ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..
เกาหลีทริปนี้ที่ลองไป..เอง.. ตอนที่ 10 - แนจังซาน Naejungsan




29 ต.ค. 2551

นั่งรถบัสจาก Jeonju ไป Jeongeup ใช้เวลาเดินทางไม่นานค่ะ ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ารถ 3,300 วอน/คน แล้วก็ต่อรถไป Naejungsan ที่สถานีติด ๆ กันเลย (เจ้าหน้าที่ช่วยพาไปค่ะเพราะถามเค้าเยอะ แต่เค้าตอบไม่ทัน เลยพาไปเองซะเลย ) ช่วงนี้ที่ Naejungsan มีเทศกาลดอกไม้พอดี ประดับประดาเมืองด้วยดอกไม้สีสันสดใส รับสาวไทยเลยล่ะค่ะ



ภาพบนสถานีรถบัสที่ Jeonju ค่ะ ประตูทางออกชานชาลาเหมือนที่ Seoul Express Bus Terminal เลยค่ะ ประตูแดงๆ ที่เล่าไปแล้วน่ะค่ะ รูปล่าง ระหว่างนั่งรอรถไปแนจังซาน





มาได้คำเฉลยเรื่องนม รสกล้วยหอม maeil มันไม่ได้แพ็คกล่องแบบที่เรากินที่นามิค่ะ แต่ใส่ขวดนมเปรี้ยวขวดอ้วน ๆ มาชิมระหว่างรอรถไปแนจังซาน อร่อยสมราคาคุยค่ะ หอม หวาน มัน แซ่บ






อุทยานแห่งชาติแนจังซานเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงในจังหวัด Jeolla-do เป็นภูเขาที่มีชื่อในการเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง แม้ขนาดของอุทยานจะเล็กกว่าซอรัคซาน แต่ความงามไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เดือนที่เหมาะแก่การชมใบไม้เปลี่ยนสีคือปลาย ๆ เดือน ต.ค. เป็นต้นไป (ที่เราไป ยังเปลี่ยนไม่ค่อยเยอะ เพื่อความชัวร์ ไปต้น พ.ย.work สุดค่ะ) มีคนกล่าวไว้ว่าถ้าไม่ได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่แนจังซาน อย่าเพิ่งคุยว่าคุณได้ชมความงามอันแท้จริงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากจะเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ยังสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูเพราะมีพันธุ์ไม้ 760 สปีชีส์ มีน้ำตกมากมาย

ทางเข้าอุทยานมี 2 ทางค่ะ คือทางเหนือเข้าทางอำเภอ Naejangsa (ลงรถบัส รถไฟที่ Jeongeup) บริเวณที่เที่ยวในโซนนี้ก็จะมีน้ำตก Dodeok วัด Baengnyeonam (เต็มไปด้วยดอกเชอรรี่ ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ) และวัด Naejangsa (มีชื่อเสียงสำหรับดูใบเมเปิ้ลสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง) ซึ่งเป็นทางที่เราไปค่ะ แต่ถ้าไปจากทางใต้จะผ่านอำเภอ Baegyangsa ที่เที่ยวในโซนนั้นเต็มไปด้วยวัดต่าง ๆ มากมายเกือบ 10 วัด วัดที่มีชื่อเสียงคือ วัด Unmunam เป็นที่ฝึกของพระสงฆ์ ทั้ง 3 วัดที่กล่าวมา มีโปรแกรม temple stay ด้วย ใครสนใจแวะได้ที่ //www.templestay.com พักได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย





ทางเข้าเมือง Naejungsan จะมี mascos ประจำเมือง 3 ตัวค่ะ รถเมล์พาเรามาถึงลานจอดรถอุทยานแห่งชาติแนจังซาน ผู้คนมากมายกำลังดีเลยค่ะ เท่าที่เห็น ไม่ค่อยมีชาวตะวันตก มีหน้าตาเกาหลีเต็มไปหมด ทัวร์ก็มีมาลง (แต่ไม่ได้ยินเสียงคนไทยนะคะ) ระหว่างทางระหว่างลานจอดรถไปถนนทางเข้าอุทยาน มีคนเอาของมาขายเต็มไปหมด ฝั่งซ้ายมือจะเป็นแผงแบกะดิน ขายผลิตภัณฑ์จากป่า และผลไม้ประจำฤดู ซึ่งช่วงนี้ลูกพลับกำลังออก ส้มอร่าม น่ากินมาก ลูกโต ๆ ทั้งนั้น นอกนั้นก็มีพวกข้าวพื้น ข้าวขาว ข้าวดำเม็ดสั้น ๆ ถั่วสีต่าง ๆ สาหร่ายตากแห้ง สมุนไพรแห้งจากปาก ลูกแปะก๊วยแห้ง ฝั่งขวามือเป็นร้านอาหาร ถ้าบ้านเราก็ประมาณร้านข้าวเหนียวส้มตำแหละค่ะ แต่ของเขาเป็นประเภทหมูหันทั้งตัว และอาหารที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่ชนจู (คือ บิบิมบับ นั่นเอง) แต่สาวๆ ไม่ได้สนใจค่ะ (ยังไม่หิว) เดินต่อ พลางหมาดหมายของที่จะซื้อตอนขากลับไว้พร้อมเสร็จ





เดินเข้าไกลพอสมควรค่ะ กว่าจะเจอ ซุ้มขายตั๋ว จริง ๆ เราน่าจะฝากสัมภาระไว้ที่ซุ้มนั่น แต่คิดไม่ทัน และไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาเพราะกระเป๋าใบไม่ใหญ่ มีเสื้อผ้าที่เอามาเปลี่ยนที่ชนจูชุดเดียว (แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว .. เมื่อยไหล่เหมือนกันค่ะ สะพายไหล่เดินทั้งวัน) .. ตั้งแต่ทางเข้าเรื่อยมา ก็มีใบไม้สีต่าง ๆ ให้ดู ให้ถ่ายรูปแบบ non stop ที่กลัวเหนื่อยและสูงวัยหน่อย ก็รอรถเมล์ ตรงปากทาง มีบริการส่งถึงจุดที่อยากไป (ข้างในมีลาน cable car เลยไปหน่อยก็มีวัด ) เสียค่ารถคนละไม่เท่าไหร่ แต่ว่า..คิวรอรถนี่สิคะ ยาวววววววววววววว มากกกกกกกกกกกก เราก็เมินสิคะ ไอยังไม่แก่... นั่งรถแล้วจะเห็นอะไร .. เลยเดิน.. ผลสุดท้าย หมดแรงค่ะ เดินต่อไม่ไหว ไปถึงแค่ลาน cable car จะขึ้นก็ต้องต่อคิวยาวเลย (และมีคนเชียร์อยู่ข้าง ๆ ว่าไม่ต้องขึ้นไปหรอก เพราะเจ้าตัวกลัวความสูง . . อันนี้มารู้ทีหลัง ) โรคเก่ากำเริบค่ะ โรคแพ้รองเท้าหุ้มส้นทุกประเภทไม่เว้นแม้แต่รองเท้าผ้าใบ ปกติใส่แค่อีแตะกะรองเท้าสาน หรือส้นสูงเปิดส้น (ให้ขัดหูขัดตาผู้บังคับบัญชาที่ทำงานเป็นอย่างมาก แต่เค้าทำอะไรเราไม่ได้ค่ะมันเป็นโรคชนิดหนึ่ง 5555555) เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวอย่างมากเลย พลาสเตอร์ก็ไม่ได้เอามา รองเท้ามันเริ่มไม่รักดีตั้งกะเดินช็อปใน Duty free ที่สุวรรณภูมิแล้วค่ะ เดินตั้งแต่ 6 โมงเย็นยันห้าทุ่ม แล้วมันมาออกอาการหนักอีตอนเดินแนจังซานนี่แหละค่ะ .. เป็นที่น่าเวทนาและสมเพศแก่เพื่อนร่วมทางเป็นอย่างมาก


น่าเสียดายค่ะ กลับมาดูแผนที่อุทยาน (หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว) ปรากฏว่าถ้าเราเดินต่อจากสถานี cable car ไปอีกหน่อย (หน่อยจริงรึเปล่าไม่ทราบค่ะ เพราะแผนที่ย่อส่วนลงมามาก ประมาณระยะจริงไม่ถูก) ก็จะถึงวัดแนจังซา และวัด Baengnyeonam อันเลื่องชื่อ แต่ตอนนั้นถึง cable car ก็ปาเข้าไปบ่าย 3 แล้วค่ะ กว่าจะเดินกลับลงมา แล้วต่อรถไปสถานีรถไฟ Jeongeup อีก Jessie เตือนไว้ว่าเราเป็นชาวต่างชาติไม่ชินภาษา ไม่ชินเส้นทาง อย่าออกจากแนจังซานเกิน 4 โมงเย็น เพราะเรากะเวลาไม่ถูก มืดมาแล้วหลง..นี่..มันลำบาก..


พักสายตา มาชมความงามของใบไม้สีต่าง ๆ ในแนจังซานนะคะ








สระน้ำที่เห็น ชื่อ Uhwajeong ค่ะ เป็นจุด High light ของอุทยานนี้ ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีเยอะกว่านี้จะสวยมากเลยคะ ใบไม้แดงแปร๊ดรอบ ๆ สระ สะท้อนเป็นเงาในน้ำ มีลงในโบรชัวร์ท่องเที่ยวแนจังซานทุกแผ่น มีตำนานพี้นบ้านของเกาหลีเล่าไว้ว่า gazebo (ตัวอะไรก็ไม่รู้ ใครรู้บอกที) งอกปีกและบินขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ Uhwajeong นี่




เราฉลองมื้อเที่ยงในโซนขายอาหารใน Naejungsan นั่นแหละค่ะ เค้ามีร้านหลายร้าน สั่งแล้วมานั่งกินในที่ ๆ จัดไว้ ท่ามกลางใบไม้หลากสี Open air สบายดีค่ะ แดดอุ่น ๆ ... มื้อนี้ก็ลอง ทังซูยุค 15,000 วอน เนงเหมี่ยน (บะหมี่เย็นที่นิยมกินหน้าร้อน.. แต่อะฮั้นจะลองน่ะ ) 4,000 วอน และมาม่าเกาหลี (อยากลองค่ะ ซื้อแบบชงเองใน minimart) อีก 2,000 วอน (ซื้อข้างนอกก็ถูกกว่านี้ค่ะ แต่อยากลอง) แค่นี้ก็อิ่มกันแล้ว

ในโบรชัวร์เค้าบอกว่า ใช้เวลาเดินจากปากทางเข้า Naejungsan National Park ถึง cable car ใช้เวลา 40 นาที แต่ 3 สาว ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ระหว่างทางเดิน มีซุ้มขายดักแด้คั่ว พร้อมกินกับน้ำอะไรไม่รู้ขาว ๆ และมีน้ำพริกแดง ๆ วิธีกินก็เอาพริกเขียว กับผักกาดขาวที่แม่ค้าวางไว้ให้ จิ้มน้ำพริกกิน แล้วซดน้ำขาว ๆ ตาม ยืนกินอย่างเอร็ดอร่อย กินผักกินพริกเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น (ถ้ามีปัญหา ไม่เผ็ดตายไปซะก่อน) สนนราคา .. บ่ ทราบค่า มิกล้าเข้าไปใกล้ กลัวได้ลองของแปลก (ไอ้ดักแด้อ่ะไม่แปลกหรอก กินออกบ่อย ๆ แต่ที่แปลกคือไอ้พริกแกงเอาผักจิ้มกะไอ้น้ำขาว ๆ เหมือนน้ำซาวข้าวเนี่ยอ่ะ เห็นสีเฉยๆ ก็ไม่แหยงหรอกค่ะ แต่ดันไปเห็นเค้าใส่ในถังน้ำพลาสติก (เหมือนที่อยู่ในห้องน้ำน่ะ ) บางเจ้าก็ใส่ในแกลลอน เห็นแล้วชิมไม่ลง กลัวจู๊ด ๆ ..



ขากลับนี่ออกจะเย็นแล้ว ประมาณ 4 โมงเย็น ผ่านลานที่เค้ากำลังจัดงาน Flower festival จัดได้เก๋ไก๋มากเลยค่ะ เอาร่มสีแดงแปร๊ดไปผูกไว้กับต้นไม้ทรงสวยต้นเบ้อเริ่มกลางลานกว้าง เห็นสะดุดตามาแต่ไกล เสียดายเก็บรูปไม่ทันเพราะนั่งอยู่บนรถเมล์


รถเมล์พามาส่งที่สถานีรถไฟ Jeongeup สังเกตง่ายค่ะ มองไปทางขวามือก็จะเห็นสถานีรถไฟตั้งเด่นเป็นสง่า สาว ๆ อยากลองนั่ง KTX รถไฟความเร็วสูงของเกาหลีดูบ้าง เลือกเที่ยว 17.51-20.05 น. สนนราคาก็ 31,200 วอนต่อคน มีเวลาเหลืออีกเล็กน้อยให้เดินเล่น และโทรศัพท์ไปโม้เรื่องเที่ยวกับ Jessie แล้วก็ได้เวลาขึ้นรถ



KTX ของเกาหลี ก็ดูดีกว่ารถไฟที่ไปกาพยอง เบาะกำมะหยี่ ที่นั่งกว้าง มีนิตยสารประจำ KTX ให้อ่าน คนนั่งข้าง ๆ ก็เป็นหนุ่มนักธุรกิจ แต่เสียอย่างเดียวค่ะ ปรับพนักพิงให้เอนไปข้างหลังไม่ได้ ต้องนั่งหลังตรงตลอด เค้าคงคิดว่ามันเร็วอยู่แล้วมั้งคะ ไม่ต้องเอนนอน (คิดผิดมาก... ) มันไม่สบายค่ะ คิดดูสิคะ พวกเราเหนื่อยมาทั้งวัน นั่งรถไฟก็กะจะได้งีบสบาย ๆ ซะหน่อย ที่ไหนได้ ทรมาณมาก นั่งสัปหงกหลังตรง. .. เมื่อยยิ่งกว่าเดินทั้งวันอีกค่ะ หนุ่มเหนิ่มข้าง ๆ จะหล่อแค่ไหนก็ไม่สนแล้ว.. ตูจานอน..



ลง KTX ที่สถานียงซาน ในโซล เช่นเคยค่ะ สถานีรถไฟเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และห้างยงซานซึ่งเป็นห้างดังขายสรรพสิ่งเกี่ยวกับ electronic กะจะไปเดินดูเทคโนโลยี่ใหม่ ๆ ของเกาหลีซะหน่อย ที่ไหนได้ .. ห้างปิดแล้วค่ะ แค่ 2 ทุ่มกว่า ๆ เอง .. ปิดล่ะ เซ็งเลย ก็เลยต้องกลับค่ะ .. ตอนที่แวะเข้าห้องน้ำที่สถานียงซาน เพื่อนร่วมทางรีบบอกให้ซื้อพลาสเตอร์จากตู้กดอัตโนมัติเลยค่ะ .. บ่นดีนัก.. จ่ายไป 500 won ค่ะ ค่า พลาสเตอร์ 1 กล่อง (ป่านนี้ยังใช้ไม่หมดเลย จะเอาไปใช้มั่งมั้ยคะ)

.. แหม แค่ 2 ทุ่มเอง..ไปไหนต่อดี ยังไม่อยากกลับไปนอน .. คิดกันบนรถไฟฟ้าใต้ดินนั่นแหละว่าจะไปไหนต่อ.. ไปมยองดงดีกว่า ว่าแล้วก็ลุยเลย ออกจากสถานีรถไฟฟ้ามยองดง จ๊ะกับห้าง Migliore กำลังจัดงาน event มีนักร้องมาร้องเพลงด้วย (แต่เราไม่รู้จัก) ผู้คนมากมายเดินกันให้ควั่ก แต่สาว ๆ สนอย่างเดียวคือ ท้องร้อง อย่ากระนั้นเลยไปหาของกินอร่อย ๆ ที่หลายคนแนะนำมาเวลาไปเมียงดง นั่นคือ คัลกุกซู ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้นของเกาหลี (หน้าตาเหมือนข้าวเปียกเส้น..โค่ดใหญ่ .. แถว ๆ ชายแดนติดลาว เวียดนามเลยค่ะ) แต่อิ่มอร่อย ด้วยราคาไม่แพง กินกัน 3 คนหมดไป 14,000 won (สั่งทุกอย่างที่มีขายในร้าน.. ไม่ต้องตกใจค่ะ มีแค่ 2 เมนูเอง.. มาแบ่งกันกิน คัลกุกซูชามใหญ่มาก กินคนเดียวแทบจะไม่หมด แต่สาวเกาหลีซู้ดกันสบาย ๆ คนละ 1 ชามเป็นอย่างต่ำ.. กินจุจริง ๆ)


กลับมาถึง Jongnowon Hostel สี่ทุ่ม .. เกิดเรื่องค่ะ .. คุณป้าเจ้าของ hostel จะเก็บตังค์เพิ่ม บอกว่าเราจ่ายไม่ครบ ..อะฮ้า..ไม่ครบยังไงคะ จ่ายไปแล้ว เรื่องของเรื่องคือว่าวันที่มาถึง คุณป้าคิดเงินผิด เรียกเก็บเงินกับเราแค่ 1 วัน เราก็ไม่ได้คิดมากเพราะอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเที่ยวเต็มแก่ แกออกใบเสร็จมาให้ 1 ใบ แล้วแกก็กระหืดกระหอบมาเคาะประตูบอกว่า คิดผิด ต้องจ่ายอีก 3 วันที่เหลือ (เราจะพักกับแก 4 คืนค่ะ 2 คืนแรก แล้วฝากกระเป๋าออกไปแฮ่ดชนจูและแนจังซาน แล้วค่อยกลับมาพักอีก 2 คืน) เราก็จ่ายเพิ่มไปอีก 3 คืน ได้ใบเสร็จมาอีก 1 ใบ โชคดีที่พกใบเสร็จติดตัว พอจะกลับมาพัก คุณนายโวยวายว่าเราจ่ายไม่ครบ ทั้ง ๆ ที่นับไปนับมายังไง แกก็นับวันได้ 4 วันตรงกะเรา (แกเรียก Four โฟว์ ๆ .. นะคะ แต่ชู 5 นิ้วตลอดเลยค่ะ เอากะแก) ก็เลยต้องโต้คารมเสียงดังมาก ฝรั่งมุง..ยังตกใจเลยค่ะ ทะเลาะกะแกใช้ทุกภาษา ภาษาอังกฤษนั้นพอแกเริ่มสติแตกแกก็ฟังไม่รู้เรื่องแปลไม่ออกแล้วค่ะ เราก็ลุยภาษาเกาหลีงู ๆ ปลา ๆ ..แกก็ยังไม่ยอมเข้าใจ ฮ่วย.. ภาษาอีสานกะภาษาไทยออกมาเป็นชุดเลยค่ะงานนี้ ทุกคนรวมทั้งเพื่อนร่วมทางของเรา 2 สาว และฝรั่งมุง ถอย..กันไปสุดริมห้อง.. ด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดฤทธิ์ กะจะได้เห็นมวยคู่เอกระหว่างสาวไทยกะป้าเกา.. แกหาทางออกไม่ได้เลยโทรศัพท์ไปถาม (คงเป็นลูกชาย) คุยกันล้งเล้งในโทรศัพท์ (แล้วจะได้เรื่องมั้ยนั่น คนปลายสายไม่รู้เรื่องกะเราซะหน่อย) สุดท้ายเราก็ใช้ภาษาเครื่องคิดเลขแหละค่ะ ค่อย ๆ คูณให้แกดูว่าเราพัก 4 วัน (กว่าแกจะยอมรับว่าเราพัก 4 วันนี่ก็เล่นเอาเหงื่อตก) คูณราคาแต่ละวัน ยอดรวมมันตรงกะบิล 2 ใบที่เราถืออยู่.. แกค่อย OK


ยัง..ค่ะ ปัญหายังไม่หมด.. ไม่ได้ห้องเดิมค่ะ แกไม่ได้เก็บห้องไว้ให้ เพราะคนมาพักเยอะมาก.. แกบอกคืนนี้ไปพักบ้านอีกหลังได้มั้ย บ้านแกเองแหละ เดินผ่านบ้านข้าง ๆ ไปอีก 1 หลัง เป็นห้องนอนพื้น อนดล แต่อยู่ชั้น 3 และรบกวนพวกเราไปหิ้วกระเป๋าใบบักเอ้บของพวกเราที่ห้องใต้ดินขึ้นมาเอง นรกสิคะ ..กระเป๋าน้ำหนักใบละไม่ใช่น้อย สาว ๆ ได้ของช็อปกันทุกวัน หลังจากแบกกระเป๋าไปชั้น 3 ของบ้านหลังนั้นแล้ว .. เราก็บอกคุณป้าว่า ไม่ย้ายแล้วว๊อย.. ไม่อยากแบกกระเป๋าขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เลยละกัน เพราะห้องก็กว้างดี นอนพื้นก็สบายดี คุณป้า (ตอนนี้สติกลับมาเหมือนเดิมแล้ว) ..ก็ร้องบอก ชะกัมมัน รอเดี๋ยว แล้วแกก็วิ่งกลับเข้าไปใน office เอาตังค์มายัดใส่มือเรา 5,000 won พร้อมโค้งขอโทษแล้วขอโทษอีก.. เฮ้อ.. ยกโทษให้ก็ได้ค่า.. แต่แหม ลดให้ซัก 10,000 won ไม่ได้เหรอ.. 5555555
จำไว้นะคะ อย่าไปพักกะคุณป้า ตอน high season คุณป้าแกขี้หลงขี้ลืม วันกลับไทย ปลุกคุณป้าตื่นมาแต่เช้า (3 สาว ตื่นเช้าทุกวันค่ะ เช้าผิดปกติ เพราะแขกคนอื่นไม่มีใครตื่นเช้าเท่านี้ซักคน .. 8 โมง ลงมากินข้าวนี่นะ เช้า.. อยู่บ้านตื่นตี 5 อ่ะ) ท่าทางคุณป้าอิดโรยมาก ก็เล่นทำคนเดียวทุกอย่างนี่คะ ห้องทุกห้องคุณป้าดูแลเองหมด ลูกชายคงไปทำงานที่อื่นไม่เห็นเลย..



วัดในตั๋วเข้าอุทยานแนจังซาน เป็นภาพของวัด วัด Baengnyeonam ค่ะ เห็นมั้ยคะ ค่าตั๋วอัพขึ้นจาก 2,000 won เป็น 2,500 won ส่วนค่าตั๋วไปนามิ ตอนหาข้อมูลมันแค่ 5,000 won เองค่ะ แต่พอเราไป.. 8,000 won ขึ้นราคาเยอะชะมัด







Create Date : 21 มกราคม 2552
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 20:44:58 น. 5 comments
Counter : 5634 Pageviews.

 


โดย: poongie วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:21:16:20 น.  

 
สุดยอดมากเลย ขอบคุณข้อมูลที่มากมายค่ะ เราก็กำลังจะไปแต่ไม่รู้เรื่องภาษากันเลย แหะๆ


โดย: ryochan IP: 61.90.14.180 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:15:33:44 น.  

 
ยินดีค่ะ .. ภาษาไม่เป็นไรค่ะ ..

ภาษากายสื่อกันได้ .. ภาษาอังกฤษอีกนิดหน่อย..

ลุยเลยค่ะ อย่าช้า.. เดือน พ.ย. กำลังสวย วางแผนเลยนะคะ..


โดย: poongie วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:21:22:16 น.  

 
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด อยากเจอใบไม้เปลี่ยนสีเยอะๆ แบบนี้บ้างค่ะ


โดย: mamminnie วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:10:15:13 น.  

 
น่าไปมากค่ะ


โดย: mariabamboo IP: 122.154.229.70 วันที่: 27 มิถุนายน 2555 เวลา:11:25:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.