หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

ประวัติพระบุญนาคเที่ยวกรรมฐาน ๔


ลิงมานอนบนตัก



พอตะวันค่ำลง ประมาณ ๕ โมงเย็น เผอิญมีเสียงเสือร้องฮ้าวฮือ ๆ ฮ้าวฮือ ๆ ร้องจากหลังเขา มากินน้ำในบึงนั้น เสียงเสือร้องดังก้องมาในทิศทั้งสี่ ฝ่ายว่าอาตมาภาพได้ยินเข้าก็ตกใจ พิจารณาไปว่า บัดนี้เรานำชีวิตมาสู่อันตรายด้วยหวังเพื่อบารมี เมื่อตกลงใจเช่นนี้ เกิดขนพองสยองเกล้าอย่างพิศวงใจ คือปรากฏว่าขนทั้งตัวยาวออกข้างละแขนตั้งขึ้นตั้งลง เสียงเสือยิ่งร้องใกล้เข้ามาทั้ง ๖ ตัว มาตัวละทิศ ขณะนั้นเกิดแน่นใจลำคอแข็ง น้ำตาทั้งสองข้างใหลหยดหยาดออกมา หยิบจีวรในบาตรมาห่มคลุมปิดทั้งตัวทั้งศีรษะ นั่งขัดสมาธิแล้วนึกอะไรยังไม่ออก เพราะยังแน่นหน้าอก นึกอะไรก็ไม่ออก อยู่ประมาณ ๕ ทุ่ม ยังมีลิงไม่ใหญ่ไม่เล็กขนาดกลาง ๆ ลงมาจากต้นไทร มาร้องโวกเวียนอ้อม ๓ รอบ แล้วเข้ามานอนข้างที่บนหน้าตัก เอาศีรษะหนุนเข่าขวา ร้องเรียกโวก ๆ ดังนั้นอยู่เรื่อยไป จนกว่าประมาณ ๖ ทุ่ม จึงนึกได้ว่าจะเป็นเช่นนี้กระมังโบราณท่านว่าผีสม่อยกินไส้พุงคนนอนค้างเข้ากลางคืน




พอนึกได้เช่นนี้แล้วอาการแน่นหน้าอกก็ค่อยทุเลาลงพอให้นึกอะไรต่อไปได้ จึงได้ตั้งสัจจอธิษฐานว่า “สาธุ สาธุ สาธุ ข้าแต่เทพยดาทั้งหลาย พร้อมด้วยคุณพระรัตนตรัย หากว่าข้าพเจ้ายังมีกรรมเวรกับสัตว์ตัวหนึ่งตัวใดแล้ว ขอสัตว์เหล่านั้นมาล้างผลาญทำลายในชีวิตแห่งข้าพเจ้าให้เป็นไปตามยถากรรมนั้น ๆ หากว่าข้าพเจ้ามิได้มีกรรมเวรกับสัตว์ตัวหนึ่งตัวใดแล้ว ส่วนปฏิปทาการบำเพ็ญบารมีของข้าพเจ้าจงเป็นไป อย่าได้ขัดข้องต่ออันตรายทั้งหลาย อันจะพึงมีในเบื้องหน้า” พออธิษฐานเสร็จลง ลิงตัวนั้นก็กระโดดออกไปขึ้นบนต้นไทรทันใด ก็นึกขึ้นได้ว่า เราคงจะไม่มีเวรเลย พอสำเร็จอธิษฐานลิงก็ออกหนีทันที ก็นึกดีใจขึ้นมาได้ บริกรรมกำหนดนึกพุทโธ ๆ ตามหายใจเข้า หายใจอออกอยู่เรื่อยไป




พอจวนสว่างเสือก็ร้อง ฮ้าวฮือ ๆ ขึ้น ก็แน่นหน้าอกขึ้นอีก น้ำตาทั้งสองข้างก็ไหลหยดหยาดซึมซาบออกมา ไม่ช้าช้างพัด (คำว่า “พัด” หมายถึง “ก็”) ร้องเสียงดังเอ๊ก ๆ เอ๊กขึ้นอีก ขณะนั้นใจสะดุ้งขึ้นมาแค้นค้างอยู่ที่ต้นคอ หูดังอื้ออยู่ครู่หนึ่ง ปรากฏลิ้นแข็ง ฟันออกมาที่ริมปากแล้วก็หูดับ แล้วไม่รู้อะไร ในระหว่างนั้นคล้าย ๆ กับนอนหลับไม่ฝัน ก่อนจะรู้สึกตัวคล้ายกับนอนฝัน แต่ยังนั่งอยู่ ปรากฏว่ายังมีหญิงสาวหนุ่มคู่หนึ่ง ถือดอกบัวมาอันหนึ่ง มาถวายแล้วบอกว่าท่านจงทนไปเถิด ท่านจะเป็นผู้หมดเวรในชาตินี้ ดังนี้ แล้วก็รู้สึกขึ้นทันที



พอดีสว่าง ก็ไปเที่ยวบิณฑบาตบ้านนั้นอีก พอไปถึงบ้าน นายดีผู้ใหญ่บ้านบอกแก่ชาวบ้านนั้นว่าท่านองค์นี้ท่านมาบิณฑบาต ใครมีศรัทธาก็จงใส่บาตรให้ท่านไปเถิด ใครไม่มีศรัทธาก็แล้วไป ส่วนตัวเราเข้าใจว่าจะเป็นคนบ้ากระมัง ถามไม่พูด มิฉะนั้นก็เป็นคนพิกล มาจากแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นแน่




วันนั้นมีคนใส่บาตรให้ ๒ คน ได้ข้าวประมาณเท่า ๒ ฟองไข่เป็ดแล้วกลับไปฉัน พอฉันเสร็จตอนกลางวันก็นั่งสมาธิและเดินจงกรมไปตามเคย




ครั้งค่ำลงตอนเย็น เสือมันร้องเสียงดัง ฮ้าวฮือ ๆ ทุกวัน ๆ พอได้ยินเสียงเสือร้องขึ้นก็เกิดแน่นหน้าอกน้ำตาไหลซึมซาบออกมาดังนั้นทุกวันไป ตอนกลางคืนนอนไม่หลับเคยสักนิด นั่งอย่างไรก็อยู่อย่างนั้น หากจะติง (ขยับ) ตัวหรือเดินไปมาในเวลากลางคืน ก็นึกว่าเสือหรืออะไรมันจะมองเห็น เอาผ้าจีวรห่อคลุมศีรษะ แล้วก็นั่งนิ่งอยู่ เพื่อว่าจะให้สัตว์ที่มามองเห็นว่าเป็นตอไม้ไป มันจึงจะไม่ทำอันตรายแก่เรา ทำอย่างนั้นอยู่ในที่นั้น ๓ วัน ส่วนเวลากลางวัน ก็เดินจงกรมบ้าง นั่งบ้าง นอนบ้างตามธรรมดา ส่วนกลางคืนนั่งทำพิธีเป็นตอไม้ไปเลย




ลงนั่งริมบึงให้เสือกิน




อยู่ต่อมาถึงวันคำรบ ๔ คิดปรารภอันจะกลับบ้านและสำนักวัดเดิม ไม่ช้าในขณะคิดจะกลับคืนสู่สำนักวัดเดิมนั้น ยังมีตะขาบใหญ่ตัวหนึ่ง วิ่งออกมาจากรูหิน มาตรงเฉพาะหน้าแล้วก็กัดสะดือกินใส้ของตนจนจะขาดเป็นท่อนแล้วก็ตายไป ก็นั่งพิจารณาอาการของสัตว์นั้นอยู่ ไม่ช้ายังมีเต่าใหญ่ตัวหนึ่งคาบผลมะสั้นลูกโต ๆ เข้ามาวางจรดกับเข่า หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หลีกไป อาตมาภาพก็นั่งพิจารณาอาการสัตว์ทั้งสอง ที่ปรากฏขณะนั้น ได้ความว่า หากเราเพียรทำลายความกลัวของเราได้แล้ว เราก็จะมีผลดังเต่า ตัวโง่ ๆ ทำไมมันยังเอาผลไม้มาให้เราดูได้ ถึงความกลัวนี้ไม่หาย เราก็อดทนต่อความกลัวอยู่ต่อไป ต่างก็ได้บำเพ็ญขันติบารมี คือว่าจะกลัวเพียงใด ก็อดทนอยู่นั้นเอง ทนต่อความกลัวอยู่ที่นั้น ตอนค่ำมาพอเสือร้อง ๒ เสียงดังฮ้าวอือ ๆ ก็แน่นหน้าอกน้ำตาไหลออกมาอยู่เช่นนั้นได้ ๑๐ วัน



ในวันคำรบ ๑๐ ตอนเย็นเสือร้องที่บนเขา ก็แน่นหน้าอกเข้าอีก จึงนึกขึ้นมาว่า เราทนต่อความกลัวมาเป็นเวลา ๑๐ วันแล้วไม่เห็นหายสักที เป็นทุกข์อยู่ดังนี้ร่ำไป หากจะกลับบ้านก็กลัวเพื่อนบรรพชิตพร้อมทั้งอาจารย์จะดูถูกเรา ว่าไปไม่กี่วันก็กลับมา แล้วไม่เห็นเป็นอะไรไปได้ที่ไหน เราก็จะอายขายหน้าและรำคาญหู คืนไปสู่สำนักวัดให้คนอื่นเขาดูถูกปฏิปทาของศาสนา ทั้งเราก็จะเป็นทุกข์ต่อไปเพราะจะรำคาญหู เขาจะเย้ยเล่นว่าเราเป็นกรรมฐานด้วยก้อม (คำว่า "ก้อม" หมายถึง ค่อม เตี้ย สั้น)




ตกลงถึงจะอยู่ที่นี้ก็เป็นทุกข์ จะกลับคืนสู่สำนักวัดก็เป็นทุกข์ กลัวเขาจะไม่เชื่อถือข้อประพฤติของเราต่อไปอีก คือเป็นคนไม่จริงกลับกลอก แหนงว่าเราไปให้เสือกัดตายในวันนี้เสียดีกว่าจะทนทุกข์อยู่ดังนี้หลายวันไปอีก ถ้าเรายังไม่ตายอยู่ต่อไปอีกพรุ่งนี้หรือมะรือนี้ก็จะเป็นทุกข์ เพราะความกลัวเช่นนี้ต่อไป หากว่าเสือกัดให้เราตายเสียแล้วในวันนี้ก็ใครเล่าจะมากลัวให้เป็นทุกข์อยู่ที่นี้อีก ตกลงว่าเอาเถิด เป็นทุกข์เพราะเสือกัด ไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็ตายไป ดีกว่าเราทนทุกข์อยู่เช่นนี้ต่อไปหลายวันอีก คิดตกลงแล้วก็เตรียมครองผ้าให้เรียบร้อยเป็นปริมณฑล แล้วก็ตรงไปยัง ท่าน้ำที่บึง ที่เสือเคยลงกินน้ำทุกวัน



เดินเข้าไปให้เสือกิน




พอลงไปถึงริมน้ำแล้วก็นั่งขัดสมาธิ พิจารณาว่า เมื่อมันมากินเรามันก็คงกัดที่ตรงคอของเรานี้ ประเดี๋ยว ๆ ก็ตายเท่านั้น ไม่ต้องลำบากอีกหลายวัน คิดแล้วก็ตั้งปณิธานปรารถนาว่า "หากข้าพเจ้าตายลงในวันนี้ ด้วยอำนาจแห่งคุณธรรมทั้งหลาย มีผลแห่งการรักษาศีลเป็นต้น จงดลบันดาลยังข้าพเจ้าให้ได้ถึงสุคติมีสวรรค์เป็นเบื้องหน้า" อธิษฐานเสร็จก็นั่งอยู่ ไม่ช้าเสือก็มาถึง นั่งหลับตาอยู่ได้ยินเสียงหายใจเสือดังกึกฮือ ๆ เข้าก็ลืมตาขึ้น เห็นเสือตัวใหญ่สีมุ่ม (สีลูกตาล) มองดูเท้าหน้าทั้งสองของเสือใหญ่เท่าต้นคอของเรา นึกแล้วก็แน่นหน้าอกขึ้นทันที น้ำตาก็หยดหยาดลงในขณะนั้น แล้วตระครุบลงหมาบอยู่คอยให้เสือเข้ามากัด ไม่ช้าเสือครางขึ้นเสียงดังกึกฮือ ๆ แล้วก็คว๊ากฝุ่นดินมาใส่ถูกศีรษะ ๓ ที แล้ว เสือก็กระโดดขึ้นบนฝั่งบึงแล้วร้องเสียงดังอ้าวฮือ ๆ ไกลออกไปจึงเงยขึ้นนึกได้ว่า เสือมันไม่กินเราเพราะอันตรายยังไม่มาถึง นึกแล้วก็ขึ้นฝั่งบึงเดินตามหลังเสือขึ้นมาห่างกันประมาณ ๑๐ กว่า ๆ วา พอเสือมองเห็นก็ทำท่าตะครุบก็เดินตรงเข้าไปหาเสือ ยังอีกประมาณ ๒ ก้าวขา เสือก็กระโดดแล้วจึงไปตามชายเขา ส่วนว่าอาตมาภาพครั้งนั้นก็เดินกลับไปยังที่พักร่มไทร ขณะนั้นกำลังเดินไปพรางพิจารณาว่า ขึ้นชื่อว่ามนุษย์คือสัตว์วิเศษ แปลว่าพวกใจสูง พร้อมด้วยบุญญาภิสังขารจึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ตกลงว่า ใครทั้งหมดในโลกนี้จะอยู่ได้ทนเพราะความกลัวตายก็หามิได้ หรือว่านึกอยากตายแล้วก็ตายลงทันทีหามิได้ ข้อนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์คงตั้งอยู่ได้หรือตายลงก็ดี ต้องเป็นไปตามยถากรรมของสัตว์ตามให้ผลเท่านั้น




พิจารณาเช่นนี้แล้วก็ถึงร่มไทร นั่งลงที่ก้อนหินที่เคยพักแล้ว ก็พิจารณาต่อไปว่า "เช่นเราเวลานี้คิดอยากตาย ทั้งไปให้เสือกัดกินเสียด้วย ข้อนี้กรรมยังรักษาอยู่ยังไม่ให้ผลในความตายมาถึง จึงไม่ตายเช่นคนอื่นเล่า ที่เขาตายแล้วก่อนเรายังอยู่ในบ้านเรือนเสียด้วย มีพี่น้องญาติวงศ์รักษาไม่อยากให้เขาตาย คนที่ตายไปนั้นเขาก็ไม่อยากตายแล้วก็ไม่เห็นว่ามีใครทำเขาตาย ทำไมเขาตายไปแล้ว ข้อนี้ความเป็นอยู่ได้หรือความตายไปเหล่านี้มิได้อยู่ในความปกครองต้องการของใครเสียแล้ว ความเป็นอยู่หรือความตายไปเป็นเรื่องของกรรมจะให้ผลเป็นส่วนพิเศษ นอกจากความปกครองของใจต่างหากมิใช่ว่าใจนี้ปกครองชีวิตได้โดยเด็ดขาด เช่นใจยังไม่อยากตายเลย พอเจ็บปวดที่ไหน เจ้าใจต้องนึกหายามาใส่ ผลที่สุดก็ตาย เช่นใจของเราเวลานี้นึกอยากตายก็ไม่เห็นมันตาย ข้อนี้อย่าเลยเจ้าใจเอ๋ย ชีวิตความเป็นอยู่นี้หรือจะตายลงเมื่อไรมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ในเจ้าเสียแล้ว ฉะนั้นควรแล้วหรือเราจะมานึกกลัวตายหรืออยากตายให้เป็นทุกข์เปล่า ๆ มิเข้าเรื่องเข้าการความเป็นอยู่หรือความตายไปมีตัวกรรมเป็นเจ้าของทำหน้าที่นั้นเป็นส่วนพิเศษ เราจะไปหวงแหนช่วยเขาให้เขาทำให้ดีขึ้นกว่านี้ก็เปล่า หรือนึกจะทำลายของเขาจนนำไปยอมให้เสือกัด เสือก็ไม่กัด เพราะเจ้าของเขารักษาอยู่”




เมื่อพิจารณาตกลงเช่นนี้แล้วก็รู้สึกหายกลัว แล้วก็ค่ำเข้าประมาณ ๑ ทุ่มรู้สึกง่วงนอนมาก ก็นอนทับลงที่ลานหินนั้น เงยหน้าขึ้นมองดูดวงดาวสดใสสว่างดี ก็นึกสบายใจขึ้นประการเดียวเท่านั้น ชั่วครู่เสือก็ครางขึ้นใกล้ ๆ เสียงอ้าวฮือ ๆ ใจก็นึกขึ้นทันที “ว่าบัดนี้ข้าพเจ้ารู้ดีแล้วชีวิตนี้มิได้มีกรรมสิทธิ์ในข้าพเจ้า ใจนึกสั่งเจ้าของชีวิตคือเจ้ากรรม ว่าเจ้ากรรมเอ๋ย ผู้เป็นจ้าของแห่งชีวิต บัดนี้เสือมาใกล้เข้าแล้ว เห็นสมควรเช่นไร เจ้าก็คงจัดการไปตามเรื่องนั้นแหละหนอ” นึกแล้วก็นอนหลับต่อ ขณะหลับอยู่นั้น ฝันว่าช้างเผือกมาจับยกเอาทั้งตัวขึ้นนั่งบนศีรษะ แล้วก็เดินขึ้นหลังเขาไปพัก อยู่ร่มไม้ใหญ่เย็นเงียบ



ไม่ช้าก็ตื่น พอตื่นขึ้นก็นึกพยากรณ์คำฝันของตนว่าฝันเช่นนี้ปฏิปทาของเราจะเจริญยิ่ง ๆ ต่อไป จึงพึงพิจารณาต่อไปว่า แต่ก่อนเรามีความกลัวมาปิดกั้นสันดาน จนนึกอะไรไม่ออก บัดนี้ ความกลัวอันนั้นก็ถึงความพ่ายแพ้ไปแล้ว บัดนี้เราควรจะบำเพ็ญธรรมบทไหนหนอ พิจารณาไปมาก ๆ ระลึกขึ้นได้ว่า “สติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงรับรองว่าเป็นธรรมอันบุคคลพาเจริญให้มากแล้วได้บรรลุธัมมาภิสมัย ภายใน ๗ ปีบ้าง ๗ เดือนบ้าง ๗ วันบ้าง”



ต่อมา อาตมาภาพนั่งสมาธิพิจารณาต่อไปว่า กายก็สักเพียงว่าแต่กาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา เรียกกายานุปัสสนา และเวทนาสุขทุกข์ ก็ไม่ใช่เรา เรียกเวทนานุปัสสนา และจิตก็ไม่ใช่เรา เรียกจิตตานุปัสสนา และธรรมารมณ์ที่คิดพล่านกับจิตก็ไม่ใช่เรา เรียกธรรมานุปัสสนา




เมื่อพิจารณาเสร็จลงก็เกิดความสนใจมากขึ้นว่า เราปฏิบัติเพื่อจะละกายอันเป็นมนุษย์ที่เจืออยู่ด้วยความทุกข์ เพื่อจะได้ความสุข เวทนาอันเกิดแก่ทิพสมบัติสุขนั้นก็มิใช่เรา และของเราเสียแล้ว หรือจิตผู้จะเสวยความสุขก็ไม่ใช่ และไม่เป็นของเราเสียแล้ว และธรรมารมณ์ผู้จะรับรู้ซึ่งความสุขอันเราพึงได้ก็ไม่ใช่เรา และไม่เป็นของเราเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ปฏิปทาที่บำเพ็ญอยู่ด้วยความลำบากถึงเพียงนี้ เราจะเมื่อไรหนอเป็นคุณสมบัติอันพึงได้พึงถึง เพราะว่ากายก็ดี เวทนาก็ดี จิตก็ดี ธรรมก็ดี พระเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ไม่ใช่เราและไม่เป็นของเราเสียแล้ว ผลจะพึงได้อันเกิดแต่การรักษาศีลและเมตตาภาวนาจะพึงมีที่ไหนหนอ พิจารณาไม่ตกลงก็เกิดความสนใจมากขึ้น พอดีสว่างรุ่งเช้าขึ้นก็เดินไปบิณฑบาต ขณะเดินไปบิณฑบาตก็พิจารณาไปพลางว่าทุกข์อันเกิดแต่ความรำคาญก็ปรากฏอยู่ที่เรา สุขอันเกิดจากแต่ความชื่นใจก็ปรากฏอยู่ที่ ความเฉย ๆ ไม่รำคาญใจและได้ชื่นใจก็ปรากฏอยู่ที่เรา หากสุขเวทนาก็ดี ทุกขเวทนาก็ดี อุเบกขาเวทนาก็ดี พระพุทธเจ้าท่านว่าไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ทำไม่หนอ จึงปรากฏอยู่ในสันดานของข้าพเจ้าไม่รู้สิ้นรู้สุด ดังนี้



พอเข้าไปถึงบ้าน เผอิญนายดีผู้ใหญ่บ้านแถลงมาบอกว่า คนเช่นคุณไม่รู้บ้าหรือคนทำกลอย่างหนึ่งอย่างใดไม่รู้ จะอยู่อาศัยบ้านนี้ไปนานไม่ได้ จงหลีกไปเถิด พอกลับจากบิณฑบาตฉันเสร็จก็เตรียมของหลีกไปในวันนั้น


ที่มา : เวป dharma-gateway

โปรดติตามตอนต่อไปครับผม


ทำนองเพลง ลาวม่านแก้ว




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2553
36 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 23:18:34 น.
Counter : 747 Pageviews.

 

อยากเห็นเป็นอย่างนี้ครับ
แนวทางปฏิบัติที่แน่นอน
............
สวัสดีดึกๆครับ...ขอให้มีแต่ความสุขกันนะครับ....อย่าได้มีเศร้าปะปนให้หม่นหมองเลยครับ

 

โดย: panwat 30 สิงหาคม 2553 23:27:18 น.  

 

อนุโมทนาค่ะ

 

โดย: พ่อระนาด 31 สิงหาคม 2553 1:03:21 น.  

 

แวะมาอ่านและฟังธรรมะยามเช้าค่ะพี่ไผ่

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: sawkitty 31 สิงหาคม 2553 7:29:27 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันอังคาร
วันสุดท้ายของเดือนสิงหาคมค่ะคุณไผ่

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 31 สิงหาคม 2553 7:38:44 น.  

 

Photobucket

 

โดย: อ๋อซ่าส์ 31 สิงหาคม 2553 8:12:17 น.  

 

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]

ขอบคุณมากค่ะที่นำมาฝากค่ะ

 

โดย: แม่ออมบุญ 31 สิงหาคม 2553 10:01:30 น.  

 

มาติดตามอ่านผลงานตามคำชวนเชิญครับคุณไผ่

เยี่ยมเลยครับ

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 31 สิงหาคม 2553 11:12:48 น.  

 


หายไปเพราะงานเข้า~*
ธรรมะจรรโลงใจ..

 

โดย: ป้าโบราณ 31 สิงหาคม 2553 12:15:35 น.  

 

ยิ้ม

..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..
..HappY BrightDaY..

 

โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* 31 สิงหาคม 2553 16:03:33 น.  

 

คุณหมึกคะ วันคำรบ ๔ หมายถึงอะไรอ่ะคะ

 

โดย: nompiaw.kongnoo 31 สิงหาคม 2553 16:42:37 น.  

 





อังคารสบายสบายในสไตล์อิ่มสุขโดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้ใดค่ะคุณไผ่

 

โดย: ร่มไม้เย็น 31 สิงหาคม 2553 19:53:52 น.  

 




แวะมาส่งดอกไม้คะ..

 

โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ 31 สิงหาคม 2553 20:23:46 น.  

 

สวัสดียามค่ำมากๆครับ
................................
ไปสัมมนาครับ...เป็นการสัมมนาครั้งที่ 2 ครับวันนี้
เดินทางไปปากช่องครับ....ที่กรีนเนอรี่
รีสอร์ทเขาใหญ่ใช้เวลาใน อินเทอร์เน็ต
คาเฟ มาทักทายครับ....เรื่องสัมมนา...น่าเบื่อครับ
..................................................................

 

โดย: panwat 31 สิงหาคม 2553 22:10:35 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณไผ่
กลับมาแล้วค่ะ
นำบุญมาฝากนะคะ
แล้วจะคุยไปทางหลังไมค์ค่ะ

 

โดย: หนิงค่ะ (Heart&Home ) 31 สิงหาคม 2553 22:44:40 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่






 

โดย: กะว่าก๋า 1 กันยายน 2553 5:29:29 น.  

 

ตื่นเต้นดีค่ะ พี่ไผ่
จะรออ่าน ตอนต่อไปนะค่ะ

 

โดย: นุ่มณอ่อนนุช 1 กันยายน 2553 15:55:51 น.  

 

..เนื้อเรื่องคราวนี้สนุกจังค่ะ..คุณพี่ไผ่

นึกถึงตัวเองเหมือนกัน..ที่กลัวผี..(แฮะๆ)..

..เคยนั่งรถบัสไปทำบุญแล้วรถเสีย..พลบค่ำพอดี..อยู่ๆก้อได้ยินเสียงกรีดร้องอยู่ข้างหู..จาว่าเสียงหญิงก้อไม่ใช่ชายก้อไม่ใช่..แต่ที่แน่ๆไม่มีใครได้ยินเลยค่ะ..ขนลุกปายทั้งตัว..พุทโธ..แผ่ส่วนกุศลหลงๆลืมๆ.. ..ผิดๆถูกๆ..เออ..สติหายหม๊ดด..555Photobucket

 

โดย: อ๋อซ่าส์ 1 กันยายน 2553 19:00:26 น.  

 

วันที่ 2 (เ็ป็นวันแรกของการสัมมนา)
สวัสดีครับ...เพื่อน...พี่...น้อง ที่เคารพรักทุกท่าน
วันนี้เป็นวันเปิดการสัมมนา....บางตอนที่ท่านรองอธิบดีท่านพูด
ถึงนโยบาย ปี 2554 "ความจริงผมไม้ได้เตรียมข้้อมูลมา นึกอะไร
ได้ผมก็พูดไป...พวกท่านไม่ต้องจดหรอก จำๆเอา...จำไม่ได้
ก็ช่างหัวมัน".....ฮาเลยเรา
................................................................................
สวัสดีค่ำๆครับ

 

โดย: panwat 1 กันยายน 2553 21:41:36 น.  

 

สวัสดีตอนค่ำค่ะ..พี่ไผ่

มาอ่านเรื่องที่พี่นำลง...สนุกดีค่ะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะ

 

โดย: nootikky 1 กันยายน 2553 23:02:17 น.  

 

ไม่เรียกให้มาอ่านเลยนะคะ อัพแล้วอ่า
เข้ามาทีแรกก็อ่านเลย ไม่ทันดูหัวข้อเรื่อง
นึกว่าเป็นหลวงปู่มั่น ตอนเจริญวิปัสนากรรมฐานเสียอีกค่ะ มีเรื่องราวเกี่ยวกับเสือ และการเดินป่าแบบนี้แหละค่ะ แต่ของหลวงปู่มั่นฉัตรอานจบไปรอบนึงแล้ว และก็นานแล้ว จนลืมเลือนไปหมด
ซื้อมาอ่านใหม่อีกเล่มนึง แต่การผจญภัยระหว่างทางธุดงค์ของท่านเล่มนี้ ยังอ่านไม่จบค่ะ สงสัยเดี๋ยวนี้กรรมแยะ อานหนังสือได้ไม่นานต้องวางสะงั้น
อิอิ

แล้วจะมาด้อมๆ มองๆ อีกค่ะ

 

โดย: ณ ปลายฉัตร 1 กันยายน 2553 23:48:33 น.  

 



 

โดย: เริงฤดีนะ 2 กันยายน 2553 18:00:22 น.  

 



 

โดย: เริงฤดีนะ 2 กันยายน 2553 18:01:05 น.  

 




แวะมาทักทายจ้า

 

โดย: แอ๊ปเปิ้ลโบราณ 2 กันยายน 2553 19:32:48 น.  

 

มาส่งเข้านอนจ้า
จะได้รีบไปเที่ยว

 

โดย: นุ่มณอ่อนนุช 2 กันยายน 2553 21:56:48 น.  

 

สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะพี่ไผ่ จะทะยอยอ่านย้อนหลังน่ะค่ะ พี่ไผ่สบายดีน่ะค่ะ

 

โดย: Budratsa 2 กันยายน 2553 23:16:24 น.  

 

พี่ไผ่ พี่ไผ่....
เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนเลย
เดินจงกรมเสร็จตอนตี่สี่ ก็เลย...นอนต่อ
ตอนนี้แดดออกแระ

ที่โน้นตกป่าวค่ะ
อย่าทำงานเพลินน๊า

 

โดย: นุ่มณอ่อนนุช 3 กันยายน 2553 10:27:43 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายค่ะ...พี่ไผ่

 

โดย: nootikky 3 กันยายน 2553 15:04:16 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายค่ะ...พี่ไผ่

 

โดย: nootikky 3 กันยายน 2553 15:04:16 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายค่ะเฮียไผ่
แวะมาอ่านแล้วนะคะ
แต่ยาวมาก ๆเวลามีน้อย
และคอมฯก็เจ๊งไปหนึ่งเครื่อง
ตอนนี้ส่งซ่อมอยู่..เลยต้องจัดคิว
ซึ่งปรกติกว่าจะได้แอ้มก็ดึก ๆ
พอคอมฯเจ๊งจากดึกก็เป็นไก้ลสว่าง
จึงขออนุญาตก๊อปไปไว้อ่าน
ยามรอคิวจากคุณลูกนะคะ
หวังว่าคงเข้าใจเด้อ
...ฝนตกบ่อย ๆ รักษาตัวด้วยนะคะ

 

โดย: ขึ้น15ค่ำ 4 กันยายน 2553 14:35:26 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่






 

โดย: กะว่าก๋า 5 กันยายน 2553 7:50:46 น.  

 

แวะมาทักทายยามค่ำค่ะพี่ไผ่ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: sawkitty 5 กันยายน 2553 18:54:04 น.  

 


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: nathanon 5 กันยายน 2553 19:43:33 น.  

 

สวัสดียามค่ำครับคุณไผ่

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 6 กันยายน 2553 20:20:47 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าจ้า....พี่ไผ่

ยังไม่ตื่นชัวร์....

 

โดย: นุ่มณอ่อนนุช 7 กันยายน 2553 5:08:55 น.  

 

สวัสดีครับพี่ไผ่

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรดีดีที่พี่มอบให้ผม
ขอให้พี่มีความสุขมากๆเช่นกันนะครับ






 

โดย: กะว่าก๋า 7 กันยายน 2553 10:03:47 น.  

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
สวัสดีค่ะ ไม่ได้เข้าบล๊อกมานานนนนนนนนน
เข้ามาก็ได้รับธรรมอันสุดประเสริฐ
ขอบคุณ...
ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า ตัวของตัวเอง

 

โดย: ไอฟ้า 7 กันยายน 2553 10:32:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.