ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..
เกาหลีทริปนี้ที่ลองไป..เอง.. ตอนที่ 4 - เกาะนามิ Namisom

จันทร์ 27 ต.ค. 2551

วันนี้จะไปนามิกัน ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว ลงไปหม่ำอาหารเช้าเอาแรงไว้เที่ยวต่อ ตอนเช้า ๆ เจ้าของ Hostel เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ มีขนมปัง + เครื่องปิ้ง (ปิ้งเอง) แอปเปิ้ลสด ๆ ลูกใหญ่ ๆ หวานกรอบมาก ไข่สด กาแฟซอง ชาซอง บริการตัวเอง แถมมีมาม่า ย้ำ มาม่าไทยค่ะ รสต้มยำกุ้ง (สงสัยจะเป็นของแขกคนไทยที่ทิ้งไว้ เพราะไปเดินสำรวจตลาดใน minimart แล้วไม่เห็นมีมาม่าไทย) มีเครื่องครัวให้อาทิ กระทะ ถ้วยช้อน จานชาม


เช็คเมล์แล้วก็ยุรยาตรออกจากที่พัก ประมาณเกือบ 9 โมง มาเช็คเมล์ตอนเช้านี่ดีค่ะ ไม่มีคนแย่งเครื่อง โล่งเลยเพราะมีแต่กลุ่มเราที่ตื่นเช้า
มีการเปลี่ยนวิธีการเดินทางไปนามิ เพราะเมื่อวานนี้สาว information ที่อินซาดงบอกว่ามีรถบัสวิ่งตรงไปนามิเลย ขึ้นที่สวนสาธารณะ Tapgol ปลายสุดทางของถนน Insadong อีกฟาก และไม่ต้องจองด้วย ไปถึงขึ้นรถได้เลย สมาชิกเลยเลือกโปรแกรมนี้แทนโปรแกรมเดิมคือการนั่งรถไฟจากชองยางงิไปลง กาพยอง แล้วต่อแท็กซี่อีกที



สวน Tapgol กับทางผ่านค่ะ .. คุยได้แม้กะทั่งหุ่นหน้าร้านนะคะ .. เอิ๊ก..คนมันมีมนุษยสัมพันธ์ดี..


กว่าจะหาสวนสาธารณะ Tapgol เจอก็ผ่านด่านร้านค้าไปหลายร้าน ช็อปได้อีก เสียเวลาไปเยอะเหมือนกัน ถึง Tapgol ถามหารถที่จะไปนามิ เจอเหมือนกันค่ะ แต่เค้าบอกว่า เต็มแล้ว ต้องจองล่วงหน้า..(ฮือ ๆ ก็น้องคนสวยที่ i บอกว่าไม่ต้องจองนี่คะ มาขึ้นได้เลย .. เลยแห้ว.. แล้วสอนว่า อย่าไว้ใจคนสวย ..ยกเว้นตัวเอง) เลยต้องใช้แผนเดิมคือนั่งรถไฟฟ้าไปขึ้นรถไฟ กว่าจะหา Jongno-3-ga station เจอก็เล่นเอาเหงื่อตก แต่ก็ยังอุตส่าห์ช็อปถุงเท้าได้ระหว่างทาง



เริ่มการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลีเป็นวันแรก ด้วยการซื้อ บัตร T-money ซึ่งเป็นบัตรโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน และรถเมล์ได้อีกหลายสายในโซล ในสนนราคา 2,500 วอนเป็นค่าตั๋วและค่าประกัน ส่วนราคาตั๋วในบัตรคือ 10,000 วอน แจกให้สมาชิกคนละใบ ด่านแรกที่ต้องเจอที่ 2 สาวไม่ผ่าน คือการใช้ตั๋วผ่านเข้าไปในสถานี 2 สาวทำอีท่าไหนไม่รู้ ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ต้องไปกดกริ่ง Help ที่อยู่ข้าง ๆ ที่กั้นประตู เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ถึงจะดังยังไง ก็ไม่ยักกะมีพี่ยามหรือเจ้าหน้าที่คนใดผ่านมาให้ความช่วยเหลือ แต่แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อ 2 สาว ดันประตู Help เข้ามาเลย ปรากฏเข้าได้แฮ่ะ ส่วนขาออกใช้วิธีเดียวกัน เนื่องจากพอแปะบัตรแล้ว มันไม่ยอมให้ออก (มารู้ทีหลังว่า 2 สาว แปะบัตรไม่ถูก เครื่องไม่เก็บเงินขาเข้า เพราะฉะนั้นขาออกเลยออกไม่ได้ สรุปวันกลับ 2 สาวได้กำไร เพราะมีเงินเหลือใน T-money เยอะกว่าของตัวเองที่เป็นคนซื่อสัตย์ไม่ได้โกงค่าตั๋ว 555555)

จริง ๆ การแปะบัตรก็ไม่ยาก ใช้เหมือนบัตรรถไฟฟ้าบ้านเราน่ะแหละ แต่ 2 สาวเป็นผู้มีอันจะกิน คนหนึ่งอยู่ลำปาง เข้า กทม.ก็บ่อย แต่ส่วนมากมักมีราชรถมาเกย ส่วนอีกคนอยู่อุบลเหมือนกันกะเรา แต่ก็อีกนั่นแหละ ไปไหนก็มีรถมารับมาส่ง ไม่เหมือนเราที่ถนัดขึ้นลงรถไฟฟ้าไม่ว่าจะบนดินหรือใต้ดิน เพราะติดใจในความรวดเร็วและกะเวลาเดินทางได้



ลงรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี ชองยางงิ ออกมาเจอห้าง Lotte คงเป็นสาขาย่อยเพราะไม่ได้ใหญ่มาก และในโซลก็มีห้าง Lotte นับไม่ถ้วน (คงพอ ๆ กะ Central บ้านเราน่ะแหละ) เดินผ่านหน้าห้าง Lotte ไปทางซ้าย ก็จะเจอะกับ สถานีรถไฟ ชองยางงิ มีป้ายใหญ่ค่ะ สายตาสั้นแค่ไหนก็มองเห็น

จัดการซื้อตั๋วรถไฟไปกาพยอง ทั้งขาไปและกลับ ค่าตั๋ว 3,800 วอน ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ รอขึ้นรถ 10.27 น. ยังมีเวลาเหลือเลยออกไปเดินช็อปปิ้งแถวหน้าห้าง Lotte ห้างยังไม่เปิด แต่ลานนอกห้างเค้ากำลังจัดบูธขายของ แวะดูได้ เป็นเสื้อกันหนาว เยอะมาก มีหลายยี่ห้อ รวม Guy Laroach มาเซลล์กันหลายรุ่น เลยได้ซื้อเสื้อกันหนาวฆ่าเวลา ซื้อแล้วก็ใส่ฉลองไปนามิซะเลย (รูปที่นามิ เลยเห็น กะเหรี่ยงไทย ถือถุงห้าง Lotte หิ้วไปหิ้วมา.. )



ปากทางเข้าสถานีรถไฟชองงางงิ มีร้านขายขนม ที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่คนขายน่ารัก เลยอุดหนุนพร้อมถ่ายรูป เก็บเป็น stock หนุ่มเกาหลี.. ก่อนขึ้นรถก็ได้โอกาสลิ้มลอง โอ้เด้ง ที่ขายในสถานี พร้อมกับคิมบับ ข้าวปั้นเกาหลี ซื้อใส่ถุงขึ้นรถตุนไว้เป็นเสบียง รถไฟไปสถานีกาพยอง ที่เป็นปลายทางที่จะไปนามิ หรูหรา สะดวกสบายดีค่ะ ที่นั่งกว้างขวาง รถไม่เต็มนะคะ (เพราะเราไปตั้งแต่เช้า) ระหว่างทางก็ถ่ายรูปริมทางไปด้วย ถ่ายจนแบตหมด พอจะเปลี่ยนแบต ปรากฏว่า ลืมเอาแบตสำรองที่ชาร์ตเมื่อคืนมาด้วย คงเก็บเข้ากระเป๋าในที่พัก รวมกะสายชาร์ต .. เซ็ง อีกแล้วครับท่าน .. กะจะไปถ่ายรูปนะเนี่ย.. งานนี้แย่งกล้องเพื่อนมาใช้อย่างเดียวเลย




รถไฟไปถึงกาพยอง ตรงเวลาเป๊ะ คือ 11.35 น. 3 สาวก็ตรงดิ่งไปหา Taxi เลย ให้เค้าพาไปท่าเรือนามิ ราคาแท็กซี่ที่นี่โหดนะคะ เริ่มต้นด้วย 2,300 วอน (ขณะที่นั่งในโซล เริ่มต้นที่ 1,900 วอน) นั่งแท็กซี่ไม่นานก็ถึงท่าเรือ รถจอดที่ลานจอดรถเยอะมาก ซื้อตั๋วเพื่อลงเรือข้ามฝาก แล้วก็แวะร้านมินิมาร์ทเล็ก ๆแถวนั้น มองหานมยี่ห้อ Maeil ที่มีหลายคนแนะนำมาว่าอร่อยมาก มองหารสกล้วยหอม กับ เชสต์นัท แต่หาไม่เจอ เจอแต่รสดั้งเดิม คือ หวาน จืด ช็อกโกเลต กาแฟ เลยซื้อมาชิม ได้อารมณ์อิ่ม แต่ยังไม่เจออารมณ์อร่อย (เท่าที่ได้ยินราคาคุย)

เรือเฟอร์รี่ข้ามฝากมาแล้ว บนเรือติดธงหลายหลายสัญชาติมาก แน่นอน มีไทยแลนด์ด้วยค่ะ คนข้ามไปฝั่งโน้นเยอะมาก เต็มเรือพอดี ไม่ได้ขึ้นไปบนเรือชั้นบนค่ะ เพราะกลัวหนาว + ขี้เกียจ เลยยืนอยู่ตรงริมเรือตรงทางเข้าพอดีนั่นแหละ แต่ก็มองเห็นวิว เพราะกรุด้วยกระจก มองเห็นวิวข้างนอกได้เต็มที่ แต่ที่สำคัญคือ วิวข้าง ๆ นี่สิคะ .. หนุ่ม.หล่อ ๆ เพียบ.. (แต่มากะสาว) ถ้ากล้องไม่แบตหมด คงได้หนุ่มาเชยชมหลายคน..



พอเท้าเหยียบพื้นดิน ก็ต้องตัดสินใจค่ะ ว่าจะไปทางไหน ตรงไป (ผ่าน information) หรือ เลียบทิวไม้ เลาะริมเกาะไปทางซ้าย และขวา ดูจากปริมาณคนที่มาเที่ยวบนเกาะ แล้ว อย่าไปตรง ๆ เลย .. ขี้เกียจฝ่าฝูงชน เลาะไปทางซ้ายดีกว่า.. ก็สมใจนะคะ คนไม่มาก แต่วิวไม่สวยเท่าทิวไม้ช่วงกลาง ๆ ที่เจอคนมาเดินแถวนี้ ส่วนมากเป็นคู่รัก .. เพื่อนรัก.. ครอบครัว เดินจูงไม้จูงมือกระหนุงกระหนิง ที่ปั่นจักรยาน 2 ล้อ ไล่กันเป็นแก๊งค์ก็มี ที่นั่งรถถีบ 3 ล้อ มากันเป็นครอบครัวก็มี.. น่ารักไปอีกแบบ แต่สำหรับสามสาว .. 2 ขาพาไปช้า ๆ พร้อมเก็บภาพ.. ไปด้วย.. มีคนบอกว่าการมองด้วยตา ดีกว่ามองผ่านกล้อง แต่สำหรับคนที่ความจำสั้นอย่างคนเขียนแล้ว การเก็บความทรงจำผ่านกล้องเป็นเรื่องที่ดีมาก ช่วยขุดต่อมความจำออกมา ทำให้สามารถเล่าเรื่องเป็นหน้า ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันได้ แม้เวลาจะผ่านไปนาน.. พอสมควร



ใบไม้เปลี่ยนสีที่นามิซอม



เดินไปเดินมาก็จ๊ะเอ๋พี่เบ (เบยองจุน พระเอก Winter Love Song ซีรีส์ต้นกำเนิดของโรคคลั่งซีรีส์เกาหลี) เป็นระยะ ๆ .. ถ่ายรูปกับพี่เบ พอหอมปากหอมคอ ก็ลุยต่อ ไปเสียเวลาตรง information มากหน่อยเพราะไปหาแสตมป์เพื่อติด Post card ส่งไปหาผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย พร้อมผองเพื่อน มีเรื่องขัดข้องนิดหน่อย ตรงที่ 2 สาว ซื้อแสตมป์แล้ว จ่ายเงินแล้ว แต่น้องคนสวยที่ information ไม่รู้ว่าเงินไปวางไว้ตรงไหน หาไม่เจอ บอกว่า 2 สาวยังไม่จ่ายเงินค่าแสตมป์ กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ต้องต่อโทรศัพท์หลายสายมาก (คุยภาษาอังกฤษผ่านคนกลางทางโทรศัพท์.. คิดดู มันจะยุ่งและนานขนาดไหน ก็คนนั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ต้องถามกันไปกันมาก กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง) จบลงที่ฝ่ายนั้นขอโทษและยอมให้เราออกจากร้านโดยดี..
ปล. Post card ที่ส่งออกจากเกาะนามิ ถึงเมืองไทยช้ากว่ารุ่นที่ส่งออกที่สนามบินวันกลับ คงเพราะอยู่บนเกาะ กว่าจะลอยคอข้ามน้ำมาบนฝั่ง... ต้องให้คะแนนความพยายาม..



โซนกลาง ๆ เกาะ เต็มไปด้วยร้านเล็ก ๆ มีทั้งร้านขายอาหาร ประเภทปิ้งย่าง โดยให้คนซื้อปิ้งเอง ย่างเองบนเตาอั้งโล่ มีบูธนิทรรศการ และที่เป็นไฮไลท์ คือทิวไม้ เป็นแนว อันเป็นฉากสำคัญในซีรีส์ Winter Love Song (ถ้าไปเรียกในเกาหลี ต้องเรียก Winter Sonata นะคะ ไม่งั้นเค้าไม่ get) ช่วงเราไป ไม่ได้บรรยากาศ Winter Love Song หรอกค่ะ เพราะคนเยอะมาก รอนานยังไง มุมถ่ายรูปก็มีแต่คนอยู่ดี..

ยังเดินเที่ยวไม่ทั่ว แต่ได้เวลากลับแล้ว เพราะจองตั๋วกลับรอบ 4 โมงเย็น ถ้าค่ำกว่านั้นก็ต้องรอ 6 โมงเย็นเลยทีเดียว.. กลับมานั่งเรือเฟอร์รี่กลับ ขากลับคนเยอะกว่าขามาซะอีก แถมหา Taxi ยากด้วย คนรอคิวขึ้น Taxi ยาวเหยียดในขณะที่เวลาที่ต้องไปขึ้นรถไฟใกล้เข้ามาทุกที แต่ในที่สุดบุญที่ทำมา (แต่ชาติปางก่อน) ก็ตอบสนองไม่ให้ต้องตกรถไฟ ด้วยสามารถหา Taxi มาส่งที่สถานีได้ ด้วยเวลาเหลืออีก 1 นาทีรถไฟจะมา.. โอย หัวใจจะวาย.. สรุปนะคะ ถ้าจะมาถ่ายรูปสวย ๆ ใจเย็น ๆ เวลาครึ่งวันภาคบ่าย ไม่พอค่ะ จงกลับให้ค่ำกว่านี้ (แล้วที่มากะทัวร์ สงสัยต้องวิ่งผ่านอย่างเดียว)



มาทริปนี้ดวงสมพงษ์กับม็อบทุกประเภท วันแรกเจอม็อบผู้สูงอายุ ยืนเข้าคิวเรียงแถวยาวหน้าสถานีรถไฟฟ้าอินซาดง เหมือนจะไปเที่ยวที่ไหนซักแห่ง วันนี้ก็เช่นกันขากลับจากกาพยอง เจอม็อบเด็กนักเรียนอนุบาล บนขบวนรถไฟ คาดว่าเป็นขบวนทัศนศึกษาของเด็ก ๆ ขึ้นรถมาจากกาพยองก็เห็นเด็กนักเรียนกลุ่มนี้นั่งอยู่ก่อนแล้ว ขาลงรถไฟสิน่ารัก อาจารย์เรียกตั้งแถว เด็ก ๆ เข้าแถวยาวเหยียด เพื่อรอลงรถไฟ ในแถว มีตีกันบ้าง หยอกกันบ้างตามประสาเด็ก อยากคุยด้วย (อนุบาลคุยกะอนุบาล) แต่ว่ามะกล้า.. กลัวเด็กเรียก อาจุมม่า ให้แสลงหู เลยไม่เสี่ยงดีกว่า

รถไฟของเกาหลีมีทั้งตั๋วยืนและตั๋วนั่งค่ะ ขากลับนี้ที่นั่งที่เป็นของเรา มีครอบครัวนึงนั่งอยู่ก่อน มีพ่อ ลูกสาวตัวน้อย และยาย พอเรามาถึง เค้าก็รีบลุกให้ เพราะรู้ว่าตัวเองซื้อตั๋วยืน เมื่อเจ้าของที่นั่งมาถึงก็ลุกให้แต่โดยดี แต่เราบอกว่า นั่งแค่คนเดียวค่ะ เค้าเลยให้ยายและหลานสาวนั่งอีกที่.. ส่วนคนพ่อก็ยืนอยู่ใกล้ๆ .. กัน ไม่นานทั้งครอบครัวก็ลงในสถานีระหว่างทาง อีกสักพักเจ้าของที่นั่งตัวจริง ตรงที่ข้าง ๆ ก็มาถึง เป็นแม่ชีสาวชาวเกาหลีค่ะ หน้าตาน่ารัก แต่ตีหน้าขรึม เลยไม่กล้าชวนคุย เพราะนั่งได้สักพัก แม่ชีก็เริ่มทำสมาธิโดยนับลูกประคำ นับไปไม่นาน ก็ไปเฝ้าพระอินทร์ (เอ.. หรือเฝ้าพระเยซู..นะ)

มาถึงสถานีชองยางงิ ตามเวลาตรงเป๊ะเหมือนเดิม .. อะฮ้า.. บูธขายเสื้อกันหนาวหน้าห้าง Lotte ยังรอเราอยู่ .. ได้ทีทีนี้ก็ช็อปได้เท่าที่อยากช็อป สาว ๆ ได้เสื้อกันหนาวมาคนละ 2-3 ตัวแต่นั้นเอง.. อย่างเบอะ ๆ .. ประทับใจทั้งคนซื้อคนขาย เลยได้รูปมาเก็บเป็น collection หนุ่มเกาหลี อีก 1 คน




Create Date : 19 มกราคม 2552
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 20:39:33 น. 1 comments
Counter : 2082 Pageviews.

 
จะถ่ายรูป เอาให้ได้อารมณ์ประมาณนี้นะคะ .. แซะ คุณนายชอยออก.. แล้วเอาตัวไปแทน ก็จะได้อยู่เคียงคู่ ป๋าเบ...





อย่าเอะอะไป.. เดี๋ยวนางแบบ ตามมาคิดค่าัตัว..


โดย: poongie วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:21:02:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.