Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 

เล่ม ๒ บทที่ ๖ ความกล้าหาญและใจภักดี (๕)

“กองเรือของมิตเตอร์ไมเยอร์ บุกเข้ามาขอรับ”


วันที่ 15 สิงหาคม รายงานดังกล่าวถูกแจ้งไปยังไกเอสบูร์ก แต่สิ่งที่ต่างจากครั้งก่อนคือ คราวนี้มิตเตอร์ไมเยอร์ระดมยิงจรวดมิสซายล์ระเบิดไฮโดรเจนจุดชนวนด้วยเลเซอร์ซึ่งเป็นอาวุธระยะไกลโจมตีลงบนป้อมปราการอย่างดุเดือด


“ฮึ เจ้าแม่ทัพขี้แพ้ยังไม่เข็ด มีหน้ามาหาความพ่ายแพ้กลับไปอีกหรือ คราวนี้จะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้างว่า คนที่รบอย่างไรก็ไม่ชนะนั้น มาชวนตีกี่คราก็หาชนะได้ไม่”


พวกขุนนางไม่มีใจรักษาคำสั่งของเมลคัทซ์หรือแม้แต่กฎของกองทัพอีกแม้แต่น้อย ต่างคนต่างวิ่งขึ้นเรือรบประจำตัว แย่งกันนำเรือออกสู่ห้วงอวกาศ ไม่สนใจแม้แต่จะฟังเสียงนำร่องของเจ้าหน้าที่ควบคุมท่าอากาศยานอวกาศในป้อมด้วยซ้ำ


ส่วนมิตเตอร์ไมเยอร์นั้นเล่าได้แต่หัวเราะร่วนอย่างอดไม่อยู่


“พวกลูกไม่รักดีของตระกูลขุนนางพวกนี้ หดหัวอยู่ในรูไว้เสีย ก็มีชีวิตยืนยาวไปได้อีกหน่อยหนึ่งแล้ว กลับอุตส่าห์รนมาหาที่ตาย ให้ร่างกลายเป็นฝุ่นอวกาศไปเสียนี่”


ที่จริง อายุอานามของเขาก็รุ่นราวคราวเดียวกับบรรดา “ลูกไม่รักดี” พวกนั้น แต่ในแง่ของประสบการณ์การรบและวีรกรรมในสนามรบแล้ว เขามีมากกว่ากันอย่างเทียบไม่ติด


สำหรับเขาแล้ว อดรู้สึกไม่ได้ว่า การรบกับพวกที่ไม่สามารถมองออกแม้กระทั่งว่าพฤติกรรมที่ครั้งก่อนเขาถอยทัพหนีเป็นกลลวงนั้น ช่างเป็นการกระทำที่ไร้สาระสิ้นดี


แต่อย่างไรก็ตาม ในวันนั้น ข่าวที่ได้รับการยืนยันแจ้งมาว่า ดยุคฟอนเบราสไวก์ ผู้เป็นประมุขพันธมิตรขุนนาง ก็ร่วมออกรบด้วย


ความรับผิดชอบของมิตเตอร์ไมเยอร์จึงสูงยิ่งนัก อย่าว่าแต่จะต้องแกล้งแพ้สักสองหรือสามครั้งเลย


กองทัพของทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะกัน


ปืนใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนพ่นลำแสงออกมา พลังงานที่มีทิศทางเหล่านี้พุ่งเข้าทำลายเรือรบจนแหลกละเอียดไปลำแล้วลำเล่า ดวงสว่างที่เกิดจากการระเบิด ถูกตัดผ่านด้วยลำแสงพลังงานระลอกใหม่


แต่เหตุการณ์เหล่านี้ดำเนินไปได้เพียงไม่นานนัก กองกำลังของมิตเตอร์ไมเยอร์ก็ค่อย ๆ ถอยร่นออกไป เมื่อทัพพันธมิตรขุนนางเห็นดังนั้นจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดเข้าโจมตี คราวนี้อีกฝ่ายไม่ตอบโต้แต่ประการใด หันหลังชักเรือหนีทันที


“ดูเอาเถิด น่าอัปรีย์ยิ่งนัก พอแพ้เข้าสักครั้งหนึ่งมันก็ติดนิสัยขี้แพ้อยู่ร่ำไป สามารถหนีได้โดยไม่มียางอายแม้แต่น้อย ไล่ตามจับมันให้ได้ แล้วจับเจ้าเด็กผมทองนั่นมาแขวนคอด้วยในคราวเดียวกันเลย!”


บรรดาขุนนางชั้นสูงพากันเปล่งเสียงโห่ร้องอย่างปรีเปรม แย่งกันควบเรือรบของตนให้ทะยานพุ่งไปข้างหน้าอย่างชิงดีชิงเด่น


แต่ก็ยังมีคนที่สงสัยในพฤติกรรมการแตกพ่ายอย่างเปราะบางของมิตเตอร์ไมเยอร์ ได้แก่ พลโทฟาเรนไฮต์ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พยายามรักษาระยะห่างจากดยุคฟอนเบราสไวก์และเมลคัทซ์เท่า ๆ กันนั่นเอง เขาเป็นคนที่เคยอยู่ร่วมสนามรบเดียวกันกับไรน์ฮาร์ดและเมลคัทซ์มาก่อน และนับเป็นผู้การชาญศึกอีกนายหนึ่งของทัพจักรวรรดิ


“อย่าไล่ตามไปไกล อาจจะเป็นกลลวงก็ได้”


เขาส่งเสียงเตือนไปยังบรรดาเพื่อนร่วมทัพที่เป็นหนุ่มเลือดร้อนทั้งหลายนั้น


เป็นคำเตือนที่เป็นไปได้ ดังนั้นบรรดาขุนนางจึงลดความเร็วในการไล่ติดตามลง และพยายามปรับรูปขบวนทัพของพวกตนอีกครั้ง


แต่ทันทีที่ทัพพันธมิตรขุนนางลดความเร็วลง มิตเตอร์ไมเยอร์ก็หันกลับมาโจมตีกลับทันที โจมตีแล้วก็ร่นถอยออกไป หลอกล่อให้ทัพพันธมิตรขุนนางไล่ตามไปอีก ทำเช่นนี้ซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง จังหวะในการควบคุมเกมของมิตเตอร์ไมเยอร์นับว่าเหนือชั้นอย่างแท้จริง


ด้วยเหตุนี้ทัพพันธมิตรขุนนางจึงถูกหลอกล่อให้ถลำเข้าไปในส่วนลึกของขบวนทัพแบบสี่เหลี่ยมทรงยาวที่ไรน์ฮาร์ดและโอแบร์สไตน์จัดวางไว้อย่างประณีต โดยไม่มีใครรู้ตัวแม้แต่น้อย พวกเขาถลำลึกขึ้น ลึกขึ้นทุกขณะ และในจังหวะที่รูปขบวนของพวกเขาขยายยาวออกในแนวดิ่งจนเป็นรูปยาวเรียว และเริ่มเกิดอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารระหว่างพวกเดียวกันนั้นเอง มิตเตอร์ไมเยอร์ก็หันกลับมาโจมตีอีกครั้ง


พลันที่พวกขุนนางคิดตื้น ๆ ว่า มาแบบเดิมอีกแล้วหรือ และกำลังจะตอบโต้นั่นเอง คราวนี้กองเรือของมิตเตอร์ไมเยอร์ก็พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยความเร็วที่สูงเหลือคาด ประชิดตัวพวกเขาแล้วและเพียงการสาดอาวุธระลอกแรก ก็บดขยี้ทำลายส่วนหน้าของทัพข้าศึกจนล่มสลาย


ขุนนางชั้นสูงจำนวนมากระเบิดไปพร้อมเรือของตนโดยที่ยังไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่สื่อสารของเรือรบแต่ละลำที่รอดชีวิตจากการโจมตีระลอกแรกได้ กำลังร่ำตะโกนรายงานถึงสถานการณ์ที่พลิกผันของสมรภูมิอยู่นั้น รอบ ๆ กองเรือของพวกเขาก็กลายเป็นนิทรรศการการทำลายล้างและการเข่นฆ่าไปแล้ว เศษซากของเรือรบอวกาศที่ถูกลำแสงพลังงานเข้าอย่างจังจนระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อถูกลำแสงเข้าอีก ก็สลายเป็นเศษละเอียด ประดุจกระจกสีที่แตกกระจายส่งประกายระยิบระยับ คลื่นพลังงานจากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ปรมาณูส่งผลให้บรรดาเรือรบที่เหลืออยู่ซวนเซไปตาม ๆ กัน


“เห็นหรือยัง เจ้าพวกลูกไม่รักดีทั้งหลาย สงครามน่ะ เขาทำกันอย่างนี้ ใช้สมองที่ด้อยกว่าลิงของพวกเจ้าจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยทีเดียว”


มิตเตอร์ไมเยอร์ไล่ทวงแค้นตามใจชอบ เปรียบเทียบกับฝีมืออันแสนต่ำต้อยของเหล่าขุนนางหนุ่มแล้ว การบังคับกองเรือของเขานับเป็นระดับศิลปะชั้นสูงก็ปาน


รูปขบวนของทัพพันธมิตรขุนนางปั่นป่วนขึ้นทันที ผนวกเข้ากับการที่ระบบการบังคับบัญชาเสียไปก่อนหน้านั้นตั้งนานแล้ว ต่อหน้ายุทธวิธีอันเหนือชั้นของมิตเตอร์ไมเยอร์ พวกเขาได้แต่ฝากชะตากรรมไว้กับการตอบโต้ทำลายเรือข้าศึกทีละลำเท่านั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่า วิธีการเช่นนี้ใช้ไม่ได้ผลกับมิตเตอร์ไมเยอร์ พวกเขาถูกทำลายไปลำแล้วลำเล่า


“ถอยเดี๋ยวนี้ ถอย! ไม่ต้องไปสนใจใครแล้ว หนีเร็ว!”


ฟาเรนไฮต์ที่ตระหนักถึงสถานการณ์เสียเปรียบสุดขีดของฝ่ายตน ออกคำสั่งให้กองกำลังส่วนของตนรีบถอยในทันที พวกขุนนางชั้นสูงที่เห็นดังนั้นต่างพยายามทำตาม


แต่คราวนี้ ด้านข้างของขบวนกองเรือรบทัพพันธมิตรขุนนางที่กำลังพยายามหนีโดยทิ้งเพื่อนไว้ ก็ปรากฏมีการโจมตีระลอกใหม่เข้ามาอีกทั้งสองด้าน ทางด้านซ้ายจากกองกำลังของผู้การเคมป์ ส่วนด้านขวาจากผู้การเมกริงเกอร์ ซึ่งต่างก็นำกำลังทหารในสังกัดเป็นจำนวนมากโถมเข้าโจมตีในคราวเดียวกัน


ทัพพันธมิตรขุนนางถูกลดจำนวนเรือรบฝ่ายตนลงในทุกวินาทีที่ผ่านไป ขบวนทัพของพวกเขาบางลงเป็นลำดับ และความหนาแน่นของเรือรบก็ลดลง


ทัพพันธมิตรต้องเคลื่อนหนีต่อไป แต่ในทันทีที่พวกเขาคิดว่า สลัดหลุดการไล่ตามอันดุเดือดของพวกเคมป์พ้นแล้ว คราวนี้ก็เป็นกองเรือรบของบิทเทนเฟลต์และมุลเลอร์ที่ดาหน้ากันเข้ามาจากสองด้าน เรือรบของขุนนางชั้นสูงที่กำลังตาลีตาเหลือกอยู่นั้น เปลี่ยนสภาพเป็นเศษโลหะลอยล่องอยู่ในอวกาศอย่างรวดเร็ว


บนสะพานเรือของเรือธงบรุนฮิลด์ ไรน์ฮาร์ดกำลังยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจเป็นที่สุด


นี่นับเป็นแผนการรบที่เฉียบขาดหาที่เปรียบมิได้ที่เขาวางไว้ กล่าวคือ คาดหมายเส้นทางหนีของข้าศึก แล้วส่งทหารฝ่ายตนไปซุ่มดักรอไว้ก่อน ในกรณีนี้ เส้นทางหนีก็คือเส้นทางบุก (ที่มิตเตอร์ไมเยอร์หลอกล่อมา) ในตอนแรกนั่นเอง แทบจะไม่ต้องคาดการณ์ใด ๆ ให้ยุ่งยากเลย นอกจากนี้ เขายังไม่ปิดสกัดเบื้องหน้าเส้นทางหนีของข้าศึกจนหมด เพื่อมิให้เป็นการบีบบังคับข้าศึกที่เลือดเข้าตาหันมาสู้ตาย ปล่อยให้กองหน้าของข้าศึกวิ่งผ่านไปโดยสะดวก แล้วเลือกโจมตีจากด้านข้างและด้านหลังเท่านั้น นอกจากจะเป็นการชิงได้เปรียบในเชิงตำแหน่งรบแล้ว ยังสามารถข่มขวัญข้าศึกที่กำลังมุ่งแต่จะหนีถ่ายเดียวโดยไม่คิดสู้ ให้กระเจิงไปได้อีกด้วย


“จับตัวดยุคฟอนเบราสไวก์มาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ใครลากคอมันมาตรงหน้าข้าพเจ้าได้ ต่อให้เป็นพลทหารก็จะได้รับเลื่อนยศเป็นผู้การทันที พร้อมด้วยเงินรางวัลอย่างงาม ทุกคนอย่าทิ้งโอกาสอันงามนี้ไป”


ไรน์ฮาร์ดกระตุ้นพลพรรคให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้นอีก


ขวัญของทหารเพิ่มขึ้นทันทีด้วยความหวังในลาภยศนั้น กองทัพพันธมิตรขุนนางที่สูญเสียความมุ่งมั่นในการศึกไปหมดสิ้นแล้ว บัดนี้มีสภาพเป็นเพียงสัตว์ที่อยู่ในสนามไล่ล่าของนายพรานเท่านั้น แต่ละส่วนของสนามรบ พวกเขาหากไม่ถูกไล่ต้อนจนมุมและยอมจำนน ก็ถูกยิงทำลายไปหลังจากสู้อย่างจนตรอกได้เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ


เมื่อดยุคฟอนเบราสไวก์สำเหนียกตัวขึ้นอีกครั้ง รอบข้างของเขาก็ไม่มีเรือรบของพวกเดียวกันเหลืออยู่แม้แต่ลำเดียว ด้านหลังของเขา กองเรือของมิตเตอร์ไมเยอร์และรอยเอนธาลกำลังไล่ติดตามมาอย่างกระเหี้ยนกระหือ เห็นเป็นจุดแสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วน เรือธงของเขาสั่นสะเทือนอย่างหนักจากแรงกระแทก เมื่อส่วนท้ายเรือถูกกระสุนปืนพลังแม่เหล็ก (เรลแคนนอน) ยิงปลิวกระเด็นไป จากนั้นหอกแสงจากบีมพลังงานก็ตรงเข้าฟาดฟันใส่ลำเรือ เปิดผนังด้านนอกของเรือลอกหลุดเป็นแผ่น ๆ หัตถ์แห่งความตายที่มองไม่เห็น กำลังโอบหุ้มเรือธงนี้อยู่รอมร่อ


ในทันใดนั้น ก็ปรากฏกำแพงแสงขึ้นเบื้องหน้า เป็นขบวนเรือรบของเมลคัทซ์ที่วางกำลังเสริมไว้ในแนวหลัง ได้เร่งขบวนมาเพื่อกู้สถานการณ์นั่นเอง พวกเขาระดมยิงปราณีต สาดอาวุธจากปืนหลักของเรือรบเข้าใส่ข้าศึกจากระยะประชิดทันที


ด้วยอาวุธที่รุนแรงและเป็นระเบียบ เปี่ยมประสิทธิภาพ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายไม่น้อยแก่ส่วนหน้าของทัพไรน์ฮาร์ดที่ไล่ตามมา


มิตเตอร์ไมเยอร์และรอยเอนธาล ต่างรีบออกคำสั่งให้ถอยทันที แต่ด้วยความที่ไล่ล่ามาอย่างกระเหี้ยนกระหือ ประกอบกับนายทหารน้อยใหญ่ล้วนกำลังคึกคะนองจนขาดความเยือกเย็นไป ทำให้คำสั่งของพวกเขาไม่ถูกปฏิบัติตามในทันที


เมื่อเมลคัทซ์เห็นทัพข้าศึกเกิดความปั่นป่วนขึ้นดังนั้น จึงสั่งให้กองเรือรบในสังกัดของตนที่อยู่ในรูปขบวนพร้อมรบเต็มที่อยู่แล้วออกปฏิบัติการโจมตี กองเรือนี้แม้จะไม่มีเรือพิฆาตขนาดใหญ่เลย แต่ก็ประกอบด้วยเรือจู่โจมที่เคลื่อนที่ได้คล่องแคล่ว เรือปล่อยทุ่นระเบิด และกองกำลังที่ประกอบด้วยฝูงบินตะลุมบอนในระยะประชิดอย่างฝูงบินวัลคิวเร


กองเรือข้างต้นตรงเข้าหาส่วนหน้าของทัพไรน์ฮาร์ดที่กำลังปั่นป่วนอย่างมาดร้าย เลือกเล็งยิงเรือรบของอีกฝ่ายที่ตกอยู่ในรูปขบวนอัดแน่นอย่างสุดวิสัย ร่วงไปทีละลำทีละลำด้วยความแน่นอน ถึงตอนนี้ เรือที่ระเบิดแปรสภาพเป็นกองเพลิงใหญ่กลับกลายเป็นฝ่ายกองหน้าของทัพไรน์ฮาร์ดเสียมากกว่าแล้ว อย่าว่าแต่จะไล่จับแม่ทัพข้าศึกต่อไปเลย แม้กระทั่งจะป้องกันตัวเองก็ยังเต็มกลืน


ทั้งรอยเอนธาลและมิตเตอร์ไมเยอร์ต่างต้องกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจที่ต้องปล่อยให้ประมุขฝ่ายตรงข้ามลอยนวลไปได้ต่อหน้าต่อตา ทั้งที่กำลังไล่ต้อนจนมุมอยู่แล้วแท้ ๆ ผนวกกับความโกรธในสภาพอันดูไม่ได้ของกองหน้าฝ่ายตนเองที่ถูกทำลายเละเทะเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาตระหนักดีถึงความโง่เขลาที่จะปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจิตใจในขณะอยู่ในสนามรบ และพยายามตะเบ็งเสียงสั่งการควบคุมทัพตนที่กำลังจะล่มสลาย ให้ปรับรูปขบวนพร้อมกับถอยห่างออกจากแนวรบไปด้วยอย่างเต็มกลืน หากเป็นผู้การระดับธรรมดาแล้ว คงจะทำเช่นนี้ได้ยากลำบากนัก


หากเมลคัทซ์มีกำลังทหารในมือเพียงพอแล้ว เขาคงสามารถไล่บดขยี้ให้แม่ทัพชั้นยอดทั้งสองนายนี้พ่ายแพ้อย่างหมดรูปได้ แต่น่าเสียดายที่เขามีกำลังในมือไม่พอ อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่มีเจตนาจะทำเช่นนั้นด้วย จึงเพียงแต่เข้าคุ้มครองดยุคฟอนเบราสไวก์ แล้วถอนตัวกลับทันที


“เจ้าขิงแก่เมลคัทซ์ สมแล้วที่มีอายุปูนนี้ เหนือชั้นยิ่งนัก”


จอมพลหนุ่มอดไม่ได้ต้องเอ่ยปากชมขุนพลของฝ่ายตรงข้าม ถึงอย่างไรก็ตาม ข้าศึกก็ต้องหนีเข้าไปในป้อมปราการไกเอสบูร์กอยู่ดี ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่เขาต้องรีบเร่งเผด็จศึกในตอนนี้




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2548
0 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2548 6:29:45 น.
Counter : 540 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


star_seeker
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add star_seeker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.