจันหน้าที่เท่าเทียม
ชาร์ลีใจหายวูบเมื่อเห็นว่าปีศาจในร่างตนเองเผ่นโผนเข้าไปหาสหายสนิทอีกหนและอัสลันตั้งรับด้วยคมดาบสีเงินที่เรียกเลือดพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง
เขาจะหยุดมือ...ใช่ไหม น้ำเสียงในตอนท้ายเบาลงอย่างหวั่นใจ
เขาจะหยุดได้ยังไงชาร์ลีในเมื่อเจ้าเองก็ไม่ยอมหยุดน่ะ
คำตอบของซีนายดูจะเบื่อหน่ายในทีเมื่อสองตาของเขามองเห็นว่าอัสลันเองก็สู้สุดวิถีดาบอย่างจนตรอกแล้วในตอนนี้ เพราะจะฆ่าชาร์ลีก็ทำไม่ลงและจะปล่อยให้อีกฝ่ายเข่นฆ่าทำลายทุกสิ่งตามอำเภอใจก็ใช่ที่...มันน่าจะเป็นจุดดับของอัศวินผู้กล้าที่มองว่าสหายน้ำมิตรมีค่าควรแก่การเทใจให้
ผู้ใช้เวทตัวน้อยวาดมือกลับอีกครั้งทำให้มายาภาพนั้นสลายไปสู่ความมืดเช่นเดิมอย่างง่ายดาย
ใครอยู่ในร่างข้า ชาร์ลีเฉลียวใจคิด
เพิ่งมีรอยยิ้มจริงใจหนแรกจากใบหน้าคร้ามคมของเด็กชายผิวคล้ำจากกิซาบา
คำถามที่ถูกต้องนะชาร์ลี...ทำไม-เจ้า-ถึงมาอยู่นี่! นัยน์ตาสีเทาที่เพ่งมองราวกับจะท้าทายในที กลับไปเสียทีชาร์ลี ไปยังที่ๆเจ้าจากมาและทำทุกอย่างให้ถูกต้องอย่างที่มันควรจะเป็น ข้าบอกเจ้าได้แค่นี้เพราะวิถีชีวิตแห่งนูฟลึกลับเกินกว่าที่ข้าจะข้องเกี่ยวอีก
เจ้ากำลังจะไปไหนน่ะซีนาย
กลับ...และไปรอเจ้าอยู่อีกฟากทาง โชคดีชาร์ลี!
ซีนายถอยหลังช้าๆก่อนจะลับหายไปโดยไม่อาจทัดทานได้
ชาร์ลีไม่มีความรู้สึกอยากตามไป เหมือนกับสัญชาตญาณของเขาบอกว่านั่นไม่ใช่ทางออกเดียวที่เขาต้องการ สิ่งต่างๆเริ่มชัดเจนแจ่มแจ้ง ตัวตนของเขาไม่ได้ถูกขโมยไปใช้...มันยังอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์
ที่นี่...ตรงนี้...
เด็กชายสูดลมหายใจลึกขจัดความลังเลออกไปจนหมดสิ้น
เขาเป็นนูฟ...และนูฟควรเชื่อมั่นในสัญชาตญาณตัวเองมิใช่หรือ...
เด็กชายหยุดยืนนิ่งหลับตาลงและค่อยๆผ่อนลมหายใจยาวนาน...
สองแขนของเขาค่อยๆกางออกไปด้านข้างอย่างช้าๆ น้ำหนักของชีวิตกำลังไหลรินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อย ความอึดอัดค่อยๆทวีเข้าหาทุกสัดส่วนของร่างกายราวกับว่าตัวเขาเองกำลังจมดิ่งลงไปในห้วงลึกแห่งทะเลออบิท ชาร์ลีเริ่มสำลักความว่างเปล่าราวกับคนที่สำลักน้ำ ร่างของเขาซวนเซไร้ทิศทางเหมือนถูกถ่วงให้จมลงด้วยวัตถุที่มองไม่เห็น
ใช่แล้ว! เขากำลังเชื่อมต่อเข้าสู่ร่างกายตัวเองอีกหนหนึ่ง...
วูบหนึ่งแห่งสติสัมปชัญญะเขามองเห็นอัสลันยืนอยู่ต่อหน้า ชาร์ลีดิ้นทุรนทุรายอยู่ภายในร่างกายของเขาเอง
อัสลันพอเถอะ! ชาร์ลีตะโกนก้องอื้ออึง
แต่อัสลันไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้ จังหวะการสืบเท้าประวิงเวลาพร้อมดาบที่กุมมั่นนั้นไม่อาจตีความเป็นอื่น
ชาร์ลีเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจเมื่อมองเห็นนัยน์ตาเพื่อนสนิทเต็มไปด้วยความทรมานลึกเร้น อัสลันจับดาบทั้งที่น้ำตายังไหลเป็นสายแต่เด็กหนุ่มกัดฟันข่มเอาเสียงสะอื้นเก็บงำไว้ในอก
พอเถอะ...หยุดเสียที...ข้าขอร้อง เขาวิงวอนอย่างจุกแน่นไปหมด
ครั้งสุดท้ายที่มองเห็นคมดาบตวัดลงมานั้น ชาร์ลีใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่เขามีพยายามตรึงแขนตัวเองที่เจตนาจะยกขึ้นเพื่อป้องกันให้ติดแนบข้างตัว เขารู้ว่าการแบกรับภาระชิ้นใหญ่นี้จะทำให้เรื่องเลวร้ายระงับลง
ความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจนร่างกายชาดิกทำให้เขารู้ว่าทุกสิ่งยุติแล้ว!
Create Date : 08 มีนาคม 2554 |
Last Update : 8 มีนาคม 2554 17:33:12 น. |
|
2 comments
|
Counter : 667 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nana IP: unknown, 202.32.8.238 วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:11:46:55 น. |
|
|
|
โดย: ploy666 IP: 124.121.223.234 วันที่: 9 มีนาคม 2554 เวลา:18:03:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก https://ploy666.bloggang.com
ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา) นามปากกา : สิตาปางค์ ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5 ออกแบบปก : Little thing
ราคา : 850.- บาท สินค้าหมด
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28
สั่งซื้อที่ : .........
หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ
** ***********************************
ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ นามปากกา : ลายน้ำ ราคา : 259.- บาท สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)
สินค้าหมดค่ะ
****************
นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง
รอยทรายบนลายรัก ...และ... กระต่ายในใจจันทร์
***********
เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า ทนไม่ไหวแล้ว... จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ
โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด
เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
Ploy666.
************
หมายเหตุสักนิดค่ะ...
ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย
ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ
**************
เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
|
|
|
|
|
|
|