Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
16 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
เล่ม ๒ บทที่ ๗ ชุบมือเปิบ (๒)

ล่วงเข้าเดือนสิงหาคม หยางเหวินหลี่เดินทัพมาจนถึงเขตแดนด้านนอกของหมู่ดาวบารัต เขาพักทัพของตนไว้ที่นั่นเพื่อรอโอกาสเดินทัพบุกไปยังไฮเนสเซนต่อไป


ระยะทางจนถึงไฮเนสเซนอีกเพียง 6 ชั่วโมงแสงเท่านั้น ซึ่งตกประมาณ 6,500 ล้านกิโลเมตร สำหรับกองยานรบอวกาศที่เดินทางข้ามหมู่ดาวฤกษ์เป็นว่าเล่นแล้ว เรียกได้ว่าเป็นระยะทางใกล้ขนาดตะโกนถึงกันได้ทีเดียว


การที่หยางเดินทัพเข้ามาใกล้ขนาดนี้ นอกจากจะหมายผลด้านการทหารแล้ว เขายังหมายผลด้านการเมืองอีกด้วย


กองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติซึ่งยึดครองไฮเนสเซนอยู่นั้น เป็นเพียงคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจได้แค่ระดับดวงดาวเพียงดวงเดียวเท่านั้น เพียงแค่ระดับในหมู่ดาวบารัตพวกเขาก็ไม่มีปัญญาขยายอิทธิพลออกมาเสียแล้ว อีกทั้งการสูญเสียกองยานรบที่ 11 ไป ย่อมหมายถึงการสูญเสียความสามารถในการรบในห้วงอวกาศทั้งหมดไปด้วย ดังนั้น การกระทำเช่นนี้ของหยางจึงเป็นการแสดงให้ทั่วสมาพันธ์รับรู้ถึงความพ่ายแพ้ในทุกด้านของกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติ ความล้มเหลวของรัฐประหาร และรวมทั้งการฟื้นฟูรัฐธรรมนูญกลับมาใหม่นั้น เหลือเพียงประเด็นว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น


ผลลัพธ์ที่ได้ ใหญ่หลวงเกินคาดนัก โดยที่มีเกียรติภูมิของตัวหยางเอง (ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ก็แค่ชื่อเสียงจอมปลอม) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาด้วย บรรดาผู้คนที่ก่อนหน้านั้นยังลังเล ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ระหว่างฝ่ายรัฐบาลเดิม กับฝ่ายคณะรัฐประหาร บัดนี้พวกเขาล้วนพากันชูสีธงของตนอย่างชัดเจน ว่าจะเข้าร่วมพวกหยางกันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังป้องกันตนเองของดาวเคราะห์ต่าง ๆ กองตำรวจลาดตระเวณอวกาศ นายทหารน้อยใหญ่ที่เกษียณหรือออกจากราชการไปแล้ว ตลอดจนประชาชนธรรมดาที่แสดงความประสงค์จะเข้าร่วมเป็นกองอาสาสมัคร


อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นนัก เพราะหยางเองไม่เห็นด้วยที่จะให้พลเรือนเข้าร่วมทำสงครามอยู่แล้ว หรือจะกล่าวให้ถูกต้องคือ เขาไม่แน่ใจในพื้นฐานทางจิตใจของพวกพลเรือนที่กระเหี้ยนกระหืออยากออกรบเสียมากกว่า ว่าเป็นคนอย่างไรกันแน่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธเหล่าผู้คนที่อาสากันมาเองได้ พวกนั้นถึงกับยกเอาข้อกฎหมายหนึ่งในรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วย “สิทธิในการต่อต้าน” ขึ้นมาอ้าง- กล่าวคือ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะแสดงการต่อต้านต่อการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรมได้ ด้วยการกระทำ- อาศัยไม้นี้ทำให้หยางต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก


หยางตัดสินใจเพิ่มข้อกำหนดในการเข้าร่วมกองกำลังอาสาสมัครเข้าไปข้อหนึ่ง คือ การจำกัดอายุ ห้ามมิให้คนที่อายุตั้งแต่ 18 ปีลงไปและตั้งแต่ 56 ปีขึ้นไปเข้าร่วม แต่ผลก็ยังปรากฏว่า มีคนแก่ที่ดูอย่างไรก็น่าจะเกินแปดสิบ ยืนยันว่าตนเองอายุ 55 ปีมาสมัครบ้าง หรือมีเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีที่เห็นจูเลียนแล้วก็อ้างว่า อีกฝ่ายไม่น่าจะมีอายุแก่กว่าตน ยังร่วมในกองทัพได้ ทำไมตนเองจะสมัครไม่ได้... บ้าง คนพวกนี้พากันรบเร้าขอสมัครกับเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งร้อยเอกเฟรดเดอริกา กรีนฮิลล์ต้องเอ่ยปากว่า


“ไม่ใช่งานง่าย ๆ เลยนะคะนี่”


แต่สิ่งที่ทำให้หยางดีใจก็คือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนก่อน- นายพลซิดนีย์ ซิตเลย์ ซึ่งลาออกกลับไปอยู่ที่ดาวบ้านเกิด- ได้มาหาเขา และแสดงเจตนารมณ์ที่จะอยู่ฝ่ายเขา คนผู้นี้เป็นทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนสมัยที่หยางยังเป็นนักเรียนนายร้อยอยู่ เป็นบุคคลที่หยางทั้งเคารพนับถือ และทั้งมีความประทับใจในความเป็นคนที่ “กินกันไม่ลง” แค่ประเด็นหลังนี้เองก็เพียงพอทำให้หยางโล่งใจที่สุดแล้ว ที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ในฐานะศัตรูอีกคนหนึ่งเพิ่มขึ้นจากกรณีพลเอกกรีนฮิลล์


บุคคลที่เดิมเคยแสดงท่าทีเห็นด้วยกับกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติ ก็กลับมาเข้าร่วมกับหยางเป็นจำนวนมาก พวกนี้ล้วนกล่าวติเตียนคณะรัฐประหารเป็นเสียงเดียวกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหลังข่าวเรื่อง “เหตุสังหารหมู่ที่สนามกีฬา” แพร่ออกมา


คนจริงจังอย่างมุระอิอดไม่ได้ต้องวิจารณ์ท่าทีแบบจิ้งจกเปลี่ยนสีของคนพวกนี้อย่างดูหมิ่น แต่หยางกลับไกล่เกลี่ยว่า


“คนเราไม่ว่าใครก็ต้องแสวงหาความปลอดภัยของชีวิตแหละ ผมเอง ถ้ามีฐานะต่ำกว่านี้ ก็คงจะต้องหาหลักเกาะเหมือนกัน ดูว่าฝ่ายไหนน่าจะชนะก็เข้าฝ่ายนั้น คนอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงล่ะ”


มองจากประวัติศาสตร์แล้ว ผู้คนที่อยู่ในสมัยมิคสัญญีก็เป็นเช่นนั้น หาไม่แล้วก็ไม่อาจจะรักษาชีวิตของตนไว้ได้ หากมองในแง่ของความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และความยืดหยุ่นในการตัดสินใจแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายถึงขนาดต้องตำหนิแต่อย่างไร ในทางกลับกัน ความเชื่อที่แน่วแน่เสียอีก กลับจะทำให้คนอื่นและสังคมรอบด้านเป็นอันตรายไปด้วย


อย่างเช่น ลูดอร์ฟ ฟอน โกวเดนบาวม์ซึ่งทำลายระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยไป แล้วตั้งตนเป็นปฐมจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิทางช้างเผือก โดยสังหารผู้ต่อต้านไปถึง 4 พันล้านคนก็ไม่ใช่เพราะความเชื่ออันแน่วแน่ของเขาหรอกหรือ หรือในตอนนี้ พวกคณะรัฐประหารที่ยึดครองไฮเนสเซนอยู่ ก็เพราะความคิดแบบยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองถูกต้องนั่นเอง


ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ยังไม่เคยมีปรากฏเฮอร์มาเกดอน (การต่อสู้ระหว่างความดีสมบูรณ์แบบกับความชั่วสมบูรณ์แบบ) แม้แต่ครั้งเดียว คงมีแต่การต่อสู้ระหว่างความดีงามทั่วไปกับความดีงามทั่วไป ความเชื่อกับความเชื่อ เท่านั้น ต่อให้เป็นการต่อสู้เพื่อรุกรานดินแดนคนอื่น ฝ่ายรุกรานก็ยังคงเชื่อว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกต้องนั่นแหละ เหตุนี้จึงทำให้มนุษย์ไม่เคยว่างเว้นจากสงครามเลย ตราบใดที่มนุษย์ยังคงเชื่อในความถูกต้อง และพระเจ้าอยู่ มนุษย์ก็คงจะหลีกหนีไม่พ้นสงครามไปตราบนั้น


เมื่อพูดถึงเรื่องความเชื่อแล้ว หยางนั้นเมื่อได้ยินคำว่า “ความเชื่อในชัยชนะ” ถึงกับต้องขนลุกด้วยความขยะแขยงทันที


“ถ้าเชื่อว่าจะชนะ แล้วชนะได้จริง ก็ดีนะสิ ใคร ๆ ก็อยากชนะแบบสบาย ๆ ทั้งนั้นแหละ”


หยางคิดเช่นนั้น มองจากแง่มุมของเขาแล้ว ความเชื่อก็เป็นเพียงความปรารถนาที่แรงกล้าเท่านั้นเอง ไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานใด ๆ มารองรับ ยิ่งเชื่อรุนแรงมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้หลงงมงาย สายตาแคบลง ไม่สามารถพิจารณาตัดสินใจอย่างถูกต้องได้ จะว่าไป คำว่า “ความเชื่อ” เองนี้ ช่างเป็นคำที่น่ากระดากปากเสียเหลือเกิน ควรจะเก็บไว้ในพจนานุกรมเท่านั้น ไม่ควรนำมาพูดอ้างกันจริง ๆ แต่พอหยางเล่าแนวคิดของตนเช่นนี้ออกไป เด็กชายจูเลียนก็สวนกลับอย่างขบขันว่า


“นั่นก็เรียกว่า เป็น ‘ความเชื่อ’ ของท่าน ถูกไหมล่ะครับ?”


แต่ ไม่ว่าปากจะว่าอย่างไรก็ตาม เด็กชายคนนี้ล้วนซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างที่หยางพูดไว้อย่างสมบูรณ์แบบเสมอ


กลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน การณ์กลับกลายเป็นว่า คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้กำลังทหารบุกเข้าตีดาวเคราะห์ที่มีชื่อตามบิดาของประเทศว่า ไฮเนสเซน แห่งนี้ กลับไม่ใช่คนจากจักรวรรดิทางช้างเผือก แต่เป็น


“โอ้โฮ หยาง เหวิน หลี่ คนนี้ต่างหาก!”


หยางหัวเราะให้จูเลียนโดยไม่มีเสียง สำหรับเขาแล้ว อยู่ในอารมณ์ที่ได้แต่หัวเราะอย่างเดียวเท่านั้น เขาไม่มีความชื่นชมในโศกนาฏกรรมที่ว่า “เพื่อความเชื่อที่ถูกต้องของตนแล้ว แม้จะต้องกล้ำกลืนฝืนทนโจมตีบ้านเกิดตัวเอง ก็ต้องทำได้ทั้งน้ำตา” แม้แต่น้อย จูเลียนเอง ก็ไม่ปลอบใจอีกฝ่าย หากแต่เสไปว่า


“ส่วนที่จะโจมตีดาวเมืองหลวงของจักรวรรดิทางช้างเผือกนั่น เอาไว้ผมเป็นผู้ใหญ่ก่อนแล้วค่อยทำนะครับ ผมจะรีบฝึกตัวเองให้ใช้การได้โดยเร็วครับ”


“ดาวโอดีนนะเหรอ? อันนั้นฉันมอบหมายให้เธอรับไปเต็ม ๆ เลยละกัน แค่ไฮเนสเซนที่เดียวฉันก็เหลือแหล่แล้ว เสร็จงานจะรีบลาออกแล้วใช้ชีวิตกับกองเงินบำนาญเสียที”


“อ๊ะ หมายความว่า อนุญาตให้ผมเป็นทหารได้แล้วใช่ไหมครับ?!!!”


หยางระล่ำระลักถอนคำพูดทันที ทั้งนี้ จูเลียนแสดงความจำนงอยากเป็นนายทหารที่นำทัพยานรบอวกาศออกรบ แต่หยางเองกลับยังไม่ยอมตัดสินใจใด ๆ ในเรื่องนี้... เรียกว่ายังตัดใจไม่ได้ต่างหาก


พักเรื่องของจูเลียนไว้ก่อน ในระยะหลังนี้หยางเริ่มมีความเห็นว่า การที่จะสู้รบแย่งชิงอำนาจกันด้วยกองยานรบอวกาศขนาดใหญ่นั้น น่าจะเป็นรูปแบบที่คร่ำครึไปแล้ว


กล่าวโดยสรุปคือ ขอให้สามารถรักษาอาณาบริเวณ (ห้วงอวกาศ) ที่จำเป็นได้ ในระยะเวลาหนึ่งที่จำเป็น เท่านั้นก็พอ นั่นคือ ขอใช้ประโยชน์จากห้วงอวกาศเฉพาะบริเวณหนึ่ง ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ช่วงหนึ่งเท่านั้น ที่ผ่านมา เพราะผู้คนพากันหวังจะใช้ห้วงอวกาศนั้นอย่างถาวร จึงทำให้เส้นทางเดินอวกาศถูกกำจัดไปด้วย อีกทั้งสมรภูมิรบก็จำกัด ทำให้ต้องเกิดการรบกันบ่อย ๆ แต่ถ้าเราใช้ประโยชน์จากห้วงอวกาศหนึ่งในช่วงเวลาที่ข้าศึกไม่ได้อยู่ในที่นั้น ก็น่าจะดีกว่ามิใช่หรือ


แนวคิดยุทธศาสตร์แบบนี้ หยางให้ชื่อมันเล่น ๆ ว่า “การควบคุมห้วงอวกาศ” (Space Control) ส่วนแนวคิดเดิมที่ต้องอาศัยการรบตัดสินด้วยกองยานอวกาศนั้น เขาให้ชื่อมันว่า “การยึดครองห้วงอวกาศ” (Command of Space) แนวคิดยุทธศาตร์ใหม่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงกว่าแนวคิดเดิมอยู่ขั้นหนึ่งและเขามุ่งหวังจะพัฒนาแนวคิดนี้ให้เป็นระบบ นำไปใช้งานได้จริง แน่นอนว่า เชนค็อปเมื่อรู้เรื่องนี้เข้าก็อดจะแซวหยางหนัก ๆ ไม่ได้ เป็นที่รู้กันว่าหยางนั้นเกลียดสงครามมาก แต่กลับชอบคิดถึงเรื่องของยุทธศาสตร์ยุทธวิธีอย่างสนุกสนามลืมตัว เหมือนกับกำลังเล่นเกมลับสมองอยู่นั่นเอง




ในเวลาเดียวกัน ภายในชั้นใต้ดินลึกของดาวเคราะห์ไฮเนสเซน ชายคนหนึ่งกำลังปลุกขวัญของเพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่


“ยัง ตราบใดที่พวกเรามี ‘สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส’ อยู่ต่อให้เป็นหยางเหวินหลี่ก็เถอะ ไม่สามารถพากองทัพเข้ามาย่ำในบรรยากาศชั้นในของไฮเนสเซนได้แน่”


พลเอกกรีนฮิลล์กล่าวอย่างหนักแน่น เขากวาดตามองเพื่อเห็นว่าสีหน้าของผู้ร่วมงานในที่นั้นเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง แล้วจึงกล่าวต่อ


“พวกเรายังไม่ปราชัยหรอก”


Create Date : 16 มิถุนายน 2548
Last Update : 16 มิถุนายน 2548 6:41:40 น. 0 comments
Counter : 517 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

star_seeker
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add star_seeker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.