ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..
เกาหลีทริปนี้ที่ลองไป..เอง.. ตอนที่ 3 - อินซาดง Insadong

ต่อจากตอน 2 ยังไม่หมดทริปเที่ยววันแรกค่ะ หลังหม่ำ ๆ เสร็จก็บ่าย 2 โมงกว่า ๆ ได้เวลาตลุยอินซาดง ที่ต้องไปวันนี้เพราะวันเสาร์อาทิตย์ เค้าปิดถนนให้คนเดิน และมีขบวนแห่แสดงวัฒนธรรม



ทางที่เลือกเดิน ดูเค้าจอดรถสิคะ .. โห จอดได้ไง สามารถมาก.. มีร้านอาหารไทยด้วยนะคะ .. แต่รสชาิติเอาใจเกาหลี.. (ไม่ได้ชิมหรอกค่ะ Jessie เล่าให้ฟัง)


3 สาวเริ่มตลุยเอง หาอินซาดง ปรากฏว่าเดินไปในทิศที่น่าจะไปอินซาดง แต่ไม่ยอมดูแผนที่ ปรากฎว่าเดินกันคนละฝั่งของถนนที่เค้าปิดให้คนเดิน หลุดเข้าไปย่านแกลอรี่ แถว Art Sonje สาว ๆ นุ่งสั้น ถุงน่องยาว ใส่บูธ เดินกันให้ควั่ก ได้บรรยากาศไปอีกแบบ แล้วไม่นานเราก็เดินมาถึงถนนคนเดิน (ดูจากคนที่หลั่งไหลเข้ามาและออกไป เดาได้ไม่ยากค่ะ ว่าถึงแล้ว) แต่ก่อนไปแวะชิม ทาโกยากิ บนรถเร่ขายริมถนนซะก่อน (อยู่เกาหลีค่ะ .. อย่าเข้าใจผิดว่าอยู่ญี่ปุ่น .. แต่เรื่องกิน ไม่เกี่ยงสัญชาติ ราคามาตรฐานค่ะ คือเริ่มต้นด้วย 1000 won) ร้อน อร่อย เพิ่มพลัง แล้วไปต่อ




สิ่งแรกที่เจอคือ i information เข้าไปถามสาวน้อยหน้าแฉล้ม ถึงเธอจะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่มีความพยายามเป็นเลิศ ดูจากที่พยายามโทรหาเพื่อนคุยกันเป็นภาษาเกาหลียาวเหยียด ก่อนมาตอบคำถามเราแค่คำถามเดียว น่ารักจริง ๆ ได้แผนที่อินซาดงฉบับขยายสำหรับผู้สูงวัย คิคิ แล้วก็ลุย... โลด




เดินช็อปมาไม่กี่ร้านก็เกิดเหตุ เหตุมันสืบเนื่องมาจาก วิญญาณแม่บ้านนักช็อปเข้าสิง 2 สาว ขณะที่สาวไม่ใช่ขาช็อปมัวแต่ตะลึงงันกับบรรดาหนุ่ม ๆ เกาหลีอายุละอ่อน (ต่ำกว่า 30 ลงมา) เดินกันให้ควั่ก หน้าตาโอ๊ย ถูกใจ มัวแต่มองหนุ่ม กะพยายามถ่ายรูปหนุ่มโดยไม่ได้ติดรูปสาวที่แต่ละคนควงมาด้วย หันมาอีกที 2 สาวอันตรทานหายวับไปกับตา ตะกี้ยังเลือกของต่อของอยู่ข้าง ๆ อยู่เลย จะไปไหนก็ไม่สะกิดบอกกัน

เดินหา 2 สาว เดินกลับไป กลับมา ไม่ต่ำกว่า 5 รอบ ชักจะเมื่อย เข้าไปส่องดูร้านโน้นร้านนี้ ในร้าน นอกร้าน ไม่เห็นมี ติดต่อกันก็ไม่ได้ เนื่องจากตัวเองไม่ได้เปิดโรมมิ่ง ด้วยเหตุว่าหนีงานมาเที่ยว เค้าต้องโทรตามให้ควั่ก เลยไม่ยอมเปิดซะงั้น

เดินจนเหนื่อย หมดอารมณ์ช็อป หมดอารมณ์ถ่ายรูป ร้านที่อยากไปก็พาลไม่อยากไปซะเฉย ๆ มันเซ็งในอารมณ์อ่ะ ดูขบวนแห่ในอินซาดง ประมาณแห่นักโทษ และมีลูกหลานผู้สูงศักดิ์ร่วมขบวนมาด้วย ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย มองดูเวลาใกล้จะถึงเวลาที่นัดกับ Jessie ที่ Jongnowon แล้ว ก็เลยตัดสินใจ ชิ่ง ทิ้ง 2 สาวให้อยู่แถวนั้นแหละ แล้วค่อยหาทางติดต่อกลับ



แผนที่ที่สาวน้อย information คนนั้นให้มา มีประโยชน์มาก ไม่ทันไรก็เจอทางออกกลับไปที่พัก ยึดร้านยา Sudo Pharmacy เป็นหลักแล้วเดินทะลุซอย (เราเรียกซอย ถึงเค้าจะเรียกถนนก็เหอะ) ก็มาเจอถนนที่คุ้นเคยที่ข้ามถนนไปแล้วจะเจอทางไป Jongnowon (อันนี้ค่อยน่าเรียกว่าเป็นถนนหน่อย) เดินซักแว๊บนึง ขากลับจ๊ะเอ๋กะหนุ่มฝรั่งน้อยที่นั่งรถลีมูซีนบัสมาด้วยกันจากสนามบิน หนุ่มอยากไป Holiday in Korea Hostel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Jongnowon แต่ไม่รู้ทาง เลยหลอกให้เดินเคียงคู่กันมา คิคิ .. เสร็จป้า..

ถึงที่พัก คนเฝ้าที่พักเปลี่ยนเป็นหนุ่มหน้าตี๋ อายุน้อยกว่าลูกชายเจ้าของ hostel ที่เคยเห็นในเน็ต สงสัยจะเป็นหลานซะมากกว่า พ่อหนุ่มแต่งตัวเป็นเองมาก ใส่กางเกงบ็อกเซอร์กับเสื้อกล้าม (ในขณะที่เราหนาวสุด ๆ ) โชคดีที่พ่อหนุ่มนั่นพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร เลยได้ทางออก ด้วยการซื้อบัตรโทรศัพท์ สอบถามวิธีโทร แล้วโทรหาสุกัญญา บอกให้ช็อปปิ้งแถว ๆ นั้นรอไปก่อน Jessie มาเมื่อไหร่ จะออกไปรับ แล้วตัวเองก็มานอนรอ Jessie ในห้อง เมื่อยขาจะตาย หนาวด้วย หนาวมาก อุณหภูมิ 10 กว่าองศา สำหรับตัวเองแล้วมันทรมานไม่ใช่น้อย เพราะเป็นคนขี้หนาว แล้วจะให้ไปเที่ยวตอนที่มีหิมะเนี่ยนะ .. ฝันไปเถอะ

Jessie Lee เป็นเพื่อนเกาหลีที่ติดต่อกันมาระยะหนึ่ง หลังจากเข้าเวปไซด์ VANK ซึ่งเป็นศูนย์รวมการติดต่อของคนเกาหลีที่มีใจจะอาสาพาชาวต่างชาติให้รู้จักเกาหลีได้ดีในทุกแง่ทุกมุม หลังสมัคร VANK ทิ้ง ๆ ไว้ ก็มีเมล์มา Jessie เป็นแรก (และคนเดียว) ที่ติดต่อกลับมา เราคุยกันเรื่องราวต่าง ๆ ของเกาหลีอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง Jessie มีส่วนร่วมในการหาข้อมูลและวางแผนเที่ยวทริปนี้ด้วย ช่วงที่คุยกัน Jessie ยังอยู่ที่อเมริการอยู่เลย แต่โชคดีที่ Jessie กลับมาโซล 3 เดือนก่อนที่เราจะไปโซล และอยู่เกาหลีต่อถึงปลายปี

//www.prkorea.com/thailand/thai_korea1.htm

โทรหา Jessie ตอน 5 โมงเย็น ถามว่ายูอยู่ไหน Jessie ตอบงง ก็กำลังมาไง นัดกัน 6 โมงไม่ใช่เหรอ ซวยเลย ดูเวลาผิด นึกว่า 6 โมงแล้ว ก็มันมืด ๆ ครึ้ม ๆ เหมือนกันเลย รอ Jessie ซัก 45 นาที Jessie ก็มาถึง สาวน้อยเกาหลีน่ารักมาก สูงขาว หน้าตาดีกว่าที่ส่งมาให้ทาง email กอดกันหนึ่งจึ๊บ.. (ยังดีไม่มี French Kiss) เอาของขวัญที่อุตส่าห์หอบหลบ ตม. (ทำไมต้องหลบไม่เข้าใจ) มาให้ Jessie เป็นผ้าพันคอรุ่นเก่าเก็บ คือเก็บไม่ยอมใช้ ลายขิด แสดงศิลปวัฒนธรรมไทยอิสานเต็มที่ กะอีกผืนได้มาจากลาว สีส้มสดใสสมวัยเกาหลีเผื่อเธอจะไม่ชอบของเก่า ใส่มาในกล่องทิชชู หุ้มด้วยผ้าฝ้ายสีสวยจาก OTOP ลำพูน (ไปเดินหามาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา)

Jessie โทรจองร้านอาหารไว้แล้ว เธอตกใจเล็กน้อยที่รู้ว่าไม่ใช่เฉพาะเรา 2 คน แต่มีเพื่อนมาด้วย รวมทั้งหมดก็ 4 คน (มารู้เหตุผลตอนหลังว่าทำไม Jessie ทำหน้ายุ่งยากใจ ตะแรกนึกว่าเพราะต้องโทรไปแจ้งเปลี่ยนจำนวนคน) โทรบอก 2 สาวให้มารอ ดันบอกว่าจะรอที่ Insadong Culture Plaza แต่พอมาถึงจริง ๆ มันมีทั้ง Insadong Culture Plaza และ Insadong Culture Gallery เลยเกิดอาการมึน สื่อสารผิดพลาดอีกแล้วหรือนี่ หากันอยู่พักใหญ่กว่าจะเจอกัน เล่นเอาเหงื่อตก

ร้านที่ Jessie จองให้ หรูหรามาก ชื่อ Min’s Club หรือเรียกเป็นเกาหลีว่า Mingaheon เป็นร้านอาหารเกาหลี ตัวร้านทำมาจากอาคารเก่าหลายร้อยปี เจ้าของเป็นพระราชวงศ์ของเกาหลี อาหารที่เสริฟเป็นอาหารเกาหลีแนว fusion ไม่ใช่อาหารเกาหลีต้นตำหรับ ที่ Jessie เลือกร้านนี้แทนร้านที่จะไปกินฮันจองชิกเหมือนตอนที่คุยกันในเน็ต เพราะเราจะไปชนจูอยู่แล้ว ซึ่งที่นั่นเราจะได้ชิมฮันจองชิกต้นตำหรับได้ไม่ยาก เธอเลยเลือกร้านนี้ อาหารที่เสริฟ เสริฟมาเป็นคอร์ส มี appetizer ตามด้วยอาหารจานหลัก จำเมนูไม่ได้แล้วอ่ะว่ามีอะไร รู้สึกจะมีกุ้งเป็นจานแรก ตามมาด้วย ซุปฟักทองแบบเกาหลี สลัดผักหน้าตาน่ารัก แล้วก็เมนคอร์ส ซึ่งเลือกมา 4 อย่างไม่ซ้ำกัน มาแลกกันกิน มีปลาแซลมอน ไก่ และเนื้อ ปิดท้ายด้วยของหวานแบบเกาหลี และน้ำหวานแบบเกาหลี รสชาติประหลาด ๆ หน่อย ๆ หวานแปร่ง ๆ สงสัยไม่ได้ใช้เกลือตัดความหวานเหมือนบ้านเรา แต่ชอบชาเกาหลีที่เอามาเสริฟ กลิ่นหอมแปลก ๆ


..กินอาหารเสร็จ ตบด้วยของหวานพื้นเมืองของเกาหลี จิบชาตบท้ายก็ได้เวลาอำลา มื้อนี้ Jessie แย่งเป็นเจ้ามือบอกว่าเป็นเจ้าของบ้าน ยังไงก็ยืนยันจะเลี้ยง กินกัน 4 คน จ่ายไป 225,000 won โ้อ้.. พระเจ้า ขอช่วยจ่ายแต่เธอไม่ยอม.. รู้สึกติดค้างมาก รู้สึกว่า Jessie ต้องจ่ายมากเกินไป กลับมาเมืองไทยเลยหาผ้าไหมสวย ๆ ส่งไปให้

ออกมาข้างนอกอากาศเย็นมาก อาการแพ้อากาศเย็นกำเริบ ไอไม่ยอมหยุด จนไม่สามารถคุยกะ Jessie ได้ต่อ เลยต้องอำลา เดินตัวสั่นเพราะความหนาวกลับไปที่พักด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่อิ่ม.. นอนเอาแรงไว้วันรุ่งขึ้นต่อไป



ด้านหลังร้านอาหารที่ไปกินค่ะ ไม่ได้ถ่ายด้านหน้า รูปล่างถ่ายตอนเดินผ่านตอนกลางวัน.. ไม่บอกไม่รู้นะคะเนี่ยว่าเป็นร้านอาหารไฮโซ..



Create Date : 19 มกราคม 2552
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 20:38:30 น. 4 comments
Counter : 1920 Pageviews.

 
อิอิ ... ตามมาอ่านแล้วค่ะ


โดย: jumwilly วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:20:33:16 น.  

 
โอ้ววววว สุดยอดเลยคะเจ๊...

แล้วมาเล่าต่ออีกนะคะ



ปล. สีตัวหนังสือหวานมาก แต่แอบอ่านยากไปนิสสสส


โดย: umejang IP: 125.26.52.91 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:20:38:23 น.  

 
เจ๊เปลี่ยนไม่เป็นอ่ะ ใครทำเป็นสอนมั่งสิ อยากให้สีตัวหนังสือเข้ม ๆ กว่านี้อีกอ่ะ..

ปล. อ่านจบแล้วเหรอ ทำไมไวจัง..


โดย: poongie วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:20:46:43 น.  

 
แอบมาอ่านอ่พ อืมมมมม เมื่อไหร่จัดอีกคะ


โดย: ple IP: 125.27.161.254 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:21:13:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.