Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 

ชาร์ลี 2 ตอน 17 ความร้าวฉาน


คุยกันก่อนอัพ


ใกล้ถึงงานสัปดาห์หนังสือแล้วค่ะ สำหนับชาวหนอนหนังสือที่ใจจดใจจ่อกับการช็อปปิ้ง
อย่าลืมบริหารร่างกายไว้นะ ^ ^

พลอยยังไม่มีรายชื่อหนังสือที่จะหิ้วกลับมาสำหนับปีนี้ค่ะ เลยลังเลอยู่ว่าจะไปไม่ไป
เพราะในช่วงที่ผ่านๆมาเข้าร้านหนังสือทีไรก็ได้หนังสือถูกใจกลับมาตลอด
ค่อนข้างพ้นภาวะเก็บกด (55+)

มาต่อกันที่ ชาร์ลี ภาค 2 ตอน 17 ค่ะ
อัพกันแบบว่องไว อ่านกันแบบไม่ต้องมานั่งลุ้นให้เมื่อยว่าจะจบเมื่อไหร่
เดาได้ว่ามาเกินครึ่งทางแล้วเนาะ...เย้เย

นิยายเรื่องถัดไปที่กะไว้ว่าจะอัพเป็นนิยายรักค่ะ ใครที่รอแนวนอกเหนือจากแฟนตาซีก็อีกอึดใจค่ะ
เนื่องจากยังตั้งหน้าตั้งตาเขียนอยู่...แป่ว

เอาน่ะ นิยายบล็อกนี้ไม่ทิ้งไม่หนีไม่หาย แต่บางทีก็แค่ไม่มี เอ๊ะ ยังไง...
เว้นแต่นิยายเหล่าบัดดี้ที่ช่วยลงตอนนี้กระจายไปไหนหมดไม่ทราบ
เจ้าของบล็อกขอปาดเหงื่อสักรอบ -"-

อ่านชาร์ลีรอไปก่อนนะคะ
เพราะนักอ่านชาร์ลีรอมานานมากแล้ว ข้อนี้พลอยคอนเฟิร์ม!
^-----------^"

Ploy666.



**************

ชาร์ลี 2 [ภาค : มิตรสหายและศัตรู]
ตอนที่ 17 ความร้าวฉาน

ผู้แต่ง RED (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



เด็กชายย่ำลงไปบนกองเศษไม้ที่ยุบยวบลงตามน้ำหนักตัวของเขา ดวงตาสีเขียวเข้มมีแววครุ่นคิด สมุดบันทึกในมือถูกกางถือดูไปด้วย บางครั้งบางคราวชาร์ลีก็ก้มลงเขียนอะไรบางอย่างขยุกขยิก โรงเรือนขนาดใหญ่แห่งนี้ราวกับมีเรื่องน่าสนใจมากมายสำหรับเขา และข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่อาจจดจำได้หมดจึงต้องอาศัยการจดรวมไปถึงการวาดเพื่อเสริมเอาไว้อ่านภายหลัง

หลายครั้งที่เขาสูดลมหายใจลึกก่อนระบายออกมาแรงๆเหมือนอัดอั้นตันใจกับสิ่งที่โทสเคยขอเอาไว้

อยู่รั้งรอจนกว่าชาวเกาะนี้คนสุดท้ายจะจากไป

นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่ร้ายกาจเกินทำใจทีเดียว...

ไหล่ที่เคยตั้งตรงบัดนี้ลู่ค้อมอย่างหดหู่ลึกๆแต่ไม่อาจเผยสิ่งที่ตนเองปริวิตกให้ใครฟังได้ หากแผนการที่เขาเตรียมไว้คือความคิดอันผิดพลาดมหันต์ สิ่งเลวร้ายใดกันที่จะกลายเป็นชะตากรรมของผู้คนที่นี่

คนแปลกหน้าที่วันนี้เป็นเสมือนเพื่อนที่คุ้นเคยกันไปแล้ว

โทสพูดถูก...ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างไม่ปริปากบ่นเพียงเพราะเห็นค่าของน้ำใจชาร์ลีและอยากตอบแทนความมุ่งมั่นที่ทอประกายจ้าในแววตาเด็กชาย

แต่ชาร์ลีไม่อาจตอบได้เต็มปากเต็มคำอีกต่อไปว่าเขากำลังจะนำสิ่งใดกลับมาคืนเมิร์ฟเนีย

แสงสว่างแห่งอนาคต...หรือความมืดมิด!

“ตกลงเจ้าคิดว่ายังไงชาร์ลี” เสียงถามของเคลันดึงชาร์ลีกลับคืนมาสู่ปัญหาปัจจุบัน

ชาร์ลีเงยมองอุปกรณ์ขนาดใหญ่อันประกอบด้วยสายพานมากมายและฟันเฟืองใหญ่น้อยลดหลั่นกันเป็นระบบอย่างน่าทึ่งเมื่อเห็นว่าส่วนประกอบเหล่านั้นกำลังสร้างปรากฏการณ์ใดตรงหน้า

“ฟันเฟืองพวกนี้หมุนได้ยังไงกัน”

หากเป็นที่เซไลย์คำถามนี้คงจะไม่มีขึ้น เพราะเวทมนตร์ดูจะครอบคลุมไปเสียทุกข้อสงสัยและต้องมีส่วนเป็นคำตอบที่ถูกต้องไม่มากก็น้อยอยู่ดี

แต่ที่นี่คือเมิร์ฟเนียซึ่งเป็นดินแดนต้องห้ามของมนตรา

“เราอาศัยแรงดันน้ำจากน้ำตกที่ต่อท่อส่งมาน่ะ...แต่โทสบอกว่าอีกหน่อยเราอาจใช้พลังงานไอน้ำด้วยได้ ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกนะ”

“อ้อ...” ชาร์ลีแสดงอาการรับรู้ในที

“ส่วนเศษไม้พวกนี้” เคลันใช้ขากวาดให้เห็นพื้นแข็งๆข้างใต้ก่อนอธิบายต่อ “เราเอาไว้ซับน้ำที่กระเซ็นออกมาจากราง ถ้าไม่มีพวกนี้คอยซับละอองน้ำไว้ที่นี่จะชื้นเกินไป แต่เราก็พยายามเปลี่ยนเศษพวกนี้ตามกำหนดเสมอนะ”

เสียงเครื่องจักรสั่นสะเทือนเบาๆเป็นจังหวะ รับกับเสียงสั่งการตามระยะของฝ่ายต่างๆที่สาละวนกับการขนย้ายถ่ายเทลูลูบิอาร์ดินีย์ไปยังกระบะก้นลึกซึ่งมีการยาด้วยยางไม้จนเต็ม ก่อนจะเปิดสลักที่ก้นกระบะออกให้มันไหลตามรางอันมีท่อน้ำต่อมาหล่อเลี้ยงตลอดเวลาลงยังถังทรงสูงที่บรรจุของเหลวคล้ายเมือกเหนียวสีน้ำตาลเข้มที่มีกลิ่นไม่คุ้นจมูกมากนัก คนงานหลายคนวิ่งเฮละโลเอาท่อนไม้ที่โยงผูกด้านบนปล่อยกระทุ้งใส่ด้านข้างของถังและทำให้มันแกว่งตัวจนคานสะเทือนเสียดสีกันเบาๆแต่ก็ยังดูแข็งแรงดีอยู่ วัตถุในนั้นจะผสมเข้ากันโดยอัตโนมัติ

“ทำไมเราไม่ใช้คนกวนแทนที่จะทำให้ถังนั่นแกว่งล่ะเคลัน” ชาร์ลีชี้มือไปยังส่วนที่เอ่ยถึง

“การแตะต้องโดยตรงจะทำให้ผิดพลาดง่าย น้ำหนักมือที่ไม่เท่ากันอาจทำให้เปลือกลูลูบิอาร์ดินีย์กะเทาะออกแล้วมันก็จะตาย...ไม่มีเปลวไฟ”

“แต่ข้าว่ารอบการแกว่งมันช้าไปหน่อย”

“ข้าจะให้โทสมาดูอีกที” นั่นเป็นการยอมรับว่าเคลันเห็นด้วยว่าบางทีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจะมาถึงในไม่ช้านี้

ชาร์ลีเหลียวมองรอบกาย “การจัดเคลือบพวกนี้อาศัยเวลานานแค่ไหน”

ถังหลายใบเพิ่งเริ่มขั้นตอนที่ว่ามา...

ใจเขาคิดคำนวณอย่างรวดเร็วเมื่อได้คำตอบจากเคลัน น่าจะทันตามที่เขาเคยคาดหมายไว้หากไม่มีปัญหาอื่นใดมาแทรกเสริมอีก...ชาร์ลีกัดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนคลายออก

จากถังจัดเคลือบ พวกมันจะถูกส่งไปตามรางอีกครั้ง คราวนี้สายน้ำที่เพิ่มระดับความลึกและแรงขึ้นจากท่อส่งที่ต่อมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่งจะซัดเอาเมือกน้ำตาลเหนียวนั่นให้หลุดล่อนออกจนเริ่มบางลง ท้ายที่สุดเมื่อมันผ่านลงตะแกรงกรองสุมทับกันเมล็ดเหล่านี้ก็จะแวววาวสุกปลั่งราวกับจะงอกใหม่ได้ มองผาดๆแทบไม่รู้เลยว่าพวกมันถูกจัดเคลือบมาโดยอาศัยเรี่ยวแรงและระยะเวลายาวนาน

สายพานต่างๆนั้นพาดทแยงโยงขึ้นลงทับกันไปมา ชาร์ลีรุ้ดีว่ามันผ่านการคำนวณโดยละเอียดอ่อนมาแล้วเพื่อให้อยู่ในสภาวะลาดเอียงที่เหมาะสมกับแรงไหลของสายน้ำและการเทผ่านของลูลูบิอาร์ดินีย์แต่เขาก็ยังนึกทึ่งกับความคิดคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ดี

“เฮ้! ถอยออกมาห่างหน่อยเพจแล้วใช้แขนยาวๆของเจ้าให้เป็นประโยชน์ถ้าไม่อยากพลาดตกไปตามรางนั่นน่ะ” ฮิวตะโกนเตือน

เสาสูงซึ่งประกอบไปด้วยคานยื่นไปทุกทิศทางนั้นไม่ต่างจากลำต้นของไม้ใหญ่แข็งแรงในป่าเลย ผิดกันก็แต่ว่าตามกิ่งก้านสาขานั้นไม่ได้ประกอบไปด้วยก้านใบแต่เต็มไปด้วยเก้าอี้มากมายซึ่งมีผู้นั่งประจำและง่วนอยู่กับการเพ่งมองค้นหาเมล็ดเชื้อเพลิงจากพืชน้ำที่อาจมีปัญหาจากการจัดเคลือบคัดทิ้ง

เป็นงานที่เนียญ่าไม่คุ้นเคยนักแต่ก็ดูท่าทางมีความสุขดีสำหรับการเรียนรู้...

“ตรงไหนที่เกิดอุบัติเหตุฟันเฟืองล้มลงมา” ชาร์ลีเงยมองอย่างค้นหา

เคลันชี้ไปยังฟันเฟืองมหึมาเบื้องหน้าที่ตั้งตระหง่าน

“สลักมันหลุด...อันบนทางด้านขวาน่ะ มันก็เลยล้มลงมา แต่โทสสาบานว่าเขามาตรวจมันตามกำหนดแล้วมันก็ยังใช้การได้ดี ตอนนี้เราเลยไม่เปิดน้ำใส่จนกว่าจะตรวจเสร็จแต่ดูเหมือนเราไม่มีเวลาไปดูสักเท่าไหร่ แค่จับมันตั้งขึ้นแบบเดิมก็แทบแย่แล้ว”

“เดี๋ยวข้ามา ทำงานของเจ้าต่อไปเถอะ”

ชาร์ลีกล่าวจบก็เดินตรงไปหาฟันเฟืองยักษ์นั่นราวกับว่าติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง

เคลันได้แต่มองตามไปเงียบๆ...



“สลักหลุดเหมือนรถม้าของเจ้าเลยชาร์ลี” อัสลันวางของในมือกลับไปที่กลางโต๊ะหลังจากพลิกดูอยู่หลายรอบอย่างถี่ถ้วน “ต่างกันอยู่แค่อันนี้มีรอยบิ่น...ใครสักคนคงต้องใช้ความพยายามน่าดูที่จะทำให้ไม้แน่นๆชั้นนี้หลุดออกมาได้สำเร็จพอจะเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหา”

“แต่คนทำคือใคร แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะถูกผู้เฒ่าประจำเกาะ”

ชาร์ลีสันนิษฐานด้วยสีหน้ายุ่งๆขณะเดินกลับไปกลับมาในห้องรับแขกส่วนกลางที่แม้จะกลายเป็นห้องพักชั่วคราวของแมนเฟย์แล้ว เจ้าของห้องก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจเมื่อเด็กชายขอใช้เป็นที่พูดคุยปรึกษาหารือกันภายใน

เจ้าหญิงมีนาร์นั่งเคียงคู่กับรูดี้พลางมองใครต่อใครโดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

หรือบางทีเรื่องพวกนี้อาจไม่น่าสนใจสำหรับเด็กหญิงนัก เพราะสิ่งที่เธอตั้งอกตั้งใจอยู่นั้นกลับเป็นการฉีกของว่างที่เหลือออกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วขว้างไปให้ลาเฟลที่ยืนเกาะขอบหน้าต่างพลางอ้าปากงับอย่างแม่นยำ

“บางทีเป้าหมายนั่นอาจจะไม่ได้กะไว้ว่าเป็นใครแต่แรกแล้วก็ได้นะชาร์ลี” แมนเฟย์แทรกขึ้นก่อนจะกระแอมเบาๆ

“นี่เรายังมีปัญหาปัจจุบันไม่พอจนต้องรีบควานหาเรื่องเก่าๆมาแก้ปริศนากันอีกเหรอ”

อัสลันขัดคออย่างขวางๆ เด็กหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนยกขาไขว่ห้างสองมือกอดอกนิ่งมองชาร์ลีที่เดินวนเหมือนสัตว์ในกรงขังซึ่งหาทางออกไม่ได้และกำลังสับสนงุ่นง่าน

เขากล่าวถูกไม่น้อยเมื่อนึกว่าปัญหาการผลิตลูลูบิอาร์ดินีย์ก็ยังคงมีมาให้แก้ไขรายวันเพื่อหวังให้มันถูกส่งออกไปแก้ปัญหาขาดแคลนพลังงานเชื้อเพลิงของออบิท แต่ในขณะเดียวกันเรื่องข้อเสนอของซีนายก็มาค้ำคอเอาไว้จนยากจะรับประกันความปลอดภัย

แต่ตอนนี้แทนที่จะหมกมุ่นกับการแก้ไขปัญหาสองเรื่องนั้นชาร์ลีกลับไปเสาะหาสาเหตุของความผิดพลาดครั้งเก่าที่ทำให้ผู้เฒ่าคนก่อนเสียชีวิตหยิบยกมาเป็นประเด็นวินิจฉัยเสียอีก

“ที่ข้าอยากรู้ตอนนี้ก็คือเจ้า...” อัสลันเน้นเสียงขณะสายตาจ้องเขม็งมายังร่างของเพื่อนชาวนูฟ “จะทำยังไงกับเรื่องซีนาย อีกไม่เท่าไหร่ความอดทนของพวกนั้นก็จะหมดลง เท่าที่ข้าดูแล้วยังมองไม่เห็นทางว่าเราจะเอาลูลูบิอาร์ดินีย์ออกไปจากเกาะนี้ได้ยังไงต่อให้ทุกอย่างเสร็จตามขั้นตอน แล้วที่แน่ๆถ้าเราเอามาธาเกียร์ไปให้ซีนายข้าเองก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะยังปล่อยเราให้ลอยนวลอยู่ดี”

“ข้าเห็นด้วยกับอัสลัน ซีนายจะไม่ปล่อยใครรอดไปเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ”

เป็นหนแรกที่แมนเฟย์คล้อยตาม

“เรื่องนี้สำคัญสำหรับข้า” ชาร์ลีหันขวับท่าทาเอาจริงเอาจัง “มันมีอะไรบางช่วงที่ยังปะติดปะต่อกันไม่ลงตัวและข้าจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรู้ให้ได้ ข้าพลาดไม่ได้อีกแล้ว...ชาวเมิร์ฟเนียเอาชีวิตมาวางในมือข้า แล้วข้าเองก็ไม่อยากทำลายความไว้วางใจของกษัตริย์คาลอสที่เชื่อมั่นเสมอมา”

ศรัทธาที่เต็มเปี่ยมจากกษัตริย์คาลอสทำให้ชาร์ลีตัดสินใจว่าเขาจะไม่หันหนีปัญหาที่เจออีกต่อไป!

“แล้วจะให้ทำยังไงครับนายท่าน”

รูดี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่าเจตนาจะช่วยคลี่คลายข้อข้องใจ

ลาเฟลเองก็ปล่อยให้ของว่างร่วงลงพื้นไปเพราะมัวแต่เหลียวดูชาร์ลีเช่นกัน เจ้าหญิงมีนาร์จึงยอมยุติการให้อาหารนกราไวลง

“อาจมีคนนอกขึ้นมาที่เกาะนี้ หรือไม่ก็มีใครบางคนในเกาะทรยศ!”

ประโยคนั้นทำเอาทุกคนเงียบกริบ

“ใครจะทำแบบนี้เพื่ออะไร” อัสลันถามแผ่วๆ “มีคนตายเชียวนะ...มันแย่มาก”

“ข้าถึงได้บอกว่ามันสำคัญไงล่ะ”

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่เมื่อชาร์ลีพบว่าบางทีทุกการเคลื่อนไหวของเขาตกอยู่ในสายตาใครคนหนึ่งซึ่งลอบส่งข่าวไปยังกองเรือโจรสลัดสม่ำเสมอ

“เพราะแบบนี้หรือเปล่าครับ นายท่านถึงให้ข้าคอยรายงานความเคลื่อนไหวของใครๆหลายๆคน” ลาเฟลถามเมื่อนึกได้ว่ามันทำหน้าที่อย่างน่าภูมิใจแค่ไหน

ชาร์ลีขยับปากจะชมเชยแต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นลาเฟลหันไปยืดคอเชิงข่มรูดี้อีกครั้ง

บางทีการที่รูดี้มองตาเขียวขุ่นเคืองอาจเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมมากพอแล้วสำหรับลาเฟล

“เอาเถอะ ถือว่าตอนนี้ข้าขอร้องทุกคนก็แล้วกัน จับตาดูทุกอย่างรอบตัวและระมัดระวังเอาไว้ อย่าทำตัวให้ตกอยู่ในอันตรายเพราะเรามีปัญหาให้สะสางเยอะพอแล้ว”

ประโยคสุดท้ายนั่นเขาจับจ้องไปที่เจ้าหญิงมีนาร์อย่างระมัดระวัง

แต่เห็นได้ชัดว่าดวงตาว่างเปล่าของเธอไม่ได้ตอบกลับสิ่งใดเลย...



เจ้าหญิงมีนาร์ไม่อยู่ที่นี่...ชาร์ลีรับรู้ถึงอาการปวดตุ้บๆในศีรษะที่เต้นระรัวเป็นจังหวะ

“เธออาจไปเดินเล่นในป่า ข้าจะส่งคนออกตาม”

“คนเดียวกลางดึกเนี่ยนะ” ชาร์ลีทวนคำอย่างอัศจรรย์ใจขณะที่อัสลันเองก็จนคำตอบ

ความห่วงใยที่โถมเข้ามาทำให้ชาร์ลีผลักอกเพื่อนสนิทออกให้พ้นทางเพื่อเขาจะได้เดินออกประตูบ้าน แต่ไม่ไวไปกว่าที่อัสลันจะกระชากบ่าให้หมุนตัวกลับมา

“เจ้าจะทำบ้าอะไรน่ะชาร์ลี!”

“ข้าจะออกไปตามเจ้าหญิงมีนาร์”

“ข้างนอกมีแต่ป่า มันมืดแล้วก็อันตราย ถ้าจะค้นหาจริงๆเราต้องขอความช่วยเหลือไปที่เคลันกับเพจก่อนไม่ใช่เดินดุ่มๆหายหัวไปแบบที่เจ้ากำลังพยายามอยู่!”

รูดี้ขดตัวซุกเกาะที่ขาโต๊ะกลางห้องอย่างหวาดผวา แม้มันจะเป็นผู้ที่ตื่นมาเพื่อแจ้งข่าวร้ายกลางดึกแต่มันก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำให้ชาร์ลีโกรธเกรี้ยวมากมายขนาดนี้ ลาเฟลเองก็ออกบินลับหายไปในท้องฟ้าที่เป็นมีเพียงแสงจันทร์มัวซัวเพื่อพยายามตามหาเด็กหญิงอย่างมุ่งมั่นและหวาดกลัวต่อสิ่งที่จะพบเจอ

แมนเฟย์ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของชาร์ลีและอัสลันที่ทุ่มเถียงกันและนั่นทำให้เขาต้องยืนรอข้อสรุปด้วยความสับสนไม่น้อย

“เธอเคยทำแบบนี้ไหม” ชายชราถามขึ้น

“ใคร...อ๋อ...เจ้าหญิงมีนาร์อาจจะแปลกๆหลายอย่างตามแบบที่พวกแม่มดควรจะเป็น แต่ไม่หรอก...เธอจะไม่หายตัวไปกลางดึกแบบนี้แน่นอน” ชาร์ลีบอกเหมือนคำรามอย่างอัดแน่นไปด้วยความโกรธท่วมท้น “พวกเจ้าคิดว่าเธอเป็นอะไร แม่มดประหลาดๆหรือยังไงกัน เจ้าหญิงมีนาร์เป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุไม่ถึงสิบขวบและเธอก็พยายามช่วยเรามาโดยตลอด...”

ประโยคท้ายแผ่วลงละม้ายว่าความสำนึกผิดที่จู่โจมกะทันหันทำเอาเขาจุกจนพูดไม่ออก

เขาลืมบางอย่างไป...

ชาร์ลีลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกของเธอในระยะหลังๆ เขามีข้ออ้างให้กับตัวเองว่ากำลังยุ่งและหลีกเลี่ยงการนำปัญหาเหล่านั้นมาพูดคุยไม่ว่าจะกับเจ้าหญิงมีนาร์หรืออัสลันที่เคยร่วมหัวจมท้ายกันมา

อัสลันอาจจะแตกต่างไปเล็กน้อยเพราะเขาเป็นผู้ชายที่ไม่ใส่ใจนักกับอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของชาร์ลี

แต่บางทีนั่นอาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆสำหรับเด็กผู้หญิงสักคนที่ไม่เคยมีใคร!

“ใจเย็นชาร์ลี บางทีเราอาจต้องขอความช่วยเหลือจากทุกคน”

“เจ้าหญิงมีนาร์ใช้เวทมนตร์บนเกาะนี้ไม่ได้” เขาพึมพำก่อนยกมือลูบหน้าเพื่อขับไล่ความมึนงงให้ออกไป

“อย่ากังวล เธอต้องปลอดภัย” อัสลันตบบ่าอีกฝ่ายแทนคำสัญญา

เดินกลับห้องไปหยิบดาบก่อนออกมาพลางสั่งว่า

“ทุกคนรออยู่นี่ ข้าจะไปขอกำลังคนมาค้นหาให้ทั่ว พวกเราไม่ชำนาญพื้นที่เท่าคนบนเกาะนี้หรอก” เด็กหนุ่มเดินหายไปตามทางที่ทอดผ่านป่าซึ่งห้อมล้อมอยู่นั้น

อัสลันพูดถูก...กระนั้นการรอคอยก็เป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสไม่น้อยในความคิดของคนอื่นๆที่เหลือ

เกือบสว่างตอนที่อัสลันพาเธอกลับมาโดยมีคนอีกเกือบสิบตามมาด้วย ชาร์ลีเป็นคนเดินไปเปิดประตูรับและเขาก็ยืนนิ่งราวกับถูกสาปเป็นหินเมื่อเด็กหญิงเพียงเงยมองหน้าเขาแวบเดียวและเลี่ยงหลบด้านข้างหายกลับเข้าห้องนอนที่มีผ้าม่านทึบปิดสนิทโดยไม่พูดไม่จา

“เธอไปยืนที่ชายหาดด้านหลังป่าโน่น...ไม่มีใครอยู่ด้วย ไม่เป็นอันตรายอะไร ลาเฟลบินไปเจอก่อนแล้วก็รีบมาตามพวกเราที่เหลือ” เคลันอธิบายอย่างงุนงง

“ขอบใจทุกคนมาก กลับไปพักผ่อนเถอะ” ชาร์ลีพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่อยู่ในสภาพอารมณ์ที่มั่นคงนัก

อัสลันเองก็กำลังจะแยกย้ายไปนอนแต่ไม่ก่อนที่จะถามว่า “เจ้าจะเข้าไปคุยกับเธอไหม”

คนถูกถามเหลียวตามไปยังประตูห้องพักเจ้าหญิงมีนาร์ที่ปิดสนิทลง เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนส่ายหน้า คงจะดีกว่านี้หากรอให้สว่าง

“ตามใจ...งั้นให้รูดี้กับลาเฟลคอยจับตาดูเธอไว้ก็แล้วกัน ตั้งแต่มาเกาะนี้มีแต่เรื่องตลอดนับจากที่เจ้าคลั่งตอนอยู่ในถ้ำมาธาเกียร์มายันถึงคราวเจ้าหญิงมีนาร์คืนนี้ ข้าว่าบางทีที่นี่อาจไม่เหมาะกับพวกเรานัก ทำหน้าที่ให้จบๆแล้วกลับบ้านกับไวๆดีกว่าชาร์ลี ข้าเองก็คิดถึงครอบครัวจะแย่แล้วล่ะ”

“ข้าจะพยายาม...แน่นอนว่าข้าพยายามอยู่...”

บางอย่างที่อัดเข้ามาในจิตใจเขาทำให้ชาร์ลีอยากจะตะโกนดังๆออกมา

ทว่าสิ่งที่เขาทำเพียงปิดประตูหน้าให้สนิทแล้วเดินตามอัสลันกลับไปพักผ่อนเพื่อรอคอยวันพรุ่งนี้ทั้งที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก!



เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น...

คำถามง่ายๆที่ชาร์ลีไม่สามารถทำให้หลุดจากปากออกไปได้เมื่อไปยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิงมีนาร์ ไอชื้นของหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งรอบกายทำให้ทั้งเนินหญ้าดูราวกับเข้าสู่ภวังค์แห่งนิทราที่แสนสงบเกินกว่าจะถูกถ้อยคำใดๆมาทำลายลง

เมฆหนาบนท้องฟ้าสีเทาทำให้เกิดร่มเงาสลัวทั้งที่เขาเดินตามเธอออกมากลางทุ่งโล่ง

ราวกับโลกทั้งใบยุติการเคลื่อนไหวและต้องคำสาป!

เส้นผมสีเหลืองจางเป็นคลื่นน้อยๆคลี่คลุมปรกลงมาระข้างแก้มนวลใสของเด็กหญิง ขณะที่ดวงตาของเธอมองมาที่เขาแต่ราวกับว่าจุดที่เธอจ้องนั้นอยู่แสนไกลอออกไปจนอธิบายไม่ได้

นี่เป็นหนแรกที่ชาร์ลีตระหนักชัดว่าเจ้าหญิงมีนาร์เป็นอย่างอื่นที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป...และมันทำให้เขาใจหายวูบอย่างบอกไม่ถูก

เหมือนเด็กหญิงตัวน้อยที่เคยเดินตามเขาต้อยๆและมองมาด้วยสายตาเปี่ยมศรัทธาได้หายไป

“ข้า...” ชาร์ลีนึกหาคำพูดอย่างยากเย็น

นั่นแหละที่แววตาของเจ้าหญิงมีนาร์แสดงความรับรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง

ก่อนที่เขาจะทันได้บอกสิ่งใด เธอก็ชิงพูดขึ้นมาว่า

“ข้ารับรู้ได้ถึงเวทมนตร์มหาศาล...ที่เกาะนี้ ตรงไหนสักแห่ง...”

“มาธาเกียร์” ประกายเรืองรองจุดวาบที่ใบหน้าของเด็กชาย เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อยก่อนบอกอย่างกระตือรือร้น “งั้นที่ข้าเคยสงสัยก็ไม่ผิดน่ะสิ เกาะนี้ไม่ได้เป็นที่ต้องห้ามสำหรับเวทมนตร์ แต่เป็นเพราะว่ามาธาเกียร์ดึงเอาเวทมนตร์ที่อยู่ในอาณาเขตนี้ไปเพื่อใช้ดำรงชีวิต”

“บอกไม่ได้ ข้ายังไม่เคยพบมาธาเกียร์”

เขายื่นมือมาอย่างลังเล “ไปกับข้าไหมเจ้าหญิงมีนาร์”

เด็กหญิงก้มลงมองมันดุจเป็นสิ่งที่เธอกำลังชั่งใจหนักหน่วง

“ไปกันข้า ช่วยข้าอย่างที่เคยทำ...ข้าขอโทษที่ละเลยท่าน แต่ข้าจะไม่ทำแบบนั้นถ้าไม่เพราะว่ามีเหตุผลจำเป็น ท่านไว้ใจข้าอีกครั้งได้ไหม”

ชาร์ลีได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นเหมือนมันเป็นคำอ้อนวอนที่ลอยมาตามสายลมจากที่อันแสนห่างไกล

มันน่าจะเป็นคำพูดของคนอื่นที่ไม่ใช่เขาแน่นอน...เพราะเขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องขอร้องเด็กผู้หญิงที่ไหนให้อยู่เคียงข้าง

แต่การรับรู้ว่ากำลังจะสูญเสียความหมายในสายตาของเจ้าหญิงมีนาร์ไปกลับทำให้ชาร์ลีเจ็บปวดใจ

เพื่อนคนแรกที่หมางใจกันอย่างอัสลันก็สร้างความทุกข์แก่เขามากพอแล้ว นี่เขาคิดได้ยังไงนะที่จะปล่อยให้ตัวเองเสียเพื่อนดีๆอย่างเจ้าหญิงมีนาร์ไปอีกเพราะเหตุผลสารพัดที่สรรหามาอ้างกับตัวเอง

ให้ตายเถอะชาร์ลี! ไหนเขาบอกว่านูฟช่างคิดไงล่ะ ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ...

เด็กชายบริภาษตัวเองในใจอย่างหงุดหงิด

“กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งเถอะนะ อย่าทำกับข้าแบบนี้”

“แต่ข้า...ข้าเป็นแม่มด...” เด็กหญิงก้าวถอยหลังอย่างเผลอไผลพลางส่ายหน้า เธอดูหดหู่สิ้นหวังเมื่อต้องเอ่ยอ้างเอาถ้อยคำนั้นขึ้นมาเป็นเกราะกำบังตัวเองอีกครั้ง

เหมือนเมื่อก่อน...เมื่อครั้งพวกเขาเพิ่งพบกัน...

แรงดึงดูดของความเป็นคนแปลกหน้าอาจเรียกหาโดยสัญชาตญาณให้เจ้าหญิงมีนาร์ก้าวใกล้เข้ามา แต่ ณ วันนี้การกระทำของชาร์ลีต่างหากที่เป็นแรงผลักดันให้เธอจากไป

เจ้าหญิงมีนาร์เริ่มสะอื้นไห้จนไหล่สั่นสะท้าน วาจากระท่อนกระแท่นบอกได้ชัดว่าอารมณ์อันบอบบางถูกกระทบกระเทือนเพียงใด

“ข้ากลัว...ชาร์ลี” เธอไม่ปิดบังความหวาดระแวงที่ซุกซ่อนอยู่ “วันหนึ่งเจ้าก็จะทำกับข้าเหมือนคนอื่นๆ แม่บอกว่าคนที่เป็นแม่มดไม่เคยมีความสุขเหมือนใคร มันเป็นคำสาปตลอดกาลที่เราได้รับมาพร้อมเวทมนตร์...เจ้าเกลียดข้า!”

“ข้าไม่ได้เกลียดท่าน ข้าสาบานได้” ชาร์ลีปวดร้าวกับสิ่งที่ได้ยิน

“ตั้งแต่ข้ามาที่เกาะนี่เจ้าไม่สนใจข้าเลย เจ้าไม่เหมือนเดิม”

“ข้ามีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการและก็ไม่อยากให้ท่านต้องมาพัวพันกับเรื่องอันตรายที่ข้ากำลังทำอยู่”

หากแต่เจ้าหญิงมีนาร์กลับบอกอย่างเด็ดเดี่ยวนัก “ข้าไม่กลัว ไม่ว่าเจ้าจะเจออันตรายแค่ไหนข้าบอกแล้วไงว่าเราจะอยู่ด้วยกัน...แต่เจ้าเลือกที่จะทิ้งข้า ทำไมล่ะชาร์ลี เพราะข้าเป็นแม่มดหรือเพราะข้าเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย หลังๆมานี่เจ้าเรียกหาคนอื่นแต่ไม่เคยสักหนที่จะสนใจเรียกหาข้าเพื่อขอให้ช่วย ข้าเสียใจที่มันเป็นแบบนี้ ทุกอย่างที่เราเคยมีให้กันมันสิ้นสุดแล้ว เมื่อไหร่ที่ธุระนี่จบลงข้าจะกลับไปหาพี่ชาย จำเอาไว้ชาร์ลีว่าเจ้าเป็นฝ่ายทิ้งข้าเอง!”

“เจ้าหญิงมีนาร์...”

ชายกระโปรงสะบัดหมุนเมื่อเด็กหญิงวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วจนกลืนหายไปท่ามกลางสายหมอก

ชาร์ลียืนนิ่งงัน มือที่ยื่นไปเบื้องหน้าเมื่อครู่กลับตกลงข้างลำตัวอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง

เสียงของความเคลื่อนไหวอีกแห่งดังแว่วมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง คงมีใครสักคนได้รับฟังบทสนทนาเหล่านั้นทว่าชาร์ลีเองก็คร้านจะเสาะหาผู้บังเอิญผ่านมา

เป็นอีกครั้งที่เด็กชายปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในวังวนแห่งความโดดเดี่ยวเดียวดายที่กรีดลึกลงไปในเนื้อหัวใจ



“เขาลือกันให้ทั่วว่าเจ้ากับเจ้าหญิงมีนาร์ทะเลาะกัน”

แมนเฟย์ขึ้นต้นบทสนทนาได้ไม่ดีเลยเมื่อดูจากสีหน้าไม่พอใจของชาร์ลี โต๊ะอาหารเงียบเชียบเมื่ออัสลันแยกไปเข้าเวรขณะที่เจ้าหญิงมีนาร์ก็ฝากรูดี้มาบอกว่าเธอจะไปค้างกับมิวจนกว่าจะอยากกลับมาที่นี่เอง

“ขอบใจที่ตอกย้ำ” ชาร์ลีประชดและยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ

มันไม่ช่วยให้ลำคอที่แห้งผากเพราะความรู้สึกแย่ๆของเขาดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ก็นั่นแหละ...เขาจะเลือกอะไรได้ในเวลานี้

“เจ้านี่เหมือนที่ข้าทำนายไว้เลย ใจคอจะทะเลาะกับเพื่อนไปทีละคนจนไม่เหลือใครหรือยังไงกัน”

“อย่ายุ่งกับเรื่องของข้าแมนเฟย์ ลูกน้องเจ้ายังเดินกร่างอยู่บนเรือกลางทะเลโน่น ถ้าอยากหาเรื่องใครสักคนก็ออกไปโพนทะนาซะว่าเจ้าคือใครข้าจะได้หมดปัญหาไปเร็วๆ”

“เจ้าก็รู้นี่ว่าการมีข้าอยู่มันทำให้ปัญหาของเจ้าจบลงง่ายกว่า” แมนเฟย์ควรจะยักไหล่แต่ที่เขาทำคือไอออกมาอีกหลายหน

และนั่นทำให้ชาร์ลีสะดุดใจคิด

“อาการเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย”

“ซีนายทำให้ข้าต้องคำสาปที่แย่หน่อยเพราะมันรักษาไม่หาย เวลาของข้าเหลือน้อยลงทุกที”

แปลว่าเวลาของชาร์ลีก็งวดลงเช่นเดียวกัน...

เด็กชายผ่อนลมหายใจอ่อนล้า วางมือจากการรับประทานลงอย่างตื้อๆในอารมณ์มากกว่าจะอิ่มกับอาหารตรงหน้า

“อีกไม่นานลูลูบิอาร์ดินีย์ก็จะพอสำหรับการขนขึ้นเรือเที่ยวแรก”

“แล้วเจ้าคิดไหมว่าอีกไม่นานซีนายก็จะมาทวงคำสัญญาเรื่องมาธาเกียร์”

ไม่เลวเลยสำหรับคำตอกกลับเชิงเตือนความจำของแมนเฟย์

ชาร์ลีส่งผ่านความฉุนเฉียวมาทางสายตา “อย่าให้ข้าต้องย้ำบ่อยนักว่าข้าจัดการเรื่องนั้นได้ ว่าแต่งานที่สั่งไปน่ะได้เรื่องไหม”

“ข้าเอาของที่เจ้าอยากได้วางไว้ในห้องแน่ะ...ไปดูซะ เพราะข้าคิดว่าถ้าอัสลันกลับมาเห็นมันเข้าก่อนเขาคงไม่พอใจและก็ค้านแผนการที่เจ้าเตรียมไว้แน่ๆ ถึงตอนนี้ข้าก็ยังยืนยันว่ามันเป็นแผนที่บ้าระห่ำเสี่ยงอันตรายมากไป”

“ข้าเลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว”

ชาร์ลียืนยันหนักแน่น

แมนเฟย์ปรายตามองอย่างคลางแคลงใจ “สำหรับใครล่ะชาร์ลี เห็นได้ชัดเลยล่ะว่าไม่ใช่สำหรับตัวเจ้าเองแน่นอน”

ไม่มีคำตอบตามมาราวกับว่ามื้ออาหารนั้นยุติลงและชาร์ลีก็คิดได้ว่าเขาพูดมามากพอแล้ว

เด็กชายลุกเดินออกจากเก้าอี้ขณะที่แว่วเสียงของชายชาวลีนน์ตามมาว่า

“ยังไงก็ขออวยพรให้เจ้าโชคดี”

มันคงเป็นคำเหน็บแนมมากกว่าออกมาจากใจจริง ชาร์ลีจึงเลือกที่จะปัดคำเหล่านั้นออกไปจากจิตใจ



ประตูโกดังเก็บของภายในบริเวณโรงงานค่อยๆเลื่อนออกด้วยแรงคนจำนวนไม่น้อย ชาร์ลีหันไปสบตากับเคลันซึ่งยืนยิ้มอย่างภูมิใจขณะรุนหลังเด็กชายชาวนูฟให้เดินไปตามไม้กระดานที่ปูทอดขึ้นไปสู่ขอบถังขนาดมหึมาที่ตั้งเรียงรายนับไม่ถ้วนในนั้น

แสงสว่างจากภายนอกที่ทอดตามหลังมามีไม่มากนัก หากก็เพียงพอแล้วในขณะที่ชาร์ลีทรุดเข่าย่อลงเพื่อเพ่งมองผ่านผิวน้ำใสอันสงบนิ่งลงไปยังเมล็ดพืชน้ำสีน้ำตาลแวววับซึ่งแพขนตาทอดลงมาปิดสนิทอย่างอิ่มเอมใจในนิทรารมย์...

“มีเท่าไหร่แล้วเคลัน”

“ยังไม่พอจะส่งขึ้นเรือทั้งสามลำ แต่มากพอถ้าเจ้าอยากเผาเกาะทั้งเกาะ”

“ข้าต้องการมากกว่านี้...ทำต่อไปเรื่อยๆ!” คำสั่งเข้มงวดนั้นเกินกว่าที่ใครจะกล้าขัด

มันใช้เวลาน้อยกว่าที่ชาร์ลีกะเอาไว้ แต่เท่าที่เห็นนี่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปโดยเรียบร้อยดี

“แล้วทางเนียญ่าขึ้นการเพาะพันธุ์รอบใหม่แล้วใช่ไหม”

“ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรื่องแรงงาน คนที่นี่ยินดีทำงานเพิ่มรอบเพื่อให้ทางเนียญ่ามีผลผลิตมาส่งเราสม่ำเสมอ คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ลูลูบิอาร์ดินีย์จะขาดมืออีกต่อไป”

“ดีแล้ว” เขาจุ่มมือลงไปในน้ำและแตะลงบนผิวเรียบลื่นนั้นอย่างเบามือ มันขยับหยุกหยิกเล็กน้อยก่อนจะกลับเข้าสู่การหลับใหลอีกคำรบภายใต้เงาฝ่ามือของเด็กชาย

ชาร์ลีหยุดคิดเล็กน้อยก่อนว่า “แบ่งคนไปตรวจดูความเรียบร้อยของเรือด้วยนะเคลัน ทำเงียบๆอย่าให้เอิกเกริก ประสานงานกับอัสลันด้วยเผื่อมีเรือโจรสลัดขยับใกล้เราเข้ามากว่าเดิม”

“แล้วถ้าลูลูบิอาร์ดินีย์มีมากพอที่จะขนขึ้นเรือล่ะ”

“รอจนกว่าข้าจะสั่ง”

ชั่วขณะหนึ่งที่ชาร์ลีหันไปมองหน้าเคลันคล้ายประเมินอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขาเพียงชวนว่า

“ไปดูชายหาดกันไหม ข้าอาจแวะไปดูเรือสำหรับขนย้ายลูลูบิอาร์ดินีย์ด้วยน่ะ”

“ตามใจเจ้าสิ ก็เจ้าเป็นผู้เฒ่าประจำเกาะนี่นา” เคลันหัวเราะ

ทะเลยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่านะ...ชาร์ลีถามตัวเองขณะมองฝ่าผ่านเปลวแดดที่แผดเปรี้ยงจนเห็นเกล็ดน้ำสีขาวพร่าพรายระยิบระยับแสบตา

เมื่อครู่ตอนเดินผ่านมายังทางในถ้ำเลียบหน้าผาที่โทสเคยนำเมื่อครั้งชาร์ลีและคณะเดินทางมาถึงนี่ใหม่ๆ เด็กชายสังเกตเห็นว่าตอนนี้มีสายเชือกแข็งแรงห้อยโยงหลายเส้นพร้อมรอกและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายของจากปากถ้ำไปหากัน

เคลันอธิบายง่ายๆเพียงว่า “เราเอาไว้ขนย้ายลูลูบิอาร์ดินีย์มาอีกฝั่ง วิธีนี้สะดวกแล้วก็ไวที่สุดแล้วล่ะ”

คนฟังเพียงรับทราบก่อนจะสำรวจตามอีกเล็กน้อยอย่างสนอกสนใจและเดินจากมา

จะว่าไปแล้วระบบต่างๆที่มีอยู่แต่เดิมก็เห็นได้ว่าถูกสร้างมารองรับการทำงานของชาวเมิร์ฟเนียเต็มที่ เพียงแต่ในระยะหลังนี่เมื่อพวกเขาต่างคนต่างไม่มีแก่ใจจะทำงานจริงจังสิ่งเหล่านั้นจึงถูกละเลยไปโดยปริยาย ชาร์ลีกลับมาปลุกกระแสความตื่นตัวในวิถีชีวิตแบบเดิมๆขึ้นมาอีกครั้งและมันทำท่าว่าจะเป็นไปได้ด้วยดีหากไม่เพราะยังคาราคาซังกับเรื่องกองเรือโจรสลัดที่ล้อมเกาะปิดน่านน้ำการสัญจรเอาไว้

เคลันวิตกน้อยลงเมื่อเห็นว่าชารฺลีไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะขบคิดแก้ไขปัญหา แม้ว่าอีกใจหนึ่งนั้นพวกเขาก็ค่อนข้างสิ้นหวังเพราะได้ยินว่าหนทางรอดประการเดียวคือการสละมาธาเกียร์จากดินแดนนี้ไปให้คนแปลกหน้าที่ชั่วร้าย

ใบเรือขนาดใหญ่รวบพันเก็บบนเสาเผยให้เห็นท้องฟ้าและเมฆขาวนวลที่ลอยเอื่อยเต็มตา ชาร์ลีกวาดมองไปยังเรือทั้งสามลำนั้นอย่างพึงพอใจ เด็กชายพาเคลันเดินเลียบเลาะไปตามแนวหาดทรายสะอาดตาพลางชวนคุยเรื่อยเปื่อย

“มันสร้างมานานหรือยัง”

“นานแล้วล่ะ เล่ากันว่าเป็นของขวัญจากกษัตริย์แห่งเซไลย์เมื่อครั้งโบราณ มันเคลือบด้วยเวทมนตร์ที่ทำให้แข็งแกร่งจนสามารถต้านฝ่าพายุไปได้ทุกลูก”

ประวัติความเป็นมาอันน่าทึ่งจารึกผ่านรอยสลักสีน้ำเงินด้านข้างลำเรือเป็นอักขระเก่าแก่...อาจเป็นชื่อของกษัตริย์สักคน

“เวทมนตร์ใช้ที่นี่ไม่ได้แต่เรือลอยอยู่ในน้ำคงไม่เป็นไร” ชาร์ลีตั้งข้อสังเกต

เคลันกลับส่ายหน้าช้าๆ “นั่นไม่ใช่เงื่อนไขของเกาะนี้หรอกนะชาร์ลี”

“หมายความว่ายังไงกัน”

“เวทมนตร์ที่อยู่ในรูปพลังงานเวทต่างหากที่โดนสกัดกั้นด้วยอะไรสักอย่าง แต่สิ่งของที่มีองค์ประกอบของเวทมนตร์นั้นเป็นพลังที่ถูกแปรเปลี่ยนซ้อนทับมากับของอื่นๆมันจึงยังคงรูปเดิมอยู่ได้แม้ว่าประสิทธิภาพจะด้อยลงไปก็ตามที”

“ถ้าอย่างนั้นพวกอุปกรณ์เวทมนตร์ต่างๆก็นำขึ้นเกาะได้สิ”

“ได้” คู่สนทนายอมรับ “แต่ใช้งานได้ไม่เต็มที่อย่างที่บอก เราจึงไม่อยากเสี่ยงเอามันขึ้นมาใช้แทนของง่ายๆที่เราประดิษฐ์ขึ้นมากันเอง เวทมนตร์อาจสะดวกและจำเป็นในบางพื้นที่ แต่ที่นี่เราสามารถอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เรามี ข้าไม่เห็นด้วยถ้าเราจะเอาอุปกรณ์หลายอย่างที่จัดสร้างขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะ ขนลงเรือไปขอให้ผู้ใช้เวทเคลือบด้วยมนตราและนำกลับมา หากเกิดการผิดพลาดอะไรขึ้นมานอกจากเราซ่อมแซมเองไม่ได้แล้วผู้ใช้เวทที่มาที่นี่ก็ซ่อมให้เราไม่ได้ด้วยเพราะพลังงานที่พวกเขามีถูกสกัดกั้นจนหมด”

เหตุผลเหล่านี้ทำให้ชาร์ลีอดเสียดายไม่ได้ แต่เมื่อนึกว่าอาจจะเป็นการดีกว่าสำหรับคนเมิร์ฟเนียที่ไม่มีเวทมนตร์จนไม่มีสิ่งใดล่อใจให้ลุ่มหลงเขาก็กลับเปลี่ยนความคิดใหม่เป็นอาการยินดีลึกๆ

“ข้าได้ยินมาว่าลูกเรือที่ไปด้วยจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นจากเรือไปที่เกาะอื่น”

“ในอดีตเคยมีการอนุญาตแบบอิสระ แล้วมันก็สร้างปัญหามากมายจนเราต้องจัดระเบียบที่เข้มงวดน่ะ”

ชาร์ลีหยุดฝีเท้าลงทันใด “ถ้าตอนนี้ข้าจะเปลี่ยนกฎนั่นล่ะ”

ผู้ที่เดินตามได้แต่มองเขาอย่างแปลกใจ

“ก็แล้วแต่เจ้าสิชาร์ลี เราเชื่อเสมอว่าผู้เฒ่าจะมองการณ์ไกลและตัดสินใจบางอย่างได้ดีกว่าที่เราคิดไว้”

“แต่ข้าคงเป็นผู้เฒ่าที่นี่ได้ไม่นาน”

“เจ้าจะ...ทำไมนะ!” เคลันกะพริบตาถี่ๆ สีหน้าเหมือนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

เด็กชายเน้นเสียงพอได้ยิน “ข้าไม่ได้ทิ้งพวกเจ้านะ แต่ข้ากำลังหาทางแก้ปัญหาและถ้ามันเป็นไปอย่างที่คิดข้าก็ต้องกลับไปรับใช้กษัตริย์คาลอสต่อ แน่นอนว่าถ้าข้าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้พวกเราก็จะอยู่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันที่นี่แหละ”

“หมายถึงการเอามาธาเกียร์ออกจากเกาะงั้นเหรอ”

“อย่าเดาเลยเคลัน ถ้าเวลานั้นมาถึงข้าจะอธิบายทุกอย่างเอง”

เขาทอดตามองไกลออกไปยังโค้งขอบฟ้า แต่ใจของชาร์ลีเลยไปกว่านั้น

อีกนานไหมนะที่เขาจะได้กลับบ้านเสียที...เขาเหนื่อยจนจวนเจียนจะหมดเรี่ยวแรงเข้าไปทุกขณะเพราะความคาดหวังที่รุมเร้าเข้ามา!










 

Create Date : 18 มีนาคม 2554
0 comments
Last Update : 18 มีนาคม 2554 14:00:40 น.
Counter : 561 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.