Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 

ชาร์ลี 2 ตอน 11 ผู้มาเยือนอีกคน


คุยกันก่อนอัพ


วันนี้พลอยอัพไป 2 ตอนนะคะ
คือตอน 10 และ 11 เช็คก่อนอ่านเหมือนเดิมค่ะ ไม่งั้นมีงงแหงๆ T^T

ยังคงลงอัพกันต่อไปเรื่อยๆนะคะตามระยะที่เห็น คิดว่าสักปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็จบแล้วล่ะค่ะ
แต่เรื่องนี้ยังไม่รีบลบเน้อ ไม่ต้องกลัวอ่านไม่ทันค่า...

วันที่ร้อนระอุ จงหายร้อน เพี้ยงๆๆ

Ploy666.

ป.ล. บางตัวละครในภาคนี้จะเห็นโผล่มาแค่นิดหน่อยทั้งที่เปิดคำบอกเล่าไว้ค่อนข้างมากเหมือนสำคัญ
อันนี้ยอมรับผิดทุกประการค่ะ เพราะกะเอาไปเล่นต่อภาค 4 (ที่ไม่ได้เขียนแล้ว) แทบทั้งนั้น -"-
อด...

เอ้า! อย่าหงอย สะสมพลังไว้เขียนนิยายอื่นๆกันต่อไปค่ะ สู้ๆ ^o^


**************

ชาร์ลี 2 [ภาค : มิตรสหายและศัตรู]
ตอนที่ 11 ผู้มาเยือนอีกคน

ผู้แต่ง RED (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



วิธีการวางตนเพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชนของกษัตริย์คาลอสนั้นชาร์ลีรู้ดีแก่ใจ แต่เด็กชายคิดว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเขาจึงไม่อาจดำเนินรอยตามได้ทั้งหมด

เอาละ...อย่างน้อยกษัตริย์คาลอสก็ไม่จำเป็นต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับคนมากมายที่รุมล้อมฮือเข้ามาแบบที่เขากำลังทำอยู่นี่

“พอที...ข้าว่าเรื่องนี้มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ!” ชาร์ลีหัวเสีย เลิกอดทนอีกต่อไป

เด็กชายยืนเด่นอยู่บนแท่นไม้ที่มีคนจัดเตรียมไว้ให้กลางสันดอนทราย เปลวแดดที่ทออ่อนในยามเช้าเริ่มร้องแรงแผดจ้าขึ้นทุกขณะๆพอๆกับอารมณ์ผู้คนทั้งเกาะเหนือและเกาะใต้ที่ถูกโหมกระพือพัดด้วยทัศนะที่ไม่ตรงกัน

“ทำไมเราต้องไปช่วยพวกเนียญ่าทำงานด้วย ในเมื่อเราเคยทำเฉพาะส่วนของเรา!” เคลันประกาศกร้าวอย่างไม่ยอมถอยให้แม้รับรู้ว่าบัดนี้มีชาร์ลีเป็นคนกลางยืนรับฟังอยู่ด้วย “งานเพาะปลูกพวกนั้นไม่ใช่หน้าที่เรา พวกเราดูแลในส่วนของการแปรรูป...เราทำงานแบบมีระบบแล้วก็มีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่ามาก เรื่องอะไรจะให้เราลดตัวไปทำงานเลอะเทอะแบบเนียญ่า นี่ไม่ยุติธรรมเลยนะชาร์ลี”

ถึงไม่ได้พูดออกมาตรงๆว่านั่นเป็นงานที่เมิร์ฟฟาให้คำจำกัดความเป็น ‘งานต่ำชั้นกว่า’ หากสีหน้ารังเกียจเมื่อเอ่ยถึงงานกสิกรรมเหล่านั้นก็ทำเอาฝั่งประชากรเกาะเหนือส่งเสียงฮือฮาประท้วงขึ้นอีกคำรบหนึ่ง

มันไม่ใช่แค่การประท้วงย่อยๆอีกต่อไปเมื่อชาร์ลีกวาดสายตามองผ่านจำนวนคนหลายร้อยที่มารอฟังคำตัดสิน...

ทั่วอาณาบริเวณสันดอนทรายลามเลยไปจนถึงชายป่าทั้งสองฝั่งบรรยากาศเดือดระอุคุกรุ่นจนน่ากลัว

ก่อนหน้านี้เขาเสนอให้จัดสถานที่ในป่าโดยให้ที่โล่งกว้างพอจุคนได้ หากก็ไม่มีใครลดราวาศอกให้ใคร ทั้งสองฝ่ายยืนยันจะอยู่เฉพาะในเขตแดนของตน

อัสลันขยับก้าวมาชิดแท่นยืนของชาร์ลีอีกนิด มือที่เคยทิ้งแกว่งข้างตัวบัดนี้เลื่อนขึ้นมาแตะที่ด้ามดาบอย่างระมัดระวัง เจ้าหญิงมีนาร์ได้รับคำสั่งให้รออยู่ในที่พักกับรูดี้และลาเฟลจนกว่าการประชุมหนนี้จะเสร็จสิ้นจึงไม่มีอะไรน่าห่วงนัก

ชาร์ลีไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้วว่าตำแหน่งผู้เฒ่าที่มาธาเกียร์มอบหมายมาให้เขาจะยังมีคุณค่าใด เมื่อจิตใจทุกคนต่างรวนเรระส่ำระสายในช่วงเวลาอันปราศจากผู้นำที่ผ่านมา...

“เคลัน!” ชาร์ลีตะโกนเรียกฝ่าเสียงผู้คนออกไปอย่างฉุนเฉียว “ถ้าไม่ระดมคนมาช่วยกันงานจะเสร็จช้าลงมาก ตอนนี้ข้างนอกนั่น...ทั่วทะเลออบิทกำลังขาดแคลนลูลูบิอาร์ดินีย์ อีกหน่อยหลายพื้นที่จะมีผู้คนล้มตายเพราะความหนาวเหน็บและข้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

“แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเรานะชาร์ลี” เคลันยืนกอดอก ขาสองข้างปักหลักมั่นกางออกน้อย

สีหน้าของเขาดูมุ่งมั่นกับการเอาชนะให้ได้

“เรามีโรงงานที่พร้อมตลอดเวลา ปัญหามันเริ่มจากพวกเนียญ่าต่างหากที่ไม่ส่งลูลูบิอาร์ดินีย์ให้เรา ถ้าจะโทษเจ้าก็ต้องโทษพวกนั้นมากกว่าจะมาโทษพวกข้า”

มีชาวเมิร์ฟฟาเฮลั่นสนับสนุนวาทะของผู้จัดตารางเวรทำงาน

การจะให้เมิร์ฟฟาและเนียญ่าปรองดองกันมันยากเย็นกว่าที่คิด หัวสมองของชาร์ลีแล่นเร็วเพื่อไตร่ตรองหาทางออกจากสภาวะอึดอัดตรงหน้านี้

“มันเป็นปัญหาของเจ้าตราบเท่าๆกับที่เป็นปัญหาของเนียญ่านั่นแหละ”

“เราอยู่ของเราเองได้โดยไม่ต้องมีเนียญ่า”

“แต่พวกเจ้า...เมิร์ฟฟา” ชาร์ลีกวาดสายตามองพลางเน้นเสียงเกรี้ยวกราด “พวกเจ้าก็จะไม่เหลือคุณค่าในชีวิต ไม่มีลูลูบิอาร์ดินีย์จากเกาะเหนือส่งไปที่เกาะใต้...ก็จะไม่มีโรงงานอีกต่อไปเพราะมันไร้ประโยชน์ งานสำคัญต่อพวกเจ้าไม่ใช่หรือยังไง!”

ทุกสรรพเสียงซาลง หลายคนเหลียวมองตากันเลิ่กลั่กหน้าตื่น ขณะที่ชาร์ลีมองเห็นความหวั่นวิตกในดวงตาของเคลัน ครีบข้างแก้มนั้นขยับไหวนิดๆเหมือนกำลังคิดหนักทีเดียว

อย่างน้อยเขาก็มาถูกทาง...

มีบางอย่างที่คนพวกนี้ให้ความสำคัญ

ชาร์ลีไม่สนใจในข้อที่ว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาด กรวดทรายเพียงต่างสถานที่ก็อาจมีคุณค่าแตกต่างกัน เหมือนที่คนเมิร์ฟฟามองว่างานสำคัญและเป็นเครื่องยืนยันการมีชีวิตของพวกเขา ในขณะที่คนบนเกาะอื่นๆอาจดูแคลนว่าเป็นความเชื่อโง่เง่าอันไร้ที่มา

ความกร้าวกระด้างในน้ำเสียงจึงลดลงมาบ้างเมื่อชาร์ลีเอ่ยว่า

“ข้าแค่ขอเวลาพิสูจน์ตัวเองว่าจะขจัดความไม่มั่นคงในชีวิตพวกเจ้าออกไป...ข้าขอแค่นั้น ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากใครที่นี่เลย เราทุกคนมาเพราะหน้าที่ซึ่งกษัตริย์คาลอสมอบหมาย ตอนนี้ข้ารู้ว่าเกาะใต้ต้องการชีวิตในรูปแบบเดิมคืนมา แล้วเกาะเหนือก็ต้องการมาธาเกียร์”

“เจ้าจะช่วยมาธาเกียร์ได้รึ” เพจถามขึ้น

เด็กชายพยักหน้า ประกายตาสีเขียวฉายกล้าด้วยความมั่นใจ

“ไม่ใช่แค่ข้า...แต่เป็นพวกเราทั้งหมดต่างหากที่จะนำมาธาเกียร์กลับคืนมา ฟังนะ...ไม่ว่าพวกเจ้าจะแบ่งตัวเองเป็นกี่ฝักกี่ฝ่ายมันก็เท่านั้น ทุกคนอยู่บนผืนดินเดียวกัน ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด ทำไมไม่หันหน้ามาสามัคคีกันบ้างแทนที่จะแบ่งเขาแบ่งเราแบบนี้”

มีบางคนเริ่มพึมพำอะไรบางอย่างในเชิงค้านแต่ไม่เต็มเสียงนัก

เห็นได้ชัดว่าชาร์ลีพูดถูก

อัสลันก้าวมาเบื้องหน้าและชูมือในเชิงปรามให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ท่าทีองอาจของเขาสะกดผู้คนลงได้ทันที

“ในฐานะที่ข้าเป็นอัศวิน ข้าเข้าใจดีว่าศักดิ์ศรีเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน” เด็กหนุ่มเกริ่นนำ

ประโยคนั้นทำให้ต่างตระหนักดีว่าสิ่งที่ขวางกั้นพวกเขาอยู่คืออะไร

“แต่ความกตัญญูย่อมสำคัญกว่า...พวกเจ้าต่างได้ชื่อว่าเป็นคนของที่นี่ มีมาธาเกียร์เป็นผู้ให้กำเนิดร่วมกัน และในวันนี้...วันที่เธอให้พวกเจ้ามาทั้งชีวิต เธอแค่วิงวอนขอให้ช่วยเหลือเธอบ้างโดยทำตามที่ชาร์ลีบอก มันยากมากนักหรือยังไงกัน”

คำถามลอยวนสู่หัวใจทุกดวงที่ประจักษ์ชัด

จะอย่างไรพวกเขาก็เผ่าพันธุ์เดียวกัน...

ชาร์ลีกระแอมเบาๆ สูดลมหายใจก่อนประกาศก้องอีกครา

“ข้าขอให้พวกเจ้าร่วมมือกันเพื่อนำมาธาเกียร์กลับมาสู่เกาะนี้อีกครั้ง สามัคคีและรวมพลังกันเพื่อทดแทนคุณของแผ่นดินและผู้ให้กำเนิด แล้วก็นะ...มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยสำหรับทุกคนในที่นี้ ข้าไม่ได้ขอร้องให้พวกเจ้าต้องวิ่งเข้าไปกอดกันทุกครั้งที่เจอหน้าเสียเมื่อไหร่ ข้าแค่อยากให้ก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่ต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่กันก็เท่านั้นเอง”

ถ้อยคำท้ายๆนั้นชาร์ลีกล่าวพลางไหวไหล่ และมันมีผลให้ใครอีกหลายคนอดยิ้มตามไม่ได้

ความเคร่งเครียดค่อยๆสลายคลายไปทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว...

อัสลันเหลือบมองชาร์ลีอย่างทึ่งจัด แม้ว่าคำพูดของเขาจะสยบคนพวกนี้ลงได้ด้วยอำนาจที่เหนือกว่า ทว่าชาร์ลีกลับสร้างความรู้สึกผูกพันให้แก่ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตโดยใช้ความเป็นตัวเองของเขา

ชาร์ลีไม่เคยต้องปั้นคำพูดที่สวยหรูใดๆ เด็กชายชาวนูฟตรงไปตรงมาและขานรับความรู้สึกของตนเอง

พลังที่ออกมาจากวาจากร้าวแกร่งยังไม่อาจเทียบเคียงความจริงใจที่ชาร์ลีคลี่วางอย่างซื่อตรง

และดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ว่าตัวเองน่าอัศจรรย์แค่ไหน!

“ข้าจะช่วยมาธาเกียร์!” เพจตะโกนลั่นสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน

ชาร์ลีหน้าแดงเล็กน้อยอย่างเขินๆเมื่อเธอกล่าวต่อว่า

“คิดซะว่าลองดูภูมิปัญญาผู้เฒ่าคนใหม่ไปด้วยก็แล้วกัน”

หลายเสียงทางฝั่งเนียญ่าเริ่มสนับสนุน บ้างก็พยักหน้าหงึกๆด้วยความเห็นชอบที่คล้อยตาม ขณะที่ทางเมิร์ฟฟายังคงสงวนท่าทีรอดูว่าเคลันจะเอาเช่นไร แต่ชาร์ลีก็เห็นแววตาหลายคู่จางแสงลงอย่างเป็นมิตรมากกว่าเดิม

เคลันเองก็ลังเล

“ข้าจะลองดูสักพัก แต่ไม่รับปากว่าพวกเราจะอดทนทำงานร่วมกับพวกเนียญ่าได้แค่ไหนนะ”

“ขอบใจ” รอยยิ้มของชาร์ลีกระจายกว้าง

อัสลันเองก็คลายมือจากด้ามดาบมากอดอกหลวมๆมองผู้คนที่เริ่มหันไปพูดจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทว่านัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายสดใสอย่างพอใจกับสถานการณ์

ชาร์ลีกระโดดลงมายืนเคียงข้างพลางก้มลงจัดขากางเกงให้เข้าที่ก่อนบอกเบาๆ

“มันน่าให้ข้าอิจฉาเจ้าไหมล่ะอัสลัน ข้าตะโกนจนปากแทบฉีกพวกนี้ไม่ยอมฟัง แต่กับเจ้า...พวกเขาเงียบกริบทันทีที่เอ่ยปาก”

“ก็ข้าโตมาในกองทัพนี่” อัสลันเลิกคิ้ว

เขาคุ้นเคยกับการมีอำนาจในมือมาโดยตลอด

คนที่ปากบอกว่าริษยากลับยืดกายชูแขนขึ้นประสานเบื้องบนศีรษะ ก่อนแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มีปุยเมฆบางๆเกลื่อนกระจาย สีหน้ากลับยิ้มละไม

“แต่ช่างมันเถอะ...ข้าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”

“เจ้าจะว่าเป็นแบบข้าไม่ดีงั้นสิ” อัสลันย้อนเสียงสูง ขยับเปลี่ยนท่ามาเท้าเอวจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

เสียงหัวเราะของชาร์ลีกังวานชวนฟัง “แหงล่ะ...ก็เจ้าเป็นแค่อัศวินผู้พิทักษ์ส่วนข้าเป็นถึงที่ปรึกษาแห่งราชสำนัก แถมข้ายังเป็นนูฟอีกล่ะ”

“เฮ้ๆ เป็นนูฟเนี่ยมันเกี่ยวอะไรด้วยฮึ!”

“เพราะนูฟเป็นสิ่งที่ข้าภูมิใจที่สุดยังไงเล่า!” เด็กชายตอบชัดถ้อยชัดคำอย่างภาคภูมิ

ความริษยารังแต่จะนำมาซึ่งปัญหา...

บัดนี้ชาร์ลีสามารถขจัดสิ่งเหล่านั้นออกไปได้แล้ว เขารู้ว่าการเป็นตัวของตัวเองสำคัญที่สุด!



บึงกว้างที่วางผังเอาไว้แต่อาณาเขตขอบบึงยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ทำให้ชาร์ลีใช้เวลาสำรวจหมดไปเป็นวันๆอย่างอ่อนล้า เพจนำชมพลางอธิบายถึงการเพราะปลูกแบบคร่าวๆพอเข้าใจ เด็กชายจดใส่สมุดและถามทวนในสิ่งที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจละเอียดนัก

ส่วนอัสลันขอตัวกลับไปบ้านโทสที่เกาะใต้เพื่อตรวจตราสัมภาระต่างๆที่เขาอยากให้แน่ใจว่ามันอยู่ครบเป็นปกติดีในช่วงที่ไม่มีคนดูแล

เจ้าหญิงมีนาร์เดินตามต้อยๆโดยไม่เอ่ยปากใดๆตามเคย หากหนนี้เธอมีรูดี้ที่คอยเจรจาเจื้อยแจ้วชี้ชวนชมนกชมไม้ข้างตัว แม้จะเป็นการมาอย่างไม่ได้ตั้งใจแต่เรื่องเสื้อผ้าก็ไม่มีปัญหาเพราะเด็กหญิงได้รับความเอื้อเฟื้อจากมิวที่จัดหาให้

เบื้องบนก็คือลาเฟลที่แสนจะอิ่มเอมกับการคอยอ้าปากสวาปามเอาไอหมอกชื้นเย็นเข้าไปคำโตๆ

กิจกรรมชนิดใหม่นี้มันเพิ่งค้นพบไม่นาน...อารมณ์สุนทรีของนกราไวเป็นอะไรบางอย่างที่ชาร์ลีอธิบายได้ยากมาก เขาได้แค่คอยสังเกตอาการเผื่อมันจะเพี้ยนหนักไปกว่านี้โดยไม่มีแก่ใจห้ามปราม

“เจ้ากินอะไรน่ะ”

อดรนทนไม่ได้รูดี้ก็หยุดเท้าและเงยหน้ามอง ก่อนถามด้วยความฉงนสนเท่ห์

“นอกจากตาบอดสีแล้วยังสายตาสั้นอีกเหรอรูดี้” นกราไวโฉบเย้ยอย่างชอบใจ

คนฟังหน้ามุ่ย “ข้าก็แค่อยากรู้”

“ดี! เพราะข้าไม่อยากบอก”

นี่ไม่ใช่หนแรกที่ลาเฟลกวนประสาท และก็ไม่ใช่หนแรกอีกเช่นกันเมื่อรูดี้มือไวคว้าเอากิ่งไม้แห้งขว้างใส่โดนปีกจนบินเซถลาเข้าอย่างจัง

รูดี้หัวเราะชอบใจ แต่เห็นได้ชัดว่าลาเฟลไม่มีอารมณ์ขันร่วมด้วยสักนิด

“ไอ้โกลบบ้า...เจ้าตาย!”

ลาเฟลพุ่งเข้าหาพร้อมจะงอยปากแหลมคม รูดี้สะดุ้งโหยงเอี้ยวกายวิ่งหลบหัวซุกหัวซุนรอบกายเจ้าหญิงมีนาร์

กระโปรงบานยาวบัดนี้พันรอบข้อเท้าเด็กหญิงที่ได้แต่ตะลึงตาค้าง

“โอ๊ย!” เสียงร้องพร้อมร่างเล็กที่ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น

รูดี้ฉวยได้ไม้ยาวๆที่คงมีใครสักคนไม่ใช้งานแล้วเหลาทิ้งไว้ละแวกนั้น มันกวัดแกว่งราวกับนายทหารที่พร้อมจะปกป้องเจ้านายทั้งที่ตัวมันเองนั่นแหละทำให้เจ้าหญิงมีนาร์เสียหลัก

“ไอ้นกราไวนิสัยเสีย อย่ามาเข้าใกล้ข้ากับเจ้าหญิงมีนาร์นะ!”

“เจ้านั่นแหละไอ้โกลบเฮงซวย”

ลาเฟลพ่นคำหยาบคายเท่าที่จะนึกได้ออกมาเป็นพรวนก่อนจะบินฉวัดเฉวียนหลบอาวุธคู่กรณีบนพื้นดินที่ฟาดไปมาวุ่นวาย

“รูดี้! ลาเฟล! นี่พวกเจ้าเอาอีกแล้วเหรอ” เสียงตวาดของชาร์ลีทำให้ทั้งสองสะดุ้ง

รูดี้ไวพอที่จะโยนไม้ของกลางทิ้ง ขณะที่ลาเฟลก็บินไปเกาะกิ่งสูงเพื่อเจตนาเลี่ยงหลบสายตาระอาใจของชาร์ลีที่ก้าวเร็วๆเข้ามาหา

ชาร์ลีฉุดมือเจ้าหญิงมีนาร์ขึ้นและดูจนแน่ใจว่าเธอปกติดีไม่มีอาการเคล็ดขัดยอกที่ไหนจึงหันไปไล่เบี้ยเอากับสัตว์เวทตัวป่วน

“คราวนี้ใครเริ่มก่อน”

“เจ้านั่นครับ!” สองเสียงดังประสานกัน

มือป้อมๆของรูดี้ชี้ขึ้นไปบนกิ่งไม้ ส่วนปลายปีกแหลมๆของลาเฟลก็พุ่งตรงแน่วมายังคู่กัดตลอดกาลอย่างรูดี้...


คนตัดสินความทำสีหน้ายากจะบรรยาย

“เอาล่ะ...คิดซะว่าข้าขอร้องก็ได้ พวกเจ้าจะเลิกทะเลาะกันสักพักใหญ่ๆได้ไหมเพราะมันทำลายสมาธิของข้า”

สัตว์เวทสองตัวหงอยลงถนัดตา

เพจก้าวตามมาพลางถามไถ่ถึงอาการเจ้าหญิงมีนาร์ด้วยความห่วงใย

“แม่หนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ...ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงเป่าลมหายใจยาวอย่างโล่งอกที่พบว่าไม่มีส่วนใดในร่างกายบุบสลายลงไป

“ข้าจะไปดูบึงอีกด้านที่ทะลุไปชายหาดฟากโน้น เพจ...ข้าวานให้ช่วยพาเจ้าหญิงมีนาร์กลับที่พักก่อนได้ไหม”

“ชาร์ลี...” เจ้าหญิงตัวน้อยเรียกเบาๆคล้ายประท้วงในที

จะว่าไปตั้งแต่เธอร่วงตุ้บมาใส่เขาบนเรือนั่นพวกตนพูดกันแทบนับคำได้

แต่จะแปลกอะไรล่ะ...ในเมื่อเจ้าหญิงมีนาร์ก็เงียบเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว ชาร์ลีสลัดเอาความคิดแปลกๆในสมองของเขาให้จางหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนอธิบายเชิงย้ำว่า

“ข้าจะไปตรวจบึงที่เอาไว้เพาะลูลูบิอาร์ดินีย์ให้ทั่ว มันไกลแล้วรูดี้กับลาเฟลก็ชอบเอะอะด้วย ข้าไม่มีสมาธิทำงาน ท่านควรพาพวกมันกลับไปพร้อมกัน”

“บางทีข้าอาจช่วยได้บ้าง” เด็กหญิงบอกค่อยๆ

ชาร์ลียังคงยืนยันด้วยความเงียบ

เพจเห็นเจ้าหญิงมีนาร์หน้าเสียจึงอดยื่นมือเข้ามาช่วยไม่ได้

เธอคว้าข้อมือเล็กๆพลางกระตุ้นให้ออกเดินด้วยถ้อยคำอ่อนโยน “มาเถอะแม่หนูน้อย ข้ามีอะไรหลายอย่างทีอยากจะอวดเจ้า บางทีเราน่าจะไปหาของเล่นน่ารักๆสักชิ้นแทนที่จะมาเดินท่อมๆไปตามป่าเลาะเลียบบึงพวกนี้นะ”

เจ้าหญิงมีนาร์ไม่มีทางเลือกนอกจากตัดสินใจก้าวเดินหันกลับไปยังเส้นทางขามา

ชาร์ลีรอจนทั้งคู่พ้นพุ่มไม้หน้าไปแล้วเขาจึงเลี้ยวไปอีกทาง แต่ไม่ก่อนจะได้ยินเสียงนินทาของลาเฟลลอยตามลมอย่างเจตนาให้ได้ยิน

“ใจดำ!”

“ใช่...ก็แค่ขอไปด้วยนิดเดียว” คราวนี้รูดี้รับเป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียว

“ข้านะคิดไว้บางอย่าง บางทีพวกนูฟอาจจะไม่มีหัวใจก็ได้เจ้าว่าไหม”

รูดี้ขานรับรวดเร็ว “ไม่มีหัวใจ...ไม่มีเมตตา กระทั่งกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ”

ชาร์ลีเริ่มฉุน...เด็กตัวเล็กเนี่ยนะ...

เด็กเก้าขวบที่เป็นทั้งเจ้าหญิงทั้งแม่มดและมีอำนาจพอจะทำให้กษัตริย์ตัดสินใจทำอะไรเพื่อเธอก็ยังได้ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็น ‘เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ’ คนไหนจะมีอำนาจมหาศาลในมือขนาดเจ้าหญิงมีนาร์มาก่อนเลยด้วยซ้ำ!

ทว่าเมื่อกระหวัดคิดถึงดวงตาใสซื่อที่ราวกับจงรักภักดีนักหนาแบบที่เจ้าหญิงมีนาร์ใช้เวลามองเขา ชาร์ลีก็รู้ว่าตัวเองใจดำเพียงใด

เมื่อครู่เขาเห็นความผิดหวังวูบผ่านนัยน์ตาคู่เดียวกันที่หม่นแสงลงเมื่อถูกทำเหมือนเจตนาไล่ไปให้พ้นๆเพราะเป็นตัวขัดแข้งขัดขา ชาร์ลีก็นึกโกรธตัวเองจนบอกไม่ถูก

เด็กชายชาวนูฟเดินกระแทกเท้าหนักๆพลางปัดระกิ่งไม้เล็กที่เกะกะขวางทางจนหักเพียงเพราะอารมณ์แสนแปลกอันเกิดขึ้นในจิตใจ...

และเขาเรียกมันว่า ‘ความรู้สึกผิด’



คราวนี้อะไรอีกล่ะ

ชาร์ลีมองวัตถุที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในน้ำทะเลสีฟ้าครามห่างออกไปเบื้องหน้าไม่ไกลนักด้วยความแปลกใจ นี่เป็นอีกฟากเกาะที่เขาเพิ่งเคยมา ลมแรงคลื่นสูงเกินกว่าจะใช้เป็นท่าเทียบเรือ ทว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังพยายามจะเข้ามาให้ถึงฝั่ง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะหมดแรงจนต้องพยุงขอนไม้ผุอันหนึ่งไว้ขณะที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งมาทุกที

เด็กชายถอนใจเหนื่อยๆ...

ไม่ว่ามันจะเป็นคำสาปเก่าแก่หรือเพราะการปรับตัวเพื่อการดำรงชีวิตที่ทำให้นูฟว่ายน้ำไม่เป็นก็เถอะ แต่มันไม่ได้รบกวนให้สมองเขาด้านชาต่อมรณกรรมของคนแปลกหน้าจนคิดอะไรไม่ออกสักหน่อย

ชาร์ลีหันกลับไปยังดงเถาวัลย์ เด็กชายเลือกดึงเอาเส้นที่แข็งแรงและไม่หนาเกินไปนักออกมาจำนวนหนึ่ง ก่อนจะลงเงยมองร่างที่ลอยผลุบๆโผล่ๆอยู่นั่นด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย เขาเอาลูกธนูอออกมามัดผูกจนเป็นปมแข็งแรงแน่นหนา จากนั้นก็ยืนกางขาออก ยึดตรึงก้านคันศรไว้มั่นขณะเล็ง

เพียงชั่วพริบตาจากความเฉียบคมของการมองเห็นเป็นเลิศ ธนูก็พุ่งไปปักยึดเอาขอนไม้นั้นจนเงี่ยงเหล็กจมลึกลงในผิวเนื้อไม้

คันธนูถูกสะพายกลับคืน ขณะที่เขาจับปลายเถาวัลย์อีกด้านที่เหลือทอดยาวบนพื้นนั้นเดินไปอ้อมกับโคนต้นไม้ ก่อนจะใช้สองมือออกแรงดึงโดยมีลำต้นแข็งแกร่งนั้นช่วยผ่อนแรง

ไม่นานนักร่างที่อ่อนระทวยก็มากองบนพื้นทรายชายหาดราวกับผืนผ้าขี้ริ้วเก่ามอมแมม

“เฮ้!” ชาร์ลีเรียกเบาๆขณะที่อีกฝ่ายโผกายขึ้นมาสำลักน้ำจนตัวโยน

เด็กชายถอยออกมามองอย่างแปลกใจ

ชายชราตรงหน้าดูอ่อนล้าโรยแรง ทว่ารอยสักสีดำที่ใต้ขอบตาล่างยังคงโดดเด่นราวกับกวนเอาตะกอนในความทรงจำกลับคืนมา

ใครคนนั้นทำให้ชาร์ลีนิ่งไป...

“ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีกครั้งชาวนูฟ” คนเอ่ยสุ้มเสียงแหบแห้งเงยหน้ามองราวประเมินในที

“ท่าน...ผู้ใช้เวททำนายจากลีนน์”

อีกครั้งที่ชายชราตรงหน้าโก่งคอไอจนตัวงอ

ทว่าหูของชาร์ลีกลับแว่วเสียงกิ่งไม้ลั่นทางด้านหลังจึงหันกลับไปมอง

“เคลัน...ข้านึกว่าใคร” ชาร์ลีมีท่าทีผ่อนคลายลงเมื่อเห็นร่างที่มองตอบเขากลับมาจากราวป่าอย่างงงๆเล็กน้อย คล้ายไม่คาดว่าจะพบชาร์ลีที่นี่ “ดีใจที่เจอเจ้านะ พอดีข้าเก็บคนป่วยได้คนหนึ่งน่ะเดี๋ยวจะเอาเข้าไปพัก ขอแรงช่วยพยุงเขาหน่อยได้ไหม”

“เขา...เป็นใครกัน” น้ำเสียงเบาๆถามฟังดูระแวง

อาจจะเพราะแผลพุพองกลัดหนองน่ากลัวหลายแห่งทั่วร่างก็เป็นได้...

ชาร์ลีหันไปมองหน้าชายชราแทนคำตอบ คล้ายจะมองเห็นวี่แวววิงวอนในดวงตานั้นทำให้ปากโต้ตอบกลับไปยังเคลันโดยอัตโนมัติว่า

“แมนเฟย์...เขาชื่อแมนเฟย์ อุบัติเหตุตกจากเรือแล้วก็ลอยคอมาจนถึงนี่น่ะ”

ชื่อชายผู้โชคดีที่ค้นพบดอกไม้พันธุ์ใหม่จากหนังสือเล่มล่าสุดที่เขาอ่านพบจากห้องสมุดต้นไม้แห่งการเรียนรู้ น่าเสียดายที่ตอนท้ายนั่นดอกไม้ที่เจอมาดันกินเขาเข้าไปหมดตัว แต่อย่างน้อยชื่อก็ได้รับการจารึกเอาไว้

“อ้อ...”

จากนั้นร่างผอมๆแต่แข็งแรงของคนที่ยืนอยู่ห่างจึงเคลื่อนใกล้ ช่วยสอดแขนพยุงชายชราไว้และไม่สนใจพูดจาอีก แต่ก่อนจะเข้าไปในอาณาเขตที่พักชาวเมิร์ฟฟาก็หยุดฝีเท้าลง

“ข้ามาส่งได้แค่นี้ อย่าบอกใครว่าเจอข้านะ”

ชาร์ลีไม่แปลกใจ

เมิร์ฟฟากับเนียญ่าแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน การที่เคลันซึ่งเป็นผู้นำเมิร์ฟฟาที่ค่อนข้างหัวแข็งจะไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าตนมาเดินอยู่ในอาณาเขตของเกาะเหนือคู่วิวาทย่อมเป็นเรื่องปกติ

เขาจึงรับปากหนักแน่น “ได้สิเคลัน ขอบใจนะ”

อีกฝ่ายยังคงเบิ่งลูกตากลมโตในเบ้าตาลึกดำนั้นราวกับจะทำให้รูม่านตารีๆขยายกว้างและมองอะไรชัดเจนขึ้น แต่พอชั่วครู่ที่ครีบข้างใบหน้าขยับไหวสักพัก เคลันก็ก้มหน้าก้มตาเดินหายกลับเข้าไปในป่าอีกครั้งอย่างเงียบๆ

เจ้าหญิงมีนาร์วิ่งออกมารับเขาหน้าบ้านเป็นคนแรกราวกับว่าเธอตั้งตารอเขาด้วยความหมกมุ่นทีเดียว

โชคดีที่อัสลันเดินตามออกมาด้วยทำให้ชาร์ลีได้ผู้ช่วยหิ้วปีกประคองเอาชายชราแปลกหน้านั้นเข้าไปพักภายใน

“เขาเป็นใคร” อัสลันถามอย่างประหลาดใจ

“ข้าเคยพบเขาที่เซไลย์ก่อนเราเดินทาง...เขาเป็นชาวลีนน์”

ชาร์ลีอ่านคำถามในดวงตาสหายสนิทออกจึงรีบตอบทันทีว่า “ข้าถามแล้ว...เขาเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่ติดต่อน่ะ พวกเราจะปลอดภัย”

“ก็ยังดี” อัศวินหนุ่มโล่งอก

หลังจากนั้นอัสลันก็เดินไปขอแรงเพจเพื่อหาอาหารมาให้คนผลัดถิ่น

“ข้าจะหายามารักษาแผลภายนอกให้ด้วย มันน่าจะค่อยยังชั่วกว่านี้” เพจอาสาอย่างใจดี

อัสลันจึงกล่าวคำขอบคุณแทนคนป่วย

“ท่านนอนที่ห้องรับแขกนี่ได้” ชาร์ลีหมายถึงเก้าอี้ยาวที่วางไว้ด้านหนึ่งซึ่งเหมาะสำหรับใช้แทนเตียงนอน

แมนเฟย์มองหน้าชาร์ลีด้วยความรู้สึกขอบคุณ

หากเด็กชายชาวนูฟก็สั่งเอาไว้ชัดเจนว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปท่านจะอยู่ที่นี่ได้แต่ต้องช่วยเหลือตัวเอง เพราะพวกเราทุกคนมีงานมากมาที่ต้องทำตลอดวัน”

“ข้าเข้าใจ...” แมนเฟย์พึมพำอย่างอ่อนแรง “ชีวิตของข้าคงไม่อยู่ยืนยาวมากนักหรอกชาวนูฟ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะนำเรามาพบกันครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนต้องการบางสิ่งจากการพบกันของเรา”

“ไม่มีอะไรที่ข้าจะให้ท่านได้” ชาร์ลีก้มลงไปกระซิบหนักแน่นราวกับยืนยัน

สัญชาตญาณของเขารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับชายชราตรงหน้า แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าการปลดปล่อยแมนเฟย์ไปตามยถากรรมจะทำให้เกิดผลเช่นใด

อาจจะเพราะความผิดพลาดเกี่ยวกับซีนายทำให้เขากังวล...

“เรือโดยสารที่ข้าอาศัยมาเพิ่งถูกเรือโจรสลัดโจมตีก่อนเข้ามาสู่เขตแดนของเกาะนี้เมื่อวันก่อน...คิดว่าหลายคนยอมจำนนและถูกจับเป็นทาส แต่ข้ารู้ว่าเหล่าลูกเรือโจรสลัดวีซานด์โหดร้ายแค่ไหน ข้าเลยเสี่ยงกระโดดลงจากเรือเพื่อฝากชีวิตไว้กับท้องทะเล นี่แน่ะ...ถึงข้าจะเป็นคนป่วยใกล้ตาย ข้าก็มีสิทธิ์เลือกว่าจะตายภายใต้กฎเกณฑ์ไหนไม่ใช่รึ...”

กระทั่งอัสลันเลื่อนมือมาวางบนบ่าของชาร์ลีพลางเอ่ยเบาๆทั้งที่สายตายังจับจ้องอาคันตุกะแปลกหน้า

“ข้าจะจับตาดูเขาไม่ให้สร้างความวุ่นวายได้”

แมนเฟย์นิ่งเงียบไป ก่อนเอนกายลงนอนพักคล้ายจะยอมรับการถูกปฏิบัติทุกกรณีโดยไร้ข้อโต้แย้ง










 

Create Date : 09 มีนาคม 2554
0 comments
Last Update : 9 มีนาคม 2554 18:16:51 น.
Counter : 615 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.