Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
ชาร์ลี 2 ตอน 23 ทางรอด ณ ขอบฟ้า


คุยกันก่อนอัพ


เริ่มว่างอีกนิดเลยเร่งอัพนิดหนึ่งค่ะ
ใครอ่านไม่ทันค่อยๆทยอยอ่านไปได้ค่ะ ชาร์ลี 2 พลอยไม่รีบลบนะจ๊ะ ^o^


Ploy666.



**************

ชาร์ลี 2 [ภาค : มิตรสหายและศัตรู]
ตอนที่ 23 ทางรอด ณ ขอบฟ้า

ผู้แต่ง RED (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



ชาร์ลีเกร็งข้อมืออีกหนก่อนทิ้งตัวลงมายังเรือเล็กที่โคลงเคลงไปมาตามคลื่นอันปรวนแปร

เสียงการต่อสู้ยังคงแว่วมาแต่ส่วนมากจะถูกลมพัดพาไปทางอื่น เด็กชายเงยมองดูเศษไม้ที่แตกกระเด็นจากบริเวณกราบเรือพังลงมาอย่างวิตก ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะกลับขึ้นไปแล้วเกะกะขวางมือขวางเท้าอัสลันกับวีซานด์ เขาเชื่อว่าสองคนนั่นเอาตัวรอดได้หรืออย่างน้อยก็ช่วยซื้อเวลาอีกสักนิดในระหว่างที่เขากำลังทำบางอย่างอยู่ตรงนี้

เมื่อครู่คงเป็นโชคดีที่ชาร์ลีหมายตาเชือกอีกเส้นที่วางพาดอยู่ตรงนั้นและคว้าเอาไว้ มันไม่ยาวมากนักแต่ปลายอีกด้านคงยึดเกาะแน่นหนาพอจะให้เขาใช้เท้าถีบข้างเรือพุ่งมาเหนี่ยวเอาบันไดเชือกที่ลงเรือเล็กได้ทันเวลาก่อนโดนซีนายโจมตีกราบเรือซ้ำ

อย่างน้อยเขาก็เป็นคนธรรมดา...

หรือใครคิดว่าเขาตกน้ำทั้งที่ว่ายไม่เป็นแล้วจะรอดมาได้กันนะ...คงไม่หรอก เพราะตัวเขาเองยังไม่กล้าคิดแบบนั้นเอาซะเลย

สิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านในถูกหยิบออกมา ชาร์ลีไม่มีเวลาเหลียวหาของมีคมเพื่อเปิดมันออก เขามองเห็นหนวดเส้นเล็กสองเส้นกระดิกไหวกวัดแกว่งเหมือนรับรู้ว่าจะมีคนเรียกหาใช้สอยมันในไม่ช้านี้ เด็กชายทำได้เพียงนำมันทุบใส่กับตะปูตัวหนึ่งที่เขาเห็นตั้งแต่ขามาแล้วว่ามันตอกยื่นล้ำออกมาและน่าจะก่อเกิดความเสียหายแก่บางสิ่งได้ไม่มากก็น้อย

ชาร์ลีทุบลงสุดแรงสองสามหนโดยระมัดระวังไม่ให้ดันลานี่หลุดมือตกทะเลไป เพราะนี่เป็นเงื่อนไขสุดท้ายที่เขาจะมีไว้เพื่อต่อรองและกำราบซีนาย

ภาระนี้ไม่มีใครอื่นสามารถกระทำแทนได้

ดังนั้นชาร์ลีจึงต้องเสี่ยงแม้จะเห็นว่าการเอาชีวิตอัสลันไปแขวนไว้กับปีศาจบนดาดฟ้าเรือที่ซีนายสร้างขึ้นมาไม่ค่อยคุ้มก็ตามที...

นูฟอาจไม่ใช่นักต่อสู้ที่ดีนักแต่เขาก็เชื่อเสมอมาว่ามีบางอย่างที่ตัวเองทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ

อย่างน้อยก็การวางแผน

ซีนายอาจไม่มีวันรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งทุกอย่างรอบกายถูกทำลายลง

เด็กชายทอดถอนใจอ่อนล้า เขานั่งขัดสมาธิและออกแรงงัดแยกเอาตรงรอยบุบที่เกิดขึ้นนั้นให้ขยายกว้างออก แมลงสามขากระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว

“สวัสดี เอ๊ะ! เจ้าเป็นนูฟนี่” แมลงตัวจ้อยที่ค่อยๆปีนออกมายืนบนมือเขาเอ่ยทักอย่างประหลาดใจ

ดูมันจะงุนงงไม่น้อยเมื่อมองรอบๆเห็นเพียงทะเลและความมืด ขณะที่ยังคงมีเสียงอึกทึกครึกโครมจากดาดฟ้าเรือใหญ่ซึ่งอยู่ชิดใกล้พร้อมเศษไม้เศษฝุ่นที่ร่วงกราวลงมาเป็นครั้งคราวอย่างน่ากลัว

“จะเอาอาวุธไหม ข้าถูกสั่งมาให้พล่ามอะไรเยอะแยะเลย แต่ดูท่าทางเราไม่อยู่ในที่ๆเหมาะกับการฟังอะไรยาวๆ” มันสะดุ้งโหยงอีกหนเมื่อได้ยินเสียงข้าวของพังทลาย

กระนั้นบนเรือเล็กก็ยังคงอยู่ในมุมมืดอย่างมิดชิดและปลอดภัยเพราะถูกล่ามไว้กับบันไดเชือกที่หย่อนลงมา

“ข้าไม่ได้จะเอาอาวุธ แค่อยากให้เจ้าสร้างปีกและบินไปส่งข่าวให้หน่อย”

“ที่ไหน”

ชาร์ลีชี้มือไปอีกทางซึ่งเห็นแค่ท้องน้ำเวิ้งว้างคล้ายไร้จุดสิ้นสุด

“ไม่นานเจ้าจะเจอกับบางอย่างที่เป็นสีรุ้ง จงมุ่งไปหามันและบอกตำแหน่งที่ข้ารออยู่ จากนั้นเจ้าก็หมดสัญญาที่มีทุกอย่างและเป็นอิสระ”

“ฟังดูง่ายแฮะ”

“แน่นอน” เด็กชายพยักหน้าขรึมๆ “ขออย่างเดียวอย่าออกนอกเส้นทาง บินตรงไปตามทิศที่ข้าชี้ให้เท่านั้น เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าไม่อยู่ในสถานการณ์ที่รออะไรได้นานเท่าไหร่นัก”

มันรับปากรับคำแข็งขัน “ได้เสมอ...ยินดีรับใช้ครับนายท่าน”

ดันลานี่ก้มศีรษะลงราวกับจะล้อเลียน

แต่ชาร์ลีไม่มีแก่ใจตำหนิมันเพราะชะตากรรมของพวกเขาถูกฝากเอาไว้ในอุ้งมือแมลงตัวนี้

ปีกถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์และของเหลวในกระเปาะหลังอย่างว่องไว มันรีบบินจากไป ชาร์ลีได้แต่ตั้งสติเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เหนืออื่นใดเขาภาวนาให้อัสลันและวีซานด์ต่างร่วมแรงร่วมใจกันจนสามารถยื้อเวลาออกไปได้อีกนิด

หูแว่วจนคิดว่าได้ยินเสียงร้องของอัสลันที่ถูกทำร้าย

ชาร์ลีใจสั่นด้วยความห่วงใยและหวาดกลัว

เป็นอีกคืนที่ภาวนาให้รุ่งสางมาถึงเร็วๆ แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ง่ายแบบใจต้องการอย่างแน่นอน...



บางทีเขาอาจจะเขียนไว้ในบันทึกว่าการพบนกราไวมักนำพาเรื่องดีๆมาสู่ชีวิตได้

หมายถึงบางหนน่ะนะ

แน่ล่ะ ใครจะเชื่อว่านกปากมากอย่างลาเฟลจะมีโอกาสถูกยกย่องชื่นชมในฐานะสัญลักษณ์แห่งการรอดชีวิตของชาร์ลีถึงสองครั้งสองคราว

แต่มันก็เป็นไปแล้ว...

เด็กชายเอนกายพิงผนังหินขณะที่ลมหายใจผะแผ่วด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที บาดแผลทั่วร่างของเขาทำให้ชาร์ลีสะบักสะบอมเกินกว่าจะสูดเอาลมหายใจเข้าไปได้เต็มที่นอกจากปล่อยให้มันเข้าออกเพียงครึ่งๆกลางๆ เท่าที่ตัวเขาเองยังคงทรงกายนั่งอยู่ได้โดยไม่ฟุบหมดสติไปนั่นก็น่าประหลาดใจแกมยินดีเหลือที่จะกล่าว

ภาพความทรงจำรุ่งริ่งกลับมาทบทวนปะติดประต่อกันอีกหนอย่างยากเย็น

ตั้งแต่ดันลานี่ผละหายไปในเงามืดตามคำสั่ง เสียงร้องลั่นอย่างเจ็บปวดของอัสลันทำให้ชาร์ลีไม่อาจอดใจอยู่ได้ เมื่อเขาลงมือเตรียมการบางอย่างเสร็จสิ้นลงเด็กชายก็โหนตัวกลับขึ้นมาบนเรือใหญ่อีกครั้งอย่างระมัดระวัง

สิ่งที่เห็นนั่นคงจะติดตาเขาไปอีกนานแสนนานเมื่อชาร์ลีรับรู้ได้ถึงความเจ็บแปลบที่แล่นเป็นริ้วๆสู่หัวใจ

ร่างของอัศวินหนุ่มที่ยืนซวนเซทั่วกายมีแต่บาดแผลชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ในมือมีดาบซึ่งบัดนี้ใช้ค้ำพื้นยันไว้เพื่อช่วยพยุงตัวดูอ่อนแรงลมหายใจขาดห้วงอย่างจวนเจียนจะฟุบได้ทุกขณะ เลยออกไปคือร่างอสุรกายขนาดยักษ์ที่คำรามลั่นก้องท้องน้ำอย่างเกรี้ยวกราด ร่างกายของมันมองผาดๆแทบไร้ผลกระทบใดเลย แต่ทว่าจังหวะการเคลื่อนไหวก็สะดุดไปเป็นครั้งคราวพอสังเกตได้ว่ามันรับผลจากการทุ่มเทกำลังสุดชีวิตจู่โจมไม่ยั้งของอัสลันไม่มากก็น้อย

ขณะนี้มันไม่อาจปลีกตัวมาจัดการกับอัศวินหนุ่มแห่งไฮแลนด์ได้เต็มที่เพียงเพราะถูกปลายดาบของวีซานด์ที่เชี่ยวชาญเชิงอาวุธไม่ด้อยกว่าใคร วกวนเปลี่ยนแปลงพัวพันเอาไว้จนไม่อาจละสายตาไปที่ใดนอกจากคู่ต่อสู้อันแสนปราดเปรียวแม้จะอยู่ในร่างชายชราก็ตามที

อาการป่วยของวีซานด์ถูกกำลังใจข่มเอาไว้ใต้ร่างกายที่บอบช้ำ ชาร์ลีเองไม่แน่ใจนักว่าวีซานด์จะทนได้อีกนานแค่ไหน

“อัสลัน!” เด็กชายชาวนูฟเคลื่อนกายไปพริบตาเดียวก็ถึงข้างตัวของอัสลัน

คนถูกเรียกทำหน้าราวกับเห็นวิญญาณก็ไม่ปาน

อัสลันร้องครางอย่างประหลาดใจระคนยินดี “ให้ตายเถอะชาร์ลี! นี่เจ้ารอดมาได้ยังไงกัน”

ชาร์ลีฝืนยิ้มแต่หยิบเอาคันธนูขึ้นมาเตรียมเหนี่ยวศร ทว่ามือที่เอื้อมมายับยั้งไว้นั้นกระชับมั่น

“ข้ายิงมันได้แม่นในระยะเท่านี้”

“เพื่ออะไรกัน” อัสลันถามขรึมๆ “เพื่อเรียกให้มันพุ่งมาหาเจ้างั้นรึ...เจ้ามีอะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าเอาตัวเองเข้าเสี่ยง กลับไปทำงานของเจ้าซะ ข้าจะเข้าไปถ่วงเวลามันเอาไว้เอง ข้าไม่คิดหรอกนะว่าที่เจ้าหายไปพักใหญ่มานี่เจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ข้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว” ชาร์ลียังคงยืนยันหนักแน่น

อัสลันนิ่งมองครู่เดียวก่อนจะพยักหน้าทีหนึ่ง

“งั้นอย่าใช้ธนู การโจมตีระยะไกลสร้างผลได้ไม่มากเท่าไหร่หรอก”

“แต่ข้าไม่ถนัดดาบ” ชาร์ลีมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปจนยากจะอธิบาย

“งั้นก็ฝึกซะ”

“ตรงนี้เนี่ยนะ...”

“แหงสิ” อัสลันไหวไหล่แม้อาการปวดจะแปลบปลาบขึ้นมาอีกคำรบ เด็กหนุ่มเบ้หน้า “เจ้าคิดว่าข้าไปหัดดาบตอนไหนกัน อย่าบอกนะว่าคนเราควรหัดดาบในสถานการณ์ผ่อนคลายเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อข้าสอนมา แล้วถ้าคิดจะเปลี่ยนหลักสูตรของไฮแลนด์ก็ขอโทษทีที่มันทำไม่ได้เดี๋ยวนี้”

เซดจ์ชอบความเสี่ยง...

การจะโยนลูกชายเข้าไปกลางวงต่อสู้นั้นออกจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ชาร์ลีกลับกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอก่อนฉวยเอาดาบในมือศพรายหนึ่งขึ้นมาเช็ดด้ามที่เต็มไปด้วยเลือดเหนียวข้นอย่างผะอืดผะอมเต็มที เขาเงยมองขึ้นในจังหวะที่อัสลันก้าวไปอีกนิดเพื่อยืนยันเจตนารมณ์เดิมอันแน่วแน่ของตน

ไม่ว่าปีศาจเบื้องหน้าจะเป็นซีนายหรืออะไรก็ตาม

มันมีค่าควรแก่การขจัดไปก่อนจะสร้างความพินาศที่ขยายวงกว้างขึ้นทุกที

วีซานด์ตวัดดาบอีกหนแต่วืดผ่านไปในอากาศเสียงดังเมื่ออีกฝ่ายเดาทางได้และหลบทันท่วงที กระนั้นแรงเสริมจากอัสลันที่กระโจนไปสมทบทำให้มันไม่อาจเอี้ยวตัวหลบยามกะทันหันได้แต่ตั้งรับฉุกละหุก ยกกรงเล็บอันเป็นทั้งอาวุธและเกราะแข็งแรงขึ้นมารับจนก่อเกิดประกายแปลบปลาบเป็นสะเก็ดเวทมนตร์ อัสลันกัดฟันข่มความหนักอึ้งของการปะทะหักหาญครั้งนี้แก้ไขสถานการณ์โดยปัดอุ้งมืออันตรายนั้นเฉหลุดออกไปข้างตัว เปิดช่องให้ชาร์ลีมองเห็นหนทางเข้าไปช่วยเหลือ

“ซีนาย!” เด็กชายชาวนูฟตะโกนเรียก เจตนาทำลายสมาธิ

ความรับรู้อันรางเลือนแต่ยังคงมีส่วนที่ทำให้ปีศาจร้ายหันขวับมายังต้นเสียงนั้น

ไม่ว่าก้าวต่อไปชาร์ลีจะหวั่นใจเพียงใดเขาก็ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีก เด็กชายผ่อนลมหายใจและตั้งสติอีกครั้งก่อนพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างมุ่งมั่น

เขาไม่ได้อยากเป็นวีรบุรุษ...แต่ดูเหมือนการถอยหนีควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่มีในจิตใจ

ชาร์ลีสลัดหลุดความพะวงต่างๆทิ้งไปและก้าวเข้าสู่การต่อสู้ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น!

การต่อสู้ในลักษณะสามรุมหนึ่งไม่ช่วยให้พวกเขาได้เปรียบเมื่อเทียบขนาดร่างกายและความแข็งแกร่งของผิวเนื้อที่ปีศาจเวทมีอยู่

ชาร์ลีเริ่มล้าแรงและได้รับบาดเจ็บหลายแห่งในขณะที่อัสลันก็อ่อนเปลี้ยคล้ายจะทรุดลงไปได้ในวินาทีอันใกล้นี้ วีซานด์แม้จะยึดหลักหลอกล่อและถอยหนีมากกว่าเน้นการปะทะตรงๆแบบคนอื่นแต่นั่นไม่ช่วยให้เขาหลบรอดพ้นกรงเล็บอันกวัดแกว่งที่เรียกเอาชายชราหลั่งโลหิต

“ปัดโธ่เว้ย!” อีกหนที่อัสลันตะโกนอย่างหงุดหงิดเมื่อบาดแผลใหม่ปรากฏขึ้นที่ชายโครง

อัศวินหนุ่มยกดาบปัดป้องและมุ่งจู่โจมคืนกลับไปที่ส่วนขาของจอมปีศาจร้ายแต่ไม่ช่วยอะไรมากไปกว่าเปิดแผลใหม่มันขึ้นมาและใช้เวลาอีกครู่เดียวก็สมาน

ชาร์ลีเริ่มกระวนกระวายใจจนสังเกตได้ชัด

บางอย่างเบี่ยงเบนสมาธิของเขาออกไปจากวงต่อสู้...ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้นัก

“ระวัง!” วีซานด์กระโดดมาผลักเอาชาร์ลีล้มกลิ้งไปด้วยกันเมื่อเด็กชายชาวนูฟกลับมาเป็นเป้าโจมตีอีกหนเพราะความเผอเรอ

เขาพ่นคำหยาบคายมาหลายคำก่อนตะคอกใส่ชาร์ลีว่า “ถ้าเจ้าไม่รีบๆทำอะไรสักอย่างให้ข้าคืนร่างเดิม สาบานได้เลยว่าก่อนตายข้าจะตามล่าเจ้าไปจนสุดทะเลออบิท ไอ้ร่างบ้าๆนี่มันกำลังจะฆ่าข้าโดยไม่ต้องรอให้ซีนายทำ”

ชาร์ลียันกายลุกสะบัดศีรษะด้วยความมึนงง

สองหูเขาอื้ออึงไปด้วยเสียงพายุที่กลับมาอีกหน

แม้เรือทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องกระจายห่างเพื่อผลแห่งการขยับโยกย้ายเคลื่อนไหวแต่สติเล็กน้อยที่ซีนายยังมีก็ทำให้รู้ว่าหากทุกฝ่ายเห็นร่างตนเองในสภาพนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อไปในอนาคตแม้จะได้ชัยชนะมา ดังนั้นเวทมนตร์จึงถูกแบ่งส่วนไปเพื่อสร้างกำแพงพายุปิดกั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจากสายตาและหูมนุษย์บนเรืออื่นๆ

แต่กระนั้นหูที่ไวเป็นพิเศษของเขาก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินเสียงบางอย่างแทรกมาเพียงแต่ยังไม่อาจจับรหัสสัญญาณจนแน่ใจได้

ตอนนี้เขาไม่สงสัยอีกแล้วว่าซีนายพยายามแทรกแซงเข้ามาในจิตใจเขาช่วงของการเปลี่ยนแปลงสภาพเพื่ออะไรกัน...เจ้านั่นพยายามจะเอามาปรับใช้กับร่างกายตัวเองเพื่อเพิ่มอำนาจการทำลายล้างในรูปแบบของปีศาจนี่เอง แม้จะไม่เหมือนกันกับสิ่งที่ก่อเกิดต่อกายเขาแต่ชาร์ลีก็มั่นใจว่ามันคล้ายคลึง

ซีนายไม่เคยช่วยใครโดยไม่หวังผล

ตอนนำพาเจ้าหญิงมีนาร์มาให้ก็อ้างว่าเพื่อให้เด็กหญิงกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้แต่อันที่จริงซีนายคิดอยากให้ชาร์ลีมีภาระถ่วงแข้งขาเวลาทำเรื่องราวต่างๆมากมาย ดีที่เขาเท่าทันจนผลักเจ้าหญิงมีนาร์หลีกพ้นไปจากสายตาของซีนายสำเร็จ ไม่อย่างนั้นป่านนี้หากคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันสำหรับต่อรองบนเรือกลายเป็นน้องสาวกษัตริย์คาลอสเรื่องราวจะพลิกผันไปแค่ไหนก้ยากจะเดาออก

ชาร์ลีไม่สนใจถ้อยคำของวีซานด์ แต่กลับผลักร่างนั้นจนซวนเซห่างออกไป

กิริยาเบิกตาค้าง แหงนเงยมองท้องฟ้าราวกับรอคอยอะไรบางอย่างทำให้ชาร์ลีขาดการระวังป้องกันไปชั่วขณะ และเป็นจังหวะเดียวกับที่อัสลันพลาดท่ากลิ้งกายหลบการโจมตีอย่างรุนแรงจนพื้นไม้ปูดาดฟ้าแตกกระจายออกเป็นโพรง เด็กหนุ่มม้วนตัวหนีมาได้ทันท่วงทีแต่ก็เปิดเส้นทางโล่งให้ปีศาจแยกเขี้ยวหราพุ่งมาหาชาร์ลีได้โดยไร้สิ่งขัดขวาง

อัสลันกำลังจะร้องเตือนบางอย่างทว่าถ้อยคำนั้นกลับสูญหายไปเฉยๆเมื่อพบว่าบัดนี้รอบกายของสหายสนิทอาบคลุมด้วยลำแสงสีรุ้งที่ค่อยๆทวีความหนาแน่นและเปล่งประกายเจิดจ้าแสบตาอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าที่พริ้มหลับลงของชาร์ลีมองดูสงบสุขและอ่อนเยาว์ เขาตัดขาดจากการรับรู้ของสงครามรอบด้านอีกต่อไป...

ซีนายแผดร้องกึกก้องอย่างโมโหร้าย กระโจนเข้าทำลายเกราะเวทที่เกิดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

“ให้ตายเถอะ! นั่นมันลาเฟล...” อัสลันครางด้วยความรู้สึกอันประดังเข้ามาจนอธิบายลำบาก

ชาร์ลีลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ ดวงตาสีเขียวเข้มของเขากระจ่างใสปลอดโปร่งอีกครั้งขณะชูมือขึ้นหานกราไวสีขาวปลอดที่บินวนเบื้องบนและเป็นแหล่งที่มาของละอองคาถาที่โปรยปรายห่อหุ้มตัวเขาปกป้องเอาไว้ทันท่วงที

“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” เขาพึมพำแผ่วเบา

มันตอบกลับด้วยเสียงร้องแหลมสูงอย่างปรีดา...



“ทุกคนหลบเร็ว!”

เสียงหวีดร้องอย่างตระหนกดังขึ้นเมื่อลูกเพลิงดวงแรกพุ่งเข้ามายังเกาะ เคลันรับรู้ถึงความหวดกลัวจับใจเมื่อมองตามลูกเพลิงขนาดใหญ่ซึ่งลอยไปปะทะกับกำแพงเวทมนตร์ของเจ้าหญิงมีนาร์จนแตกดังเลื่อนลั่น ผืนน้ำสั่นสะเทือนประดุจจะแยกแตกออกจากกัน

พวกเขาอยู่ในแถบที่เวทมนตร์ของเด็กหญิงไหลรินลงยึดเกาะกับผิวน้ำดังนั้นแรงสะเทือนที่ได้รับจึงเกิดมากมายจนไม่อาจทรงตัวนิ่งอยู่ได้

กระนั้นร่างเล็กบางของเจ้าหญิงมีนาร์ก็ยังคงหยัดยืนนิ่งสงบราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

เรียกเอาความเชื่อมันของทุกคนกลับมาอีกครา

“มันจะยิงมาอีก...ทำไมเราไม่หนีกันล่ะ” ฮิวร้องแรกแหกกระเชออย่างแตกตื่น

โทสกระโดดไปเกาะหลังใช้แขนล็อกคอกึ่งเล่นกึ่งจริง “เดี๋ยวก็เผลอวิ่งตกทะเลไปหรอก เจ้าเป็นอะไรเนี่ยฮิว ไม่เห็นรึไงว่ากำแพงเวทมนตร์ของเจ้าหญิงมีนาร์รับมันเอาไว้ได้น่ะ”

“แล้วเจ้าไม่เห็นรึไงว่าเรือโจรสลัดนั่นมันมีมาตั้งกี่ลำ”

“แล้วไง”

“แปลว่าอะไร...แล้วไง” ฮิวดิ้นรนจนหลุดพ้นพันธนาการ ทวนคำเสียงสูงพลางชี้มือไปยังเส้นขอบฟ้าที่แลเห็นแสงไฟหลายดวงเป็นแนวยาวกระทบผิวน้ำ “พอพวกมันโจมตีต่อเนื่องไปจนเช้าเจ้าหญิงมีนาร์ก็จะหมดแรง ทำไมชาร์ลีไม่ยอมเอามาธาเกียร์ให้พวกนั้นแล้วปล่อยให้พวกมันจากไป ถ้าไม่มีคนหัวรั้นแบบชาร์ลีเราก็ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ เจ้าคิดเหรอว่าเจ้าหญิงมีนาร์จะอยู่กับพวกเราไปตลอดกาลน่ะ”

เคลันนิ่งขรึมขณะเคลื่อนกายมาจ้องลึกลงไปในดวงตาอันหวาดกลัวของฮิว

เขาพบว่ามีบางอย่างที่ทำให้สะดุดใจ “นี่เจ้าเองหรือฮิว...ไม่น่าเชื่อเลย ข้าเคยได้ยินชาร์ลีบอกว่าในหมู่พวกเรามีคนทรยศ คำสั่งสุดท้ายของเขาก่อนออกจากเกาะคือให้ข้าระวังเพิ่มขึ้น แต่ข้าไม่เคยเชื่อเลย ข้ามองหาคนทรยศจากเนียญ่าไม่ใช่เมิร์ฟฟา”

ฮิวกระตุกร่างอย่างระงับอาการไม่อยู่ แตกตื่นลนลาน

“เจ้าพูดบ้าอะไรน่ะ ข้าไม่เคยทรยศใคร”

หลายคนเริ่มมองมาที่การสนทนาครั้งนี้ด้วยบรรยากาศที่เข้มข้นขึ้น เพจแหวกผู้คนมายืนข้างเคลัน ขณะที่มิวก็เบียดมายืนชิดกับโทสราวกับรอคอยคำอธิบายในข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นระหว่างกัน

เคลันกล่าวอย่างอัดอั้นตันใจว่า “ชาร์ลีคิดว่าการตายของผู้เฒ่าคนก่อนไม่ใช่อุบัติเหตุ เขาสงสัยฮิวจากตอนที่เราถูกโจมตีหนแรก”

“ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าเองก็โดนลูกหลง” ฮิวปากคอสั่นขณะแก้ต่างให้กับตัวเอง

“แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ากำลังจะไปไหน” เคลันยกข้อสังเกตของชาร์ลีมาอ้างอย่างเจ็บปวดใจ “ชาร์ลีเล่าว่าถามเจ้าตอนที่คนอื่นๆกำลังจะช่วยขึ้นมา เจ้าบอกว่าจะเข้าไปในป่า แต่ข้าตรวจดูแล้วเช้าวันนั้นเจ้ามีชื่ออยู่ในกลุ่มคนที่ต้องเข้ากะทำงาน”

“พวกเจ้าก็เห็นว่าข้าติดอยู่ในห้องใต้ดิน...”

“กับข้า...” โทสขัดขึ้นอย่างเคร่งเครียด “ถ้าวันนั้นข้าไม่บังเอิญอยากไปคุยกับเจ้าเรื่องเครื่องดื่มที่ตกลงกันไว้เจ้าก็คงหนีอันตรายเข้าป่าไปแล้วล่ะ ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเราต้องลงไปในห้องใต้ดินในเมื่อที่ข้าต้องการก็แค่เครื่องดื่มธรรมดาๆ”

หากไม่สามารถหนีไปในป่าได้ทั้งที่รู้ว่าการโจมตีกำลังจะเกิดขึ้น วิถีทางรอดเดียวของฮิวคือการหลบไปที่ปลอดภัยและในเวลาฉุกละหุกแบบนั้นเมื่อรู้ล่วงหน้าว่าการโจมตีจะมาจากเบื้องบนก็ย่อมไม่แปลกที่ฮิวจะมุดลงห้องเก็บของใต้ดิน เพียงแต่เขาไม่ฉลาดพอสำหรับการเอาตัวเองขึ้นมาจึงแพร่งพรายเรื่องราวมากมายจนชาร์ลีคลางแคลงใจ

“นี่เจ้าทรยศพวกเราจริงๆงั้นรึ” มิวยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“พวกนั้นมันปรักปรำข้า” ฮิวโวยวายกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าแดงก่ำ

โทสกลับชี้หน้าเมื่อนึกขึ้นได้ “ก่อนวันที่เกิดอุบัติเหตุกับผู้เฒ่าคนก่อนข้าเห็นเจ้าไปวนเวียนแถวฟันเฟืองใหญ่นั่นแต่ข้าไม่เคยสนใจอะไรแล้วก็ไม่เคยคิดจะบอกใคร แต่นี่มันเกินไปแล้วนะ...ถ้าเจ้าอยู่เบื้องหลังและเข่นฆ่าคนเมิร์ฟเนียด้วยกันข้าก็เสียใจที่เชื่อว่าเจ้าเป็นพวกเรา”

“ข้าไม่ได้ทำ!”

ฮิวตะโกนลั่นๆอย่างแตกตื่นลนลาน ไม่ว่าสิ่งที่ทุกคนกล่าวมานั้นจะยังต้องการเครื่องพิสูจน์ แต่จากกิริยาอาการมีพิรุธของผู้ถูกกล่าวหาก็ทำให้ทุกคนเชื่อไปเกินครึ่งว่าเบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ฮิวจะต้องรู้เห็นเป็นใจไม่มากก็น้อย

“ลูกเพลิงมาอีกแล้ว!” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น

ไม่มีใครสนใจฮิวอีกนอกจากล้มตัวลงนอนราบเพื่อป้องกันแรงกระแทกที่จะตามมา เสียงระเบิดเลื่อนลั่นติดต่อกันเป็นชุดยาวนาน สะเก็ดไฟบางส่วนร่วงกระจายมาใส่เรือจนเกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นก่อความอลหม่านในทันที

“ชักรอกน้ำทะเลขึ้นมาช่วยกันดับไฟเร็ว” เคลันลุกมาสั่งงานแข็งขัน

พวกเขาไม่มีเวลาหวาดกลัวอีกต่อไป ภายใต้อาการไหวรุนแรงของเรือได้แต่ฝืนใจยืนหยัดเพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ของเจ้าหญิงมีนาร์ที่กำลังตั้งสมาธิกับการใช้เวทมนตร์แบบต่อเนื่องยาวนาน

ฮิวฉวยจังหวะนั้นกระโจนไปคว้าถังไม้ใบหนึ่งและกระโดดลงจากกราบเรือ

เสียงน้ำแตกกระจายดังแว่วมา โทสวิ่งไปเกาะกราบเรือชะโงกมองอย่างขัดใจ แต่เคลันกลับส่ายหน้าและสั่งว่า

“ปล่อยเขาไป ถึงยังไงเขาก็เป็นเมิร์ฟเนียข้าไม่อยากจับเขาส่งให้กษัตริย์คาลอสถึงจะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ”

“เราควรบอกชาร์ลีไหม” คำถามของโทสสะกิดความสนใจผู้คน

เคลันนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนพยักหน้า

“ต้องบอกชาร์ลี แต่แค่ชาร์ลีคนเดียว...ที่เหลือก็แล้วแต่เขา”

สายตาหลายคู่ที่มองสบกันไปมาบ่งบอกอาการเห็นพ้องต้องกัน

หากใครสักคนจะตัดสินโทษของชาวเมิร์ฟเนียก็น่าจะเป็นบุคคลที่ชาวเมิร์ฟเนียผูกพันและศรัทธา ในวินาทีนี้ไม่มีตัวเลือกอันใดดีไปกว่ายกหน้าที่นั้นให้แก่เด็กชายจากต่างแดนที่เข้ามาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตนเอง



เสียงไม้ปะทุเพราะถูกไฟแผดเผาทำให้ทุกคนบนเรือต่างวิ่งพล่านหาทางดับ เคลันพยายามระงับความสับสนวุ่นวายด้วยการสั่งให้ตั้งแถวลำเลียงนำแต่ไม่นานนักก็พบว่ามันไม่อาจต้านทานอัคคีร้อนแรงที่เรืองโรจน์ขึ้นทุกขณะ ช่วงเวลาหนึ่งที่การยิงลูกเพลิงชะงักลงทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ทว่าความสูญเสียก็เกิดขึ้นจนยากที่แก้ไขเหตุซึ่งกำลังลุกลามบานปลาย

แม้จะยังดีว่าเรือลำนี้มีระบบป้องกันไฟใต้ท้องเรือพรักพร้อมเพราะเอาไว้เคลื่อนย้ายลูลูบิอาร์ดินีย์ แต่เชื้อเพลิงนั่นย่อมเทียบไม่ได้กับไฟเวทที่ถูกคาถาช่วยให้ลุกโพลงว่องไวและดับยากกว่าไฟทั่วไป เมื่อเป้าหมายไม่ได้ลามมาจากท้องเรือเบื้องล่างแต่กินที่ไปจากด้านบนดาดฟ้าเรือก็ทำให้การดับมันลงเป็นไปได้ลำบากยิ่งยวด

“เคลัน ไฟด้านหลังลามไปมาก คนทางโน้นดับไม่ไหว” เพจตะโกนเสียงแหบเสียงแห้ง

สีหน้าหลายคนบังเกิดความปริวิตก

เคลันสำลักควันไฟ แม้จะคิดว่ามีโชคดีอยู่บ้างที่ลมไม่ได้พัดเอาควันไปทางเจ้าหญิงมีนาร์ แต่หากไฟยังคงกินลามอยู่แบบนี้พวกเขาจำเป็นต้องกระทำบางอย่างเพื่อความปลอดภัย

“ถ้ามันตัดขาดเรือเราเป็นสองส่วนให้แยกย้ายกันปล่อยเรือเล็กลงน้ำแล้วหนีไป” คำสั่งเขาถือเป็นเด็ดขาดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยามนี้

“ทำแบบนั้นไม่ได้” รูดี้ขัดขึ้น ผิวเนื้อของมันรู้สึกถึงไอร้อนระอุทั่วบริเวณ เส้นขนบางส่วนถูกเผาไหม้จนดำด่างแหว่งเป็นกระจุก แต่มันก็ยังฝืนยืนระมัดระวังสะเก็ดไฟที่กระเด็นไปใกล้เจ้าหญิงมีนาร์ ชิงดับก่อนที่จะลุกลามเป็นอันตรายต่อเธอ

โกลบพ่อบ้านกระวนกระวายไม่น้อยต่อสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า

“เมื่อไหร่ย้ายที่เวทมนตร์ของเจ้าหญิงมีนาร์จะขาดช่วง พวกโจรสลัดอาจอาศัยโอกาสนั้นโจมตีอีกหนแล้วอันตรายจะไปตกที่เกาะแบบเต็มๆ”

“เราไม่มีทางเลือกนะรูดี้ บางทีเรืออาจจะจม” มิวกระตุ้นเตือนให้มันได้สติ

รูดี้ยังคงกล่าวย้ำ “เจ้าหญิงมีนาร์ไปจากนี่ไม่ได้ ชาร์ลีสั่งเอาไว้ให้ตรึงกำแพงเวทต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นว่าทุกคนปลอดภัย ไม่งั้นป่านนี้เธอคงขยับลงเรือเล็กไปก่อนแล้ว ข้าเคยได้ยินเดลบอกว่าการใช้เวทยิ่งมากมายมหาศาลแค่ไหนการตั้งสมาธิไม่ให้ขาดช่วงยิ่งสำคัญมากเท่านั้น บางทีถ้าเจ้าหญิงมีนาร์พลาดจังหวะนี้ไปเธออาจก่อกำแพงเวทอีกหนไม่สำเร็จ เพราะตอนนี้ทุกอย่างกำลังเข้าที่เหมือนสิ่งซึ่งควรจะเป็น”

พลังงานกำลังถูกจัดเรียงด้วยเงื่อนไขอันพึงก่อเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

การละมือย่อมเป็นอันตรายต่อผู้ใช้เวท...แม้กระทั่งแม่มด

ไม่มีใครรู้ถึงอำนาจมนตราดีไปกว่ารูดี้ที่คลั่งไคล้เวทมนตร์มาแต่เดิม ย้ายเรือรอบแรกทำได้เนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นการเรียกเอาเวทมนตร์ที่แฝงเร้นออกมาภายนอก เจ้าหญิงมีนาร์จึงยุติและก้าวมาสู่เรือใหญ่นี่โดยไม่ได้รับผลกระทบอื่นใด ทว่าเวลานี้การจะเปลี่ยนแปลงใดๆอีกรูดี้มองว่าไม่น่าจะทำได้ง่ายดายนัก รังแต่จะชักนำความแพ้พ่ายและทำให้สิ่งที่อุตส่าห์ลงแรงไปก่อนหน้านี้สูญเปล่า

“เราจะอยู่ที่นี่จนถึงเวลาที่ต้องไป ช่วยกันป้องกันไฟให้ดีที่สุดเพื่อให้เจ้าหญิงมีนาร์ทำงานของเธอต่อ!” เคลันไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น

หลายคนรับคำแข็งขัน

และนั่นก็เพียงพอที่จะกอบกู้กำลังใจทุกฝ่ายกลับคืนมาโดยไม่มีการแบ่งแยก

รูดี้ตื้นตันที่เห็นหลายคนร่วมมือร่วมใจกัน เปลวไฟอาจจะลุกลามแต่ไม่สามารถเผาผลาญเอาความยึดมั่นสามัคคีกันของชาวเมิร์ฟเนียให้มอดไหม้ไปได้อีก

ชาร์ลีคงจัดการทุกอย่างได้ด้วยความเชื่อมั่นหากได้รู้ข่าวดีนี้

แต่รูดี้ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าระยะเวลาจะทอดยาวไปแค่ไหนในเมื่อหายนะที่ทุกคนมองเห็นมีอยู่รำไร...มันทอดถอนใจเหนื่อยล้าขณะลากเอาถังน้ำใบหนึ่งไปยังส่วนที่ชักรอกน้ำขึ้นมาช่วยกันดับไฟด้วยอาการหมกมุ่นครุ่นคิด










Create Date : 25 มีนาคม 2554
Last Update : 25 มีนาคม 2554 8:46:00 น. 0 comments
Counter : 399 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ploy666
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




หนังสือที่มีวางจำหน่ายเฉพาะในบล็อก
https://ploy666.bloggang.com




ชื่อเรื่อง : เศวตธามัน (บัลลังก์ศศิธรา)
นามปากกา : สิตาปางค์
ประเภท : จินตนิยาย , โรแมนติก
รูปเล่ม : ขนาด 700 หน้า A5
ออกแบบปก : Little thing

ราคา : 850.- บาท
สินค้าหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ploy666&group=28

สั่งซื้อที่ : .........

หมายเหตุ : งดใส่ลายเซ็นนักเขียนทุกกรณีค่ะ

** ***********************************



ชื่อเรื่อง : เงาบรรณ
นามปากกา : ลายน้ำ
ราคา : 259.- บาท
สั่งซื้อที่ (ยุติการสั่งซื้อ)

สินค้าหมดค่ะ



****************

นิยายที่อัพล่าสุดคือเรื่อง

รอยทรายบนลายรัก
...และ...
กระต่ายในใจจันทร์



***********

เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่า
ทนไม่ไหวแล้ว...
จงเรียนรู้ ที่จะขอความช่วยเหลือ

โลกไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
ผู้คน ก็ไม่ได้ใจร้ายไปซะทั้งหมด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ...


Ploy666.



************

หมายเหตุสักนิดค่ะ...

ถ้าเป็นไปได้ งดการแปะรูปใส่คอมเม้นท์นะคะ
เจ้าของบล็อกเข้าหน้าจอไม่ได้จ้า เน็ตห่วยมากมาย

ขอบคุณคนใจดีทั้งหลายล่วงหน้าค่ะ


**************

เนื้อหาต่างๆที่อัพในบล็อก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


Friends' blogs
[Add ploy666's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.