เล่ม ๒ บทที่ ๗ ชุบมือเปิบ (๓)
พวกเรายังไม่ชนะ หยางคิดในใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังดาวเคราะห์สีหยกดวงงามที่ปรากฏโฉมอยู่กลางจอภาพ
แต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับ สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส แม้แต่น้อย ทั้งนี้รวมถึงฮาร์ดแวร์อื่น ๆ ไม่ว่าจะมีอานุภาพร้ายแรงเพียงใด อย่างเช่น อาวุธ หรือ ป้อมปราการต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้เขาหวาดเกรงเลย การทำให้สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิสสิ้นฤทธิ์ มีได้ตั้งหลายวิธี
ที่จริงแล้ว การจะบุกยึดดวงดาวที่มีมนุษย์อาศัยอยู่สักดวงนั้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนสาหัสมาก ทั้งนี้เพราะตัวดาวเคราะห์เองเป็นฐานส่งกำลังบำรุงและแหล่งผลิตขนาดใหญ่นั่นเอง ฝ่ายที่จะโจมตีจะต้องมีแหล่งส่งยุทโธปกรณ์ที่มหาศาลจริง ๆ จึงจะยืนระยะได้
ในอดีต ในช่วงแรกของศึกอัมริทเซอร์ การที่กองทัพสมาพันธ์สามารถยึดครองดาวเคราะห์ที่มีคนอาศัยอยู่ในแดนจักรวรรดิได้จำนวนมาก เพราะนั่นเป็นแผนยุทธศาสตร์ของฝ่ายจักรวรรดิเองต่างหากที่ถอนกำลังของตนออกปล่อยดินแดนเหล่านั้นให้ยึดแต่โดยดี จะว่าไป ก็คือเป็นเหยื่อที่จะล่อให้ปลาฮุบเบ็ด พาตัวเองถลำสู่กับดักอันลึกล้ำ และปลาตัวโตนี้ก็ฮุบเข้าจริงเสียด้วย
แต่ในกรณีของไฮเนสเซนไม่ใช่เช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ไฮเนสเซนก็มีจุดอ่อนอยู่ คือ ความศรัทธาในฮาร์ดแวร์อย่าง สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส นั่นเอง หากทำลายความศรัทธานั้นได้ ก็จะทำให้ความคิดต่อต้านหมดไปด้วยแน่นอน
สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส- ดาวเทียมทางทหารทั้งสิบสองดวงที่สามารถโจมตีได้ในทุกทิศทางหรือ 360 องศารอบตัว ติดตั้งอาวุธทุกชนิดเท่าที่มนุษย์จะสรรหามาได้ เช่น ปืนเลเซอร์ ปืนอนุภาคประจุไฟฟ้า ปืนนิวตรอน ปืนแสงความร้อน จรวดมิสซายล์ระเบิดไฮโดรเจนจุดชนวนด้วยเลเซอร์ ปืนแม่เหล็ก (เรลแคนนอน) ฯลฯ อาศัยพลังงานที่ประจุจากดวงอาทิตย์ในลักษณะกึ่งนิรันดร์ (ทำงานได้ตลอดกาล) ผิวของดาวเทียม เป็นผิวสะท้อนอาวุธแบบกึ่งผิวกระจก มองเห็นเป็นสีเงินแกมสีรุ้งจาง ๆ สวยงามสูงส่ง นับเป็นอาวุธสำหรับฆ่าคนหมู่มากที่น่าสะพรึงกลัว
แต่ อาวุธนี้ก็คงจะต้องถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของหยางเหวินหลี่ โดยที่พวกมันไม่มีโอกาสได้แสดงวีรกรรมในการรบแม้แต่ครั้งเดียว
แต่สิ่งที่หยางกลัว กลับเป็นประชากรทั้งพลเรือนและทหารจำนวนหนึ่งพันล้านคนของไฮเนสเซนต่างหาก พวกเขาล้วนเป็นตัวประกันชั้นยอดของคณะรัฐประหารนั่นเอง
หากคณะรัฐประหารขู่มาว่า จะระเบิดตัวเองพร้อมดาวดวงนี้และประชากรทั้งหมด... หรือไม่ต้องถึงขนาดนั้น เพียงแค่ปรากฏตัวในจอภาพเพื่อขอเจรจา โดยมีพลเอกบิวค็อกถูกปืนจี้ที่ท้ายทอยร่วมอยู่ด้วย... หยางก็ได้แต่ยกมือยอมศิโรราบแล้ว
ที่จริง หยางเชื่อว่าพลเอกกรีนฮิลล์คงไม่ทำถึงขนาดนั้น แต่... ที่ผ่านมา เพียงแค่การที่พลเอกผู้นั้นเป็นแกนนำของคณะรัฐประหาร ก็เป็นสิ่งทีทรยศต่อความเชื่อของหยางแล้วมิใช่หรือ
ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุที่เขาหวาดกลัวขึ้นมาอีก หยางจึงต้องชิงลงมือทำอะไรบางอย่างก่อน... แล้ววิธีที่จะทำลายความเชื่อมั่นของฝ่ายตรงข้าม ทำให้พวกนั้นหมดความคิดที่จะสู้อีก ต้องทำอย่างไรล่ะ?
คำตอบคือ เปิดเผยว่า รัฐประหารครั้งนี้ไม่ว่าผู้กระทำจะมีความคิดอย่างไรก็ตาม แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงแผนการที่มาร์ควิส ไรน์ฮาร์ด ออฟ โรเอนกรัมแห่งจักรวรรดิทางช้างเผือกเป็นคนวางไว้นั่นเอง
เขาไม่มีหลักฐานใด ๆ แต่ในความจริง ขณะนี้ก็กำลังเกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่อยู่ในจักรวรรดิมิใช่หรือ ใช้เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานประกอบก็น่าจะได้ แล้วเอาไว้ภายหลังจากปราบพวกรัฐประหารเสร็จแล้ว อาจจะหาหลักฐานได้ทีหลังก็เป็นได้ แต่ในตอนนี้ ต้องหาคนที่จะยืนยันเรื่องนี้ก่อน
หยางเรียกคนคนหนึ่งมาพบ
ผู้ที่ถูกเรียก คือ พันโทแบกดัช เดินตัวปลิวพบหยางที่ห้องทันที หลังจากสั่งให้นายทหารผู้ช่วย- เฟรดเดอริกาออกไปนอกห้องก่อนแล้ว หยางก็เข้าเรื่อง
มีภารกิจหนึ่งที่ผมอยากให้คุณทำให้หน่อย
สั่งมาได้เลยครับผม
แบกดัชตอบ พลางเหลือบสายตามองไปรอบห้อง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีจูเลียนอยู่ด้วยก็แอบโล่งอก ที่จริงการที่เขารู้สึกแพ้ทางเจ้าเด็กนั่น ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียหน้ามากพออยู่แล้ว แต่รู้สึกว่าพอถูกอีกฝ่ายข่มไว้ได้ครั้งหนึ่งนี่ ความรู้สึกนั้นจะยังคงฝังใจไม่รู้เลือนเลยทีเดียว
ตกลง จะให้กระผมทำอะไรให้หรือครับ ขอให้สั่งมา จะเป็นการลอบเข้าไปในไฮเนสเซน...
แล้วก็ไปเจรจากับพลเอกกรีนฮิลล์...
หวา... อย่างนั้นเห็นจะไม่ไหวนะครับผม
หึ ล้อเล่นน่ะ ที่จริงคือ ผมต้องการให้คุณเป็นพยาน
พยาน? เรื่องอะไรครับ?
พยานที่ว่า การทำรัฐประหารของกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติในครั้งนี้ ที่จริงแล้วพวกเขาถูกหลอกใช้โดยมาร์ควิสไรน์ฮาร์ดออฟโรเอนกรัมแห่งจักรวรรดิต่างหาก
แบกดัชกระพริบตาปริบ ๆ อยู่หลายครั้งกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจกับคำพูดอีกฝ่ายได้ เมื่อเข้าใจแล้ว เขาก็อ้าปากหวอ สายตาที่มองผู้บัญชาการหนุ่มเปลี่ยนไปประดุจมองคนที่ไม่รู้จักมาก่อน
ช่างเป็นความคิดที่คาดไม่ถึงมาก่อนเลยนะครับ...
แบกดัชมองว่า นี่เป็นกลวิธีในการทำลายความชอบธรรมของรัฐประหารครั้งนี้จนไม่เหลือชิ้นดีนั่นเอง และหากทำจริงก็คงได้ผลเช่นนั้นด้วย
แต่นี่เป็นความจริงนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ก็ตาม แต่มันก็คือความจริง
หยางอธิบาย แต่สีหน้าของแบกดัชก็ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความพิศวงอยู่นั่นเอง เขาทำท่าจะเอ่ยปากแย้งอะไรขึ้นมาอีก แต่หยางชิงยกมือห้ามไว้ก่อน เขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะอธิบายให้อีกฝ่ายเชื่อในบัดนั้นเอง
เอาล่ะ ๆ ไม่เชื่อก็ตามใจ ผมรู้ว่ามันเชื่อยากอยู่
เขารู้สึกยอมแพ้ขึ้นมาดื้อ ๆ อย่าว่าแต่แบกดัชเลย ไม่ว่าใครก็คงไม่สามารถเชื่อคำพูดของหยางได้หรอก และในความเป็นจริง ผู้ที่เชื่อความคิดของหยางก็คงมีเพียงบิวค็อกและจูเลียน ซึ่งได้ฟังความคิดนี้มาก่อนหน้าที่จะเกิดรัฐประหารจริงแล้วเท่านั้น ส่วนคนใกล้ชิดหยางอย่าง เชนค็อปกับเฟรดเดอริกาล่ะ พวกนั้นจะว่าอย่างไร หากเป็นเชนค็อปคงจะยิ้มหยันพลางวิจารณ์ว่า
อืม แต่งเรื่องได้ดีมาก แต่เนื้อเรื่องตรงไปตรงมาสักหน่อยนะ ให้คะแนนแบบลำเอียงเข้าข้างท่านนิด ๆ ก็คงได้สักแปดสิบเต็มร้อยกระมังครับผม
ส่วนเฟรดเดอริกาล่ะ คงจะต้องร้องประท้วงแน่
กรุณาอย่าทำร้ายคุณพ่อมากไปกว่านี้เลยค่ะ คุณพ่อไม่มีทางเป็นเครื่องมือของจักรวรรดิอย่างแน่นอน
... หยางสลัดหน้าครั้งหนึ่งไล่ภาพของบุคคลเหล่านั้นออกไปจากสมองตน
สรุปก็คือ คุณต้องให้การตามนี้ ถ้าต้องการบทพูด หรือหลักฐานปลอมอะไร ผมทำให้ก็ได้ ผมรู้ดีนี่เป็นวิธีที่ไม่แฟร์แต่... ก็เราต้องทำ ว่าไง ไหวไหม?
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของหยางนั้น ไม่ถึงกับบีบบังคับแต่อย่างไร แต่แบกดัชก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขาปฏิเสธไม่ออก
เข้าใจแล้วครับผม กระผมเป็นแค่คนแปรพักตร์น่ะครับ ท่านจะให้กระผมทำอะไรก็ทำอยู่แล้ว
อย่างน้อยที่สุด ในตอนนี้ ชะตากรรมของแบกดัชก็ขึ้นอยู่กับหยางเพียงผู้เดียว
หลังจากให้แบกดัชออกไปแล้ว หยางก็รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาตะหงิด ๆ พลางเรียกให้ร้อยเอกเฟรดเดอริกามาพบ
ผมต้องการสรุปปัญหาด้านเทคนิคในการโจมตีทำลาย สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส ช่วยเรียกประชุมทุกคนที่ห้องประชุมด้วย
ค่ะ
ท่าทีของเฟรดเดอริกาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สาเหตุก็คงมาจากความเชื่อฝังใจว่า การจะรบกับ สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส- ดาวเทียมทางทหารสิบสองดวงซึ่งได้ชื่อว่าร้ายกาจไร้เทียมทานนั้น คงจะเป็นงานที่ยากลำบากแสนสาหัส จะต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้นอีกเท่าไรก็ไม่อาจจะหยั่งรู้ได้ หยางเองก็ตระหนักถึงความกังวลของหล่อน จึงเอ่ยสำทับว่า
ไม่ต้องห่วงครับ ผมสัญญาว่า การทำลาย สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส นี่ จะไม่มีการสูญเสียแม้ยานรบสักลำ หรือชีวิตทหารสักคนเดียวเลย
พูดไป หยางก็รู้สึกอยู่ในใจว่า นั่นไม่สามารถไถ่บาปที่ตนเองกำลังจะทำกับ (บิดาของ) หล่อนได้เลยแม้แต่น้อย...
การปรากฏตัวบนจอภาพสื่อสารของพันโทแบกดัช ยังความประหลาดใจและความชิงชังแก่สมาชิกกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติที่กำลังเข้าตาจนเป็นอย่างยิ่ง ชายผู้นี้นอกจากจะประกอบภารกิจลอบสังหารหยางไม่สำเร็จ จนทำให้พรรคพวกต้องตกที่นั่งลำบากอยู่เช่นนี้แล้ว คราวนี้ถึงกับกล้ามาแถลงว่า รัฐประหารครั้งนี้เป็นแผนการหลอกใช้ของมาร์ควิสไรน์ฮาร์ดออฟโรเอนกรัม ช่างเป็นเรื่องที่บ้าบอคอแตกที่สุด และปฏิเสธความชอบธรรมของกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติอย่างสิ้นเชิง
หนอย เจ้าแบกดัช ไอ้คนทรยศที่ไร้ยางอาย ยังมีหน้าเสนอหน้ามาพบผู้คนได้อีก!
ในน้ำเสียงก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยว แฝงไปด้วยความท้อแท้อย่างปิดไม่มิด พวกเขาเองตระหนักดีว่า คงไม่มีโอกาสแก้แค้นเจ้าคนทรยศนี้อีกแล้ว แม้แต่ สร้อยพระศอของเทพีอาร์เตมิส ก็เพียงแค่ทำให้ความปราชัยของพวกเขายืดเยื้อออกไปสักหน่อยเท่านั้น
ถึงบัดนี้ สิ่งที่ กองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติ ควบคุมอยู่ในมือตน ก็เพียงแค่เปลือกและชั้นใต้ดินของดวงดาวไฮเนสเซนเพียงบางส่วนเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว อาณาบริเวณในสามมิติที่เหลือล้วนตกอยู่ในมือของศัตรูจนหมด
ศัตรู- ซึ่งคือ หยางเหวินหลี่ แม่ทัพหนุ่มผู้นั้น คนเดียวที่ทำให้รัฐประหารครั้งนี้ต้องล้มเหลว คนที่ทำลายกองยานรบที่สิบเอ็ด หน่วยรบในอวกาศเพียงหน่วยเดียวของกองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติไป จนทำให้ผลของรัฐประหารถูกจำกัดเพียงแค่ดาวไฮเนสเซนเพียงดวงเดียวเท่านั้น แล้วดึงพวกผู้คนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ให้เป็นพวกตนจนหมดสิ้น ช่างเป็นพลังที่น่ายกย่องยิ่งนัก แต่กรีนฮิลล์ก็มีเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวแย้งกับหยาง นั่นคือ
รู้สึกว่าผมจะมองหยางเหวินหลี่ผิดไปนะ ไม่จำเป็นต้องทำลายพวกเราให้ป่นปี้ขนาดกล่าวหาว่าเราเป็นมือเป็นเท้าให้กับจักรวรรดิทางช้างเผือกเลย นึกไม่ถึงเลยว่าหมอนี่จะเล่นการเมืองเป็นด้วย
เมื่อเห็นพรรคพวกพยักหน้าตามแล้ว กรีนฮิลล์จึงพูดต่อ
นี่เป็นความคิดของพวกเราเองทั้งหมด เริ่มจากที่พลตรีรินซ์กลับจากจักรวรรดิ แล้วก็นำแผนการที่ยอดเยี่ยมนั้นมาเสนอให้ พวกเราจึงดำเนินการรัฐประหารนี่ได้ ไม่เกี่ยวกับมาร์ควิส ออฟโรเอนกรัมแม้แต่นิดเดียว จริงไหม พลตรีรินซ์
ดวงตาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราของรินซ์เป็นประกายขึ้นแวบหนึ่ง แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกับถูกควบคุมด้วยอะไรบางอย่าง
ขอบคุณที่ชม แต่คนที่คิดแผนนั่นขึ้นมา ไม่ใช่ฉันหรอก
อะไรนะ?!!!
ใบหน้าของพลเอกกรีนฮิลล์ มีริ้วรอยแห่งความอัปมงคลพาดผ่านเฉียง ๆ คราหนึ่ง หลังจากลังเลอยู่หลายวินาที เขาจึงตัดสินใจถามใหม่
ถ้าอย่างนั้น ใครกันล่ะ ใครเป็นคนคิดแผนการนั่นขึ้นมา?
ภวังค์ความเงียบที่นานพอควร เกิดขึ้นระหว่างคำถามและ.... คำตอบ
จอมพลแห่งทัพจักรวรรดิทางช้างเผือก มาร์ควิส ไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัม!!!
ทุกคนรู้สึกถึงภวังค์ความเงียบอันหนักอึ้งที่ตกใส่ศีรษะตนอีกครั้ง ภวังค์ความเงียบที่เต็มไปด้วยการกรีดร้องอันไร้สุ้มเสียง ไม่ว่าสีหน้าของคนใดล้วนปราศจากสีเลือด
อะไรนะ...
หยางเหวินหลี่พูดถูก รัฐประหารครั้งนี้เกิดจากสมองของเจ้าเด็กผมทอง มาร์ควิสฟอนโรเอนกรัมนั่น หมอแค่ต้องการให้พวกเราสมาพันธ์ทะเลาะกันเองด้วย ระหว่างที่มันกำลังจัดการกับพวกขุนนางฐานันดรอยู่ก็เท่านั้นเองพวกแกถูกหลอกใช้แล้ว
จะบอกว่า คุณมาหลอกใช้พวกเราอีกที ตามบงการของมาร์ควิสออฟโรเอนกรัมอย่างนั้นหรือ?
น้ำเสียงที่ถามแตกพร่า
ใช่ และพวกแกก็ช่างเล่นตามบทได้ดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าโง่คริสเตียนนั่น แล้วก็คนฉลาดอย่างพลเอกกรีนฮิลล์- แกก็ด้วย!
เป็นน้ำเสียงที่หัวเราะเย้ยหยันอย่างเจ็บแสบ ปิศาจที่มองไม่เห็นตัวตนโลดแล่นไปตามลมหายใจที่เหม็นคลุ้งแอลกอฮอล์ของผู้พูด ใช้หอกทิ่มแทงกระหน่ำหัวใจของทุกคนในที่นั้นอย่างอำมหิต เสียงใครบางคนถึงกับร้องครางออกมาในลำคอ
ดูนี่ซะ แผนปฏิบัติการที่มาร์ควิสฟอนโรเอนกรัมถ่ายถอดให้ฉันไง
แฟ้มเล็ก ๆ บาง ๆ แฟ้มหนึ่งถูกดีดออกจากมือของรินซ์ตกลงบนโต๊ะดังสวบ กรีนฮิลล์คว้ามันขึ้นมาเปิดอ่านทันที
ก่อความไม่สงบในดาวเคราะห์ไกลโพ้นก่อน โดยต้องไม่ก่อเพียงแห่งเดียว แต่ให้ทำหลายแห่งพร้อมกัน เพื่อแบ่งกำลังทหารออกไปจากเมืองหลวงไปปราบปราม สร้างสภาพกลวงในขึ้นมา แล้วอาศัยจังหวะนั้น ยึดครองสถานที่สำคัญทางการเมืองและทางทหารไว้... อ่านถึงตรงนี้ กรีนฮิลล์ต้องหอบหายใจหนัก ๆ พลางขว้างแฟ้มนั้นทิ้ง
ถึงตรงนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามบท แต่จากนั้นก็... มืดแปดด้าน เพราะนักแสดงอย่างพวกแกมันไร้ความสามารถ...
พลตรีรินซ์ ทำไมถึงยอมตัวทำตามแผนของมาร์ควิสออฟโรเอนกรัม เขาเสนอให้เงื่อนไขที่น่าสนใจนักหรือ อย่างเช่น จะให้ยศเป็นผู้การของทัพจักรวรรดิ...
นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่ง...
เสียงของรินซ์เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ โดยเจ้าตัวก็ไม่แสดงทีท่าจะบังคับน้ำเสียงของตนเลย
แต่ยังมีมากกว่านั้นอีก ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ฉันอยากจะเห็นว่า คนที่เชื่อในความถูกต้องของตนเองโดยไม่ลืมหูลืมตา เมื่อเจอกับความอัปยศชนิดที่ไม่มีทางแก้ตัวใด ๆ ได้จะรู้สึกอย่างไรบ้าง ก็เท่านั้นเอง ถึงตอนนี้ เรื่องเป็นใหญ่หรือชะตาชีวิตของตัวเองนั่น ฉันหมดความสนใจไปนานแล้ว
ดวงตาแดงก่ำของรินซ์ทอประกายน่าสะพรึงกลัวขึ้นให้ทุกคนเห็น
เป็นไงบ้างล่ะ พลเอกกรีนฮิลล์ ความรู้สึกหลังจากที่รู้ความจริงว่า สิ่งที่เรียกว่ากองกำลังกอบกู้วิกฤติแห่งชาติอันน่าสรรเสริญของแกน่ะ ก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งในกระบวนการแสวงหาอำนาจของทางจักรวรรดิเท่านั้น
ท้ายประโยคเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ เสียงหัวเราะที่ไร้จังหวะ ฟังดูแปลกประหลาดทิ่มแทงเข้าไปในใจทุกคนประดุจหนามแหลม รินซ์กำลังระบายความคับแค้นใจที่ได้รับในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา จากการที่เขาหนีศึกที่เอล ฟาซิล จนทำให้ชีวิตรุ่งโรจน์ของตนจบสิ้นลงนับบัดนั้น แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังที่แผดเผาคนรอบข้าง
ท่านประธานครับ ข้าศึกเริ่มโจมตีแล้วครับผม!
นายทหารที่ทำหน้าที่โอเปอเรเตอร์ตะโกนรายงานด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เสียงนั้นทำให้ทุกคนตื่นจากสภาวะตกตะลึง กรีนฮิลล์หันตัวกลับไป แล้วถามด้วยน้ำเสียงประดุจเพิ่งตื่นจากฝันร้ายว่า
พวกเขาโจมตีดาวเทียมทหารดวงไหนในสิบสองดวงล่ะ?
เสียงรายงานตอบกลับมา เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
เรื่องนั้น.... พวกเขา.... โจมตีทั้งสิบสองดวงพร้อมกันเลยครับผม!
ทั้งหมดในที่นั้นได้แต่มองหน้ากันเองเลิ่กลั่กด้วยสีหน้าที่ฉายแววไม่แน่ใจ มากกว่าเป็นแววตกใจ ดาวเทียมทหารทั้งสิบสองดวงนั้นสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระบนวงโคจรของตนเอง และสามารถป้องกัน/สนับสนุนซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นการจะโจมตีต้องโจมตีพร้อมกันหลายดวงจึงจะพอได้ผล แต่นั่นก็จะทำให้ฝ่ายโจมตีต้องแบ่งกำลังกันออกไป และเกิดความเปราะบางในแนวรุกได้ แต่นี่... หยางเหวินหลี่ถึงกับสั่งโจมตีทุกดวงพร้อมกัน นับเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัยเป็นอย่างยิ่ง ชายผู้นั้นต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอน
ภาพบนจอเปลี่ยนไป เป็นภาพของวัตถุที่กำลังพุ่งตรงเข้าหาดาวเทียมทั้งสิบสองดวง เพื่อภาพนั้นปรากฏชัดจนแยกแยะได้แล้ว ภายในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงพึมพำสนั่น
น้ำแข็ง...
พลเอกกรีนฮิลล์ครางเสียงต่ำ ใช่แล้ว สิ่งที่เขาเห็นคือ ก้อนน้ำแข็ง... เป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่มหึมา ใหญ่ยิ่งกว่ายานพิฆาตเสียอีก
Create Date : 17 มิถุนายน 2548 |
Last Update : 17 มิถุนายน 2548 11:03:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 486 Pageviews. |
|
|